Airbnb เปิดตัวโครงการที่พักฟรีเพื่อผู้ปฏิบัติงานแนวหน้าในไทย

alivesonline.com : Airbnb ขยายโครงการจัดหาที่พักฟรีให้กับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานแนวหน้า 1 แสนคนทั่วโลกในการต่อสู้กับวิกฤต COVID-19 มายังประเทศไทย พร้อมประกาศเปิดรับเจ้าของที่พักไทยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการโดยต้องปฏิบัติตามระเบียบด้านความสะอาดและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ต่อยอดความร่วมมือกับองค์กรด้านการแพทย์ระดับโลก

นางมิช โกห์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Airbnb เปิดเผยว่า ชุมชน Airbnb ได้ให้ความช่วยเหลือในการจัดหาที่พักให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในช่วงที่เกิดสถานการณ์อันเลวร้ายมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเหตุน้ำท่วมไปจนถึงเหตุแผ่นดินไหว โดยในช่วงสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานแนวหน้ากำลังปฏิบัติงานอย่างหนักเพื่อช่วยเหลือผู้คน Airbnb จึงมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับชุมชนของเราเพื่อสนับสนุนในทุกทางที่เราสามารถทำได้ โดยได้แรงบันดาลใจจากความเอื้อเฟื้อของเจ้าของที่พักคนไทยและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรหลายแห่งที่เราได้ติดต่อเพื่อร่วมกันหาวิธีในการช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่านี้

อย่างไรก็ดี จากการประกาศก่อนหน้าของ Airbnb ที่ได้เปิดตัวแนวคิดริเริ่มการจัดหาที่พักให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ด้านบรรเทาสาธารณภัย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัย จำนวน 1 แสนคนทั่วโลก ซึ่งได้ร่วมมือกับองค์กรระดับโลก อาทิ NHS ประเทศอังกฤษ, Sutter Health ในแคลิฟอร์เนีย, สมาคมแพทย์บาร์เซโลน่า และกระทรวงการเคหะ ฝรั่งเศส นั้น ล่าสุด ได้ขยายโครงการดังกล่าวมายังประเทศไทยเพื่อช่วยจัดหาที่พักที่มีความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานแนวหน้าที่ต่อสู้กับการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โครงการในประเทศไทยซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในเดือนเมษายน ศกนี้ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง Airbnb และเจ้าของที่พักในประเทศไทย นอกจากนี้ Airbnb กำลังมองหาความร่วมมืออื่น ๆ ในการทำงานร่วมกับภาคประชาสังคมและองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อเข้าร่วมสนับสนุนโครงการนี้ สำหรับเจ้าของที่พัก Airbnb ในประเทศไทยที่อยากเข้าร่วมโครงการ สามารถสมัครได้ที่ https://th.airbnb.com/openhomes/covid19relief

ในขณะนี้มีเจ้าของที่พัก Airbnb ทั่วโลกกว่า 1 แสนแห่งตอบรับเข้าร่วมโครงการแล้ว โดยบุคลากรผู้ปฏิบัติงานแนวหน้าสามารถจองที่พักได้ฟรีบนแพลตฟอร์มของ Airbnb ใน160 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก โดย Airbnb ได้ยกเว้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับผู้ปฏิบัติงานแนวหน้า 1 แสนคนแรกที่ทำการจองที่พักผ่านโครงการนี้ ทั้งนี้ หากเจ้าของที่พักเลือกที่จะเข้าร่วมโครงการผ่านแพลตฟอร์ม Open Homes ของ Airbnb ซึ่งจัดทำขึ้นตั้งแต่ปี 2555 เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการที่พักแบบฉุกเฉิน หรือหากเจ้าของที่พักคนใดไม่สามารถให้บริการที่พักแบบไม่คิดค่าใช้จ่ายได้ Airbnb จะช่วยเหลือในการยกเว้นค่าธรรมเนียมการเข้าพักให้ทั้งหมด

ด้าน The Orientale หนึ่งในที่พักบนแพลตฟอร์ม Airbnb ที่ได้ประกาศมอบที่พักฟรีให้กับบุคลากรทางการแพทย์และได้เข้าร่วมโครงการจัดหาที่พักให้กับผู้ปฏิบัติงานแนวหน้าของ Airbnb ดังกล่าว โดย นางสาววรานิษฐ์ ธนพิธวิวัธน์ เจ้าหน้าที่การตลาดและประชาสัมพันธ์ The Orientale กล่าวว่า เราขอเป็นส่วนหนึ่งของพลังเล็ก ๆ ที่จะช่วยสังคมโดยการส่งมอบความห่วงใยผ่านที่พักให้กับบุคลากรทางแพทย์ที่ทำหน้าที่อย่างหนักในการต่อสู้วิกฤต COVID-19 เพื่อประชาชนคนไทยทุกคนพวกเขากำลังทำงานอย่างหนักต่อเนื่องยาวนานหลายสิบชั่วโมงในแต่ละวัน ด้วยความร่วมมือกับ Airbnb เราจึงอยากมอบที่พักอันสะดวกสบายให้กับพวกเขาในช่วงเวลานี้

ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ COVID-19 การเปิดให้บริการที่พักแก่พวกเขาจึงต้องมีแนวทางในการปฏิบัติที่จริงจังและมีมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด Airbnb ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพและความปลอดภัยของคนในชุมชนเป็นอย่างมาก โดยได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เพื่อพัฒนาระเบียบวิธีปฏิบัติสำหรับเจ้าของที่พักที่ให้ความร่วมมือกับโครงการนี้ โดยข้อระเบียบดังกล่าวจะมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอตามข้อกำหนดใหม่ของในแต่ละท้องถิ่น หน่วยงานระดับประเทศ และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC)

ในส่วนตัวอย่างของระเบียบวิธีในการให้บริการที่พักอย่างปลอดภัยที่กำหนดไว้คือ การให้บริการบ้านพักทั้งหลัง การยอมรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยต่าง ๆ รวมถึงการเพิ่มมาตรการการทำความสะอาด การเว้นระยะห่างทางสังคมกับผู้เข้าพัก และการเว้นระยะเวลา 72 ชั่วโมงก่อนการเปิดรับผู้เข้าพักคนใหม่ โดยผู้ที่เป็นพันธมิตรหรือตัวแทนที่เกี่ยวข้องกับ Airbnb จะเป็นผู้ตรวจสอบว่าผู้เข้าพักเป็นผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 จริงและมีความคุ้นเคยกับระเบียบวิธีปฏิบัติด้านความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม เพื่อร่วมสนับสนุนเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานแนวหน้าทุกคนได้มีที่พักที่สะดวกสบายมากขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญยิ่ง Airbnb ได้เปิดตัวแพลตฟอร์มรับบริจาคเพิ่มเติม โดยเงินทั้งหมดจะถูกส่งตรงไปยังองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อช่วยบรรเทาภาวะวิกฤตของ COVID-19 หากผู้สนใจต้องการร่วมบริจาคสามารถเข้าไปที่ https://th.airbnb.com/openhomes/covid19relief?donate

สำหรับโรงพยาบาลและองค์กรต่าง ๆ ที่กำลังหาที่พักให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย ซึ่งเป็นผู้ที่กำลังปฏิบัติงานแนวหน้าในการรับมือกับ COVID-19 อยู่ในขณะนี้ สามารถใช้แพลตฟอร์มของ Airbnb เพื่อหาที่พักได้ที่  https://discover.airbnbforwork.com/covid19-partner-intake-form

 

COCA Share ส่งต่ออาหารเพื่อสุขภาพ ให้ รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ

alivesonline.com : ร่วมส่งต่อกำลังใจ แชร์อาหารเพื่อสุขภาพไปให้ถึงมือคุณหมอใน แคมเปญ “COCA Share สุขใจที่ได้ให้ หนึ่งคนช่วย หลายคนได้” เพียงซื้อ ซาลาเปาหมูแดงเกล็ดหิมะ หรือ ทาร์ตไข่โคคา 1 กล่อง ในราคา 320 บาท ผ่าน Line Official : COCA Restaurant คลิก https://lin.ee/j4GXajU และบริการ COCA Delivery จากนั้น “โคคา สุกี้” จะช่วยแชร์ความสุข ด้วยการร่วมบริจาค “เพิ่มอีก 1 กล่อง” ให้บุคลากรของ โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ รวมถึงอีกหนึ่งกลุ่มผู้เสียสละอย่าง “พนักงานทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ” รอบโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกคน ได้รับประทานอาหารดี ๆ ปรุงสดใหม่ ได้สุขภาพจากทีม #cocashare แบ่งปันกำลังใจให้ทุกคน ร่วมผ่านพ้นวิกฤต COVID-19 ไปด้วยกัน

“โคคา สุกี้” ยังร่วมเติมรอยยิ้มให้ของขวัญทุกกล่องมีค่าขึ้นกว่าเดิม เพราะ อาหารในแคมเปญ #cocashare ทุกกล่อง จะบรรจุในแพ็คเกจจิ้งสุดพิเศษ ด้วยการลงชื่อ ผู้แชร์ความสุขลงบนหน้ากล่อง ให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกคน สัมผัสได้ถึงกำลังใจจากผู้ให้อย่างใกล้ชิด

ผู้สนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับแคมเปญ #cocashare สามารถร่วมแชร์ความสุขกับ “โคคา สุกี้” ได้ทาง Line Official : COCA Restaurant คลิก https://lin.ee/j4GXajU ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ FB : www.facebook.com/COCARestaurant หรือโทร.0 2236 0107, 0 2236 9323

ทั้งนี้ “โคคา สุกี้” ในฐานะเจ้าของแคมเปญ #cocashare จะร่วมบริจาค ซาลาเปาหมูแดงเกล็ดหิมะ และทาร์ตไข่โคคา ให้โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า กรมแพทย์ทหารเรือ เพิ่มอีก 100 กล่อง ในแคมเปญครั้งนี้ด้วย

