สมาคมอาคารชุดไทย เชิญร่วมงานเดิน-วิ่งการกุศล

สมาคมอาคารชุดไทย ครบรอบ 36 ปี ขอเชิญชวนเข้าร่วมงานเดิน-วิ่งการกุศล “Thai Condominium Association Charity Run” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี มอบรายได้ส่วนหนึ่งให้โรงพยาบาลสวนผึ้ง จ.ราชบุรี โดยจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2562 ณ สะพานพระราม 8 (ฝั่งธนบุรี) มีระยะทางตั้งแต่ 3 กิโลเมตร, 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร ผู้สนใจสามารถสมัครผ่านช่องทางได้ที่ www.fanaticrun.com และ https://race.thai.run/ สมัครได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

“ทรู ไอคอน ฮอลล์” ดึง 100 งานขยายตลาดไมซ์

 

alivesonline.com : “ไอคอนสยาม – ทรู คอร์ปอเรชั่น” ร่วมลงขัน 2 พันล้านบาท เนรมิต “ทรู ไอคอน ฮอลล์” ศูนย์การประชุมสุดล้ำทันสมัยที่สุดในไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ขนาดความจุ 2.7 พันที่นั่ง บนพื้นที่ 1.2 หมื่นตารางเมตร ชูนวัตกรรมโซลูชันและแอปพลิเคชันพิเศษเอื้อความสะดวกผู้ร่วมประชุม เผยปี 63 มีผู้ยืนยันขอใช้พื้นที่จัดงานแล้วกว่า 30 งาน พร้อมเร่งเจรจาผู้จัดเพิ่มอีก 100 งาน มุ่งรายได้ 200-250 ล้านบาท หวังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยเดินหน้าเต็มสูบ

นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด เปิดเผยว่า “ไอคอนสยาม” ร่วมกับ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ลงทุนเปิดตัว “ทรู ไอคอน ฮอลล์” ศูนย์การประชุมที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทยด้วยมูลค่า 2 พันล้านบาท บนพื้นที่ 1.2 หมื่นตารางเมตร บริเวณ ชั้น 7 และ 8 ของโครงการ “ไอคอนสยาม”  มีความจุ 2.7 พันที่นั่ง โดยนอกจากฮอลล์ขนาดใหญ่จำนวน 3 ฮอลล์แล้ว ยังมีห้องประชุมอีก 14 ห้อง ขนาดตั้งแต่ 26-400 ตารางเมตร สามารถรองรับได้ 950 ที่นั่ง

“ภายในฮอลล์ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่นและสะดวกรวดเร็ว มีระบบจัดและปรับเปลี่ยนแถวที่นั่งได้โดยอัตโนมัติ มีระบบหลอดไฟ LED ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของไฟ เพื่อปรับความสว่างของเวทีอย่างเหมาะสมตามลักษณะการใช้สถานที่ในการจัดงาน หรือการแสดงสด ถือเป็นการกระตุ้นอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทยให้เติบโต ทั้งยังช่วยให้โรงแรมระดับ 4-5 ดาวริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีอัตราการเข้าพักสูงขึ้น ตอกย้ำความเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกแห่งใหม่ของแม่น้ำเจ้าพระยาได้เป็นอย่างดี”

นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านคอนเทนต์และมีเดีย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มทรู ได้นำสุดยอดนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้าเชื่อมโยงเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มาใช้บริการได้รับความสุขและประสบการณ์ที่ประทับใจ ทั้งระบบสื่อสารในรูปแบบไฟเบอร์ออพติกที่เร็วที่สุดในประเทศ เน็ตเวิร์คไร้สายทรูมูฟ เอช ทั้ง 4G+ ที่พร้อมรองรับเทคโนโลยี 5G และ WiFi เทียบชั้นมาตรฐานโลก ซึ่งสามารถเชื่อมต่อการสื่อสารทั้งในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ ตลอดจนการติดต่อสื่อสารทั้งภายในและภายนอกได้อย่างราบรื่นต่อเนื่อง รองรับระบบดิจิทัลล้ำสมัยต่าง ๆ ของผู้ที่มาจัดงานในทุกรูปแบบ

“ในฐานะที่กลุ่มทรู เป็นผู้นำทางด้านคอนเทนต์และมีเดีย มีประสบการณ์ด้านความบันเทิง ทำให้เราเข้าใจความต้องการของผู้จัดอีเวนต์ และเข้าใจถึงเทรนด์รูปแบบการนำเสนองานแสดงระดับนานาชาติ จึงพัฒนานวัตกรรมโซลูชันและแอปพลิเคชันพิเศษขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาใช้บริการในฮอลล์ ตั้งแต่แรกที่เข้ามาเยือน ทั้งการลงทะเบียนที่สะดวกรวดเร็วด้วยการสแกนใบหน้าแบบ Face Recognition การแปลภาษาด้วยนวัตกรรม Audio Translation ที่สามารถรับฟังคำแปลจากแอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟนของตัวเองได้ทันที โดยไม่ต้องยืมอุปกรณ์ Headphone นับได้ว่าเป็นการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแบบครบ 360 องศา สร้างความทรงจำที่ดีให้กับชาวต่างชาติทั่วโลก และดึงดูดผู้จัดงานในแวดวงไมซ์ นำเม็ดเงินเข้ามาในระบบเศรษฐกิจของประเทศ  ตลอดจนมีส่วนช่วยผลักดันให้ไทยขึ้นแท่นประเทศที่โดดเด่นของทวีปเอเชียในการจัดอีเวนต์ระดับโลกทุกรูปแบบ”

