เร่งเพาะมะพร้าวพันธุ์ไทยพื้นเมืองแก้ภาวะขาดแคลน

alivesonline.com : กรมวิชาการเกษตร จัด “โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมะพร้าวพันธุ์ดี” แจกจ่ายให้เกษตรกร จำนวน 1 หมื่นต้น คิดเป็นพื้นที่ 500 ไร่ใน 4 จังหวัด “สตูล สุราษฎร์ธานี นราธิวาส สมุทรสงคราม” แก้ปัญหาขาดแคลนผลผลิตจนต้องนำเข้าอย่างต่อเนื่อง เผยมะพร้าวพันธุ์พื้นเมืองเอื้อต่อการแปรรูปเพื่ออุตสาหกรรม เกษตรกรสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อพื้นที่ปลูกที่มีจำกัดและมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน 

นายสนอง จรินทร ผู้อำนวยการสถาบันพืชสวน กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากข้อมูลของ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ประเมินความต้องการมะพร้าวผลทั้งการบริโภคในประเทศและส่งออกโดยรวมทั้งประเทศในปี 2562 ประมาณ 1.1 ล้านตัน ขณะที่ข้อมูลผลผลิตในประเทศมีเพียง 8.78 แสนตัน ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้ประเทศไทยต้องมีการนำเข้ามะพร้าวอย่างต่อเนื่อง

กรมวิชาการเกษตร จึงได้จัด “โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมะพร้าวพันธุ์ดี” แจกจ่ายให้เกษตรกรเบื้องต้นจำนวน 1 หมื่นต้น คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 500 ไร่ เพื่อส่งเสริมการปลูกเพิ่ม หรือปลูกทดแทนมะพร้าวพันธุ์ไทยพื้นเมือง ทดแทนมะพร้าวที่มีอายุมากและต้นสูงแก่เกษตรกรและหน่วยงานภาคเอกชนเพื่อนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย สตูล สุราษฎร์ธานี นราธิวาส และสมุทรสงคราม ตลอดจนแร่งวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์มะพร้าวคุณภาพ เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรและผู้ประกอบการปลูกเพื่อเพิ่มผลผลิตมะพร้าวในประเทศในแหล่งผลิตที่สำคัญ

การจัดโครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนผลผลิตมะพร้าวอย่างยั่งยืน เพราะหากไม่เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้บริโภคและอุตสาหกรรมมะพร้าวที่มีการส่งออกต่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกกะทิสำเร็จรูปอันดับ 1 และมีคุณภาพดีที่สุดของโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 80 รองลงมาคือประเทศอินโดนีเชีย และประเทศศรีลังกา ตามลำดับ

นายสนอง กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ปริมาณผลผลิตมะพร้าวในประเทศลดลง เนื่องจากพื้นที่กว่าร้อยละ 50 มีสภาพเป็นสวนเก่า ต้นมีอายุมากและสถานการณ์แมลงศัตรูมะพร้าวระบาด เช่น แมลงดำหนาม หนอนหัวดำ เป็นต้น การขาดการบำรุงรักษา ทำให้ได้ผลผลิตต่อไร่ต่ำจนส่งผลให้ผลผลิตมะพร้าวของประเทศลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง

โครงการดังกล่าวเป็นการผลิตมะพร้าวพันธุ์ไทยพื้นเมืองซึ่งถือว่าเป็นมะพร้าวพันธุ์ดี เพราะได้ผ่านการคัดเลือกตามหลักวิชาการและเกณฑ์การใช้เป็นต้นแม่พันธุ์ จึงเห็นว่าการสนับสนุนมะพร้าวพันธุ์ไทยให้กับภาครัฐและเอกชนจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการเสริมฐานการผลิตมะพร้าวเพื่ออุตสาหกรรมและสอดคล้องกับการผลิตมะพร้าวพันธุ์ไทยเพื่อนำไปใช้ประโยชน์และแจกจ่ายหน่อพันธุ์ให้เกษตรกร พร้อมทั้งจัดส่งเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำในการปลูก ดูแลรักษา การจัดการโรคและแมลงในแปลงเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง

“มะพร้าวเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทย เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญในการประกอบอาหารเพื่อบริโภคหลากหลายชนิด โดยเฉพาะมะพร้าวพันธุ์พื้นเมืองเป็นที่ต้องการของเกษตรกรอย่างมาก เนื่องจากได้เนื้อมะพร้าวสดที่ขูดขายกะทิสด โดยมะพร้าวหนึ่งผลสามารถให้น้ำหนักเนื้อมะพร้าวแห้ง 250-300 กรัม รวมถึงเนื้อมะพร้าวขาวและมะพร้าวสด 500-600 กรัม ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้อย่างมาก ขณะเดียวกันมะพร้าวยังมีความสำคัญในภาคอุตสาหกรรมและนับวันมีแนวโน้มความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ปัจจุบันผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการในอุตสาหกรรมในประเทศ” นายสนอง กล่าวในตอนท้าย