“แมคโดนัลด์” เสิร์ฟความอิ่ม “เบอร์เกอร์หมู” 4 ชิ้น 99 บาท

alivesonline.com :แมคโดนัลด์” เสิร์ฟความอร่อย หอมกรุ่น อิ่มคุ้ม กับ “เบอร์เกอร์หมู” (Pork Burger) 4 ชิ้น ราคาพิเศษเพียง 99 บาท (จากปกติเริ่มต้น 140 บาท) ฟินจุก ๆ ทุกช่องทาง 11 วันเท่านั้น เริ่มวันที่ 10 เมษายน 2563 – 20 เมษายน 2563 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ตรวจสอบสาขาที่ร่วมรายการคลิก https://www.mcdonalds.co.th/faq

“แมคโดนัลด์” พร้อมส่งมอบความอิ่มอร่อยสุดคุ้มอย่างปลอดภัยแบบไม่ต้องลงจากรถกับบริการ “ไดร์ฟ ทรู” (Drive Thru) เพียงสั่งอาหาร พร้อมบริการรับชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) ผ่านบัตรเครดิต/เดบิต และ e-Wallet เช่น AirPay, Alipay, BluePay, True Money, WeChat, mPay และ Dolfin เพื่อลดความเสี่ยง หลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินและธนบัตร แค่นี้ก็สามารถรับอาหารและอิ่มอร่อยได้อย่างปลอดภัยและสะดวก รวดเร็ว ที่ร้าน “แมคโดนัลด์” สาขาที่ให้บริการ “ไดรฟ์ ทรู” กว่า 70 สาขาทั่วประเทศ ตรวจสอบสาขาได้ที่ https://www.mcdonalds.co.th/faq

ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน Work From Home หรือ ทำงานออนไลน์อยู่ที่บ้าน “แมคดิลิเวอรี” พร้อมส่งตรงถึงบ้านอย่างปลอดภัย แลกซื้อเบอร์เกอร์หมู 4 ชิ้น แค่ 99 บาท เมื่อซื้อเมนูใดก็ได้ไม่มีขั้นต่ำ พิเศษส่งฟรี เมื่อจ่ายผ่านบัตรเครดิต/เดบิต ตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป ตลอดเดือนเมษายน 2563 โทร 1711 เว็บไซต์ https://www.mcdonalds.co.th และแอปพลิเคชัน http://mcd-th.mtel.ws/download รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://www.facebook.com/McThai

*ร่วมบริการทุกช่องทางทั้งซื้อกลับบ้าน “ไดร์ฟ ทรู” โดยบริการจัดส่งถึงบ้านและออนไลน์ รับสิทธิ์แลกซื้อโปรโมชันนี้ เมื่อซื้อเมนูใดก็ได้ ไม่มีขั้นต่ำ

*บริการจัดส่งถึงบ้านให้บริการตั้งแต่ 07.00-20.30 น. ตามสถานการณ์ปัจจุบัน

*ไม่สามารถใช้ร่วมกับการส่งเสริมการขายอื่น ๆ ได้

*บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

“แคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่” เสิร์ฟความอร่อยส่งตรงถึงบ้าน

 

alivesonline.com : ห้องอาหารนิมมาน บาร์ แอนด์ กริล โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ พร้อมบริการส่งอาหารอร่อยสดใหม่ปลอดภัยส่งตรงถึงที่บ้านกับบริการเดลิเวอรี่ (Delivery) เมื่อสั่งขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป ส่งฟรีในระยะไม่เกิน 3 กม.จากโรงแรมฯ (ถนนนิมมานเหมินทร์/ถนนสุเทพ/ถนนศิริมังคลาจารย์) ให้คุณเลือกอิ่มอร่อยกับเมนูหลากหลายทั้งเมนูอาหารฝรั่งและไทย อาทิ อิตาเลี่ยนโฮมเมดพิซซ่า, แฮมเบอร์เกอร์, สลัดผักเพื่อสุขภาพ, บะหมี่ผัดสไตล์ญี่ปุ่น, ผัดไทยกุ้งสด, ผัดซีอิ้ว, ข้าวราดกะเพรา ฯลฯ เปิดรับออเดอร์ทุกวัน เวลา 18.00-21.00น. ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563

ผู้สนใจสามารถโทร.สั่งอาหาร หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ห้องอาหารนิมมาน บาร์ แอนด์ กริล โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ โทร.0 5322 2111 หรือ www.kantarycollection.com

 

“เจียไต๋” ส่งชุดปลูกผัก Farm From Home รับกระแส “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”

alivesonline.com : ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้หลายคนต้องปรับรูปแบบการใช้ชีวิตด้วยการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เพื่อลดการแพร่ระบาดให้วิกฤตินี้ผ่านพ้นไปเร็วไว แต่การอยู่บ้านนาน ๆ อาจทำให้เกิดความรู้สึกเหงา เบื่อหน่าย หรือบางคนอาจถึงขั้นเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล จากการต้องเก็บตัวอยู่บ้านทั้งวัน   

บริษัท เจียไต๋ จำกัด ผู้นำธุรกิจการเกษตรครบวงจรของไทย แนะนำชุดปลูกผักอยู่บ้านปลอดภัย Farm From Home ชุดปลูกแสนสนุกจาก “เจียไต๋ โฮมการ์เด้น” ที่จะทำให้การปลูกผักรับประทานเองเป็นเรื่องง่าย พร้อมเปลี่ยนวันที่แสนจำเจให้กลายเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุก ที่สำคัญแม้จะอยู่บนคอนโดฯ พื้นที่จำกัดก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะใช้พื้นที่น้อย แถมไม่ต้องดูแลมากมาย เพียงไม่นานก็ได้ผักสด อร่อย และปลอดภัยทานกัน