นายทาลูน เทง หัวหน้าคณะผู้บริหาร “ทรู ไอคอน ฮอลล์” เปิดเผยว่า ศูนย์การประชุมแห่งนี้มีเพดานสูงถึง 15 เมตรเป็นแผงหลอดไฟแบบพิกเซล ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนไฟบรรยากาศในห้องประชุมได้อย่างหลากหลาย ให้เหมาะสมกับทุกโอกาส โดยสามารถใช้เพดานไฟเล่นแสงสี สร้างภาพแอนิเมชันได้หลากหลาย เพื่อประสบการณ์มัลติมีเดียที่กลมกลืนตื่นตาตื่นใจ ทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องรู้สึกตื่นเต้น หรือใช้เป็นการกำกับอารมณ์ร่วมในการจัดคอนเสิร์ตและการประชุม หรือการจัดอีเวนต์ ทั้งยังมีระบบฉนวนกันเสียงที่ติดตั้งกับผนัง ฝากั้นห้องและเพดาน รวมทั้งผนังกั้นห้องแบบคู่ขนานซึ่งเว้นระยะห่างตรงกลางระหว่าง 2 ผนัง (Double Operable Walls) ทำให้การจัดประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่อง

นายทาลูน กล่าวว่า “ทรู ไอคอน ฮอลล์” มีเป้าหมายสร้างรายได้ในปี 2563 ประมาณ 200-250 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายเป็นการจัดงานประชุมนานาชาติ 30% การจัดงานบันเทิงและงานแสดงต่าง ๆ 25% การจัดงานเปิดตัวสินค้าและบริการ 25% การจัดงานประชุมสัมมนาองค์กร 10% และการจัดงานในลักษณะ B2B และ B2C 10% โดยขณะนี้มีผู้ยืนยันจองใช้บริการแล้วกว่า 30 งาน และอยู่ในระหว่างการเจรจาอีกกว่า 100 งาน คิดเป็นจำนวนผู้เข้าร่วมงานตั้งแต่ 200 คนจนถึง 3 พันคน

ทั้งนี้ งานสำคัญที่จะเกิดขึ้น ณ “ทรู ไอคอน ฮอลล์” ได้แก่ มหกรรมเลโก้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “BRICK LIVE Built for LEGO fans” ที่ยกตัวต่อเลโก้กว่าล้านชิ้นและเซ็ตเลโก้สะสมหายากมา พร้อมโซนกิจกรรมมากมาย กำหนดจัดงานวันที่ 14 -17 พฤศจิกายน 2562, การแข่งขัน “E-Sport Game (AOV : Arena of Valor)” เกมส์บนมือถือที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งจะมีเกมเมอร์ที่เป็นสุดยอดเดินทางมาจากทั่วโลก กำหนดจัดในช่วงวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2562, การแสดง “มหาอุปรากรสะท้านปฐพี” สุดยอดการแสดง “งิ้ว” จากคณะอุปรากรจีนแต้จิ๋ว เมืองซัวเถา ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เต็มอิ่มจุใจ 4 วัน 13 เรื่อง ในช่วงวันที่ 13-16 ธันวาคม 2562, งาน “Word Camp Asia” วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2563 และ งาน “World Congress of the International Union Against Sexually Transmitted Infections” วันที่ 1-4 ธันวาคม 2563 รวมถึงงานประชุมทางการแพทย์ที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งของภูมิภาคคืองาน Asia-Pacific Society of Cardiology Annual Conference ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม 2564

โค้งสุดท้ายปี 62 “ทีเส็บ” เร่งจัดงานกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น

alivesonline.com : “ทีเส็บ” ผลักดันงานไมซ์สู่ภูมิภาค กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการผลักดันเวทีการแสดงสินค้าและการจัดงานทั่วประเทศกว่า 10 งาน พร้อมหนุน “Northeast Tech” และ “Wonderfruit” ให้เป็นงานธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ระดับภูมิภาค กระจายรายได้สู่ชุมชน หมุนเวียนสู่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า “ทีเส็บ” มีนโยบายกระจายการจัดงานไมซ์สู่ภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศให้มากขึ้นทั้งเมืองหลักและเมืองที่มีศักยภาพ เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ กระจายงานและรายได้สู่ท้องถิ่น ซึ่งการสร้างงานแสดงสินค้าเป็นจุดเริ่มต้นของเวทีซื้อขายและแสดงสินค้าบริการอัตลักษณ์ท้องถิ่น สร้างงานและสร้างรายได้ให้แก่ภูมิภาคได้อย่างยั่งยืน

“ทีเส็บ” จึงมุ่งเน้นผลักดันอุตสาหกรรมงานแสดงสินค้าสู่ภูมิภาคกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้โครงการ “Empower Thailand Exhibition” หรือ “EMTEX” ซึ่งขับเคลื่อนโดยคณะทำงานประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 13 หน่วยงาน ได้แก่ 1.สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) 2.สมาคมการแสดงสินค้าไทย (TEA) 3.กรมการพัฒนาชุมชน 4.กรมส่งเสริมการเกษตร 5.กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม 6.สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) 7.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) 8.กองบริหารการพาณิชย์ภูมิภาค สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ 9.กรมพัฒนาธุรกิจการค้า 10.กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 11.สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 12.สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ 13.สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อบูรณาการความร่วมมือและให้การสนับสนุนซึ่งกันและกันในการพัฒนางานแสดงสินค้า รวมถึงผลักดันให้เอกชนสร้างงานแสดงสินค้าใหม่ มีการยกระดับงานแสดงสินค้าและกระจายงานแสดงสินค้าสู่ภูมิภาค

“ทีเส็บ” เป็นหนึ่งในหน่วยงานร่วมสนับสนุนสภาอุตสาหกรรม จังหวัดนครราชสีมา จัดงาน “Northeast Tech 19” ซึ่งเป็นมหกรรมงานแสดงสินค้าทางด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรมที่ถือได้ว่าใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2562 โดย “ทีเส็บ” สนับสนุนเรื่องการวางกลยุทธ์ขยายตลาด เชื่อมโยงธุรกิจของผู้ประกอบการเข้ากับผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมายทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการเจรจาธุรกิจ หรือ Business Matching ซึ่งคาดว่าจะสร้างโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการในงานนี้ คิดเป็นเงินมูลค่าไม่น้อยกว่า 1 พันล้านบาท