ด้าน นางวิไลวรรณ ทวิชศรี นักวิชาการเกษตรชำนาญการพิเศษ หัวหน้าชุดโครงการวิจัยและพัฒนามะพร้าว สถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา กรมวิชาการาเกษตร เร่งรัดการวิจัยและพัฒนาปรับปรุงพันธุ์มะพร้าวอย่างต่อเนื่อง ทั้งมะพร้าวพันธุ์พื้นเมืองและมะพร้าวพันธุ์ลูกผสมใหม่จากการผสมเพื่อคัดเลือกลักษณะดีเด่นที่มีศักยภาพทางการค้าและเหมาะสำหรับการแปรรูปเพื่ออุตสาหกรรม เกษตรกรสามารถเพิ่มปริมาณผลผลิตต่อพื้นที่ปลูกที่มีจำกัดและมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน

โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมะพร้าวพันธุ์ดี เป็นการผลิตมะพร้าวพันธุ์ไทยพื้นเมือง อาทิ พันธุ์สวีลูกผสม 1, กะทิลูกผสม ชุมพร 84-1, และกะทิลูกผสม ชุมพร 84-2 เป็นต้น ซึ่งถือเป็นมะพร้าวพันธุ์ดี เพราะได้ผ่านการคัดเลือกตามหลักวิชาการและเกณฑ์การใช้เป็นต้นแม่พันธุ์ จึงเห็นว่าการสนับสนุนมะพร้าวพันธุ์ไทยให้กับภาครัฐและเอกชนจะเป็นอีกอีกแนวทางหนึ่งในการเสริมฐานการผลิตมะพร้าวเพื่ออุตสาหกรรมและสอดคล้องกับการผลิตมะพร้าวพันธุ์ไทยเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ โดยที่ผ่านมา กรมวิชาการเกษตร ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ จังหวัดนราธิวาส และ บริษัท เทพผดุงพรมะพร้าว จำกัด ในการสนับสนับต้นพันธุ์เพื่อให้เอกชนนำไปส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกเพื่อป้อนอุตสาหกรรมมะพร้าวโดยผลผลิตส่วนหนึ่ง กรมวิชาการเกษตร ได้นำไปแจกจ่ายให้เกษตรกรโดยตรงในแหล่งผลิตที่สำคัญ

สำหรับต้นกล้าที่ได้จากต้นแม่พันธุ์มะพร้าวพันธุ์ไทยที่ ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร ได้ปลูกรวบรวมและคัดเลือกไว้ตามเกณฑ์คัดเลือกพันธุ์ปัจจุบันมีประมาณ 5 พันต้น จากนั้นคัดผลพันธุ์ตามมาตรฐานการปรับปรุงพันธุ์ โดยข้อดีของการปลูกมะพร้าวพันธุ์ไทยคือ ปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมได้ดี สามารถเปลี่ยนไปเป็นแปลงมะพร้าวอินทรีย์ได้ไม่ยาก มีอายุการเก็บเกี่ยวยาวนานตั้งแต่ปีที่ 6 หลังปลูกจนถึง 60 ปี นอกจากนี้ ต้นมะพร้าวแก่ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปยังเป็นไม้เนื้อแข็งสามารถนำไปใช้ผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์สวยงามได้อีกด้วย

“แสนสิริ” เปิดเกมปลุกตลาดอสังหาฯ รับปี 63

alivesonline.com : “แสนสิริ” เปิดตัวแคมเปญ “แสนสิริจ่ายจริงทุกยูนิต” ทั้งค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการโอน และค่าส่วนกลางสูงสุด 10 ปี ให้ลูกค้าได้เป็นเจ้าของบ้านใหม่จาก “แสนสิริ” รวม 61 โครงการทั่วประเทศ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดฯ ครอบคลุมทุกระดับราคา ตั้งแต่ 1.09–30 ล้านบาท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มี.ค.63 ตั้งเป้าปิดยอดขายแคมเปญ 5 พันล้านบาท

นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์จากเดิม 2% และค่าธรรมเนียมการจดจำนองจากเดิม 1% เหลือ 0.01% เฉพาะในที่อยู่อาศัยมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาท หรือโครงการบ้านดีมีดาวน์ เป็นต้น “แสนสิริ” ได้ตอบรับมาตรการโดยการเปิดตัวแคมเปญต่าง ๆ เพื่อช่วยกระตุ้นตลาดมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้กระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ต้นปี 2563 ด้วยการเปิดตัวแคมเปญรับปีใหม่ “แสนสิริจ่ายจริงทุกยูนิต” เพื่อต่อยอดมาตรการรัฐให้ลูกค้าเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้นในทุกระดับราคา โดยบริษัทซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายในการโอนที่อยู่อาศัยให้ลูกค้าทั้งหมด ทั้งค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการโอน พร้อมค่าส่วนกลางสูงสุด 10 ปี พร้อมทั้งยังมอบโปรโมชันที่คัดมาให้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าแต่ละกลุ่มเพิ่มเติม อาทิ รับเงินคืนสูงสุดถึง 3 แสนบาท หรือ ทองคำหนักสูงสุด 30 บาท ฯลฯ

แคมเปญครั้งนี้ได้รวมที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ ทั้งคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ดีคอนโด, เดอะเบส และเดอะไลน์ ทาวน์โฮม สิริ เพลส และบ้านเดี่ยวพร้อมอยู่ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ จาก 61 โครงการทั่วประเทศ ในระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1.09–30 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับธนาคารพันธมิตรชั้นนำเพื่อมอบอัตราดอกเบี้ยสุดพิเศษให้กับลูกค้าอีกด้วย โดยแคมเปญได้เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 2563 มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยวางเป้าหมายปิดยอดขายแคมเปญนี้ไว้ 5 พันล้านบาท

นายอุทัย กล่าวด้วยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2563 ยังเป็นตลาดของเรียล ดีมานต์ หรือการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงซึ่งนับว่าในช่วงต้นปีมีปัจจัยที่สนับสนุนจากการได้รับเงินพิเศษ หรือโบนัส ที่จะช่วยเร่งการตัดสินใจซื้อของกลุ่มลูกค้า การจัดแคมเปญ “แสนสิริจ่ายจริงทุกยูนิต” จึงนับเป็นช่วงเวลาที่ดีในการมอบสิทธิพิเศษ ให้เป็นเจ้าของบ้านหลังใหม่จาก “แสนสิริ” ได้ง่ายที่สุด โดย “แสนสิริ” ได้รวบรวมที่อยู่อาศัยคุณภาพพร้อมอยู่ ครอบคลุมทุกความต้องการบนทำเลศักยภาพต่าง ๆ ทั่วประเทศ มาตอบรับความต้องการของลูกค้าพร้อมด้วยการมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆให้แก่ลูกค้า ซึ่งมั่นใจว่าแคมเปญนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อรวมกับมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐ ทำให้คาดว่าจะทำให้ตลาดอสังหาฯ ในปี 2563 เริ่มมีความคึกคักตั้งแต่ต้นปี

“ตู้นิรภัยเฮเฟเล่ ECOM” ภาพลักษณ์ใหม่แห่งความปลอดภัย

“เฮเฟเล่” ชวนสัมผัสภาพลักษณ์ใหม่ของนวัตกรรมแห่งความปลอดภัย เก็บรักษาทุกความสำคัญ ด้วยการลงทุนที่คุ้มค่าและชาญฉลาดเพียงครั้งเดียวกับ “ตู้นิรภัยเฮเฟเล่ ECOM” ตู้นิรภัยแบบกะทัดรัด ดีไซน์สวยงาม ทันสมัย สไตล์มินิมอล ผลิตจากวัสดุทนความร้อนคุณภาพสูง เคลือบสีดำทั้งภายในและภายนอก ป้องกันทรัพย์สินจากอัคคีภัยได้เป็นอย่างดี พร้อมออกแบบความปลอดภัยให้คุณเลือกได้ในสไตล์ที่เป็นตัวเอง ทั้ง ‘ตู้นิรภัยแบบสแกนลายนิ้วมือ Fingerprint Safe รุ่น ECOM-015’ และ ‘ตู้นิรภัยแบบป้อนรหัส Electronic Safe รุ่น ECOM-016’ สามารถติดตั้งรหัสส่วนตัวได้ 3-8 ตัวเลข หน้าจอแสดงผลแบบ LED  ทำงานด้วยแบตเตอรี่ขนาด AA (1.5v) เพียง 4 ก้อน ช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงาน เสริมด้วยฟังก์ชัน Emergency Key กุญแจฉุกเฉินพร้อมใช้งานทุกสถานการณ์ พร้อมความสามารถยึดจับอย่างแน่นหนา ด้วยสกรูที่มาพร้อมตัวเครื่อง ช่วยป้องกันการเคลื่อนย้าย รักษาทรัพย์สินปลอดภัย คลายกังวลทุกช่วงเวลา

ลงทุนความปลอดภัยให้ทุกของสำคัญของคุณ ได้แล้วที่ “เฮเฟเล่โฮม ออนไลน์ชอปปิง” ที่ www.hafelehome.co.th และ Shopee : Hafele_Officialshop (Mall) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0 2768 7171