ชุดปลูกผักอยู่บ้านปลอดภัย Farm From Home ใน 1 ชุด ประกอบด้วย

  1. ชุดสนุกปลูกกะเพรา Little Garden ชุดพร้อมปลูกที่จะทำให้การปลูกผักยิ่งเป็นเรื่องง่าย เพียงเปิดกระป๋อง หยอดเมล็ดพันธุ์ และรดน้ำ เท่านี้ก็จะมีกะเพราให้เก็บรับประทานได้ตลอดทั้งปี
  2. พีทมอส 5 ลิตร วัสดุเพาะเมล็ดและต้นกล้าคุณภาพดี สะอาดปราศจากแมลงและเชื้อโรค มีแร่ธาตุที่จำเป็นและเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตของเมล็ดและต้นอ่อน
  3. ถาดเพาะกล้ารักษ์โลก 8 หลุม 5 ชิ้น สามารถย่อยสลายได้โดยธรรมชาติหลังจากการปลูก ช่วยลดขยะพลาสติก และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  4. เมล็ดพันธุ์ผักสวนครัว 4 ชนิด ได้แก่ ผักบุ้งจีนเรียวไผ่ คะน้ายอด กวางตุ้งฮ่องเต้ และไควาเระ ซึ่งล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์คุณภาพ ปลูกง่าย ให้ผลผลิตดี และมีประโยชน์ต่อร่างกาย

ในระหว่างการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ในขณะนี้ นอกจากเรื่องของสุขภาพและโภชนาการแล้ว สุขภาพจิตยังเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจไม่แพ้กัน “เจียไต๋ โฮมการ์เด้น” จึงขอส่งกำลังใจและความห่วงใยผ่านชุดปลูกผัก Farm From Home หนึ่งในนวัตกรรมการเกษตรเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าอย่างยั่งยืนจากเจียไต๋ เพื่อเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสร้างสรรค์ยามว่างที่จะช่วยผ่อนคลายความเหงา  ลดความตึงเครียดและวิตกกังวลในระหว่างที่เราทุกคนกำลังฝ่าฟันวิกฤติ COVID-19 ไปด้วยกัน

ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อชุดปลูกผักอยู่บ้านปลอดภัย Farm From Home (Set A) ได้ในราคาเพียง 249 บาท “เจียไต๋ โฮมการ์เด้น” พร้อมบริการจัดส่งฟรีถึงบ้าน สั่งซื้อได้ทาง www.ct-homegarden.com หรือ Line : @homegarden และ Facebook : Chia Tai Home Garden

“แมคโดนัลด์” ร่วมปฏิญญาจัดส่งอาหารอย่างปลอดภัย

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (ที่ 2 จากซ้าย) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เป็นประธานในพิธีแถลงการณ์ปฏิญญาความร่วมมือในการกำหนดมาตรการความปลอดภัยในการให้บริการจัดส่งอาหารและพัสดุ โดยมี นายปราโมทย์ งามเกริกโชติ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แมคไทย จำกัด ร่วมลงปฏิญญาความร่วมมือ พร้อมนำทีมพนักงานแมคดิลิเวอรีสาธิตขั้นตอนและวิธีการบริการจัดส่งอาหารอย่างปลอดภัย จัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ผิวใสไม่กลัวเสีย ด้วยกันแดดสูตรน้ำจาก KMA

แดดแรงแค่ไหนก็ไม่กลัว KMA UV WATERY PROTECTION SPF50+ PA++++ (เคเอ็มเอ ยูวี วอเตอร์รี่ โปรเทคชั่น เอสพีเอฟ50+ พีเอ++++) ครีมกันแดดสูตรน้ำที่ปกป้องผิวจากรังสี UV และมลภาวะทางอากาศ พร้อมดูแลผิวให้ชุ่มชื้น กระจ่างใส ด้วย น้ำนมฮอกไกโด ปราศจากแอลกอฮอล์ อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว ราคา 320 บาท ที่ COSMETICS SHOP, เคาน์เตอร์ KMA ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป และช่องทางออนไลน์

“INCOMM” จัดแคมเปญ “Free PR สู้ COVID-19”

alivesonline.com : บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด (INCOMM) ที่ปรึกษาด้านการสร้างภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ ร่วมสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นในสังคมที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยจัดแคมเปญ Free PR สู้ COVID-19” นำความรู้และความเชี่ยวชาญไปช่วยเหลือองค์กรที่จัดกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) ที่เกี่ยวกับ COVID-19 โดยอาสาส่งข่าวประชาสัมพันธ์กิจกรรมขององค์กรต่าง ๆ ไปยังสื่อมวลชน พร้อมทั้งจัดเก็บข่าว (Clipping) ที่เผยแพร่ในสื่อต่าง ๆ ให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