นายจิรุตถ์ กล่าวอีกว่า การสนับสนุนงานครั้งนี้ถือเป็นการผลักดันงานแสดงสินค้าเพื่อธุรกิจ (Trade Exhibition) ของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกระจายรายได้ของจังหวัดนครราชสีมารวมถึงภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นด้วย โดยภายในงานมีกิจกรรมเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ เครื่องจักรโรงงาน มีผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาจำหน่ายอุปกรณ์โรงงาน หุ่นยนต์ แขนกล รถไฟฟ้า EV รถยนต์ไฟฟ้า 100% ของคนไทย มอเตอร์ไซด์ไฟฟ้า 100% หุ่นยนต์ AI พลังงานไฟฟ้าโซล่าเซลล์ พร้อมเครื่องจักรกลการเกษตร โดรน รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคมากมาย

นอกจากโครงการภายใต้ EMTEX “ทีเส็บ” ยังให้การสนับสนุนการจัดงานเมกะอีเวนต์และเฟสติวัลกระจายสู่ภูมิภาคที่มีศักยภาพบ่มเพาะให้เป็นงานระดับนานาชาติที่โดดเด่นของประเทศไทยอีกหนึ่งงาน ได้แก่ งาน “Wonderfruit” เป็นงานไลฟ์สไตล์แนวสร้างสรรค์ ภายในงานมีทั้งดนตรี ศิลปะ อาหาร เวิร์คชอป วงพูดคุยเกี่ยวกับชีวิตและจิตวิญญาณ รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายบนความยั่งยืนของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวคิดของผู้จัดงานที่ต้องการสร้างงานไลฟ์สไตล์ของไทยให้มีคุณภาพเทียบเท่าระดับนานาชาติ โดยปัจจุบันงาน “Wonderfruit” ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ในแต่ละปีมีผู้เข้าร่วมงานทั้งสิ้นกว่า 2 หมื่นคน โดยเป็นผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศกว่าร้อยละ 60 สำหรับงานในปีนี้กำหนดจัดงานขึ้นในวันที่ 12-16 ธันวาคม 2562 ณ สยามคันทรี 3 (ด้านหลังสยามคันทรี่คลับ วอเตอร์ไซด์) เมืองพัทยา

“บทบาทของทีเส็บต่อการจัดงานนี้ได้ให้การสนับสนุนการพัฒนาการจัดงาน โดยทำการศึกษาวิจัยผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมจากการจัดงาน การอำนวยความสะดวก VIP Fast track สำหรับศิลปินต่างชาติ และอำนวยความสะดวกด้านศุลกากร โดยได้ให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของงานนี้ว่าเป็นงานที่มีศักยภาพที่จะเติบโตเป็นงานเทศกาลระดับนานาชาติ และสร้างภาพลักษณ์ด้านศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการจัดงานเมกะอีเวนต์” นายจิรุตถ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงก่อนสิ้นปี 2562 “ทีเส็บ” ยังสนับสนุนการจัดงานและกิจกรรมไมซ์อีกมาก อาทิ งาน PATA Destination Marketing Forum 2019 (PDMF2019) ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 28-29 พ.ย.62, การแข่งขันขี่ม้า FEI Asian Championship Pattaya 2019 ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 1-8 ธ.ค.62, เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ Chiang Mai Design Week 2019 ณ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 7-15 ธ.ค.62, งานเทศกาลดนตรี Wonderfruit 2019 ณ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่ 12-16 ธ.ค.62,

เครื่องฟอกอากาศ AIRTEC เด่นด้วยดีไซน์ “ซูเปอร์ฮีโรมาร์เวล”

“โลจิคค์” (LOGIKKK) ผู้จำหน่ายสินค้านวัตกรรมเทคโนโลยี จาก “พรชัย กรุ๊ป” เน้นการสร้างไลฟ์สไตล์ที่ดีมีคุณภาพให้แก่ลูกค้าผู้ใช้งาน เปิดตัวเครื่องฟอกอากาศ AIRTEC สุดล้ำนวัตกรรม สัญชาติเกาหลี กรองฝุ่นได้เล็กกว่า PM 2.5 มี AQ Mode เครื่องวัดฝุ่นในตัวสุดอัจฉริยะ ปรับเปลี่ยนการทำงานตามคุณภาพอากาศที่วัดได้โดยอัตโนมัติ พร้อมลำโพงบลูทูธ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจาก “ซูเปอร์ฮีโรมาร์เวล”

การเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศ AIRTEC รุ่น AIRBEAT AQ Mode with Bluetooth Speaker มีขึ้นในงาน “บ้านและสวน แฟร์” โดย “โลจิคค์” เป็นผู้นำเข้าสินค้าแบรนด์ AIRTEC จาก ประเทศเกาหลีใต้ เจ้าของสิทธิบัตรสากล e-Nano Film Filter หวังเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนและอินเดียที่มีกำลังซื้อและคนรุ่นใหม่ที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิต

น.ส.ภาวิกา ทองดีศักดิ์กุล กรรมการผู้จัดการ พรชัย กรุ๊ป ผู้จัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ “โลจิคค์” กล่าวว่า การได้พบกับ AIRTEC ที่เป็นเจ้าของ e-Nano Film Filter สิทธิบัตรสากลนั้นเกิดขึ้นมาจากการที่ บริษัท พรชัย แอร์คอน จำกัด บริษัทในเครือของ “พรชัย กรุ๊ป” พยายามหาฟิลเตอร์กรองอากาศสำหรับติดที่กริวแอร์ในห้องกึ่งคลีนรูมแทนฟิลเตอร์ประเภท HEPA Filter โดยฟิลเตอร์ที่ตามหาจะต้องล้างด้วยน้ำได้ เนื่องจากต้องการทำให้ฟิลเตอร์สามารถล้างและเปลี่ยนได้บ่อยครั้งและต้องทนต่อความชื้น ไม่เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียเพราะประเทศไทยอยู่ในเขตร้อนชื้น จึงมาพบงานวิจัย e-Nano Film Filter ของ AIRTEC

