“สวารอฟสกี้” จุดประกายความเจิดจรัสให้คอลเลกชันประจำฤดูใบไม้ผลิ/ร้อน 2020

ในการเปิดตัวคอลเลกชันประจำฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ประจำปี 2020 “สวารอฟสกี้” ยังคงสานต่อภารกิจในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนกล้าที่จะดึงสไตล์และบุคลิกเฉพาะตัวออกมา ผ่านพลังแห่งความเจิดจรัสของคริสตัลสวารอฟสกี้ ภายใต้ธีม #SparkDelight ซึ่งให้ความสำคัญกับพลังและการมองโลกในแง่ดี ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและความสัมพันธ์ของมนุษย์ทุกคน ผ่านประกายเจิดจรัสที่รังสรรค์ให้เกิดช่วงเวลาแสนพิเศษให้ชีวิตของเราสว่างไสวกว่าที่เคย  

‘นาตาลี โคลิน’ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ “สวารอฟสกี้” พูดถึงเบื้องหลังแรงบันดาลใจคอลเลกชันประจำฤดูกาลนี้ว่า

“สำหรับสวารอฟสกี้แล้ว พลังในการทำสิ่งต่าง ๆ เริ่มต้นมาจากการจุดประกายเสมอ โดยในปีพ.ศ.2438แดเนียล สวารอฟสกี้ ผู้ก่อตั้งแบรนด์สวารอฟสกี้ ได้เกิดแนวคิดที่จุดประกายและสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญขึ้น โดยการแนะนำให้ทั่วโลกได้รู้จักและสัมผัสกับความงดงามเจิดจรัสและแสงอันเปล่งประกายจากคริสตัลน้ำงาม ในซีซันนี้เราจะพาทุกคนหวนรำลึกถึงพลังที่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ผ่านคอลเลกชันที่เน้นให้เห็นถึงพลังแห่งรักในทุก ๆ แง่มุม ซึ่งเราอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่า สวารอฟสกี้ทำให้โลกสดใส น่าตื่นตาตื่นใจและนำความอัศจรรย์ใจมาสู่ผู้สวมใส่ในทุก ๆ วันได้”

 เกี่ยวกับคอลเลกชัน

เครื่องประดับของฤดูกาลนี้นำเสนอความสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างเด่นชัด ด้วยดีไซน์รูปลักษณ์ที่ทันสมัย ตั้งแต่สัญลักษณ์ของความรักอันเป็นนิรันดร์ซึ่งทอประกายระยิบระยับสำหรับช่วงวันวาเลนไทน์ ไปจนถึงเครื่องประดับลวดลายดอกไม้ที่จะมาเติมแต่งเวทมนตร์ให้กับวันแม่ ในขณะที่คอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิจะเผยพลังอันแสนอบอุ่น ให้คุณดำดิ่งไปกับสีสันของน้ำทะเลและดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากห้วงมหาสมุทรที่สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์และซ้อนกันได้หลายชั้นเพื่อเพิ่มความเปล่งประกายให้กับทุกลุคที่คุณชื่นชอบ ในขณะที่สไตล์สำหรับฤดูร้อนจะเพิ่มความร้อนแรงและมอบประกายเจิดจรัสถึงขีดสุดผ่านสีสันสดใสอันโดดเด่นในดีไซน์เครื่องประดับสไตล์ทรอปิคอลที่ตกแต่งด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้แสนงดงามประณีตสะกดทุกสายตา

ผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ประจำฤดูกาล

วันวาเลนไทน์ #InfiniteSpark

กลุ่มเครื่องประดับ Swarovski Infinity, Lifelong Heart และ Attract Soulmates คือคอลเลกชันดาวเด่นสำหรับวันวาเลนไทน์ปี 2020 โดยสวารอฟสกี้ได้นำสัญลักษณ์แห่งความรักอันเป็นนิรันดร์ มาตีความใหม่ให้เจิดจรัสแปลกตากว่าที่เคย ด้วยการประดับคริสตัลระยิบระยับตัดกับโทนสีของโลหะเงางามอย่างลงตัว และถึงแม้ว่าความรักจะมีหลากหลายแง่มุม แต่จุดเริ่มต้นของความรักต่างเกิดขึ้นจากพลังแห่งความประทับใจแรกที่แสนอัศจรรย์ ก่อนจะนำไปสู่ความรักนิรันดร์เสมอ

วันแม่ #MakeItMagic

ลวดลายดอกไม้ทอประกายสุกสว่างอยู่บนเครื่องประดับอย่าง Eternal Flower และ Swarovski Sparkling Dance เพื่อเพิ่มความเจิดจรัสให้กับผู้หญิงที่เป็นดั่งหัวใจของเราทุกคน เพราะ “แม่” คือคำจำกัดความของสายสัมพันธ์อันทรงพลังระหว่างแม่และลูก สวารอฟสกี้จึงขอเฉลิมฉลองให้กับเรื่องราวความรักของผู้หญิงแสนมหัศจรรย์ที่จะเติมประกายเจิดจรัส และมอบความรักให้แก่พวกเราทุกคน

 ฤดูใบไม้ผลิ #CrystalAttraction

สวารอฟสกี้ขอเชิญชวนผู้หญิงทุกคนมาดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์ของคริสตัลเม็ดงามและร่วมเดินทางไปค้นพบประกายเจิดจรัสจากภายในของตัวเอง ผ่านเครื่องประดับในกลุ่ม Swarovski Symbolic และ Shell ที่จะมอบความระยิบระยับที่เปี่ยมไปด้วยความหมายให้กับทุกลุค

ฤดูร้อน #TropicalCrush

สำหรับฤดูร้อนนี้ สวารอฟสกี้จุดประกายความปรารถนาของหญิงสาว ด้วยเครื่องประดับที่ได้แรงบันดาลใจจากสถานที่พักร้อนในเขตทรอปิคอลอย่างคอลเลกชัน Tropical และ Stunning พบกับเครื่องประดับรูปทรงแปลกตาที่จะมาเติมความเจิดจรัสด้วยสีสันสดใสให้คุณเฉิดฉายได้ในทุกวัน