แคมเปญ “Free PR สู้ COVID-19” เริ่มตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน 2563 โดยมีเงื่อนไขว่าข่าวที่จะประชาสัมพันธ์จะต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับการช่วยเหลือสังคมในสถานการณ์ COVID-19 และจำกัดจำนวนข่าว 1 ชิ้นต่อ 1 องค์กร

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าร่วมแคมเปญได้ที่ Line Official Account : @500pdopn

[ชมคลิป] “สาดน้ำใจให้ไทยชื่นใจ” แคมเปญสร้างสรรค์สงกรานต์ 63

alivesonline.com : สมาคมนิสิตเก่านิเทศศาสตร์ จุฬาฯ และ “เพื่อนร่วมน้ำใจ” ได้แก่ กลุ่มบริษัท ออมนิคอม มีเดีย กรุ๊ป โอเอมดี และ พีเอชดี บริษัท อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น จำกัด และ บริษัท ไลฟ์อีส กรุ๊ป จำกัด จัดแคมเปญพิเศษ “สาดน้ำใจให้ไทยชื่นใจ” ชวนคนไทยและชาวต่างชาติที่อยู่ในประเทศไทยใช้โอกาสในวันสงกรานต์ 13-15 เมษายน 2563 ส่งมอบน้ำใจและให้กำลังใจกันในยามวิกฤติจากสถานการณ์โรค COVID-19

แคมเปญ “สาดน้ำใจให้ไทยชื่นใจ” เกิดจากแนวคิดของสมาคมนิสิตเก่านิเทศศาสตร์ จุฬาฯ และ “เพื่อนร่วมน้ำใจ” ที่มุ่งหวังให้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ยังคงเป็นช่วงเวลาแห่งความชุ่มชื่นใจ ด้วยน้ำใจของคนไทยทุกคน แม้ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 และทุกคนต้องรักษาระยะห่าง อยู่บ้าน ไม่มีเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ก็ตาม โดยเชิญชวนให้ทุกคนได้มาสาดน้ำใจและส่งมอบกำลังใจให้แก่กัน ด้วยการอัดคลิปวิดีโอ หรือเขียนข้อความแทนใจ แล้วแชร์ลงบนโซเชียลเน็ตเวิร์กของตัวเองได้ทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก ไอจี ทวิตเตอร์ หรือติ๊กตอก พร้อมแทคชื่อคนที่สาดน้ำใจให้ พร้อมติด 2 แฮชแทค คือ 1) #สาดน้ำใจให้ไทยชื่นใจ และ 2) จ่าหน้าถึงผู้ที่ต้องการสาดน้ำใจให้ เช่น #สาดน้ำใจให้คุณหมอชื่นใจ #สาดน้ำใจให้คุณแม่ชื่นใจ เพื่อให้ผู้ที่เราส่งกำลังใจให้ได้รับรู้

พร้อมกันนี้ทาง LIFEiS องค์กรที่ทำงานเพื่อสังคมที่ก่อตั้งโดย “บอย โกสิยพงษ์” – “นภ พรชำนิ” และเพื่อน ๆ ที่ต้องการเห็นสังคมเกื้อกูลกัน ยังได้เปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจ www.facebook.com/lifeisgroup เพื่อรวบรวมน้ำใจที่คนไทยสาดให้กันมาเล่าสู่กันฟัง และรายงานว่าคนไทยส่งน้ำใจไปถึงใครบ้างใน รายการไลฟ์สุดพิเศษ

นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำภาพยนตร์สั้นที่สร้างสรรค์โดย “วิโรจน์ จารุสาร” Jungka Bangkok และเหล่านิสิตเก่านิเทศศาสตร์ จุฬาฯ โดยได้รับเกียรติจาก “โจอี้ บอย” มาเป็นผู้ลงเสียงพากย์ให้ในภาพยนตร์สั้นชุดนี้ เพื่อเติมความชุ่มชื่นใจให้คนไทยในเทศกาลสงกรานต์ 2563 พร้อมเชิญชวนให้ คนไทย มอบ “น้ำใจ” ให้แก่กัน ซึ่งเป็นการฉลองสงกรานต์ที่แตกต่างออกไปจากทุกปี.

รับชมภาพยนตร์สั้น : เฟซบุ๊กแฟนเพจ @nitadechulaalumni https://www.facebook.com/237625699715820/posts/1979404905537882/?vh=e&d=n

รายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติม: เฟสบุ๊กแฟนเพจ @lifeisgroup

“แสนสิริ” กางแผนปั้นยอดขายโครงการแนวราบ 4.5 พันล้านบาท

alivesonline.com : “แสนสิริ” เผยแผนโครงการแนวราบปี 63 ปั้นแบรนด์ “สิริ เพลส–อณาสิริ–สราญสิริ” เจาะกลุ่มเรียลดีมานต์ และคนที่อยากมีบ้านหลังแรก พร้อมรักษาความเป็นผู้นำในแบรนด์ระดับบนด้วยแบรนด์ “บุราสิริ” และ “เศรษฐสิริ” รับกลุ่ม New Demand ชี้เป้าทำเลศักยภาพโครงการแนวราบ “กรุงเทพกรีฑา–วัชรพล–รามอินทรา” เดินหน้าลุย 4 โครงการบ้านเดี่ยวคุณภาพ มั่นใจทำยอดขายแนวราบไตรมาสสองเข้าเป้า 4.5 พันล้านบาท พร้อมยอดขายรวม 8.5 พันล้านบาท

