realme X2 Pro Master Edition คว้ารางวัลการออกแบบจากเวทีระดับโลก

alivesonline.com : ผลการตัดสินอย่างเป็นทางการของรางวัล Red Dot Design Award 2020 ซึ่งเปรียบเสมือนรางวัลระดับออสการ์ ของอุตสาหกรรมการออกแบบ ประกาศให้ realme X2 Pro Master Edition สมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงจากแบรนด์สมาร์ทโฟนน้องใหม่ที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลกอย่าง realme คว้ารางวัลชนะเลิศในสาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์ Red Dot Award: Product Design 2020 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของ realme ที่คว้ารางวัลจากเวทีระดับโลกอย่าง Red Dot Design Award

รางวัล Red Dot Design Award ก่อตั้งโดยสมาคมออกแบบแห่งเยอรมนี (German Design Council) เป็นรางวัลการออกแบบอุตสาหกรรมระดับโลกที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมานานกว่า 60 ปี นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่มีขนาดใหญ่และมีอิทธิพลมากที่สุดและเป็นที่รู้จักในฐานะสัญลักษณ์ของการออกแบบที่มีคุณภาพสูง ซึ่งแต่ละผลงานที่ได้รับรางวัลนั้นถือว่าเป็นงานออกแบบที่โดดเด่นและสร้างสรรค์แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

จากความงดงามของสิ่งรอบตัวรอบชีวิต…สู่ผลงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยม

realme X2 Pro Master Edition ได้รับการออกแบบโดยการร่วมมือระหว่าง realme และดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลกอย่าง “นาโอโตะ ฟุคาซาวา” ที่ร่วมกันสร้างสรรค์สมาร์ทโฟนที่มาพร้อมดีไซน์โดดเด่นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

“นาโอโตะ ฟุคาซาวา” ดำรงตำแหน่ง Design Director ของ realme ยึดแนวคิดการออกแบบโดยนำเสนอองค์ประกอบที่เรียบง่ายและแสดงถึงความงามของสิ่งรอบตัวรอบชีวิต โดย realme X2 Pro Master (สี Red Brick และ สี Concrete) ได้รับแรงบันดาลใจจากพื้นผิวของสถาปัตยกรรมรอบตัว โดยผู้ใช้งานจำนวนมากชื่นชอบในดีไซน์ที่ประณีตและเป็นเอกลักษณ์นี้

นอกจากนี้ยังมาพร้อมขั้นตอนการผลิตอย่างพิถีพิถันโดย realme ได้สร้างการพ่นสีแบบ RP ที่กำหนดเองเพื่อให้ได้สีที่สวยงาม เข้ากับเทคโนโลยีการเคลือบกระจก เพื่อให้ได้มาตรฐานการออกแบบระดับสูงตามความคาดหวังของ “นาโอโตะ” โดยมีการขัดและทดสอบมากกว่า 32 ขั้นตอน จนได้ผิวสัมผัสที่เป็นแบบกระจกฝ้านุ่ม อีกทั้งใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ชิปคอมพิวเตอร์ PicoSure ซึ่งมีขนาดเล็กเพียง0.09  มม  เพื่อแกะสลกัและลายเซ็นของเขาลงบน 10ฝาหลังกระจกฝ้าที่มีความแม่นยำการออกแบบอย่างพิถีพิถันใส่ในทุกรายละเอียดและการกำกับด้วยลายเซ็นของคุณนาโอโตะซึ่งเป็นความพิเศษของดีไซน์ในรุ่นนี้ ทำให้เกิดเป็นผลงานชิ้นเอกที่คว้ารางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม

realme X2 Pro Master Edition: Red Brick

realme X2 Pro Master Edition: Concrete

realme Master Edition ความสมบูรณ์ของเอกลักษณ์และดีไซน์เฉพาะตัว

realme Master Edition เกิดจากการจับมือกันระหว่าง realme และ “นาโอโตะ ฟุคาซาวา” ที่ได้ผสมผสานศิลปะจากสิ่งที่คนมองข้ามกับงานศิลปะ Real Design ของ realme การผสมผสานดังกล่าวเป็นการตอกย้ำแนวคิดที่เริ่มจากสิ่งรอบตัว ลดความซับซ้อนและดีไซน์ที่เรียบง่ายและสามารถใช้งานได้จริง โดย Master Edition ทุกรุ่นได้รวบรวมความสวยงามรอบตัว ซึ่งกลายมาเป็นแบบอย่างในอุตสาหกรรมการออกแบบและมอบแรงบันดาลใจให้นักออกแบบได้สร้างสรรค์ผลงานต่อไป

จาก realme X Master Edition (สี Onion และ สี Garlic) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเปลือกหัวหอมและกระเทียม สู่ realme X2 Pro Master Editon (สี Red Brick และสี Concrete) และ realme X50 5G Master Edition (Dot และ Line) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจุดและเส้นของวัสดุโลหะ ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความสวยงามรอบตัวที่ถูกมองข้ามอยู่ โดยมีผู้ใช้งานจำนวนมากรู้สึกประทับใจกับดีไซน์ Master Edition จาก realme และยิ่งไปกว่านั้น realme X Master Edition ยังคว้ารางวัล International CMF Design Supreme Gold Award มาแล้วอีกด้วย

realme X Master Edition: Onion

realme X Master Edition: Garlic

ความต้องการที่จะเป็นผู้นำเทรนด์ด้านการดีไซน์และพร้อมก้าวกระโดดอย่างคนรุ่นใหม่

ในปี 2563 realme มุ่งมั่นที่จะเดินหน้าภายใต้แนวคิด “Dare to Leap” แบรนด์ผู้นำเทรนด์ด้านเทคโนโลยีพร้อมที่จะฉีกกฎและนำความทันสมัยสู่อุตสาหกรรมและการออกแบบควบคู่ไปกับการนำเทรนด์ด้านเทคโนโลยีและดีไซน์ สู่คนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน

ในปัจจุบัน realme ได้ริเริ่มโครงการ “realme Trendsetters” ซึ่งได้เชิญเหล่าผู้นำเทรนด์ด้านการออกแบบ แฟชั่นและดีไซน์เนอร์ในแต่ละแขนงมาร่วมสร้าง Tech Trendsetter ด้วยกัน มากไปกว่านั้น realme ได้สร้างสตูดิโอที่มีการออกแบบภายในที่โดดเด่นอย่าง realme Studio ที่ซึ่งรวบรวมผู้เชี่ยวชาญในด้านการออกแบบ เพื่อสร้างสรรค์สมาร์ทโฟนที่นำความบันเทิงและทันสมัย และผลิตภัณฑ์ AloT เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ โดยรองรับเครือข่าย 5G, ระบบเทคโนโลยี AI Imaging และระบบปฏิบัติการ realme UI ที่จะช่วยให้คุณใช้งานสมาร์ทโฟนได้อย่าง ‘สนุกไม่มีสะดุด’

realme หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสร้างอนาคตกับคนรุ่นใหม่ในฐานะ “ผู้นำเทรนด์ทางด้านเทคโนโลยี” โดยรวมเทรนด์และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันและส่งเสียงให้คนรุ่นใหม่กล้าที่จะทำสิ่งใหม่ ๆ

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://www.facebook.com/realmeTH/

realme X50 5G Master Edition: Dot

realme X50 5G Master Edition: Line

 

 

“นอติลุส” ส่งมื้ออาหารทะเลคุณภาพดูแลบุคลากรทางการแพทย์ รพ.ราชวิถี

นางสาวสุดาทิพ เกียรติศรีชาติ (ที่ 5 จากซ้าย ) กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด (PFG-Pataya Food Group) ภายใต้แบรนด์ นอติลุส, มงกุฎทะเล และ ซีคราวน์ ส่งมอบมื้ออาหารปรุงสดใหม่ ในมื้อกลางวันและมื้อเย็น ให้กับทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ของศูนย์ COVID-19 โรงพยาบาลราชวิถี ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน โดยได้รับความร่วมมือจาก สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งมีทีมนักโภชนาการผู้เชี่ยวชาญด้านคุณภาพอาหารและวางแผนการจัดเมนู โดยมี นางวิไลพรรณ มั่นคง (ลำดับที่ 7 จากซ้าย) และ นางปรารถนา ชมราศี (ลำดับที่ 6 จากซ้าย) ตัวแทนจาก สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ฯ พร้อมด้วยนางลาวัลย์ แจ่มประเสริฐ (ลำดับที่ 4 จากซ้าย) หัวหน้ากลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลราชวิถี ร่วมรับมอบ ณ โรงพยาบาลราชวิถี เมื่อเร็ว ๆ นี้

ซื้อรถเปอโยต์ผ่าน LINE ตอบโจทย์ Social Distancing

alivesonline.com : LINE แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ประกาศความร่วมมือกับ บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ “เปอโยต์” (Peugeot) แบรนด์รถยนต์หรูสัญชาติฝรั่งเศส ในการสร้างมิติใหม่ของการทำธุรกิจและการตลาดผ่าน LINE เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อรถผู้บริหารป้ายแดงไมล์ต่ำ พร้อมนัดหมายเพื่อทดลองขับรถยนต์เปอโยต์ผ่าน LINE ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า การระบาดของไวรัส COVID-19 ได้ส่งผลกระทบทั้งต่อเศรษฐกิจโดยรวมและทุกแวดวงธุรกิจในประเทศไทย หลากหลายภาคธุรกิจเริ่มปรับตัวเข้าสู่การทำการค้าออนไลน์อย่างจริงจังมากขึ้น LINE ในฐานะแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในประเทศไทยด้วยฐานผู้ใช้ 45 ล้านคนในปัจจุบัน พร้อมเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ผลักดันให้ทุกธุรกิจสามารถก้าวเข้าสู่ออนไลน์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมาโดยตลอด

“เปอโยต์ ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ยานยนต์แรกที่ได้ร่วมมือกับ LINE ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการตลาดรูปแบบใหม่ให้กับวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ถือเป็นครั้งแรกของแวดวงธุรกิจรถยนต์ที่มีการใช้ดิจิทัลแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง LINE มาเป็นเครื่องมือหลัก สร้างประสบการณ์ที่ดีในการซื้อขายแบบ Chat Commerce และการบริการลูกค้าผ่าน LINE Official Account ได้อย่างลงตัว นับเป็นตัวอย่างการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้สร้างธุรกิจแห่งอนาคตได้อย่างแท้จริง”

นอกจากจะใช้ LINE Official Account (LINE OA) เป็นช่องทางหลักในการให้บริการและมอบประสบการณ์ที่ดีต่อลูกาแล้ว “เปอโยต์” ยังเป็นแบรนด์ยานยนต์รายแรกที่ได้ใช้เครื่องมือใหม่ล่าสุดของ LINE คือ MyShop มาช่วยเสริมประสิทธิภาพของ LINE OA ให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ทำให้ทีมงานสามารถดูแลระบบสินค้า ดูแลลูกค้าผ่าน LINE ได้รวดเร็วทันใจ ในขณะเดียวกัน ลูกค้าสามารถเลือกซื้อรถยนต์ ติดต่อฝ่ายขาย รวมถึงจ่ายเงินผ่าน LINE OA ได้เสร็จสรรพในที่เดียว เป็นการเปิดมิติใหม่ในภาคธุรกิจให้แก่แบรนด์อื่น ๆ ได้ศึกษาทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

LINE OA: Peugeot Thailand (ID: @peugeotthailand) เปิดให้ผู้ใช้ไทยสามารถเข้าใช้บริการหลัก ๆ ด้วยกัน 2 ส่วนดังนี้