สำหรับการบอกเล่าแรงบันดาลใจของแต่ละคอลเลกชันในปี 2020 สวารอฟสกี้ได้นำเรื่องราวของพลังในการใช้ชีวิต ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของประกายที่เจิดจรัส ไปจนถึงประกายเหล่านั้นจุดความสว่างไสวในชีวิตของเราอย่างไร ซึ่งจะถ่ายทอดผ่านผู้หญิงยุคใหม่ที่มีหลากหลายบทบาท และพวกเธอได้สวมใส่เครื่องประดับจากสวารอฟสกี้ในการฟันฝ่าอุปสรรค เพื่อค้นพบพลังและรักแท้ในแบบฉบับของตัวเองผ่านเรื่องราวที่หลากหลาย ตั้งแต่ประภาคารที่ส่องสว่างให้กับความรักอันเป็นนิรันดร์ในวันวาเลนไทน์ ตามมาด้วยลูกรักที่มอบประกายเวทมนตร์ให้กับวันแม่ จากนั้น กูรูด้านคริสตัลของสวารอฟสกี้จะนำคุณเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ของคริสตัลในคอลเลกชันฤดูใบไม้ผลิ ก่อนจะเพิ่มความร้อนแรงให้กับคอลเลกชันฤดูร้อน ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศแถบทรอปิคอล ซึ่งเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์และสีสันที่สดใสโดดเด่น

ข้อความที่บอกเล่าผ่านแต่ละคอลเลกชันนั้น มีใจความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่จะแสดงให้เห็นว่าการสวมใส่เครื่องประดับของสวารอฟสกี้จะช่วยยกระดับพลังเสน่ห์ที่มีอยู่ในตัวของผู้หญิงทุกคน และทำให้โลกของพวกเธอสดใสเปล่งประกายและสุกสว่างกว่าที่เคย โดยเรื่องราวเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดผ่านทางช่องทางดิจิทัล โซเชียลมีเดีย เว็บไซด์ ทีวี และร้านของสวารอฟสกี้ทุกสาขา

แคมเปญโดนใจ “Benz Star Flag Lucky Mouse โชคหล่นทับรับปีหนูทอง”

บริษัท สตาร์แฟลก จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์ “เมอร์เซเดส-เบนซ์” อย่างเป็นทางการ ต่อยอดความสำเร็จกับยอดขายอันดับหนึ่ง ด้วยแคมเปญแรงต่อเนื่องเพื่อส่งมอบความสุขแบบนันสต็อปให้ได้เฮงกันตั้งแต่ต้นปีกับ “Benz Star Flag Lucky Mouse โชคหล่นทับรับปีหนูทอง” แจกทอง ทุกรุ่น ทุกคัน มูลค่าสูงสุดหนัก 10 บาท

ครั้งนี้ “Benz Star Flag” ยังขนทัพยนตรกรรมที่ร่วมรายการมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์, รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และรถผู้บริหาร ป้ายแดง ไมล์น้อย รุ่นไหน ก็มีสิทธิ์รับทองคำสูงสุด 10 บาท พร้อมวารันตีสูงสุด 5 ปี หรือผ่อน 0 % นาน 4 ปี และส่วนลดเงินสดสำหรับ “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี” รุ่นที่ร่วมรายการ

ไม่หมดเพียงเท่านี้ โปรโมชันสุดพิเศษสำหรับศูนย์บริการหลังการขายครบวงจรก็มีอั่งเปาสุดพิเศษมามอบให้กับคุณ เมื่อใช้จ่ายผ่าน Citi PayLite ผ่อน 0 % นาน 6 เดือน และสามารถนำรถเข้ามาตรวจเช็คสภาพฟรี! 70 รายการ และเมื่อนำรถเข้าศูนย์ซ่อมตัวถังและสี รับฟรี! ค่าเสียหายส่วนแรกสูงสุด 1,000 บาท ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่  29 กุมภาพันธ์ 2563

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายขาย โทร.0 2248 6699 ตามวันและเวลาทำการ หรือ www.starflag.mercedes-benz.co.th, Facebook : Benz Star Flag, Instagram @BenzStarFlag Line : @benzstarflag

“แลคตาซอย” ชวนร่วมทริปทำบุญ “ตามรอยบุญสองฝั่งโขง”

บริษัท แลคตาซอย จำกัด ขอเชิญชวนผู้สนใจร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวทำบุญประจำปี “แลคตาซอย แชริตี้ 2020 ตามรอยบุญสองฝั่งโขง หนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์” ในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 22-23 กุมภาพันธ์ 2563 โดยจะนำผู้ร่วมทริปไปทำบุญไหว้พระเสริมมงคลให้กับชีวิต ในวัดและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ณ จังหวัดหนองคาย ได้แก่ วัดพระธาตุบังพวน วัดลำดวน วัดหลวงพ่อพระใส สักการะพระธาตุหนองคายกลางน้ำ สักการะพญานาค ร่วมชมอุทยานเทวาลัย ณ ศาลาแก้วกู่ และข้ามฝั่งโขงไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สักการะพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ ร่วมถวายสังฆทานและสวดมนต์ขอพรที่วัดองค์ตื้อวรวิหาร และผูกข้อมือเพื่อเป็นศิริมงคลที่วัดสีเมือง

ทั้งนี้ รายได้จากกิจกรรมนี้จะนำไปมอบเป็นสาธารณประโยชน์แก่สังคมต่อไป ผู้สนใจร่วมทริปสามารถสมัครผ่านทางอีเมล adminfb2@lactasoy.com หรือไอดีไลน์ @lactasoyclub สอบถาม โทร.08 2452 4477 และ 08 2456 7744 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : LACTASOY รับสมัครจำนวนจำกัด ถึงวันที่ 31 มกราคม 2563

“ธัญญาพาร์ค” ชวนฉลองตรุษจีนรับโชคปีหนูทอง

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! ศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์” ชวนคนไทยเชื้อสายจีน เข้าร่วมกิจกรรม “Thanya Park The Blessing Chinese New Year 2020 : Lucky Year Lucky You” การเฉลิมฉลองเทศการตรุษจีนที่รวบรวมกิจกรรมมาให้ร่วมสนุกมากมาย พร้อมชอปสินค้ามงคล ชิมเมนูเสริมเฮง ท่ามกลางบรรยากาศความสว่างไสวของโคมไฟมงคล ตั้งแต่วันที่ 21-27 มกราคม 2563 ณ ศูนย์การค้า ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์