นายอาณัติ กิตติกุลเมธี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากความสำเร็จในการสร้างยอดขายที่สูงที่สุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จนก้าวเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสแรก ด้วยยอดขาย 1.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็นยอดขายจากกลุ่มโครงการแนวราบถึงกว่า 4.8 พันล้านบาท หรือ 44% ของยอดขายที่ทำได้ในไตรมาสแรก สะท้อนความสำเร็จจากการได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าจนส่งผลให้เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน ทั้งยังส่งผลให้สามารถปิดการขายโครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มูลค่าโครงการรวม 1.02 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการสราญสิริ ติวานนท์–แจ้งวัฒนะ, โครงการนาราสิริ โทเพียรี่, โครงการนาราสิริ พุทธมณฑล สาย 1, โครงการนาราสิริ บางนา, โครงการสราญสิริ เกาะแก้ว และโครงการบุราสิริ เกาะแก้ว ภูเก็ต เป็นต้น

สำหรับในไตรมาส 2 บริษัทฯ ได้เตรียมเปิดตัวโครงการแนวราบในปี 2563 จำนวนทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่ารวม 1.52 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 8.6 พันล้านบาท และทาวน์โฮมและมิกซ์โปรเจกต์อีก 6 โครงการ มูลค่ารวม 6.6 พันล้านบาท โดยยังคงยึดมั่นพันธกิจในการเป็นผู้นำตลาดแนวราบใน 3 ปี ภายใต้กลยุทธ์พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย ทั้งการโฟกัสในตลาดกลุ่มใหญ่ที่มีดีมานต์ (Mass Market) ด้วยการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ สิริ เพลส, อณาสิริ และสราญสิริ เจาะกลุ่มเรียล ดีมานต์ และคนที่อยากมีบ้านหลังแรก

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังพร้อมรักษาความเป็นผู้นำในแบรนด์ระดับบน อาทิ บุราสิริ และเศรษฐสิริ เพื่อรับกลุ่ม New Demand จากกลุ่มลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการที่ต้องการมีบ้านใหม่เพื่อแยกครอบครัว หรือต้องการบ้านที่มีพื้นที่กว้างขี้น ซึ่งเป็นผลจากไลฟ์สไตล์ในรูปแบบ Social Distancing นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัวบ้านรูปแบบใหม่ รวมทั้งโครงการในแนวคิดใหม่ในปีนี้ 2563 เพื่อรองรับความต้องการที่ตอบโจทย์ของลูกค้าเฉพาะกลุ่มมากขึ้นอีกด้วย

นายอาณัติ กล่าวอีกว่า ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยว ในปี 2562 มีจำนวนยูนิตเปิดขายในตลาด 2.1 หมื่นยูนิต ขณะที่มีความต้องการ 1.18 หมื่นยูนิต ซึ่งเห็นได้ว่าซัปพลายมีจำนวนน้อยลง ขณะที่ดีมานด์ยังสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ Absorption Rate อยู่ที่ 56% สูงกว่า 3 ปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นว่ายังมีดีมานต์ความต้องการที่สามารถตอบโจทย์และตั้งอยู่ในทำเลที่ลูกค้าต้องการได้ ขณะเดียวกันความต้องการบ้านเดี่ยวในระดับราคา 10-20 ล้านบาท ยังเพิ่มขึ้นสูงสุดในปี 2562 ถึง 7% เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านขายดีที่สุด

ในปี 2563 “แสนสิริ” จึงรุกเปิดแบรนด์ “สิริ เพลส” ที่อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท รวมทั้งแบรนด์เศรษฐสิริ, บุราสิริ และสราญสิริ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคา 10–20 ล้านบาท นอกจากนี้ปัจจัยภายนอกที่มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมาจากการที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 1.25% เป็น 1% ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เคยมีมา นับเป็นการกระตุ้นการลงทุนที่ส่งผลบวกต่อตลาดอสังหาฯ ทั้งกับผู้พัฒนาโครงการและผู้ซื้อ เพราะทำให้ผู้พัฒนาโครงการมีต้นทุนในการพัฒนาโครงการที่ถูกลง และยังเป็นการลดต้นทุนในการกู้ของผู้ซื้ออสังหา ทำให้มีกำลังในการซื้อมากขึ้น รวมถึงความผันผวนของตลาดหุ้น ซึ่งนับเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คนมองหาการลงทุนในรูปแบบอื่นที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าและปลอดภัยกว่าในระยะยาว ซึ่งการลงทุนในอสังหาฯ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

ชี้เป้าทำเลศักยภาพ “กรุงเทพกรีฑา – รามอินทรา – วัชรพล”