  1. บริการเลือกซื้อรถผู้บริหารป้ายแดงไมล์ต่ำ ลูกค้าสามารถเข้าเลือกดูรายการ “รถผู้บริหาร” ผ่านเมนูในห้องแชท เพื่อดูข้อมูลรายละเอียดรถพร้อมรูป รวมถึงกดจองและสั่งซื้อผ่าน LINE ได้ทันที โดยจะมีที่ปรึกษาการขายติดต่อกลับเพื่อดำเนินการต่อไป
  2. บริการ Test Drive at Home หรือการนำรถให้ทดลองขับถึงบ้าน โดยลูกค้าสามารถเลือกเมนู “ทดลองขับ” ในห้องแชท กดเลือกรุ่นรถที่สนใจ พร้อมแชร์ที่อยู่มาในห้องแชทได้ทันที เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้บริการของลูกค้า อีกทั้งยังส่งเสริมความปลอดภัยให้กับลูกค้าท่ามกลางภาวะที่ทุกคนต้องเว้นระยะห่างจากสังคมหรือ Social Distancing

ภายใต้พันธกิจหลัก คือ Closing the distance เพื่อเชื่อมต่อผู้ใช้ ข้อมูลข่าวสาร และบริการต่างๆ เข้าด้วยกัน LINE จะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบสู่การเป็นแพลตฟอร์มกลางให้ผู้ใช้ไทยสามารถเข้าถึงบริการดีๆ บนแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพได้เช่นนี้ต่อไป

 

 

“ณเดชน์ – BEST EXPRESS” ร่วมจัดส่งอุปกรณ์บริจาครพ.ภาคอีสาน

alivesonline.com : บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการด้านลอจิสติกส์และซัปพลายเชนแบบครบวงจร รวมถึงบริการรับ-ส่งพัสดุด่วนทั่วไทย ภายใต้แนวคิด “ไปไหนไปกัน Everywhere with you” ร่วมเป็นส่วนหนึ่งสนับสนุนบริการขนส่งให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ต้องการความช่วยเหลือด้านอุปกรณ์และสิ่งของจำเป็นต้านไวรัส COVID-19 โดยเป็นอีกช่องทางช่วยส่งต่อให้กับ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ที่ต้องการบริจาคเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือและทำความสะอาด พร้อมด้วยหน้ากากเฟซชิลด์จำนวนมาก ไปยังโรงพยาบาลภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 30 แห่งที่กำลังขาดแคลนอยู่ขณะนี้

นายเจสัน เชียน ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประธานกรรมการ บริษัท เบสท์ โลจิสติกส์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยขณะนี้มีการกระจายสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยตัวเลข ณ ปัจจุบัน จากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 พบว่าผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศกว่า 2,258 ราย ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลกว่า 1,408 ราย ทำให้ BEST Express มีความห่วงใยในภาคประชาชนทั่วประเทศเป็นอย่างมาก ด้วยเราเป็นบริษัทฯ ด้านขนส่งจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญบุคลากรทางการแพทย์และประชาชน จึงต้องการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือ โดยได้มอบกล่อง BEST Express ฟรี ตลอดเดือนเมษายน 2563 จำนวนกว่า 1 หมื่นกล่อง ผ่านศูนย์บริการทั่วประเทศ พร้อมทั้งจัดส่งแบบไม่มีค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องชาวใต้ เฉพาะจังหวัดยะลา นราธิวาส ปัตตานี หาดใหญ่ กระบี่ พังงา ตรัง สตูล สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช (ยกเว้นจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นเขตควบคุม) และลำปาง โดยได้จัดส่งจากจังหวัดที่ระบุข้างต้นถึงโรงพยาบาลทั่วประเทศ

BEST Express ยังร่วมมือกับ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ในการจัดส่งของไปให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์กว่า 30 แห่ง ทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กว่า 50 กล่อง ได้แก่ เจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือและทำความสะอาด จำนวน 50 แกลลอน (แกลลอนละ 5 ลิตร) และหน้ากากเฟซชิลด์ จำนวน 500 ชิ้น บริจาคไปยังโรงพยาบาลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกว่า 30 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลหนองคาย, โรงพยาบาลศรีสะเกษ, โรงพยาบาลชัยภูมิ, โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ อุบลราชธานี, โรงพยาบาลสุรินทร์, โรงพยาบาลประทาย นครราชสีมา, โรงพยาบาลทุ่งฝน อุดรธานี, โรงพยาบาลบ้านเเพง นครพนม, โรงพยาบาลนาขุ่น อุบลราชธานี, โรงพยาบาลซับใหญ่ ชัยภูมิ, โรงพยาบาลสุวรรณภูมิ ร้อยเอ็ด, โรงพยาบาลโคกศรีสุพรรณ สกลนคร, โรงพยาบาลหนองหงส์ บุรีรัมย์, โรงพยาบาลแกดำ มหาสารคาม, โรงพยาบาลเทพสถิต ชัยภูมิ, โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม อุบลราชธานี, โรงพยาบาลพิมาย นครราชสีมา, โรงพยาบาลหนองฮี ร้อยเอ็ด, โรงพยาบาลปากคาด บึงกาฬ, โรงพยาบาลปลาปาก นครพนม, โรงพยาบาลศรีสงคราม นครพนม, โรงพยาบาลห้วยผึ้ง กาฬสินธุ์, โรงพยาบาลโชคชัย นครราชสีมา, โรงพยาบาลหนองกี่ บุรีรัมย์, โรงพยาบาลบ้านใหม่ไชยพจน์ บุรีรัมย์, โรงพยาบาลบ้านม่วง สกลนคร, โรงพยาบาลม่วงสามสิบ อุบลราชธานี, โรงพยาบาลหนองนาคำ ขอนแก่น, โรงพยาบาลศรีเทพ เพชรบูรณ์, และโรงพยาบาลกระบุรี ระนอง ซึ่งถือเป็นโรงพยาบาลที่ให้การช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดอยู่ในขณะนี้ และในครั้งต่อไปมีความตั้งใจที่จะมอบสิ่งของและอุปกรณ์ทางการแพทย์สู้ไวรัส COVID-19 คือ โรงพยาบาลในเขตพื้นที่ภาคใต้ที่กำลังรอความช่วยเหลือ