นอกเหนือจากการนำ e-Nano Film Filter มาใช้ในเชิงอุตสาหกรรมแล้ว “พรชัย กรุ๊ป” กับ AIRTEC ได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน โดยมุ่งหวังที่จะตอบโจทย์ของคนรุ่นใหม่ซึ่งมองหาผลิตภัณฑ์ซึ่งมีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นในราคาที่สมเหตุสมผล ผู้บริโภคในกลุ่มนี้ใช้เหตุผล (Logic) ในการตัดสินใจเป็นหลักและมีการเปรียบเทียบสินค้าผ่านการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต การมีนวัตกรรมที่เป็นเอกสิทธิ์และได้ผลลัพธ์มีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อ รองลงมาคือเรื่องการดีไซน์ที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ผู้ใช้ สะท้อนความชอบและความคลั่งไคล้ส่วนตัวอย่างชัดเจน ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในเมืองไทยแล้วต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่น PM 2.5 ก็เป็นอีกกลุ่มที่มองหาตัวช่วยในการป้องกันและดูแลสุขภาพในราคาที่สมเหตุสมผลและมีคุณภาพเป็นที่น่าเชื่อถือได้

Airbeat AQ Mode with Bluetooth Speaker มีนวัตกรรมเอกสิทธิ์ e-Nano Film Filter ที่สามารถกรองฝุ่นได้เล็กถึง 0.1 ไมครอน ซี่งเล็กกว่า ฝุ่น PM 2.5 ที่ผู้คนกำลังให้ความสำคัญอยู่ในปัจจุบัน โดยมีสิทธิบัตรสากลและเอกสารผลการทดสอบจากสถาบันการทดลองในประเทศเกาหลีใต้เป็นเครื่องการันตีพร้อม AQ Mode ที่ปรับความแรงของเครื่องฟอกอากาศได้ตามคุณภาพของอากาศที่เครื่องวัดฝุ่นวัดได้โดยอัตโนมัติ ผู้ใช้งานจึงสามารถเปิดใช้งานได้ทั้งวัน กินไฟฟ้าน้อย และปรับแรงลมตามสภาพอากาศที่เป็นอยู่

จากการสำรวจความต้องการของผู้บริโภคพบว่า ผู้บริโภคต่างไม่อยากกังวลกับการติดตามสถานการฝุ่นตลอดเวลา จึงทำให้เกิดการคิดค้นระบบ AQ Mode ขึ้นมา โดยมีหลักการทำงานคือ เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ติดตั้งเซนเซอร์วัดฝุ่นในตัว โดยใช้สัญญาณสีต่าง ๆ เป็นตัวบอกสภาพอากาศ จากนั้นเครื่องฟอกอากาศจะปรับแรงลมตามค่าของอากาศที่วัดได้ ยกตัวอย่างเช่น หากเซ็นเซอร์วัดได้ว่าอากาศมีมลพิษสูง สัญญาณเป็นสีแดง ความเร็วลมของเครื่องฟอกอากาศก็จะปรับที่ความแรงสูงสุด เป็นต้น เมื่อเวลาผ่านไปเครื่องฟอกอากาศสามารถฟอกอากาศโดยรวมได้สะอาดขึ้น ค่าของมลพิษในอากาศลดลง เครื่องฟอกอากาศก็จะปรับตัวเองให้มีความแรงลดลง เพื่อประหยัดไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ

นอกเหนือจากการเป็นเครื่องฟอกอากาศที่เน้นประโยชน์ในนการใช้สอยแล้ว AIRTEC ยังให้ความสำคัญกับการดีไซน์สินค้าให้ถูกอกถูกใจผู้บริโภคในลวดลายซูเปอร์ฮีโรจากมาร์เวลที่ได้ลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องจาก “ดีสนีย์” อีกทั้งยังช่วยตอบโจทย์ด้านความบันเทิงโดยมีลำโพงบลูทูธในตัวเองอีกด้วย

เครื่องฟอกอากาศ AIRTEC รุ่น AIRBEAT AQ Mode with Bluetooth Speaker วางจำหน่ายแล้วที่ Shopee, Lazada, King Power, B2S, Gizman, Siam Paragon, Siam Discovery, Loft, www.logikkk.com หรือ LINE@logikkk

ทั้งนี้ “โลจิคค์” ยังมีแผนเปิดร้านสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ภายในเดือนพฤศจิกายน 2562 อีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LOGIKKK Contact Center
โทร.09 8250 4261

คุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม

 

สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดย สำนักรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (รท.) จัดกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมศักยภาพเครือข่ายภาคประชาชนระดับอำเภอด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม สำหรับภาคตะวันออก ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร โดยได้รับเกียรติจาก นายบัญชา เชาวรินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก เป็นประธานเปิดการจัดกิจกรรมฯ และมี พันเอกวีรชาติ ศรีกังวาล รักษาการผู้อำนวยการสำนัก รท. เป็นผู้กล่าวรายงานและเป็นวิทยากรบรรยาย ในหัวข้อ “บริบทกิจการโทรคมนาคมไทยและการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม ในยุคไทยแลนด์ 4.0” ให้แก่ผู้นำเครือข่ายระดับจังหวัด และระดับอำเภอของภาคตะวันออก ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร จำนวน 24 จังหวัด รวมกงาส 300 รายร่วมรับฟัง ณ ห้องราชพฤกษ์ 3 ชลพฤกษ์ รีสอร์ท อ.บ้านนา จ.นครนายก