นายอาณัติ กล่าวอีกว่า แบรนด์เศรษฐสิริและบุราสิริ ระดับราคา 8–20 ล้านบาท จะเป็นแบรนด์ที่สร้างยอดขายได้ดีในปี 2563 จากการที่กลุ่มลูกค้าระดับบนได้รับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจน้อย รวมทั้งยังมีทั้ง Real Demand และ New Demand ที่กำลังมองหาบ้านที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เพื่อการอยู่อาศัยเองและขยับขยายครอบครัวอีกเป็นจำนวนมาก โดยทำเลที่เป็นที่นิยมของกลุ่มลูกค้าระดับบน ได้แก่ โซนกรุงเทพกรีฑา- รามอินทรา- วัชรพล ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพสำหรับลูกค้าระดับบนคาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีจากการตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) และมีปัจจัยบวกสนับสนุนทั้งในด้านคมนาคมและขนส่งสาธารณะ ใกล้ทางด่วนเชื่อมต่อการเดินทางทุกเส้นทาง แวดล้อมด้วยสถานศึกษา โรงพยาบาลและแหล่งไลฟ์สไตล์ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกวัย

“สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าทำเลนี้ได้รับความนิยมในการอยู่อาศัยคือ ราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโซนรามอินทราและวัชรพลที่ราคาเพิ่มขึ้นจาก 8.8 หมื่นบาทต่อตารางวา ในปี 2558 เป็น 1.275 แสนบาทต่อตารางวา ในปี 2562 หรือเติบโตขึ้นถึง 70% ภายในระยะเวลา 5 ปี ส่วนโซนกรุงเทพกรีฑาก็มีดีมานด์สูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะเป็นทำเลที่ใกล้ CBD ที่สุด พิสูจน์ได้จากการปิดการขายโครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 1 มูลค่าโครงการ 3.6 พันล้านบาท ทำให้เชื่อมั่นว่ายังความต้องการอีกมาก จึงได้เปิดตัวโครงการเศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2 ขึ้นเพื่อรองรับดีมานด์ใหม่ต่อเนื่อง”

นายอาณัติ กล่าวด้วยว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันอาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายของบางโครงการบ้าง แต่สำหรับ “แสนสิริ” ยังคงมียอดขายและยอดเยี่ยมชมโครงการต่อเนื่อง รวมทั้งสามารถทำการขายได้ดี ดังจะเห็นได้จากยอดขายที่เกินเป้าหมายในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งเชื่อว่าในไตรมาส 2 จะมีการตอบรับดีเช่นกัน ด้วยคุณภาพสินค้า ทำเล และโปรโมชันที่พัฒนามาจากความต้องการของลูกค้า

สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวที่ตอบรับดีมานต์ความต้องการในทำเลนี้ ได้แก่ โครงการ “เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2” มูลค่าโครงการ 3.5 พันล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพที่แวดล้อมด้วยระบบคมนาคมที่สะดวกสบาย สามารถเดินทางเข้าสู่ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ได้ง่ายดาย ใกล้กับทางด่วนศรีบูรพาเพียง 2 กม. ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้มซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 เพียง 2.3 กม. ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2563 เพียง 4 กม. ทั้งยังเชื่อมต่อด้วยถนนสายสำคัญต่าง ๆ เข้าสู่เมือง อาทิ ถนนศรีนครินทร์–ร่มเกล้า, ถนนกรุงเทพกรีฑา, ถนนพระรามเก้า–มอเตอร์เวย์, ถนนพัฒนาการ และถนนหัวหมาก ฯลฯ นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสังคมคุณภาพที่ประกอบไปด้วยโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ ไบรท์ตัน คอลเลจ กรุงเทพ ซึ่งอยู่ใกล้เพียง 900 ม. โรงพยาบาลชั้นนำ อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ และการเปิดตัวคอมมูนิตี้มอลล์ในอนาคตที่จะมาเติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและผนึกกำลังเพื่อพัฒนาทำเลสู่การเป็นเมืองเพื่อการอยู่อาศัยที่ดีที่สุด โดยโครงการได้รับการตอบรับที่ดีจนส่งผลให้ปิดการขายโครงการในเฟสแรก มูลค่า 570 ล้านบาท และเปิดการขายในเฟสที่ 2 ต่อเนื่อง

โครงการ “เศรษฐสิริ พหล-วัชรพล” มูลค่าโครงการ 3.7 พันล้านบาท เพียง 5.5 กิโลเมตร ถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม ส่วนต่อขยาย (หมอชิต-คูคต) สถานีสายหยุด ที่สามารถวิ่งตรงเข้าใจกลางเมืองได้ ทั้งสยาม ชิดลม ทองหล่อ โดยไม่ต้องสลับสายรถไฟฟ้า ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2563 โครงการตั้งอยู่บนถนนเทพรักษ์ ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ที่เชื่อมสู่ถนนพหลโยธิน ทำให้การเดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวก นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อถนนหลักอีก 2 เส้นคือ ถนนวัชรพลและถนนรามอินทรา ซึ่งมีความคึกคักในการเป็นย่านที่อยู่อาศัยและแหล่งรวมคอมมูนิตี้ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ทำให้การเดินทางสะดวกอีกด้วย