ME by TMB มอบโปรโมชันสุดคุ้มต้อนรับปีใหม่

ME by TMB ผู้นำดิจิทัลแบงก์กิ้ง เปิดศักราชใหม่จัดโปรโมชันสุดคุ้ม สำหรับลูกค้าที่เปิด บัญชี ME SAVE ที่ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.7% ต่อปี มากกว่าออมทรัพย์ทั่วไปถึง 4.5 เท่า รับทันทีหมอนผ้าห่ม Happy Buddy Set ฟรี 1 ชุด มูลค่า 699 บาท และพิเศษรับเพิ่มเพียงฝากเงินตั้งแต่ 7,000 บาทขึ้นไป รับกระเป๋า ME Seven More 1 ใบ มูลค่า 499 บาท โปรโมชันดังกล่าวสำหรับลูกค้าเปิดบัญชีที่สาขา ME Place ชั้น 5 เซนทรัลเวิลด์เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 1–31 ม.ค.63 หรือจนกว่าของจะหมด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ WWW.MEBYTMB.COM หรือ ME Call Center โทร.0 2502 0000 ตลอด 24 ชม.

เชิญร่วมสมทบทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ รพ.สงขลา พร้อมชมคอนเสิร์ต “เขาน้อย ร้อยบทเพลง Harmony of Love for ER”

“กลุ่มคนรักเขาน้อย และกลุ่มเพื่อนวรนารีเฉลิมรุ่น 51” จัดกิจกรรมหาทุน เชิญชวนผู้ใจบุญร่วมกันบริจาคเงินตามกำลังศรัทธา เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นสำหรับห้องดูแลผู้ป่วยฉุกเฉิน (Emergency Room) โรงพยาบาลสงขลา  

ผู้ที่บริจาค 500 บาท จะได้รับบัตรชมคอนเสิร์ตการกุศล “เขาน้อย ร้อยบทเพลง Harmony of Love for ER” จำนวน 1 ที่นั่ง โดยศิลปิน “ว่าน ธนกฤต” และ “ภูสมิง หน่อสวรรค์” ซึ่งจะมาขับกล่อมบทเพลงอันไพเราะท่ามกลางบรรยากาศอันสวยงามของ “เขาน้อย” ในวันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 17.00 – 19.00 น. ณ สวนสาธารณะเขาน้อย จังหวัดสงขลา  

ปัจจุบัน “เขาน้อย” ได้รับการปรับปรุงภูมิทัศน์จากความร่วมแรงร่วมใจของจังหวัดและเทศบาล รวมทั้ง “กลุ่มคนรักเขาน้อย  และกลุ่มเพื่อนวรนารีเฉลิมรุ่น 51” จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีจุดชมวิว 360 องศาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ทั้งยังมีสถานที่สำคัญ ได้แก่ พระราชานุสาวรีย์กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ หรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศวร์ ทรงเป็นอุปราชมณฑลปักษ์ใต้ ซึ่งชาวสงขลาได้พร้อมใจกันสร้างพระราชานุสาวรีย์พระรูปของพระองค์ไว้ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงห่วงใยสุขภาพของชาวสงขลาและได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์สร้าง โรงพยาบาลสงขลา ซึ่งได้เปิดให้บริการแก่ประชาชนมาจนถึงทุกวันนี้

ผู้สนใจบริจาคได้ที่บัญชี นายศราวิน สาครินทร์ หรือ นางนันทพร มิตรกูล หรือ นางอุบลวรรณ เม่งช่วย เลขที่ 678-8-43988-5 ธนาคารกรุงไทย สาขาโรงพยาบาลสงขลา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line:@khaonoimusic โทร.08 1816 8518

เซ็นทรัลเวิลด์ จัดงาน “central kids wOrld 2020”

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ มอบของขวัญสุดพิเศษ ในวันเด็กแห่งชาติ 2563 จัดงาน “central kids wOrld 2020” เรียนรู้เสริมทักษะควบคู่กับความสนุกสนาน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “kids learning & entertainment” พบ 3 กิจกรรมเอาใจคุณหนู ๆ กับ “wall of books playland” แลนด์มาร์คความรู้ความสนุกสำหรับน้อง ๆ ใจกลางศูนย์การค้า ท้าท้ายความสามารถกับรายการ Davinci เด็กถอดรหัส ภาคพิเศษ@centralwOrld รายการชื่อดังจากช่อง 3 และพบกับบูธร้านค้าและสถาบันชื่อดังที่จะมาร่วมสร้างกิจกรรมสนุกอย่างจุใจ เต็มอิ่มกับของขวัญและของเล่นฟรี มากมาย จัดยาว 5 วันเต็ม ตั้งแต่ 8–12 มกราคม 2563