พร้อมจัดงาน INNOCON BANGKOK 2019

ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) และนายจูลิโอ ดีคาร์ลิ กรรมการผู้บริหาร บริษัท วันเวิร์ค จำกัด ร่วมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับ ฯพณฯนายโลเรนโซ  กาลันตี เอกอัครราชทูตอิตาลีประจำประเทศไทย นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย นายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข รองผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (วิศวกรรมและก่อสร้าง) และนายณัฐพล สุทธิธรรม กรรมการกลาง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในงานแถลงข่าวงาน “INNOCON BANGKOK 2019” เผยแพร่ความรู้ด้านการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางรางและการขนส่งทางอากาศ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 20 พ.ย.62 ณ โรงแรม เซนทารา แกรนด์ บางกอก คอนเวนชั่นเซนเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

“ออริจิ้น” รับมอบใบประกาศนียบัตร

นายพีระพงศ์ จรูญเอก (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) รับมอบใบประกาศนียบัตรรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต Thailand’s Private Sector Collective Action Coalition against Corruption หรือ CAC ประจำปี 2562 ภายในงานสัมมนาประจำปี “National Conference on Collective Action against Corruption ครั้งที่ 10” โดยมี นายกุลเวช เจนวัฒนวิทย์ (ขวา) กรรมการและเลขานุการโครงการ CAC ให้เกียรติเป็นผู้มอบ เพื่อรับรองว่าบริษัทฯ เป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด จัดโดย คณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC) ณ โรงแรมไฮแอท รีเจนซี แบงค็อก สุขุมวิท

“เฮเฟเล่” โชว์สินค้านวัตกรรม

นายโยธิน ประเสริฐกุล (กลาง) ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมงาน “บ้านและสวนแฟร์ 2019” ยกทัพสินค้าสำหรับบ้านและอาคารอย่างครบวงจร ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่หลากหลาย  ในธีม “Living Transformed with Häfele” พร้อมจัดแสดงไฮไลท์สินค้าเทรนด์ “Smart Solutions” ลดกระหน่ำจัดเต็มราคาพิเศษ โดยมี น.ส. จีรวรรณ อำไพวรรณ, น.ส.อารียา จิตใจประสาทศีล, นายณัฐฐ์ดนัย วิริยะโกวิทยา ร่วมงาน ณ อาคารชาเลนเจอร์ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้

2 เดือนสุดท้าย “ไอคอนสยาม” อัด 300 ล้านบาทฉลอง 1 ปี ดึงลูกค้า 4 แสนคน

alivesonlibe.com : “ไอคอนสยาม” ฉลองความสำเร็จครบรอบ 1 ปีเปิดให้บริการ คว้ารางวัล “ออกแบบดีที่สุดในโลก” จากสภาการค้าปลีกโลก และรางวัลชนะเลิศสูงสุดด้าน “การออกแบบที่ดีที่สุด” จากสมาคมศูนย์การค้าโลก เผยไทย-เทศแห่ใช้บริการ 80,000-120,000 คนต่อวัน ด้านผู้ประกอบการปลื้มได้ลูกค้าใหม่สูงถึง 40% เตรียมใช้งบฯ 300 ล้านบาท ช่วง 2 เดือนสุดท้ายจัดกิจกรรมการตลาดและงานเคาน์ดาวน์ต้อนรับปีใหม่ หวังดึงคน 3-4 แสนคน

นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของโครงการ “ไอคอนสยาม” เปิดเผยว่า นับตั้งแต่โครงการ “ไอคอนสยาม” เปิบริการอย่างเป็นทางการเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการประมาณ 80,000-120,000 คนต่อวัน แบ่งเป็นลูกค้าคนไทย 65% และต่างชาติ 35% โดยลูกค้าต่างชาติที่มาใช้บริการมากที่สุดคือจีน รองลงมาคือเกาหลีใต้ ไต้หวัน และกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ทั้งยังพบว่าผู้ประกอบการหลายรายสามารถทำยอดขายได้สูงเป็นอันดับ 2 รองจากสาขาสยามพารากอน รวมถึงต้องการขยายพื้นที่เพิ่มอีกด้วย ขณะเดียวกันผู้ประกอบการบางแบรนด์ยังได้ลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้บริการมาก่อนสูงถึง 40% จึงถือได้ว่า “ไอคอนสยาม” ได้สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ประเทศไทยและคนไทย พร้อมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์นานาประการแก่ชุมชนที่รายล้อมและบรรดาธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดอีกด้วย

ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2562 “ไอคอนสยาม” จึงเตรียมใช้งบประมาณการตลาดกว่า 300 ล้านบาทในการจัดอีเวนต์และกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีการให้บริการในวันที่ 9 พ.ย.62 รวมถึงจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ และงานเคาน์ดาวน์ต้อนรับปีใหม่ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นความสนใจให้มีผู้มาใช้บริการถึง 3-4 แสนคน มากกว่าปีที่ก่อนซึ่งมีประมาณ 2-3 แสนคน

ตลอด 1 ปีทีผ่านมา “ไอคอนสยาม” ได้รับการยอมรับว่ามีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ในฐานะเป็นแม่เหล็กของการท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ทรงพลัง ถือเป็น Global Destination ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกและจากทั่วประเทศไทยให้เดินทางมาเยี่ยมชม จากการที่ “ไอคอนสยาม” ลงทุนทำการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่และได้ทำการตลาดแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่พลาดไม่ได้ของนักท่องเที่ยว

นางชฎาทิพ กล่าวด้วยว่า “ไอคอนสยาม” ยังถูกยกให้เป็นต้นแบบโครงการค้าปลีกที่บุกเบิกแนวความคิดที่แปลกใหม่ของการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์อนาคตที่สามารถรวบรวมศิลปะ ประเพณีท้องถิ่น นวัตกรรม สถาปัตยกรรมระดับโลก และประสบการณ์เหนือระดับในการชอปปิงและเอ็นเตอร์เทนเมนต์มารวมกันลงตัวได้อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จึงเป็นโครงการตัวอย่างที่ดึงดูดนักลงทุนและนักพัฒนาโครงการค้าปลีกจากทั่วโลกให้ต้องเดินทางมาเยี่ยมชมและศึกษาแนวคิดของการทำโครงการ