“แมนพาวเวอร์กรุ๊ป” จัดงาน “IT Career Fest” เปิดรับคนไอทีมืออาชีพ

alivesonline.com : แมนพาวเวอร์กรุ๊ป ประเทศไทย ในฐานะที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญตลาดแรงงานเชิงนวัตกรรมชั้นนำ จัดงาน “IT Career Fest” รวบรวมพร้อมเปิดรับบุคลากรทางด้านในสายงานไอทีมืออาชีพ โดยมีตำแหน่งงานมากมายจากบริษัทชั้นนำทั่วประเทศ อาทิ สายงานนักพัฒนาและโปรแกรมเมอร์ทางด้านนักพัฒนาจาวา (Java Developer) หรือนักพัฒนาแอปพลิเคชันในระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และไอโอเอส รวมถึงยังมีในกลุ่มงานด้าน JR Dynamics AX Developer, System Analyst (.Net / Java) และโปรแกรมเมอร์ระดับอาวุโส (VB.Net / C#.Net) สำหรับสายงานด้าน IT Support เช่น ตำแหน่ง IT Helpdesk Engineer, Service Desk, Senior Software Project Coordinator, Helpdesk นอกจากนี้ ยังมีสายงานด้าน IT Network เช่น ตำแหน่งวิศวกรด้านซอฟต์แวร์, วิศวกรด้านโครงสร้างพื้นฐานไอที, ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านโครงสร้างพื้นฐานและแอปพลิเคชัน (Infrastructure & Application Specialist) และยังมีสายงานด้าน IT Management เช่น ตำแหน่ง IT Director/CTO, Project Manager (AI & Robotic), CRM Implementation Project Manager พร้อมยังเปิดรับบุคลากรไอทีที่เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ (IT Specialist) เช่น ตำแหน่งงาน SAP Consultant (BI & BPC), AI Research Specialist , SAP ABAP Consultant, SAP MM Functional Consultant เป็นต้น ดูรายละเอียดตำแหน่งงานและสมัครงานผ่านทาง www.manpowerthailand.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร.0 2171 2345 ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 เม.ย.63

แจกซิมอินเทอร์เน็ตให้นักศึกษาเรียนออนไลน์ฟรี

alivesonline.com : “กระทรวงการอุดมศึกษาฯ – กสทช.” แจกซิมอินเทอร์เน็ตให้นักศึกษาเรียนออนไลน์ฟรี ทั้งสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน 156 แห่งทั่วประเทศ หวังแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของนักศึกษาในการใช้งานโทรศัพท์มือถือและนักศึกษาขาดความสามารถในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลให้สถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชนทั่วประเทศ จำนวน 156 แห่ง ต้องหยุดการเรียนการสอนที่สถาบันอุดมศึกษา โดยมีนักศึกษาประมาณ 1.6 ล้านคนต้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 นั้น ขณะนี้ สถาบันอุดมศึกษาของรัฐและเอกชน ได้ทำงานร่วมกันเพื่อให้นักศึกษาได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินและเพื่อให้นักศึกษาได้อยู่ในที่พักอาศัยใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กับการศึกษา พร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศต่อไป

ล่าสุด กระทรวง อว. ได้หารือร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา และ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) รวมทั้งกลุ่มผู้ให้บริการการสื่อสารผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของประเทศไทย ทั้ง True, AIS และ DTAC ในการร่วมกันสนับสนุนการเรียนการสอนออนไลน์สำหรับนักศึกษาทั่วประเทศ โดยนักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนในภาคการศึกษานี้ (ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563) จะสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ฟรีผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อเรียนในระบบออนไลน์ซึ่งแต่ละมหาวิทยาลัยได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว ด้วยความเร็ว 4 Mbps ไม่มีลิมิตการใช้งาน เพื่อให้นักศึกษาสามารถเข้าถึงบทเรียน ทำงานและสื่อสารกับอาจารย์ผู้สอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนักศึกษาในสถาบันการศึกษาของรัฐและเอกชนทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของนักศึกษาในการใช้งานโทรศัพท์มือถือให้สามารถเข้าถึงบทเรียนและติดต่อสื่อสารกับอาจารย์ผู้สอนได้

“เป็นที่ทราบกันดีว่านักศึกษาบางส่วนอาจไม่จำเป็น เพราะมีระบบอินเทอร์เน็ตพื้นฐานในที่พักอาศัย (wifi) แต่ยังมีนักศึกษาจำนวนมากที่ขาดความสามารถในการจ่าย โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้ปกครองและนักศึกษาอาจขาดรายได้จากการค้าขายและรับจ้างทำงาน ขณะที่ยังมีภาระด้านอื่น ๆ ในการดำรงชีพ รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการศึกษามีราคาสูง”

ดร.สุวิทย์ กล่าวอีกว่า สำหรับงบประมาณในการสนับสนุนการเรียนออนไลน์สำหรับนักศึกษาดังกล่าว กระทรวง อว. ตระหนักดีว่าภาระการใช้จ่ายงบประมาณขณะนี้ รัฐบาลต้องจัดลำดับความสำคัญอย่างมาก แต่เพื่อให้นักศึกษาได้รับโอกาสในการศึกษาจากรัฐบาล และเป็นการแสดงออกจากรัฐบาลที่ประสงค์จะดูแลประชาชนทุกภาคส่วนโดยเฉพาะนิสิต นักศึกษาคนรุ่นใหม่ ให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงระบบการศึกษาซึ่งเป็นพื้นฐานที่ควรจะได้รับจากรัฐบาล กระทรวง อว. จึงได้เสนอของบประมาณตามจ่ายจริง วงเงินงบประมาณรวมไม่เกิน 240 ล้านบาท โดยงบประมาณดังกล่าวนั้นจะเป็นค่าบริการ เครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ทั้ง True, AIS และ DTAC ความเร็ว 4 Mbps ไม่มีลิมิตเป็นระยะเวลา 3 เดือน

ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องใช้วงเงินมากกว่าจำนวนดังกล่าว สถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้กับนักศึกษาทั้งหมด โดยวงเงินงบประมาณ 240 ล้านบาทนั้น ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย จะพิจารณาจัดสรรตามศักยภาพทางการเงินของแต่ละสถาบันอุดมศึกษา โดยให้ความช่วยเหลือสถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพทางการเงินน้อยที่สุดก่อน เพื่อให้ได้รับงบประมาณอย่างเพียงพอ โดยหลังจากระยะเวลา 3 เดือนแรก สถาบันอุดมศึกษาคาดว่าจะสามารถบริหารจัดการเรื่องดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพเรียบร้อย โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาล

CPN จัดกิจกรรม ALL FOR HEROES อิ่มนี้เพื่อหมอและบุคลากรทางการแพทย์

alivesonline.com : CPN ผนึกพลังพันธมิตรภาคเอกชนครั้งยิ่งใหญ่กว่า 90 แบรนด์ แสดงพลังร่วมใจให้แก่บุคลากรการแพทย์ผู้เป็นฮีโร่สู้ COVID-19 ปล่อยคาราวานรถขนอาหารกล่องกว่า 1 หมื่นชุด ที่ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรแบรนด์อาหารภายใต้กลุ่ม Central Restaurant Group (CRG) และร้านค้าภายในศูนย์ฯ รวมทั้ง ถุงน้ำใจ อาหารแห้ง และน้ำดื่ม รวมกว่า 3 หมื่นชิ้น มอบให้บุคลากรทางการแพทย์ใน 6 โรงพยาบาลที่เป็นโรงพยาบาลหลักที่ดูแลผู้ป่วย COVID-19 ได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช, โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า, โรงพยาบาลรามาธิบดี, โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ภายใต้กิจกรรม “All For Heroes อิ่มนี้เพื่อหมอและบุคลากรทางการแพทย์”

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN กล่าวว่า “ในฐานะที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ อยู่เคียงข้างคนไทยในทุก ๆ สถานการณ์ เป็นเสมือนศูนย์กลางการใช้ชีวิตหรือ “Center of Life” ของผู้คนและชุมชนทั่วประเทศ มาโดยตลอด ในวันนี้ที่คนไทยกำลังเผชิญวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ร่วมกัน จึงได้ชวนพันธมิตร ลูกค้าร้านค้าต่าง ๆ ของเรา และช่วยเป็นตัวกลาง หรือศูนย์กลางในการร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน โดยเราได้ร่วมมือกับพันธมิตรภาคเอกชนกว่า 90 แบรนด์ที่มีความตั้งใจอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือ มอบความห่วงใย และให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นฮีโร่ด่านหน้าที่ต้องต่อสู้กับ COVID-19 อย่างเหน็ดเหนื่อย เราจึงได้ร่วมกันส่งกำลังใจ ร่วมสนับสนุนอาหารและน้ำดื่ม รวมถึงอุปกรณ์ป้องกันที่กำลังขาดแคลน โดยก่อนหน้านี้ เราได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ส่งมอบหน้ากากอนามัยให้บุคลากรทางการแพทย์ตามโรงพยาบาล, กิจกรรมประกอบหน้ากาก Face Shield กว่า 6 หมื่นชิ้น โดยอาสาสมัครพนักงานของศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ ทุกสาขาทั่วประเทศ และกิจกรรมร่วมปรบมือ 5 นาที ส่งเสียงนี้ให้ก้องกังวาลไปถึง “หัวใจ” เพื่อส่งกำลังใจให้ทีมแพทย์และบุคลากรทุกคนที่เกี่ยวข้องที่กำลังปฏิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ นอกเหนือจากกิจกรรมครั้งนี้ เรายังเตรียมส่งมอบถุงน้ำใจอีกชุดให้กับบ้านพักคนชราบางแคต่อไปในอนาคต เพื่อเป็นการให้กำลังใจ และแสดงความห่วงใยใส่ใจทุกภาคส่วนของสังคมไทย เพื่อร่วมกันผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้อย่างดีที่สุด”

 

กิจกรรม “All For Heroes อิ่มนี้เพื่อหมอและบุคลากรทางการแพทย์” ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย รวมกว่า 90 แบรนด์ อาทิ Toyota (Thailand), AIS, AP (Thailand), น้ำดื่มสิงห์, อิชิตัน, มาม่า, ซังซัง, Farmhouse และดัชมิลล์ เป็นต้น มอบอาหารแห้งและน้ำดื่มเพื่อบรรจุในถุงน้ำใจ รวม 3 หมื่นชิ้น และอาหารกล่องกว่า 1 หมื่นชุด ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์อาหารภายใต้กลุ่ม CRG แล ร้านค้าภายในศูนย์ฯ อาทิ Hong Bao, IPPUDO, Greyhound Café, อองตองข้าวซอย, The Pizza Company, แหลมเจริญซีฟู้ด, Sushi Den, ซาลาเปาโกอ้วน, วราภรณ์ ซาลาเปา, Yamazaki, The Alley, FRESH me, Potato Corner และ BUN 101 เป็นต้น โดยอาหารกล่องจะทยอยจัดส่งให้ทั้ง 6 โรงพยาบาล ระหว่างวันที่ 6-15 เมษายน 2563