 Wall of books playland

8–12 มกราคม 2563 เวลา 10.00–22.00 น. : โซน Beacon3

ห้องสมุดแสนสนุ กับบ่อบอลยักษ์ใจกลางศูนย์การค้า ให้น้อง ๆ ได้อ่านหนังสือควบคู่ไปกับการเล่นอย่างสร้างสรรค์ กับเกมฝึกทักษะวาดรูป, เรขาคณิต และเกมจับคู่ พร้อมเรียนรู้ประสบการณ์จริงกับกิจกรรมเวิร์คชอปฟรี! ทุกวัน อาทิ candy accessories, ระบายสีน้ำสัตว์เลี้ยงแสนรัก, Kids Mask, เค้กป๊อป และเพ้นท์กระเป๋าแสนสนุก รวมทั้งโชว์พิเศษต่าง ๆ โชว์บิดลูกโป่ง, เพนท์หน้า, โชว์ฟองสบู่ ฯลฯ ที่จะมาสร้างความสนุกให้น้อง ๆ ตลอดวันเด็ก

Davinci เด็กถอดรหัส ภาคพิเศษ@centralwOrld

11 มกราคม 2563 เวลา 12.00–16.00 น. : โซน Eden1

รายการเด็กชื่อดังจากช่อง 3 เกมโชว์แนวควิซโชว์ที่ทดสอบความรู้รอบตัวและไหวพริบของผู้เข้าแข่งขันผ่านคำถามที่มาในรูปแบบของรูปภาพที่นำมาร้อยเรียงกันเป็นคำปริศนา เน้นความสนุกสนานความฮาความน่ารักของเหล่าเด็ก ๆ พบกับพิธีกรสุดน่ารักของเมืองไทย “ดีเจ นุ้ย” และน้องออสซี่, น้องไบค์วีค และน้องชัญญ่า ที่จะมาร่วมสร้างสีสันและความสนุกสนาน พร้อมพบกับบูธกิจกรรมจากร้านค้าและสถาบันการศึกษาชื่อดังที่จะมาให้ความรู้และจัดกิจกรรมสุดพิเศษบนเวทีสำหรับน้อง ๆ โดยเฉพาะ พร้อมขนโปรโมชันพิเศษเฉพาะวันเด็กนี้เท่านั้น

Kazzkids fashionshow festival

11–12 มกราคม 2563 : โซน central court
ชมแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษจากแบรนด์เสื้อผ้าเด็กชื่อดังของไทยร่วมกับนิตยสารชั้นนำระดับประเทศ Kazz Magazine จัดให้น้อง ๆ VIP Model เข้าร่วมเดินแฟชั่นโชว์ใจกลางศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกับ Mini concert จากศิลปินชื่อดัง และเซอร์ไพส์กับโชว์ชุดพิเศษจากน้อง ๆ เซเล็บชื่อดังพร้อมดารา ศิลปินชื่อดังของเมืองไทย อาทิ คุณอ้อมพิยดา และน้องนาวา, คุณนานา ไรบีนา และน้องบีน่า น้องบรุ๊คลิน, คุณอาร์ต ภาคภูมิ Cute boy Thailand, ก้าวหน้า กิตติภัทร จาก TharnType The Series, ศิลปินวง SY51, Violet Wink, Tossagirls และอีกมากมาย พบกับความพิเศษสุดได้ที่ ชั้น1 centralcourt ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

กิจกรรมสนุกๆ จากพี่โก๋แก่

7– 12 ม.กราคม 2563 : Beacon 2

มาถ่ายรูปกับ “พี่โก๋แก่” ขวัญใจเด็ก ๆ ตลอดกาล และสนุกไปกับการชม “ละครใบ้” ที่จะสอดแทรกสาระดี ๆ พร้อมเล่นเกมรับของรางวัลสุดพิเศษ เฉพาะวันเด็กนี้เท่านั้น

Toonee Theater

11 – 12 มกราคม 2563 : Eden1

เด็ก ๆ ดูฟรี! ร่วมสนุกสนานไปกับการรับชมการ์ตูนสนุก ๆ มากมายตลอดวันจาก Toonnee อาทิ My little Pony , Paw patro , Shimmer & Shine, Spongebob SquarePants และ Super Wings

ร่วมฉลองวันเด็กผ่านการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ใจกลางเมืองได้ที่งาน “central kids wOrld 2020” ตั้งแต่ 8–12 มกราคม 2563 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

“แมคโดนัลด์” แจกไอศกรีมโคนฟรี “วันเด็ก”