“เรารู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถทำโครงการไอคอนสยามซึ่งเป็นโครงการของบริษัทคนไทยที่มีมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ถึง 5.5 หมื่นล้านบาท และทำได้สำเร็จได้ในระยะเวลาเพียง 5 ปี ท่ามกลางยุคที่ประเทศไทยเผชิญปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงและความผันผวนทางเศรษฐกิจสูงสุด ทั้งยังได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นโครงการที่ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้แข็งแกร่งขึ้น เกิดการจ้างงานกว่า 3 แสนอัตรา สามารถดึงเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทยผ่านการลงทุนเปิดธุรกิจร้านต่าง ๆ ในโครงการ เป็นมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาท ไม่ว่าจะเป็น Apple Store สาขาแรกในประเทศไทย รวมถึงลักซ์ชัวรี่แบรนด์ต่าง ๆ ที่แม้จะเปิดในประเทศไทยอยู่แล้ว แต่ก็ให้ความเชื่อมั่นและเปิดอีกสาขาระดับแฟล็กชิฟสโตร์ในไอคอนสยาม”

คว้ารางวัลระดับโลก-สร้างประโยชน์วงกว้าง

นางชฎาทิพ กล่าวอีกว่า ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของ “ไอคอนสยาม” ล้วนเกิดจากการรวมพลังความคิดสร้างสรรค์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคจากหัวใจคนไทยร้อยพันชีวิตผนึกกำลังกับผู้เชี่ยวชาญจาก 4 ทวีป รวม 15 ชาติ ผู้มีส่วนร่วมในโครงการ (The Makers, The Co-Creators, The Supporters) ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น สถาปนิก วิศวกร มัณฑนากร ศิลปิน นักออกแบบ นักธุรกิจ ตลอดจนผู้คนจากชุมชนทั่วไทย ดังนั้นความสำเร็จและความดีงามของโครงการไอคอนสยามในวันนี้ต้องยกให้กับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการทั้งหมด

สำหรับวิสัยทัศน์ของ “ไอคอนสยาม” ที่ต้องการให้คนทั้งประเทศได้มีส่วนร่วมและได้ประโยชน์ร่วมกัน ประการแรกคือ ส่งเสริมให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย เป็นจุดหมายหมายปลายทางที่คนไทยอยากจะมาเยี่ยมชม รวมทั้งพาเพื่อนต่างชาติมาร่วมชื่นชมคุณค่าความดีงามตลอดจนศิลปะและวัฒนธรรมไทย ทำให้คนต่างชาติหลงรักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นคนไทยยังได้ร่วมภาคภูมิใจในความสำเร็จและการสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก จากการได้รับรางวัลชนะเลิศมากมายจากสถาบันและสมาคมอันทรงเกียรติระดับนานาชาติหลายแห่งที่ได้รับการยอมรับสูงสุดของโลกในแวดวงค้าปลีกและการพัฒนาโครงการ ซึ่งต่างยกย่อง “ไอคอนสยาม” ว่ามีแนวคิดที่บุกเบิกระดับโลกและมีโมเดลธุรกิจที่เปลี่ยนวิธีคิดและเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการพัฒนาโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยรางวัลที่ได้รับในสาขาต่าง ๆ ทั้งการได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะรางวัล “ออกแบบดีที่สุดในโลก” จากสภาการค้าปลีกโลก (World Retail Congress) และคว้ารางวัลชนะเลิศสูงสุดด้าน “การออกแบบที่ดีที่สุด” จากสมาคมศูนย์การค้าโลก (International Council of Shopping Centers – ICSC)

นอกจากนั้น สมาคมศูนย์การค้าโลก ยังได้มอบรางวัลสูงสุดสำหรับการมีส่วนสำคัญในการสนับสนุนส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางผ่านโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ รางวัลการจัดงานเปิดที่สร้างสรรค์และยิ่งใหญ่จนเป็นมหาปรากฏการณ์ระดับโลก รวมถึงรางวัลด้านการทำการตลาดและการประชาสัมพันธ์อันยอดเยี่ยม ซึ่งนับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่โครงการจากประเทศไทยได้รับรางวัลชนะเลิศเหนือโครงการอื่น ๆ ทั่วโลกมากมายเป็นประวัติการณ์ด้วยเวลาภายใน 1 ปี หลังจากเปิดโครงการ

ประการที่สองคือ การสร้างผลประโยชน์ให้เกิดในวงกว้างที่ประสบความสำเร็จทำได้อย่างชัดเจน คือการอุทิศพื้นที่กว่า 30% ของพื้นที่ในโครงการให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยส่วนแรกเป็นพื้นที่ขนาดกว่า 10 ไร่ ชั้นล่างสุดคือ “เมืองสุขสยาม” ซึ่งเพิ่งได้รับรางวัลระดับโลก เป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กจากจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ธุรกิจครอบครัวจำนวนมากที่มีฝีมือและมีสินค้าที่โดดเด่น แต่ไม่มีโอกาสเข้าถึงตลาด หรือเวทีการค้าซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับสากลที่จะช่วยต่อยอดให้กิจการเติบโต ด้วยการเปิดโอกาสและเปิดเวทีให้ชุมชนจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศมานำเสนอผลงานจากความสามารถและความคิดสร้างสรรค์บนเวทีที่ต่อยอดสนับสนุนและส่งเสริมทั้งในด้านการขายและสอนเทคนิคการทำการตลาด เพื่อช่วยให้สินค้าเหล่านั้นสามารถเจาะตลาดนานาชาติได้ และสามารถต่อยอดไปสู่การทำอี-คอมเมิร์ซได้ในอนาคต ซึ่งจะเป็นการช่วยรักษางานศิลปะและงานฝีมือดั้งเดิมของไทยให้คงอยู่แบบยั่งยืน นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนที่สองคือ “ไอคอนคราฟต์” ที่รวบรวมงานนวัตศิลป์และงานคราฟต์แบบร่วมสมัยหลากหลายประเภทไว้ในที่เดียว เปิดโอกาสให้ช่างฝีมือไทย ดีไซเนอร์ และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้ามาค้าขายในไอคอนคราฟต์ถึง 500 ราย ให้มีรายได้เพื่อต่อยอดความสามารถและมีความภาคภูมิใจที่ได้มีสถานที่จำหน่ายสินค้าที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชม เพิ่มโอกาสในการส่งสินค้าไปขายในต่างประเทศอีกด้วย