ภายในงานพบกับกิจกรรมเอาใจวัยจิ๋วถึงวัยเก๋า อาทิ “Little Chinese Contest 2020” การประกวดค้นหาเหล่าอาตี๋อาหมวยสุดน่ารัก ชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท Chinese Workshop” เวิร์คชอปทำพู่จีนอักษรมงคล สัญลักษณ์แห่งความมงคลของชาวจีน สำหรับการตกแต่งบ้านที่จะช่วยให้คนในบ้านเกิดความสุข ร่มเย็น และช่วยเรียกเงินทองเข้าบ้านต้อนรับปีใหม่ พร้อมชมการแสดง Chinese Show” ขับขานบทเพลงจีนเก่าอันไพเราะจากชมรมอนุรักษ์เพลงเก่าวิกปากน้ำและการแสดงศิลปวัฒนธรรมจีน

เพลิดเพลินไปกับการชอปสินค้ามงคลเสริมโชคลาภและชิมเมนูเลิศรสเสริมความเฮงที่มาร่วมเปิดร้านจำหน่าย อาทิ สร้อยหินมงคล ปี่เซี๊ยะ ต้นไม้มงคล เป็นต้น จากนั้นมาอัปรูปสวยลงโซเซียลกับการถ่ายภาพท่ามกลางการตกแต่งในบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่จีนที่อบอวลไปด้วยความสุข และมาเสริมสิริมงคลเริ่มต้นปีให้กับตัวเองด้วยการเดินลอดซุ้ม “อุโมงค์โคมไฟมงคล” สีสันสวยงามตระการตา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความมงคลและโชคลาภ

พิเศษ!!! ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง 21 กุมภาพันธ์ 2563 เพียงซื้อสินค้า หรือใช้บริการภายในศูนย์การค้าฯ ครบ 500 บาท ขึ้นไปต่อใบเสร็จ รับฟรีอั่งเปาส่วนลดมูลค่า 100 บาท สำหรับใช้ซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ภายในศูนย์การค้าครั้งต่อไป

กิจกรรม “Thanya Park The Blessing Chinese New Year 2020 : Lucky Year Lucky You” จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21–27 มกราคม 2563ศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0 2108 6000 หรือติดตามรายละเอียดได้ที่ www.facebook.com/thanyapark

“ทีเส็บ” จัดแคมเปญ “Fly, Meet, Shop” เจาะตลาด CLMV

นางสาวนุช หอมรสสุคนธ์ (กลาง) ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) พร้อมด้วย นายวรงค์  อิศรเสนา ณ อยุธยา (ซ้าย) รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด สายการบิน “บางกอกแอร์เวย์ส” และนางสาวทิพมาศ เกษี (ขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารลูกค้าต่างประเทศ บริษัท เซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ จํากัด

alivesonline.com : “ทีเส็บ – บางกอกแอร์เวย์ส” ดึงแนวร่วมใหม่ “เซ็นทรัล” เปิดตัวแคมเปญ “Fly, Meet, Shop” มอบสิทธิประโยชน์จูงใจนักเดินทางกลุ่มไมซ์ CLMV เข้ามาจัดประชุมองค์กรและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัลในไทย

นางสาวนุช หอมรสสุคนธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการจัดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า จากผลสำเร็จของความร่วมมือระหว่าง “ทีเส็บ” และสายการบิน “บางกอกแอร์เวย์ส” ในการจัดแคมเปญ “Fly and Meet Double Bonus” และ “Fly and Meet Double Bonus Redefined” เพื่อทำตลาดกลุ่มประเทศ CLMV เมื่อปี 2561 และ 2562 ล่าสุดได้ขยายความร่วมมือโดยมีห้าง “เซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์” เข้าร่วมเป็นพันธมิตร ในการเพิ่มบริการและส่งมอบสิทธิประโยชน์พิเศษให้ลูกค้าองค์กรจากทั้ง 4 ประเทศภายใต้แคมเปญ “Fly, Meet, Shop”

จากแคมเปญที่จัดขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมา พบว่า มีนักเดินทางไมซ์ตลาดประชุมและการเดินทางเพื่อเป็นรางวัล หรือ ตลาด MI จากประเทศในกลุ่ม CLMV เดินทางเข้ามา 63 กลุ่ม จำนวนผู้เข้าร่วมงานรวมทั้งสิ้น 20,608 คน คิดเป็นรายได้รวม 1,450.85 ล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโตของตลาด MI จากกลุ่มประเทศ CLMV ดังกล่าว จึงทำให้ ทีเส็บ และ บางกอกแอร์เวย์ส มุ่งหวังที่จะเพิ่มความคุ้มค่าของแคมเปญให้ลูกค้า โดยการดึง เซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ เข้าร่วมมอบสิทธิประโยชน์พิเศษในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าจากสาขาที่มีอยู่มากมายหลายแห่งของเซ็นทรัลฯ ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้แคมเปญใหม่เกิดประโยชน์ทั้งกับผู้ให้บริการในประเทศไทยและลูกค้าจากกลุ่มประเทศ CLMV”

นางสาวนุช กล่าวด้วยว่า มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่ม CLMV จะยังเติบโตในอัตราสูงถึง 6-7% โดย “ทีเส็บ” ได้นำเสนอจุดขายใหม่ของประเทศไทย 115 แห่งที่ได้ร่วมพัฒนากับ 5 เมืองไมซ์ทั่วไทยและเมืองใกล้เคียงผ่านโครงการ “Thailand 7 MICE Magnificent Themes” ที่มีศักยภาพรองรับนักเดินทางไมซ์ในปี 2563 และเชื่อมั่นว่าจุดขายใหม่เหล่านี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและประสบการณ์ที่ทรงคุณค่าให้กับกลุ่มลูกค้าองค์กรในตลาดเป้าหมาย