“แมคโดนัลด์” ร่วมฉลองวันเด็กแห่งชาติ เสิร์ฟไอศกรีมโคนให้กับเด็ก ๆ ฟรี พร้อมสนุกสนานกับกิจกรรมสุดน่ารักในธีม “คิตตี้ ฟาร์ม” (Kitty Farm) เพลิดเพลินกับการระบายสีภาพ “คิตตี้” ตามจินตนาการที่ร้าน “แมคโดนัลด์” ทุกสาขาที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

พิเศษ ! สำหรับ สาขาเอ็มปาร์ค พระราม 2 และ เซ็นทรัล บางนา ร่วมบันทึกภาพความประทับใจผ่านกล้องโพลารอยด์ที่สามารถพิมพ์ออกมาเป็นกรอบรูปคิตตี้ฟาร์มคอลเลกชันหลากหลาย พร้อมกิจกรรมเพ้นท์เล็บสวยลวดลายคิตตี้ ส่วน สาขาเดอะมอลล์ บางกะปิ เชิญชวนสมาชิกในครอบครัวร่วมถ่ายภาพสนุก ๆ ที่ โฟโต้บูธคิตตี้สุดคิ้วท์ พร้อมรับรูปได้ทันที รวมถึงกิจกรรมเพ้นท์เล็บสวยลวดลายคิตตี้

ร่วมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 11- 12 มกราคม 2563 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/McThai

“กระทรวงยุติธรรม – มิสทีน – ปันฝันปันยิ้ม” จัดโครงการพิเศษเพื่อผู้กระทำผิด

alivesonline.com : กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ เครื่องสำอาง “มิสทิน” และโครงการ “ปันฝันปันยิ้ม” จัด “โครงการชีวิตสีชมพู” ให้ผู้กระทำผิดในความดูแลของ กระทรวงยุติธรรม มีโอกาสประกอบอาชีพสุจริตจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน “Ning Nong Shopping Thailand” ฟรี !

เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ณ ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรม ชั้น 2 อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้เกียรติเป็นประธานและสักขีพยาน ในงานแถลงข่าวและพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “โครงการชีวิตสีชมพู” ระหว่าง กระทรวงยุติธรรม ร่วมกับ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด (เครื่องสำอางมิสทิน) และโครงการ “ปันฝันปันยิ้ม” ในการจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ผ่านแอปพลิเคชัน “Ning Nong Shopping Thailand” โดยมี นายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ดร.ณัฐพงศ์ โมกขพันธ์ ผู้อำนวยการโครงการปันฝันปันยิ้ม ร่วมเป็นสักขีพยาน โดยมีผู้ลงนาม ได้แก่ ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายองอาจ วงศ์เดชาโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดเครื่องสำอาง “มิสทิน” และนางสาวเพียงเพ็ญ วงศ์นิมิตรกุล รองผู้อำนวยการโครงการ “ปันฝันปันยิ้ม”

พิธีลงนามครั้งนี้ยังมี พ.ต.อ. ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ และ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ตลอดจนเด็กและเยาวชนกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กว่า 100 คน ร่วมงานด้วย โดยภายในงานได้มีการสาธิตการใช้และทดลองสั่งซื้อสินค้าผ่านแอปพลิชัน “Ning Nong Shopping Thailand” พร้อมทั้งการจัดบูธนิทรรศการแสดงสินค้าและผลิตภัณฑ์งานฝีมือต่าง ๆ ของ กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ และ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นหน่วยงานในกลุ่มพัฒนาพฤตินิสัยของกระทรวงยุติธรรม โดยการลงนามฯ ในครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมผลิตภัณฑ์งานฝีมือของผู้ที่เคยก้าวพลาดให้เกิดการค้าขายออนไลน์ผ่านแอปพลิชัน “Ning Nong Shopping Thailand” โดยเครื่องสำอาง “มิสทิน”

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องสำอางขายตรงรายใหญ่ หรือที่รู้จักกันในนาม “มิสทิน” ได้ให้โอกาสแก่ผู้กระทำผิดที่อยู่ในความดูแลของ กระทรวงยุติธรรม ให้ได้มีโอกาสในการประกอบอาชีพที่สุจริต มีรายได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข โดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำ

กระทรวงยุติธรรม กำลังริเริ่มนโยบายมาตรการลดภาษีแก่บริษัท ห้างร้าน ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ที่เปิดโอกาสรับผู้ที่เคยกระทำผิดเข้าทำงาน เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แก่ผู้ประกอบการเล็งเห็นความสำคัญและการให้โอกาสแก่ผู้ที่กระทำผิดให้มีรายได้จากการประกอบอาชีพที่สุจริตซึ่งจะส่งผลให้แนวโน้มการกระทำผิดซ้ำลดลง เนื่องจากผู้ที่เคยกระทำผิดมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้รับการยอมรับ เกิดการเห็นคุณค่าในตนเอง มีเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับผู้อื่น ดังนั้น ความร่วมมือในวันนี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ซึ่งจะได้มีการสานต่อและขยายผลต่อไปในอนาคต