นางชฎาทิพ กล่าวในตอนท้ายว่า แผนแม่บทแม่น้ำเจ้าพระยาวิสัยทัศน์แห่งไอคอนสยาม (ICONSIAM’s Chao Phraya River Master Vision) ซึ่งได้ประกาศไว้เมื่อ 5 ปีก่อน เป็นการบุกเบิกความร่วมมือระดับชาติครั้งประวัติศาสตร์ ของผู้ประกอบการและหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่มีอยู่เมื่อ 6 ปีก่อน และกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา รวมทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ตลอดจนภาคประชาสังคม โรงแรมกว่า 40 แห่งริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และชุมชนต่าง ๆ ริมสองฝั่งแม่น้ำ ผนึกกำลังร่วมกัน จนถึงวันนี้ได้เกิดความร่วมมือและการทำงานร่วมกันในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย สร้างการยกระดับความเจริญรุ่งเรือง และส่งต่อผลโยชน์ออกไปให้สังคมทุกระดับ

ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ระดับนานาชาติ

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” กล่าวว่า การเปิด “ทรู ไอคอน ฮอลล์” ซึ่งเป็นศูนย์การประชุมแห่งแรกของประเทศไทยที่ครบครันไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่สุดใน “ไอคอนสยาม” จะทำให้กรุงเทพฯ ก้าวไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมการประชุมระดับนานาชาติ ในขณะที่ “ริเวอร์ มิวเซียม แบงค็อก” ซึ่งกำลังจะเปิดในเร็ว ๆ นี้ จะเป็นพื้นที่พิพิธภัณฑ์มาตรฐานสูงสุดระดับสากลแห่งแรกของไทยที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเป็นเจ้าภาพรองรับการจัดแสดงงานของพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการระดับสูงสุดของโลกได้ ซึ่งจะช่วยให้กรุงเทพฯ และประเทศไทยมีความพร้อมและความแข็งแกร่งสำหรับอุตสาหกรรมไมซ์มากยิ่งขึ้น

เผยช่วยผลักดันราคาที่ดินสูงขึ้น 2 เท่า

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โครงการ “ไอคอนสยาม” เป็นโครงการนำร่องที่จุดประกายเรื่องการท่องเที่ยว การลงทุน และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในย่านฝั่งธนบุรี โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มเปิดตัวโครงการจนถึงโครงการสร้างแล้วเสร็จ มูลค่าของที่ดินบริเวณถนนเจริญนครบริเวณใกล้เคียงกับไอคอนสยาม สูงขึ้นกว่า 2 เท่า จากราคาตารางวาละ 1.5-2.5 แสนบาท เป็น 3-4.5 แสนบาท ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ในฝั่งธนบุรีปี 2561 ถึง 12 โครงการ จำนวน 6,509 ยูนิต และในปี 2562 มี 8 โครงการจำนวน 5,538 ยูนิต ทั้งนี้ ถ้าพิจารณาโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในปี 2560-2562 เฉพาะที่ตั้งอยู่ใกล้กับไอคอนสยาม บนถนนเจริญนครและคลองสาน 3 โครงการ จำนวน 1,508 ยูนิต ล้วนประสบความสำเร็จอย่างมากในแง่ของยอดขาย โดยมียอดขายรวมเฉลี่ยสูงถึง 95% สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการสะสมของผู้ซื้อในย่านดังกล่าวและนักลงทุนจากย่านอื่น ๆ ที่มองเห็นศักยภาพในการเจริญเติบโตและความเป็นทำเลที่เหมาะกับการอยู่อาศัย ทั้งในแง่การเดินทางที่สะดวกสบายและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เทียบเท่ากับฝั่งใจกลางย่านธุรกิจอื่น ๆ ของกรุงเทพฯ โดยโครงการ “ไอคอนสยาม” ได้เติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยและการทำธุรกิจ ทั้งยังเสริมความโดดเด่นให้กับพื้นที่ในเรื่องการคมนาคมทั้งระบบรถ-ราง-เรือ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีทองซึ่งกำลังก่อสร้างมีกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2563

กระตุ้นภาคการโรงแรม-การท่องเที่ยว

นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า “ไอคอนสยาม” และกิจกรรมที่น่าตื่นตาตื่นใจริมแม่น้ำเจ้าพระยากำลังสร้างประสบการณ์ใหม่และสร้างประโยชน์ให้กับกรุงเทพฯ เหมือนกับที่ “ลอนดอนอาย” (London Eye) สร้างประโยชน์ให้กับเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเหมือนกับที่ “สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์” (Botanic Gardens) และ “มาริน่า เบย์ แซนด์” (Marina Bay Sands) สร้างประโยชน์ให้ประเทศสิงคโปร์ ถือเป็นการเพิ่มแม่เหล็กทางด้านการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิภาพดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทั้งประเทศไทยและทั่วโลกให้มาเยี่ยมชม กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวและสร้างการเติบโตให้กับภาคธุรกิจโรงแรม โดยอัตราการเข้าพักของโรงแรมระดับ 5 ดาวในพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นในอัตราสูงเกินกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้