นายวรงค์  อิศรเสนา ณ อยุธยา รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาด สายการบิน “บางกอกแอร์เวย์ส” กล่าวว่า กลุ่มประเทศ CLMV เป็นหนึ่งในตลาดหลักของสายการบิน เนื่องจากบางกอกแอร์เวย์ส ให้บริการเที่ยวบินจาก 4 ประเทศในกลุ่ม CLMV มายังประเทศไทย โดยให้บริการเต็มรูปแบบที่อำนวยความสะดวกสบายและมีความยืดหยุ่นที่ทางสายการบินเชื่อว่าสามารถตอบโจทย์ความต้องของกลุ่มนักเดินทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี

นางสาวทิพมาศ เกษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารลูกค้าต่างประเทศ บริษัท เซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นท์ สโตร์ จํากัด (CDS) กล่าวว่า ในปี 2562 ตลาดกลุ่มลูกค้าองค์กรธุรกิจของ “เซ็นทรัล” มีการเติบโตมากขึ้นทั้งด้านจำนวนคนและการใช้จ่าย โดยมีกัมพูชามาเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยยอดการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นเกือบ 10% เมื่อเทียบกับปี 2561 โดยปัจจุบัน “เซ็นทรัล” มีสาขาเปิดให้บริการ 24 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมจุดหมายปลายทางหลัก ๆ เช่น กรุงเทพ ภูเก็ต และเชียงใหม่ จัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีหลากหลายแบรนด์ให้เลือก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าแบรนด์เนมที่เป็นที่นิยมในตลาด CLMV ซึ่งพวกเขาจะได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดจากคูปองเงินสดที่ได้รับสำหรับการใช้ซื้อสินค้าต่าง ๆ จากทุกสาขาของ “เซ็นทรัล”

สำหรับแคมเปญ “Fly, Meet, Shop” มุ่งเสนอความคุ้มค่าและอำนวยความสะดวกสบายในการเดินทางให้ลูกค้าองค์กรด้วยสิทธิ์ประโยชน์มากมาย อาทิ เงินสนับสนุน หรือการแสดงทางวัฒนธรรม, บริการช่องทางพิเศษตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินสุวรรณภูมิ, ส่วนลด 10% เมื่อซื้อสินค้าที่จำหน่ายบนเที่ยวบินของ “บางกอกแอร์เวย์ส”, รับบัตรโดยสารฟรี 1 ที่นั่งเมื่อซื้อบัตรโดยสารครบ 30 ที่นั่ง, การจองที่นั่งบนเที่ยวบินสำหรับหมู่คณะ, สิทธิพิเศษในการขึ้นเครื่องเป็นอันดับแรก, ได้รับน้ำหนักสัมภาระเพิ่มเติมท่านละ 10 กิโลกรัมและได้รับสิทธิพิเศษในการบริการเรื่องสัมภาระ (Priority Baggage Tagging) นอกจากนี้ยังได้รับสิทธิประโยชน์ในการเลือกซื้อสินค้าด้วยบัตรคูปองเงินสดอิเล็กทรอนิกส์จาก “เซ็นทรัล” พร้อมของกำนัล

ส่วนเงื่อนไขการรับสิทธิประโยชน์ของแคมเปญ ลูกค้าจะต้องมีกลุ่มขนาด 30 คนขึ้นไป บินสู่ประเทศไทยด้วยสายการบิน “บางกอกแอร์เวย์ส” มีวันพำนักอย่างน้อย 2 คืน หรือมีการจัดงานในสถานที่จัดงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย (Thailand MICE Venue Standards – TMVS) หรือพำนักในโรงแรมที่จดทะเบียนภายใต้พระราชบัญญัติโรงแรม โดยสามารถติดต่อเพื่อขอรับการสนับสนุนได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 15 กันยายน 2563 และมีกำหนดเดินทางภายในวันที่ 30 กันยายน 2563 ข้อมูลเพิ่มเติม ติดตามได้ที่ https://www.businesseventsthailand.com/en/support-solution/meetings-incentives/campaign/flymeetshop

“Maker Faire Bangkok 2020” ร่วมสร้างอนาคต “เมกเกอร์” แห่งทศวรรษใหม่

เมื่อวันที่ 18–19 มกราคม 2563 ณ ลานหน้าศูนย์การค้าเดอะสตรีท รัชดา บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน และกลุ่มเมกเกอร์ในประเทศไทย จัดงาน “Maker Faire Bangkok 2020 : THE FUTURE WE MAKE” มหกรรมการแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์และการรวมตัวของเมกเกอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีเมกเกอร์ชาวไทยและต่างประเทศร่วมแสดงผลงาน สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมหลากหลายแขนง กว่า 60 บูธ พร้อมด้วยเวิร์กชอปอีกมากมายที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้สัมผัสวัฒนธรรมเมกเกอร์และเข้ามามีส่วนร่วมในการเนรมิตอนาคตที่ดีให้แก่ประเทศไทย

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ในฐานะประธานในพิธี เปิดเผยว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) มีเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมให้กับคนไทยในการก้าวไปสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจสามารถจับต้องได้และใช้ได้จริงซึ่งเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศไทยในปัจจุบัน

องค์ประกอบที่จะทำให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายและช่วยวางรากฐานประเทศสู่อนาคตได้คือ การสร้างและพัฒนาคนให้เป็น Smart Citizen ซึ่งไม่ใช่เพียงทำให้เยาวชนเก่งขึ้น แต่ต้องปลูกฝังลักษณะนิสัยและความรู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาขา STEM หรือการเรียนรู้ด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพื่อให้พร้อมรับมือกับโลกในศตวรรษที่ 21 ซี่งกระทรวงฯ มีโครงการ KidBright ที่ทำให้เกิดนวัตกรรุ่นใหม่ สตาร์ทอัป และมีการทำงานร่วมกันในหลาย ๆ ศาสตร์ อาทิ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม การตลาด การออกแบบ เป็นต้น ต่อยอด Maker Nation ไปสู่การเป็น Coding Nation และก้าวไปสู่การเป็น Smart Nation