CPN เปิดตัวบริการใหม่ ONE CALL x ONE CLICK

alivesonline.com : CPN ยกระดับการให้บริการเพื่อดูแลลูกค้าและคู่ค้าอย่างเต็มที่ เปิดตัวบริการใหม่เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการชอปปิงและสั่งอาหารที่จะเปลี่ยนวันที่ยุ่งยากให้เป็นเรื่องง่าย ด้วยบริการ ONE CALL x ONE CLICK แค่คุณขอมา เราก็จัดให้! ครบ-จบ โทรเบอร์เดียว โทร.0 2021 9999 คลิกครั้งเดียว ด้วยการ add LINE CentralLife สะดวก ปลอดภัย ชอปชิมได้ตามใจคุณ รวบรวมร้านค้าร้านอาหารกว่า 1.2 พันร้านทั่วประเทศ ด้วยบริการให้ข้อมูลลูกค้าต่าง ๆ แบบ One Stop Shopping Assistant เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้ พร้อมต่อยอดบริการ Drive Thru ทั่วประเทศทั้ง เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นความท้าทายบทใหญ่ของทีมการตลาด “เซ็นทรัลพัฒนา” ที่จะปรับกลยุทธ์อย่างเหมาะสมและรวดเร็วทันเหตุการณ์ สร้างบริการใหม่ พร้อมกับเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีผลต่อผู้บริโภคอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในด้านการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการบริการ โดยต้องช่วยเหลือคู่ค้าให้ดำเนินธุรกิจผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ซึ่งเปรียบเสมือน “Center of Life for All” หรือ “ศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกคน” โดยเฉพาะทุกคนถือเป็นฮีโร่ร่วมกันต้องช่วยกัน “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” จึงใช้ Marketing Paradigm Shift พลิกวิธีคิดสร้างโอกาส มาช่วยเปลี่ยนวันที่ยุ่งยากของลูกค้าให้เป็นเรื่องสะดวกสบายขึ้น โฟกัสไปที่หัวใจลูกค้า คือความสะดวกสบาย ปลอดภัย และช่วยลดการตึงเครียดของลูกค้าด้วยการชอปปิงบำบัด ดังนั้น ONE CALL x ONE CLICK แค่คุณขอมา เราก็จัดให้! จึงถือเป็นบริการใหม่ที่ “เซ็นทรัลพัฒนา” สร้างขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มที่ง่ายๆ กับ 2 ช่องทางที่ทำให้ทุกวันของคุณง่ายขึ้น เพื่อเป็น One Stop Shopping Assistant ท่ามกลางสถานการณ์นี้โดยเฉพาะ โดยบริการ ONE CALL x ONE CLICK ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลการสั่งอาหารและชอปปิงได้ง่ายขึ้นจาก 1.2 พันร้านในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ด้วยเบอร์ Call Center โทร.0 2021 9999 หรือ Line@CentralLife เริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

เพิ่มความสะดวกสบายให้ชีวิตง่ายขึ้น ด้วย 4 บริการที่รวบรวมไว้ในเบอร์เดียวและคลิกเดียว ได้แก่

1.ต่อสายตรงร้านอาหาร ’ให้’ กับบริการสั่งอาหารแบบ Take Away และนัดเวลารับอาหาร หรือสินค้าที่ลูกค้าสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ที่จุดรับสินค้า

2.ส่งของ ’ให้’ ถึงรถ กับบริการ Drive Thru ลูกค้าสามารถสั่งสินค้าหรืออาหารแล้วนัดเวลา ขับรถมารับได้เลยโดยที่ไม่ต้องลงจากรถ สะอาดปลอดภัยและสะดวกสุด ๆ

3.จัดส่ง ’ให้’ กับบริการ Delivery ส่งอาหารและสินค้า ถึงบ้าน (เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ)

4.หาข้อมูล ’ให้’ กับบริการข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลาเปิด-ปิดศูนย์ฯ รายชื่อร้านค้าที่ยังเปิดบริการ เบอร์โทรร้านค้าต่าง ๆ ที่สามารถสั่ง Delivery หรือ Take Away ได้ จุดสั่งอาหารของแต่ละสาขา รวมถึงจุดบริการ Drive Thru

 

ก่อนหน้านี้ “เซ็นทรัลพัฒนา” ได้นำร่องเปิดตัวบริการ Drive Thru Pick Up ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ไปก่อนหน้านี้  เพื่อช่วยเหลือลูกค้าและร้านค้าด้วยการจับมือกับ Key Anchor ให้บริการดังกล่าวเป็นรายแรกในภูเก็ต นอกเหนือจากการที่ศูนย์ฯ ยกเว้นค่าเช่าให้ร้านค้าที่ไม่มีรายได้ตามนโยบายของบริษัทฯ โดยล่าสุดได้ผนึกกำลังกับ BU ต่าง ๆ ของ “เซ็นทรัลกรุ๊ป” ได้แก่ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, ซูเปอร์สปอร์ต, บีทูเอส และออฟฟิศเมท ผลักดันโมเดล Drive Thru ไปใช้ในอีกหลายสาขาทั่วประเทศ โดยโมเดล Drive Thru นี้ยังจะถูกนำไปปรับใช้เพื่อช่วยซัปพอร์ตร้านค้า Tenants รายอื่น ๆ ที่สนใจเข้าร่วมแคมเปญต่อไป และเพื่อยกระดับการชอปปิงของลูกค้าให้เรื่องที่ยุ่งยากกลายเป็นเรื่องง่าย จะสั่งสินค้าหรือสั่งอาหารจากร้านใดแบรนด์ใดก็รับของได้ง่าย ๆ ทันที

บริการ Drive Thru ทำได้ง่ายผ่าน 3 ขั้นตอน คือ

1.Order : ใช้บริการ ONE CALL x ONE CLICK เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่และแจ้งชื่อร้านค้าหรือร้านอาหารที่ต้องการ