เอื้อธุรกิจแม่น้ำเจ้าพระยาเติบโตกว่า 20%

นาวาโท ปริญญา รักวาทิน นายกสมาคมการค้าธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยา กล่าวว่า ผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจได้แผ่กระจายไปยังธุรกิจอื่นทุกประเภทและทุกระดับนอกเหนือจากโครงการ “ไอคอนสยาม” โดยกิจการต่าง ๆ ตลอดลำน้ำเจ้าพระยา เขตคลองสาน และพื้นที่โดยรอบในย่านเจริญนครต่างได้รับประโยชน์ในทันที ทั้งร้านค้า ภัตตาคาร และโรงแรม มีจำนวนผู้มาใช้บริการและมียอดขายที่เพิ่มขึ้น ภาพรวมของธุรกิจในแม่น้ำเจ้าพระยามีการเติบโตขึ้นกว่า 20% มีการลงทุนต่อเนื่องทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ โรงแรมระดับ 5 ดาว โครงการมิกซ์ยูส รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว ภัตตาคาร ร้านอาหาร เรือนำเที่ยว เรือดินเนอร์กลางคืน ฯลฯ ระบบการเดินทางโดยแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น 10-15% เรือด่วนและเรือท่องเที่ยวมีผู้สัญจรทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มจากประมาณ 4 หมื่นคนต่อวันเป็น 5 หมื่นคนต่อวัน เพิ่มขึ้นถึงวันละ 1 หมื่นคน หรือปีละ 3.65 ล้านคน

หนุนธุรกิจชุมชนเติบโตอย่างยั่งยืน

นายอาภรณ์ กุลวัฒโท ประธานสภาวัฒนธรรมเขตคลองสาน กล่าวว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา “ไอคอนสยาม” ได้ช่วยสร้างงานสร้างอาชีพให้แก่คนในพื้นที่ทำให้ไม่ต้องเดินทางออกไปงานทำในพื้นที่อื่น อีกทั้งยังช่วยดึงดูดคนเป็นจำนวนมากให้เข้ามาเยี่ยมเยือนและจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เปลี่ยนพื้นที่ที่เคยถูกมองข้าม หรือถูกลืมเลือนให้กลับมามีชีวิตชีวาและเป็นที่สนใจอีกครั้ง ทั้งยังเปิดเวทีให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่ทำมาค้าขายอยู่ในพื้นที่ ได้มีส่วนร่วมและมีพื้นที่ทำมาค้าขายในโครงการไอคอนสยาม เช่น การเปิดพื้นที่ “โซนธนบุรีดีไลท์” ให้ชาวย่านได้เข้ามาขายอาหารและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นการเปิดโอกาสให้ชาวย่านได้นำของดีคลองสานและธนบุรีทั้งอาหารและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นำเสนอให้เป็นที่ประจักษ์ต่อทุกสายตาจากทั่วประเทศไทยและทั่วโลก

เติมเต็มไลฟ์สไตล์ของคุณในงาน “LIFEiS BEAUTiFUL – NO BOUNDARIES FOR SHARING ” ครั้งแรกในไทย

สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ร่วมกับ บริษัท ไลฟ์อีส กรุ๊ป จำกัด ชวนฟังเพลง ชมงานอาร์ต เติมเต็มไลฟ์สไตล์ของคุณในงาน LIFEiS BEAUTiFUL – NO BOUNDARIES FOR SHARING” ครั้งแรกในประเทศไทย สร้างปรากฏการณ์การรวมตัวกันครั้งสำคัญของกลุ่มคนหลากหลายความสนใจ ทั้งศิลปิน นักร้องชั้นนำ และตัวแทนคนรุ่นใหม่ เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งการแบ่งปันในสังคมไทยและระดมทุนช่วยเหลือวิกฤตผู้ลี้ภัยโลกในปัจจุบัน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 9–10 พฤศจิกายน 2562 ที่ “ลิโด้ คอนเน็คท์”

นอกจากกิจกรรมไลฟ์สไตล์ ศิลปะ ดนตรี ตลาดฟลีมาร์เก็ต (Flea Market) และการตั้งแสดงบ้านพักพิงชั่วคราวรุ่นใหม่ของผู้ลี้ภัยภายในงานทั้งสองวันแล้ว ในวันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน 2562 เวลา 14.00 น. และ 19.00 น. ที่ “ลิโด้ คอนเน็คท์” จะมีคอนเสิร์ตรอบพิเศษในรูปแบบใหม่ที่ไม่ควรพลาด นำโดยศิลปินนักร้องชื่อดังของประเทศไทย “นภ พรชำนิ” พร้อมเพื่อน ๆ วง P.O.P., Yokee Playboy, 2 Days Ago Kids และศิลปินรับเชิญพิเศษอย่าง “Triumphs Kingdom” ที่จะมาร่วมสร้างความสนุกสนานในบรรยากาศแบบอบอุ่นเป็นกันเอง เพื่อส่งต่อความรักให้กันและกัน ราคาบัตรเริ่มต้น 1,600 บาท และ 2,100 บาท สำหรับบัตรโซน VIP พร้อมรับกระเป๋าผ้า LIFEiS BEAUTiFUL คอลเลกชันพิเศษ 1 ใบ เปิดจองบัตรตั้งแต่วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป ที่ ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือ https://www.thaiticketmajor.com/concert/pass-the-love-fwd-no2-2019.html (มีจำนวนจำกัด) รายได้ทั้งหมดหลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้ UNHCR เพื่อนำไปช่วยเหลือครอบครัวผู้ลี้ภัยจากสงคราม การประหัตประหาร และความขัดแย้งทั่วโลก

ติดตามรายละเอียดกิจกรรมที่น่าสนใจอื่น ๆ และของที่ระลึกในงาน LIFEiS BEAUTiFUL – NO BOUNDARIES FOR SHARING ได้ที่ http://bit.ly/LIFEiSBEAUTiFUL_FB