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ “ยุวชนสร้างชาติ” ที่เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยมีเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย โดยอาศัยพลังของยุวชนวัยหนุ่มสาวในรั้วมหาวิทยาลัยและบัณฑิตจบใหม่มาช่วยขับเคลื่อนประเทศผ่าน 3 โครงการย่อย ประกอบด้วย 1.โครงการยุวชนอาสา 2.โครงการบัณฑิตอาสา และ 3.โครงการกองทุนยุววิสาหกิจเริ่มต้น ซึ่งเน้นการเรียนรู้ สร้างประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน คิด-วิเคราะห์ รวมทั้งบูรณาการหลาย ๆ สาขาศาสตร์วิชาเข้าด้วยกัน เพื่อใช้นวัตกรรมลดความเหลื่อมล้ำของชุมชน อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาและบัณฑิตจบใหม่เป็นตัวกลางในการนำความรู้และเทคโนโลยีไปถ่ายทอดให้ชุมชนพัฒนาพื้นที่ชนบท โดยมีมหาวิทยาลัยสนับสนุนองค์ความรู้และเทคโนโลยีพร้อมใช้งาน ส่งเสริมให้เกิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์และผู้ประกอบการยุคใหม่ รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีทั้งทักษะทางวิชาการ (Hard Skill) และทักษะทางอารมณ์และสังคม (Soft Skill) รวมทั้งมีคุณธรรม จริยธรรม ความรับผิดชอบต่อสังคม และศักยภาพที่จะดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21

ดร.สุวิทย์ กล่าวด้วยว่า โครงการยุวชนสร้างชาติถือเป็นการลงทุนทางสังคมที่แม้จะไม่ใช่การลงทุนในเชิงโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หรือนโยบายทางด้านการเงินการคลังที่สามารถวัดประเมินผลได้ด้วยตัวชี้วัดเชิงปริมาณ แต่เป็นการขับเคลื่อนองคาพยพของทุกภาคส่วนเพื่อหล่อหลอมและจรรโลงจิตสำนึกสาธารณะความเป็นพลเมืองไทยและความภูมิใจในทรัพยากรของชาติให้บังเกิดขึ้นในยุวชนรุ่นใหม่ และจะเป็นมาตรการพยุงสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบางในปี 2563 ตามที่ สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า จะมีบัณฑิตตกงานประมาณ 5 แสนคน ด้วยการดึงบัณฑิตตกงานออกมาช่วย 5 หมื่นคน หรือ 10% ทำงาน 1 ปี ได้คนละ 1.5 หมื่นบาท ถือเป็นการลดภาระให้กับสังคมและยังถือเป็นการลงทุนทางสังคมด้วย เพราะทั้งช่วยลดอัตราการว่างงานและช่วยหยิบยื่นโอกาสให้เด็กจบใหม่ได้เรียนรู้จริง โครงการนี้จึงเป็นการลงทุนทางสังคมที่จะทำให้คนรุ่นใหม่เป็นผู้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างสร้างสรรค์และเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อผู้อื่นอย่างแท้จริง

ทางด้าน นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า “เชฟรอน” ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนซึ่งเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาของประเทศ จึงมุ่งส่งเสริมให้วัฒนธรรมเมกเกอร์ในประเทศไทยเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักของการพัฒนาประเทศในอนาคต ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมความสนใจในวัฒนธรรมเมกเกอร์ให้กับเยาวชน ภายใต้โครงการ Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต เช่น การประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับเมกเกอร์เยาวชน Young Makers Contest เวิร์กช็อปนักประดิษฐ์รุ่นเยาว์ Enjoy Maker Space และการจัดงานเมกเกอร์แฟร์ ซึ่งได้รับความสนใจจากเมกเกอร์ และเยาวชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นงานเมกเกอร์แฟร์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“เชฟรอนเชื่อว่ากิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนเหล่านี้จะมีส่วนช่วยจุดประกายความสนใจและแรงบันดาลใจในการเป็นเมกเกอร์ให้กับเยาวชน ให้พวกเขากล้าคิดและลงมือเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์สู่ผลงานจริง ตลอดจนเกิดความสนใจศึกษาในสาขา STEM อันเป็นสาขาที่มีความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในระยะยาวซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของโครงการ”

 

ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า สวทช. มีหน้าที่ในการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อเตรียมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ในหลายปีที่ผ่านมา “วัฒนธรรมเมกเกอร์” มีบทบาทในการส่งเสริมการเรียนในสาขา STEM ที่สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำการทดลอง และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่นำไปต่อยอดเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง โดย สวทช. เห็นถึงความสำคัญของวัฒนธรรมเมกเกอร์นักสร้างสรรค์นวัตกรรม ฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของคนในชาติ ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี เกิดเป็น “เมกเกอร์เนชั่น” จึงมีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท เชฟรอน ประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด และหน่วยงานพันธมิตร ผ่านทางการจัดงาน “เมกเกอร์แฟร์” ที่เป็นส่วนหนึ่งโครงการประกวดสิ่งประดิษฐ์สำหรับเมกเกอร์รุ่นใหม่ Enjoy Science : Young Makers Contest ระดับนักเรียน-นักศึกษา ทั้งสายสามัญและสายอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Chevron Enjoy Science : สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต” เพื่อส่งเสริมเด็กและเยาวชนในการเรียนรู้ด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ และปลูกฝังให้เกิดการคิดสร้างสรรค์และการลงมือทำจริง โดยในปีนี้จัดการประกวดในหัวข้อ “Social Innovation: นวัตกรรมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน” มีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดกว่า 400 ทีม ทีมผู้ชนะการประกวดจะได้รับรางวัลทุนการศึกษา มูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านบาท นอกจากยังมีกิจกรรมและพื้นที่ให้เหล่าเมกเกอร์ได้มาพบปะแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ซึ่งจะเป็นการแรงบันดาลใจให้เยาวชนคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเมกเกอร์ในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศไปสู่ความเป็นเลิศทางด้าน วทน. และก้าวไปสู่ “Smart Nation” ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างยั่งยืนต่อไปก้าวไปสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างมั่นคงต่อไป