“ขอขอบคุณ บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด และเครื่องสำอาง “มิสทิน” ที่เห็นความสำคัญและให้โอกาสแก่ผู้ที่กระทำผิด ได้มีโอกาสในการประกอบอาชีพ ในการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ผ่านแอปพลิเคชัน Ning Nong Shopping Thailand ซึ่ง ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก มิสทิน ในการบูรณาการและให้ความร่วมมือต่อไปในอนาคต นอกจากนี้ยังต้อง ขอขอบคุณ ดร.ณัฐพงศ์ โมกขพันธ์ ผู้อำนวยการโครงการปันฝันปันยิ้ม ที่เป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงระหว่าง กระทรวงยุติธรรม กับ มิสทิน จนนำมาสู่พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ในวันนี้ และหวังว่า โครงการปันฝันปันยิ้ม จะได้เป็นสื่อกลางนำสิ่งดี ๆ มาสู่กระทรวงยุติธรรมและภาคีเครือข่ายอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต” นายสมศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า เครื่องสำอาง “มิสทิน” คือธุรกิจขายตรงที่สร้างโอกาสให้คนไทยมีรายได้และอาชีพที่มั่นคงมากว่า 30 ปี ในขณะที่กลุ่มผู้ก้าวพลาดจาก กระทรวงยุติธรรม คือกลุ่มผู้ที่ต้องการโอกาสจากสังคม เพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างชีวิตที่ดีและมั่นคงในอนาคตได้ ด้วยโลกออนไลน์ที่เติบโตขึ้นทุกวัน จึงเป็นแรงผลักดันให้ “มิสทิน” พัฒนาแอปพลิเคชัน Ning Nong Shopping Thailand ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการสร้างโอกาสทางอาชีพที่มั่นคงและการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่โลกแห่งดิจิทัล เนื่องจาก Ning Nong Shopping Thailand ไม่ต้องมีต้นทุน ไม่ต้องมีหน้าร้าน และไม่ว่าใครก็สามารถมีรายได้โดยไม่ต้องพึ่งพา หรือรบกวนบุคคลอื่น ด้วยการสร้างหน้าร้านออนไลน์ด้วยตัวเองได้ทันที

“มิสทิน” เชื่อในเรื่องของการมอบโอกาสให้กับทุกคน จึงเป็นที่มาของการลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ในครั้งนี้ โดย “มิสทิน” จะสอนวิธีการขายสินค้าออนไลน์ผ่าน Ning Nong Shopping Thailand และจะใช้เป็นช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า โดยเริ่มต้นนำร่องกับน้อง ๆ เยาวชน กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อปูทางอาชีพให้กับพวกเขาตั้งแต่ยังอยู่ภายในสถานควบคุม และเมื่อน้อง ๆ เยาวชนได้รับการปล่อยตัวแล้ว จะสามารถใช้ Ning Nong Shopping Thailand เป็นหน้าร้านออนไลน์ โดยไม่ต้องใช้เงินทุนใด ๆ ทำให้น้อง ๆ เยาวชนมีโอกาสทางรายได้อย่างไม่จำกัดจากการขายสินค้าผ่าน Ning Nong Shopping Thailand

“ในวันนี้ถือเป็นวันแรกที่โอกาสเพื่ออนาคตของกลุ่มเยาวชนจาก กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จะเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์แบบ โดยได้รับเกียรติจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาเป็นผู้สั่งซื้อสินค้าผลงานของน้อง ๆ เยาวชนผ่าน Ning Nong Shopping Thailand เป็นท่านแรก และขอถือเป็นวาระที่ดีในการเปิดตัวแอปพลิเคชันอย่างเป็นทางการด้วย”

นายดนัย กล่าวในตอนท้ายว่า ขอขอบคุณโครงการ “ปันฝันปันยิ้ม” ที่เป็นผู้ชักนำและประสานงานให้เกิดการลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ครั้งนี้ และขอขอบคุณ กระทรวงยุติธรรม ที่ให้โอกาสเครื่องสำอาง “มิสทิน” ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการให้โอกาสแก่ผู้ที่ก้าวพลาดให้ได้มีอาชีพ มีรายได้และสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ เพราะ “มิสทิน” เชื่อในคำว่าโอกาสและการมอบโอกาสคือ แนวทางในการดำเนินธุรกิจของเราเสมอมา