2.Drive Thru : ขับรถเข้ามาที่จุด Pick up point ตามเวลาที่นัดหมาย

3.Pick up : รับสินค้าและชำระเงินตามที่ได้ตกลงกับร้านค้า

ก่อนหน้านี้ “เซ็นทรัลพัฒนา” ยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจนได้รับการพูดถึงในทางที่ดีในโลกโซเชียลและได้รับการนำเสนอข่าวจากสำนักข่าวต่าง ๆ จากทั่วโลก สะท้อนให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ของเบอร์หนึ่งศูนย์การค้าของไทยที่รู้จักปรับตัวให้ทันสถานการณ์ ด้วยจากการนำเทรนด์ Social Distancing มาใช้จัดระเบียบการให้บริการ Food Delivery & Take Away Pick Up Counter โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้า พนักงานรับส่งของ และผู้ใช้บริการทุกคน พร้อมทั้งยังมีการแจกน้ำดื่มฟรีให้กับพนักงานรับส่งอาหาร และรณรงค์การดูแลตนเองด้วยการล้างมือบ่อย ๆ – ใส่หน้ากากป้องกัน – นั่งห่าง ๆ กัน – ทำความสะอาดมือถือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้ง รวมถึงการลดการชำระเงินด้วยเงินสด อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ นอกจากจะเป็นการยกระดับการให้บริการให้เหนือไปอีกขึ้นแล้ว ยังได้เป็นการช่วยลูกค้าในการเยียวยาจิตใจและช่วยเสริมสร้างการสร้างความสุขขณะอยู่บ้านในช่วงวิกกฤติและช่วยส่งเสริมยอดขายให้ร้านค้าในศูนย์ฯ ทางอ้อม เพื่อช่วยเหลือพนักงานหน้าร้านให้ยังมีรายได้และช่วยกระตุ้นยอดขายของร้านค้าและเศรษฐกิจในประเทศให้ขับเคลื่อนต่อไปได้.

“แอดไวซ์ฯ” เจาะพฤติกรรมนักชอปออนไลน์ “รับเคลม-ซ่อมด่วน”

alivesonline.com : ผู้นำและศูนย์รวมอุปกรณ์ไอทีครบวงจร “แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท” ส่งบริการ รับ “เคลม – ซ่อมด่วน” ถึงบ้านลูกค้า เริ่มต้น 100 บาท พร้อมผลักดันช่องทางออนไลน์ รับมือสถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 เสริมการทำงานของภาคธุรกิจและพนักงานที่ทำงานอยู่บ้าน รวมถึงผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องใช้อุปกรณ์ไอที

นายจักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิตภัณฑ์ การขายและการตลาด บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด ผู้นำและศูนย์รวมอุปกรณ์ไอทีครบวงจรที่มีสาขาครอบคลุมกว่า 350 สาขาทั่วประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งรัฐบาลประกาศขอความร่วมมือให้ภาคธุรกิจปรับรูปแบบการทำงานเป็น Work From Home และงดการออกจากบ้านเพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัส ภาคธุรกิจจึงมีการปรับตัวและการให้บริการเป็นรูปแบบออนไลน์มากขึ้นนั้น ในส่วนของ “แอดไวซ์ฯ” จึงได้ผลักดันช่องทางการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ในรูปแบบ B2B ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารกับดีลเลอร์รายย่อยและมีการพัฒนาโปรแกรม B2C อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าปลีกที่มีพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป

ล่าสุดยังจัดให้มีบริการพิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าไอทีที่สะดวกและปลอดภัย ในช่วงสถานการณ์นี้ด้วย “Advice Easy Online Shopping ปลอดภัย ชอปง่าย ได้สินค้าตรงปก” โดยลูกค้าสามารถเลือกชอปสินค้าในแต่ละสาขาผ่านช่องทางการแชทคุยกับเจ้าหน้าที่สาขาผ่านแอปพลิเคชัน Line หรือ Messenger ของเฟซบุ๊กเพื่อสั่งสินค้า โดยสามารถขอดูรูปสินค้า หรือวิดีโอคอลในการเลือกซื้อสินค้าก่อนตัดสินใจซื้อเพื่อแก้โจทย์สำหรับลูกค้าที่ไม่กล้าชอปออนไลน์ เนื่องจากกลัวสินค้าไม่ตรงปก หรือไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

นอกจากนี้ ยังสามารถเลือกช่องทางการรับสินค้าแบบมารับที่สาขา โดยทางพนักงานจัดเตรียมสินค้าที่สั่งซื้อแพ็คใส่ถุงเมื่อลูกค้ามาถึงจะรับสินค้าไปได้เลย หรือเลือกบริการให้ “แอดไวซ์ฯ” จัดส่งให้ที่บ้าน โดยสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.advice.co.th/easyonline พร้อมส่งฟรีถึงบ้าน รวมถึงโปรโมชันซื้อครบ 3,000 บาท แถมฟรี Advice T-Shirt Limited Edition มูลค่า 490 บาท

นอกจากนั้น ยังจัดให้มีบริการพิเศษสุดสำหรับงานบริการลูกค้าหลังการขายให้ลูกค้าสะดวก-สบาย-ไม่ต้องเดินทางเพื่อดูแลและเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าทุกบ้าน ด้วยค่าบริการเริ่มต้นเพียง 100 บาท โดยลูกค้าสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่ โทร.0 2547 0019 Line : @adviceservice (มี @ ) ในบริการ 3 ส่วน ได้แก่

1.Claim at Home ดูแลด้วยใจ ห่วงใยถึงบ้าน : จ่าย100 บาท บริการรับของเคลมถึงบ้าน รวมค่าขนส่งไป-กลับ

2.Pickup & Return สะดวก สบาย ไม่ต้องเดินทาง : จ่าย 100 บาท บริการรับเครื่องมาซ่อม รวมค่าขนส่งไป-กลับ

3.Express Repair ซ่อมด่วนทันใจ ถึงบ้าน : บริการซ่อมด่วนนอกสถานที่ค่าบริการเริ่มต้นที่ 300 บาทต่อเครื่อง

นายจักรกฤช กล่าวด้วยว่า แม้จะไม่มีวิกฤติ COVID-19 แต่ “แอดไวซ์ฯ” ได้วางยุทธศาสตร์และเป้าหมายในปี 2563 โดยเน้นธุรกิจออนไลน์น์มาตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมาซึ่งเริ่มทำตลาดในเว็บไซต์ของ “แอดไวซ์ฯ” เพื่อรองรับกับสาขาของแฟรนไชส์ในต่างจังหวัด ซึ่ง “แอดไวซ์ฯ” จำเป็นต้องกำหนดกลยุทธ์ที่จะผลักดันฐานตลาดกลุ่มนี้ให้เติบโตควบคู่กันไปด้วย แต่จากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงและพฤติกรรมของผู้บริโภคทำให้ต้องกำหนดตำแหน่งของกลุ่มลูกค้า (Consumer Base) ให้ชัดเจนขึ้น โดยได้ร่วมกับมาร์เก็ตเพลสชั้นนำคือ Shopee และ SCG โดยขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจารายละเอียดเพิ่มเติมกับ Lazada เพื่อเชื่อมต่อระบบก่อนเปิดใช้บริการเร็ว ๆ นี้