ด้าน ดร.กฤษชัย สมสมาน หนึ่งในเมกเกอร์คนไทยผู้ร่วมผลักดันเมกเกอร์แฟร์ กล่าวเสริมว่า งานเมกเกอร์แฟร์มีบทบาทสำคัญมากในการสนับสนุนให้คนไทยมีความกล้าที่จะลงมือทำ หรือสร้างสรรค์ผลงานด้วยตัวเอง นอกจากนี้ งานเมกเกอร์แฟร์ยังถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่เมกเกอร์จากทั่วประเทศไทยและจากต่างประเทศมารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดประสบการณ์ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นคุณสมบัติของเมกเกอร์แล้ว ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้วงการเมกเกอร์มีการเติบโตอีกด้วย จากที่ผ่านมา เราได้เห็นผลกระทบที่สำคัญ คือผู้ที่เคยมาร่วมงานเมกเกอร์แฟร์ในฐานะผู้ชมจะกลายมาเป็นผู้นำเสนอผลงานภายในงานปีต่อไป แล้วช่วยกันเผยแพร่แนวคิดของตัวเองเพื่อจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าร่วมงานอยากมาเป็นเมกเกอร์กันมากยิ่งขึ้น

สำหรับงาน Maker Faire Bangkok 2020 มีการแสดงผลงานของเมกเกอร์ชาวไทยและต่างประเทศกว่า 60 บูธ อาทิ การแข่งขันรถจิ๋ว AI การประลองหุ่นเห่ย HEBOCON ดาบอัศวินเจได หุ่นยนต์แปลงร่าง และโดรนดำน้ำ ฯลฯ และขบวนอิเล็กทริคพาเหรดที่เปรียบเสมือนไฮไลท์สำคัญประจำงานที่สร้างบรรยากาศความสนุกสนานและแสงสีอันน่าตื่นเต้นในยามค่ำคืนแก่ผู้มาร่วมงานทุกคน พร้อมด้วยกิจกรรมเวิร์กชอปอีกหลายรูปแบบให้เลือกเข้าร่วมได้ตามอัธยาศัย

นอกจากนั้น ยังมีการประกาศผลและมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศโครงการ Young Makers Contest ปี 4 การประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ของนักเรียนสายสามัญและอาชีวะ ภายใต้หัวข้อ “ Social Innovations : นวัตกรรมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน โดยผู้ชนะเลิศได้รับทุนการศึกษาและสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานเมกเกอร์แฟร์ระดับโลกที่ต่างประเทศอีกด้วย โดยในวันที่ 18 มกราคม 2563 มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1.8 พันคน และมียุวชนอาสา อว. เข้าร่วมงานมากกว่า 1 พันคน

 

“ไวส์ โลจิสติกส์” ขยายฐานลูกค้าลอจิสติกส์

alivesonline.com : “ไวส์ โลจิสติกส์” ตั้งเป้ารายได้ปี 63 โต 20% แตะ 2.7 พันล้านบาท ชูกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าอุตสาหกรรมการบิน พร้อมนำเข้าสินค้าค้าปลีก ลุยขยายงานร่วมกับบริษัทในเครือ อัฐานลูกค้าตลาดจีน ปั๊มรายได้เข้าพอร์ต เน้นเพิ่มความสามารถการทำกำไร ส่องภาพรวมธุรกิจลอจิสติกส์สดใส โชว์จุดแข็งบริการครบวงจร มีเครือข่ายรองรับทุกประเทศการค้าสำคัญ

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการลอจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวม 2.7 พันล้านบาท เติบเติบโต 20% ถือเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวรายได้ของ WICE เนื่องจากธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทฯ ที่ได้เข้าไปลงทุนขยายเครือข่ายลอจิสติกส์ก่อนหน้านี้ ทั้ง WICE Logistics (Singapore) Pte.Ltd. (WICE SG) ,WICE Logistics (Hong Kong) Ltd. ( WICE HK ), EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO., LTD. (ETL), WICE Logistics (Shenzhen) Company Ltd. (WICE SZ) และ WICE Supply Chain Solutions มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารจัดการที่ดีของ WICE ส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ วางแผนขยายฐานลูกค้าไปยังอุตสาหกรรมที่หลากหลายและอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีของประเทศ หรืออุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงค์จากภาครัฐ อาทิ อุตสาหกรรมการบิน (Aerospace) และสินค้านำเข้าธุรกิจค้าปลีก (Retail Market) เนื่องจากบริษัทเห็นความต้องการใช้บริการลอจิสติกส์ของอุตสาหกรรมดังกล่าวมีปริมาณสูง จึงวางแนวทางเข้าไปรับงานขนส่ง เพื่อสร้างโอกาสใหม่และรายได้ให้กับธุรกิจ

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการเพิ่มความสามารถการทำกำไรให้สูงขึ้น โดยเตรียมปรับแนวทางการบริหารจัดการในธุรกิจให้บริการลอจิสติกส์ขนส่งข้ามพรมแดน (Cross Border Transport Services) ภายใต้การบริหารงานของบริษัทเครือข่าย EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO., LTD. (ETL) จากเดิมที่มีต้นทุนค่อนข้างสูง เพราะในปี 2562 เป็นช่วงเริ่มต้นจัดตั้งบริษัท และสินค้าเที่ยวขากลับยังมีปริมาณไม่สูงมากนัก บริษัทฯ จึงวางแผนลดต้นทุนและบริหารจัดการธุรกิจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งขยายการให้บริการขนส่งสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงและเพิ่มปริมาณสินค้าเที่ยวขากลับให้สูงขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถการทำกำไรดังกล่าว

นายชูเดช กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังวางแผนจะขยายการให้บริการลอจิสติกส์ในครอบคลุมทุกรูปแบบ ทั้งการขนส่งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศในรูปแบบต่าง ๆ ที่ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ผ่านการทำงานร่วมกันกับเครือข่ายสาขาของ WICE ทั้งหมด โดยมุ่งเน้นตลาดจีนเป็นหลัก ทั้งในฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เซินเจิ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าขนาดกลางและขนาดเล็กเพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีโอกาสย้ายฐานการผลิตมายังไทย สอดคล้องกับแนวทางที่ WICE ได้วางกลยุทธ์เข้าไปขยายตลาดในจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วก่อนหน้านี้ ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการขนส่งลอจิสติกส์ระหว่างประเทศของ WICE ในตลาดจีน ทำให้มีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าในจีนมากขึ้นและมีโอกาสรับงานขนส่งขาไปและขากลับได้ ส่งผลให้มีปริมาณงานในจีนเพิ่มขึ้น