ดร.ณัฐพงศ์ โมกขพันธ์ ผู้อำนวยการโครงการ “ปันฝันปันยิ้ม” กล่าวถึงที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า โครงการ “ปันฝันปันยิ้ม” เกิดจากตนและผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านเล็งเห็นถึงความสำคัญของการให้โอกาสแก่เด็กด้อยโอกาส ผู้อยู่ในสภาวะยากลำบาก ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้เคยกระทำผิด โดยริเริ่มจากการให้การช่วยเหลือในด้านการรักษาสำหรับครอบครัวที่ขาดทุนทรัพย์ หรือบุคคลที่ขาดโอกาสในการรักษา อีกทั้งการสร้างโอกาสในด้านอื่น ๆ อาทิ การให้อาชีพ การสร้างโรงเรียน การสานฝัน การให้ที่อยู่อาศัย หรืออื่นใดเพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้บุคคลเหล่านั้น ยังคงมีความสำคัญและอยู่อย่างทัดเทียมเฉกเช่นคนปกติ ภายใต้เป้าหมายเดียวกันนั่นคือ ความร่วมมือกันสร้างการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นให้เกิดแก่สังคมในปัจจุบัน โดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโทรทัศน์ภายใต้ชื่อ “รายการปันฝันปันยิ้ม” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ทุกวันจันทร์หลังข่าวและผ่านทางสื่อพันธมิตรต่าง ๆ

โครงการ “ปันฝันปันยิ้ม” เล็งเห็นถึงการให้โอกาสด้านอาชีพเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของประเทศ เป็นพลังสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าและมั่นคง ดังนั้นเด็กและเยาวชนจึงควรที่จะเตรียมตัวที่จะเป็นกำลังของชาติด้วย หากเด็กและเยาวชนมีการกระทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น ต่อสังคม ต่อประเทศชาติ การมองปัญหาการกระทำความผิดของเด็กและเยาวชนจึงต้องมองถึงสาเหตุ หรือปัจจัยที่ก่อให้เกิดการกระทำความผิดนั้นขึ้น ซึ่งเราจะต้องมองการเปลี่ยนแปลงของสังคมในปัจจุบันควบคู่กันไปด้วย โดยการจะคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืน ผู้พ้นโทษสมควรจะได้รับโอกาสให้สามารถประกอบอาชีพมีรายได้พึ่งพิงตัวเองได้อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ดร.ณัฐพงศ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ปัจจุบันการค้าขายสินค้าออนไลน์เป็นรูปแบบหนึ่งในการขายของบนอินเทอร์เน็ตและมีแนวโน้มที่จะเติบโตสูงขึ้น เพราะตลาดออนไลน์เป็นตลาดที่เปิดกว้าง ใคร ๆ ก็สามารถขายของออนไลน์ได้อย่างไม่ยุ่งยาก จึงได้รับความนิยมจากกลุ่มคนที่ต้องการหารายได้และสร้างอาชีพ ที่สำคัญคือ ต้นทุนต่ำและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุดและรวดเร็ว ดังนั้นโครงการฯ จึงร่วมกับ “มิสทิน” จัดกิจกรรมโครงการ “ชีวิตสีชมพู” เพื่อส่งเสริมผลิตภัณฑ์งานฝีมือของเด็กและเยาวชน อีกทั้งพัฒนาทักษะวิชาชีพด้านการค้าขายสินค้าออนไลน์ เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนได้ใช้ความรู้ความสามารถจากการฝึกอบรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์และได้รับประสบการณ์นอกเหนือจากการศึกษาในหน่วยเรียน ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานด้านการฝึกวิชาชีพสำหรับเด็กและเยาวชนให้มีประสิทธิภาพต่อไป

 

[ชมคลิป] “สมคิด” มอบนโยบายแนวทางการดำเนินงาน อีอีซี 2563

เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ณ Conference Room 1-2 สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ชั้น 25 ตึก CAT Tower นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายและข้อสั่งการ แนวทางการดำเนินงานโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 2563 พร้อมกำชับเรื่องเร่งด่วนที่ต้องการให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปี เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 โครงการพัฒนาท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา โครงการพัฒนาเมืองใหม่ (Smart City) เป็นต้น

[ชมคลิป] อีอีซี นำเสนอแผนการดำเนินงานปี 63

ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี นำเสนอแผนการดำเนินงานสำคัญในปี 2563 เตรียมผลักดันให้มีการลงทุนปีละ 3 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.5-2% ของจีดีพีประเทศ พร้อมเอื้อประโยชน์ให้ชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก รวมทั้งให้ความสำคัญกับธุรกิจเอสเอ็มอีและอี-คอมเมอร์ซ ตลอดจนยกระดับผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่กว่า 3.5 แสนคนให้มีฐานะดีขึ้นภายใน 2-3 ปี