“แอดไวซ์ฯ” ในฐานะผู้นำและศูนย์รวมอุปกรณ์ไอทีครบวงจร ย้ำจุดเด่นด้านที่ปรึกษาด้านไอที “นึกถึง IT นึกถึง ADVICE ครบจบในทีเดียว” สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1602 หรือคลิก https://www.advice.co.th และ Fanpage : AdviceClub และ Line : @AdviceClub

“นมวัวแดง” ดันยอดขายผ่านแพลตฟอร์ม Lazada – Shopee

alivesonline.com : “มนัญญา”สั่ง อ.ส.ค. COVID-19 หนุนมาตรการลดผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานและโรงงานนม 5 แห่งทั่วประเทศ ด้าน อ.ส.ค. เตรียมหั่นงบการตลาด 20% พร้อมปรับทัพอัดงบส่งเสริมการขายผ่านแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee ดันยอดขาย “นมวัวแดง” ช่วงวิกฤติเพื่อครองมาร์เก็ตแชร์เจ้าตลาดนมในประเทศ

นายสุชาติ จริยาเลิศศักดิ์ รองผู้อำนวยการทำการแทนผู้อำนวยการ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) เปิดเผยว่า อ.ส.ค. ได้รับมอบหมายจาก นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้เร่งวางมาตรการรับมือเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ครอบคลุมทุกมิติอย่างเร่งด่วนภายใต้มาตรการรับมือ COVID-19 อาทิ มาตรการด้านการส่งเสริมโคนม, มาตรการด้านอุตสาหกรรมนม, มาตรการทางด้านการตลาด, มาตรการด้านคุ้มครองสวัสดิภาพพนักงาน/เจ้าหน้าที่, มาตรการคุ้มครองผู้บริโภค, มาตรการดูแลตัวแทนจำหน่าย, มาตรการโรงงานผลิตภัณฑ์นมของ อ.ส.ค. ทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย เชียงใหม่ สุโขทัย ขอนแก่น สระบุรี และปราณบุรี รวมทั้งได้เร่งปรับกลยุทธ์ทางด้านการตลาดเพื่อรักษาและปกป้องตลาดผลิตภัณฑ์นมไทย-เดนมาร์คให้มีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพเพื่อให้กระทบต่อยอดจำหน่ายน้อยที่สุด

“รัฐมนตรีมนัญญา ได้กำชับให้ อ.ส.ค. เข้มงวดกับสำนักงาน อ.ส.ค. ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคและเจ้าหน้าที่ อ.ส.ค. อย่างเคร่งครัด โดยมีการจัดตั้งจุดคัดกรองในการวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าโรงงาน อีกทั้งจัดหาอุปกรณ์ฆ่าเชื้อ แอลกอฮอล์ 70%  เจลแอลกอฮอล์ล้างมือและหน้ากากอนามัย ให้ผู้ปฏิบัติงานทุกคน เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้กับบุคคลากรในหน่วยงาน เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ปฏิบัติงานและผู้เกี่ยวข้องอาทิ เกษตรกร ผู้บริโภค ตลอดจนการดำเนินงานขององค์กร อ.ส.ค.”

นายสุชาติ กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว อ.ส.ค. ได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยลดงบประมาณด้านโฆษณาและแคมเปญทางการตลาดลงประมาณ 20% จากเดิมปีนี้วางไว้ 200 ล้านบาท แล้วหันไปเพิ่มงบด้านการส่งเสริมการขายแทนเพื่อต้องการลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งปรับตัวให้สอดคล้องกับรายได้และพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนที่กำลังชะลอตัวลงอย่างมาก ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวล้วนส่งผลกระทบการดำเนินธุรกิจของ อ.ส.ค. ในฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารนมที่เป็นสินค้าบริโภคในอนาคตอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่ อ.ส.ค. นำมาใช้ในยุควิกฤติ COVID-19 คือ การหันมาบุกตลาดออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มชอปปิงออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซของลาซาด้า (LAZADA) และช้อปปี้ (Shopee) เพื่อลดช่องว่างระหว่างผลิตภัณฑ์ “นมไทย-เดนมาร์ค” กับผู้บริโภคให้สามารถซื้อสินค้าได้อย่างสะดวก คล่องตัวมากขึ้น พร้อมทั้งจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อาทิ เพียงช้อปออนไลน์ ผ่านทางลาซาด้า (LAZADA) และช้อปปี้ (Shopee) รับทันทีหน้ากากผ้าไทย-เดนมาร์ค 1ชิ้น / 1รายการสั่งซื้อ เป็นต้น ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวถือว่าสอดคล้องกับนโยบาย “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ของรัฐบาลในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ควบคู่การเร่งสื่อสารให้ผู้บริโภคหันมาสานสัมพันธ์ของคนในครอบครัวให้มากขึ้นผ่านการเลือกซื้อและบริโภคผลิตภัณฑ์ “นมไทย-เดนมาร์ค” ที่ผลิตจากน้ำนมสดแท้ 100% ไม่ผสมนมผงที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของคนในครอบครัวแทนการเลือกซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่ไม่จำเป็นต่อสุขภาพ

“อ.ส.ค. จะพยายามหาช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ และทันสมัยเพื่อเพิ่มยอดขายและรักษาการเป็นเจ้าตลาดนมในประเทศไว้ให้ได้ รวมทั้งเร่งผลักดันมาตรการต่าง ๆ ตามนโยบายของ รัฐมนตรีมนัญญา อย่างเคร่งครัด เพื่อลดผลกระทบจากจากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ให้มากที่สุด” นายสุชาติ กล่าวในตอนท้าย