ด้านการดำเนินงานของ WICE Supply Chain Solutions บริษัทย่อย ให้บริการด้านซัปพลายเชนครบวงจร ทั้งงานคลังสินค้า การกระจายสินค้า การขนส่งสินค้า (Equipment) ขนาดใหญ่ มีแนวโน้มที่ดี จากการขยายตัวของปริมาณงานบริหารจัดการคลังสินค้ และการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกออก (EEC) ประกอบกับผู้นำเข้าส่งออกในปัจจุบันหันมาใช้บริการในรูปแบบ Third Party Logistics มากขึ้น โดยบริษัทฯ มีพื้นที่ให้บริการคลังสินค้าจำนวน 1 แห่ง ขนาด 15,000 ตร.ม.

“ภาพรวมธุรกิจลอจิสติกส์ในปี 2563 มีแนวโน้มดีขึ้น แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกยังคงมีความไม่ชัดเจน แต่ก็เริ่มเห็นความคลี่คลายในบางเรื่องบ้างแล้ว ทั้งปัญหาสงครามการค้า ม็อบฮ่องกง เงินบาทแข็งค่า และภาคการส่งออกชะลอตัว ภาวะการแข่งขันของธุรกิจลอจิสติกส์ที่สูงในปัจจุบัน ทำให้ WICE มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การให้บริการอยู่ตลอดเวลา และสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขันคือ WICE มีความหลากหลายของการให้บริการที่ครบวงจร เข้าใจความต้องการของลูกค้าเสมอ และยังมีข้อได้เปรียบจากการมีเครือข่ายลอจิสติกส์ที่ครอบคลุมเชื่อมโยงสู่ประเทศต่าง ๆ เพื่อการกระจายความเสี่ยง ถือเป็นการยกระดับสู่การเป็นผู้นำลอจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชีย”

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างโครงข่ายพันธมิตรลอจิสติกส์ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตร่วมกันในอนาคต ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากการงานบริการทางอากาศ (Air Freight) 35%, การขนส่งทางทะเล (Sea Freight) 30% ขนส่งสินค้าข้ามชายแดน  (Cross border) 19% และงาน Logistics 16%

“แมคโดนัลด์ แอปพลิเคชัน” ส่งโปรปังปัง รับตรุษจีน

“แมคโดนัลด์” ร่วมฉลองตรุษจีน มอบความสุขล้นให้กับลูกค้าที่ดาวน์โหลด “แมคโดนัลด์ แอปพลิเคชัน” (McDonald’s Application) และลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมเขย่าเซียมซีเพื่อรับสิทธิ์ซื้อเมนูโปรดราคาพิเศษ อาทิ ไอศกรีมโคน เพียง 1 บาท (ปกติ 10 บาท), เชคฟรายส์ลาบไซส์กลางเพียง 19 บาท (ปกติ 59 บาท), ชิคสติ๊ก 3 ชิ้น เพียง 29 บาท (ปกติ 75 บาท), ไก่กรอบเต็มแมค 3 ชิ้น เพียง 88 บาท (ปกติ 111 บาท), รับฟรีไก่กรอบเต็มแมค 1 ชิ้น มูลค่า 37 บาท เมื่อซื้ออาหารครบ 100 บาท, รับสิทธิ์ซื้อ 1 แถม 1 แมคพายข้าวโพด หรือแมคพายสับปะรด มูลค่า 26 บาท และรับฟรีเครื่องดื่มโค้กขนาด 16 ออนซ์ มูลค่า 42 บาท เมื่อซื้อสินค้าเมนูใดก็ได้ ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2563 – 10 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ร้าน “แมคโดนัลด์” ทุกสาขาที่ร่วมรายการ

ดาวน์โหลดแมคโดนัลด์ แอปพลิเคชันแบบสุขล้นในแอปเดียว ได้แล้ววันนี้ ทั้งบน iOS (App store) และ Android (Play store) โหลดเลยคลิก bit.ly/Mc_coupons ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/mcthai

GET ฉลองตรุษจีน มอบส่วนลดอาหารมงคล 50%

GET (เก็ท) แอปพลิเคชันไลฟสไตล์ออนดีมานด์ชั้นนำ จับมือนักพยากรณ์ดวงสุดฮอตแห่งยุคดิจิตัล “ต๊อกแต๊ก A4” (@toktak_A4) หรือ ณฐอร นพเคราะห์ หมอดูเงินล้านที่คิวแน่นที่สุดคนหนึ่งในตอนนี้ จัดแคมเปญฉลองต้อนรับเทศกาลตรุษจีนกับ GET LUCKY 8” ส่งมอบทั้งคอลเลคชั่นอาหารเสริมดวงประจำราศี โปรโมชันส่วนลดพิเศษ โปรค่าส่ง พิเศษสำหรับลูกค้า GET! รับสิทธิ์ดูดวงกับ “หมอต๊อกแต๊ก” แคมเปญเสริมเฮง “GET Lucky 8” เริ่มตั้งแต่วันที่ 20-31 มกราคม 2563

สั่งอาหารสุดคุ้มรับตรุษจีน

  • “GET Lucky 8” ขนอาหารมงคลจากร้านดังที่เข้าร่วมเคมเปญมาลดสูงสุด 50% อาทิ แสนยอดโภชนา, ฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ, โชคดีติ่มซำ, สีฟ้า, ดังกิ้นโดนัท, มุกุ, ทีบาร์ และอีกมายมาย กับโปรค่าส่งเริ่มต้น 8 บาทเท่านั้นสำหรับร้านพาร์ทเนอร์ตลอดแคมเปญ
  • พิเศษยิ่งกว่ากับ “GET LUCKY HOURS” แจกอั่งเปาค่าส่งฟรี! ให้เข้ามาเก็บคูปองได้ตั้งแต่เวลา 00–16.00 น. และ 19.00–21.00 น. ของทุกวัน (คูปองสามารถใช้ได้เฉพาะช่วงเวลาที่เข้ามาเก็บเท่านั้น)
  • ยิ่งสั่งมากยิ่งมีสิทธิ์มาก ลุ้นเป็น 8 ผู้โชคดีได้ดูดวงแบบเอ็กคลูชีฟสุด ๆ โดยหมอดูชื่อดัง “ต๊อกแต๊ก A 4” สายมูต้องห้ามพลาดอย่างแรงอยากรู้เรื่องดวงและอยากสั่งอาหารมงคลกินเสริมราศี เฮง เฮง รับต้นปีสั่งได้ที่ GET (เป็นการดูดวงทางเสียง ผู้โชคดีจะได้รับการคัดเลือกจากจำนวนในการสั่งซื้อสำเร็จสูงที่สุดตลอดช่วงแคมเปญ)