โครงการ “บุราสิริ วัชรพล” มูลค่าโครงการ 3.4 พันล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลวัชรพลซึ่งเป็นทำเลที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมากว่า 10 ปี โดย “แสนสิริ” นับเป็นผู้บุกเบิกพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวในทำเลนี้ด้วยการเปิดตัวโครงการ “นาราสิริ วัชรพล” ที่เป็นบ้านเดี่ยวโครงการแรกของ “แสนสิริ” นับเป็นทำเลที่มีการเติบโตมากที่สุดอีกหนึ่งทำเลและมีความคึกคักด้านการแข่งขันสูงจากเป็นทำเลทองของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกตอนเหนือ จากความสะดวกในการเดินทางที่สามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้ง่าย

โครงการ “บุราสิริ วัชรพล” ยังตั้งอยู่ใกล้กับถนน สุขาภิบาล 5 ที่รายล้อมไปด้วยทางพิเศษ อาทิ ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และยังอยู่ใกล้เคียงกับวงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก ที่สามารถเดินทางไปยังพื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ ได้ โครงการยังตั้งอยู่ใกล้ กับสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-คูคต) สถานีสายหยุดและสถานีรามอินทรา 31 ที่กำหนดเปิดให้บริการในปี 2563

โครงการ “บุราสิริ ปัญญาอินทรา” มูลค่าโครงการ 3.5 พันล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลย่านปัญญาอินทรา ซึ่ง “แสนสิริ” นับเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรก ๆ ที่เริ่มต้นพัฒนาโครงการในย่านดังกล่าวจนประสบความสำเร็จ ตั้งแต่โครงการเศรษฐสิริ รามอินทรา, โครงการสราญสิริ รามอินทรา, โครงการฮาบิเทีย ปัญญาอินทรา และโครงการพร้อมพัฒน์ ไพร์ม เป็นต้น เนื่องจากโซนที่อยู่อาศัยในย่านดังกล่าวเป็นทำเลที่มีศักยภาพใกล้กับจุดเชื่อมต่อสู่ถนนสายหลัก ทั้งรามอินทรา, พระราม 9, วงแหวนตะวันออก, เกษตร-นวมินทร์, เสรีไทย, วิภาวดี-รังสิต และทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ มีศูนย์การค้ารายล้อมทั้งแฟชั่นไอส์แลนด์, เซ็นทรัล รามอินทรา, เดอะ พรอเมนาด จากการตอบรับที่ดีจึงส่งผลให้มียอดขายโครงการนี้ไปแล้วถึง 70%

นายอาณัติ กล่าวด้วยว่า จากความเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบันและความเข้าใจใน Customer Insight บริษัทฯ ยังได้เปิดตัวแคมเปญในช่วงไตรมาส 2  “แสนสิริผ่อนให้ สูงสุดถึง 24 เดือน” เพื่อช่วยให้ลูกค้ามีบ้านง่าย ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการผ่อนที่อยู่อาศัย สบายใจได้นานตลอดระเวลา 2 ปี และสามารถนำเงินไปใช้จ่ายอื่นได้ เพราะแสนสิริผ่อนให้ ทั้งต้น ทั้งดอก นานสูงสุด 24 เดือน ครอบคลุมถึง 62 โครงการพร้อมอยู่ ทั่วประเทศ พร้อมรับข้อเสนอดี ๆ อีกมากมาย อาทิ ฟรีค่าส่วนกลางนานสูงสุด 1 ปีพร้อมรับ Give Voucher สูงสุด 1 แสนบาท สำหรับโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม และฟรีค่าส่วนกลางนาน 2 ปี สำหรับคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่จาก “แสนสิริ”

“แสนสิริ” ยังได้เตรียมพร้อมรับมือ COVID-19 อยู่เสมอ โดยได้ผนึก “พลัส พร็อพเพอร์ตี้” วางมาตรการเน้นย้ำความปลอดภัยและสุขอนามัยของลูกบ้าน ลูกค้า พนักงานและพันธมิตร ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญ โดยชูแนวทาง “Sansiri Care เพราะเราห่วงใย” เตรียมความพร้อมในการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยยกระดับ 3 มาตรการแบบเต็มขั้น ได้แก่ มาตรการการป้องกัน การดูแล และการรับมือ ครอบคลุมทั้งในด้านความสะอาด, การอำนวยความสะดวกและเตรียมพร้อมรับมือ พร้อมจัดตั้งทีมงานศึกษา และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัยทั้งในโครงการและในทุกสำนักงานขาย เพราะความปลอดภัยของลูกบ้าน และลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด

“ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา และกลยุทธ์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าในกลุ่มเรียลดีมานต์ รวมถึงการเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน ทั้งในด้านคุณภาพ ดีไซน์ รวมถึงการบริการหรือ Sansiri Service จากการมอบบริการที่ดีที่สุดทั้งก่อนและหลังการขาย รวมถึง LIV-24 ที่ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง มาตรฐานแสนสิริที่พร้อมดูแลทุกจุดในโครงการ พร้อมพริวิเล็จมากมายจากแสนสิริ แฟมิลี่ ทำให้เชื่อมั่นว่า บริษัทฯ จะสามารถสร้างยอดขายในช่วงไตรมาสที่สองได้ถึง 8.5 พันล้านบาทตามที่วางไว้ แบ่งเป็นยอดขายโครงการแนวราบ 4.5 พันล้านบาท และยอดขายโครงการคอนโดมิเนียม 4 พันล้านบาท” นายอาณัติ กล่าวในที่สุด