หมอต๊อกแต๊ก A 4 กล่าวว่า อาหารเป็นส่วนสำคัญในการเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน เพราะเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้า และกินอาหารดี ๆ ร่วมกัน และแม้ไลฟสไตล์ของคนยุคใหม่จะเปลี่ยนไป แต่แม่ก็อยากจะขอแนะนำเคล็ดลับต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถปรับไปใช้ให้เหมาะกับไลฟสไตล์ของคนยุคใหม่ที่เร่งรีบ หรือไม่มีเวลาทำอาหารเองเหมือนเมื่อก่อน โดยเฉพาะการสั่งอาหารผ่านแอปพลิเคชันอย่าง GET ที่เหมาะกับไลฟสไตล์ของคนุร่นใหม่อย่างแม่และทำให้เราฉลองตรุษจีนได้สะดวกมากขึ้น โดยอาหารมงคลตามราศี ทีจะกินแล้วเฮง เฮง เฮง ในช่วงตรุษจีนนี้ ได้แก่

  1. ผัดหมี่ซั่ว หรือ อาหารประเภทเส้นอื่น ๆ จะช่วยเสริมดวงด้านอายุยืนยาว เป็นมงคลแก่ชีวิต เป็นอาหารที่เหมาะกับ ราศี มีน และ ราศีธนู ควรที่จะรับประทานเพื่อเสริมดวง

ร้านแนะนำ

  • ติ่ง ไท้ ฝู บะหมี่ซี่โครงหมูน้ำแดง แห้ง ราคา 95 บาท
  1. อาหารประเภทปลา จะช่วยเสริมดวงด้านชีวิต การงาน การเงิน ราบรื่น เนื่องจากปลาเป็นสัตว์มงคล เหมาะกับ ราศีกรกฏ และราศีสิงห์ ควรที่จะรับประทานเพื่อเสริมดวง

ร้านแนะนำ

  • ปลาสีส้ม ปลาสีส้มดงบุริ ราคา 229 บาท
  1. ซาลาเปา ติ่มซำ เสริมดวงด้านความโชคดีตลอดปี เป็นอาหารมงคลยิ่ง โดยเฉพาะกับราศีเมษ และ ราศีกุมภ์ ต้องมีในเมนู

ร้านแนะนำ

  • โชคดีติ่มซำ ซาลาเปาลาวา (แพ็ค 4 ลูก) 95 บาท
  1. เกี๊ยว เป็นอาหารมงคล เสริมเรื่องความมั่งคั่ง เสริมเรื่องทรัพย์สมบัติ เนื่องจากรูปลักษณ์ของเกี๊ยวเหมือนเงินทองของคนจีน ยิ่งชาว ราศีพิจิก และราศีเมถุน ควรต้องเลือกรับประทานเมนูนี้ เพื่อเสริมดวง

ร้านแนะนำ

  • คินซ่า เกี๊ยวซ่า เกี๊ยวซ่าไส้หมู 30 ชิ้น แถมไชเท้าดอง ราคา 318 บาท
  1. เป็ด มีความเชื่อว่า สื่อถึงสิ่งบริสุทธิ์ จะทำให้ได้เจอคนจริงใจ เมนูนี้เสริมมงคล ยิ่งเหมาะกับ ราศีกันย์ และราศีพฤษภ เพิ่มความเฮงในปีนี้

ร้านแนะนำ

  • พรชัยเป็ดย่าง หมูแดงหมูกรอบเจ้าเก่า ข้าวหน้าเป็ด 60 บาท
  1. ปอเปี๊ยะ เมนูนี้สำคัญมาก เพราะว่าช่วยเสริมดวงด้านความร่ำรวย เป็นอาหารมงคล โดยเฉพาะสำหรับชาว ราศีตุลย์ และราศีกุมภ์ ควรที่จะเลือกรับประทานเพื่อความมงคลและเสริมดวง

ร้านแนะนำ

  • สีฟ้า ปอเปี๊ยะสด 80 บาท
  1. เต้าหู้ เป็นอาหารมงคลที่ควรเลือกทานเช่นกัน เพราะช่วยเสริมดวงด้านความก้าวหน้า เสริมยศถาบรรดาศักดิ์ เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง โดยเฉพาะ ราศีมังกร และราศีเมถุน

ร้านแนะนำ

  • ร้านตี๋อ้วน ป.ปลา น้ำเต้าหู้ใส่เครื่อง ราคา 12 บาท
  1. หมูกรอบ หมูสามชั้น หมูแดง เสริมดวงด้านความอุดมสมบูรณ์ ของชีวิตมีอยู่มีกินตลอดปีตลอดไป ยิ่งโดยเฉพาะราศีเมษ และราศีธนู จะเสริมดวงด้านนี้เป็นพิเศษ

ร้านแนะนำ

  • หมูแดงนายไซ ข้าวหมูกรอบ 55 บาท

อยากเสริมดวงให้ดวงเฮง เฮง รับตรุษจีนนี้ ไม่ต้องเดินทางออกไปไหน กดสั่งอาหารมาฉลองตรุษจีนได้ง่าย ๆ แล้ววันนี้กับ GET เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน GET จาก App Store และ Play Store และลงทะเบียนเพื่อใช้งาน พร้อมเพลินกับร้านอาหารคาวหวานทั่วกรุงเทพฯ อีกนับหมื่นร้านที่พร้อมส่งถึงบ้านคุณ (เฉพาะร้านพาร์ทเนอร์และสาขาที่เข้าร่วมรายการเท่านั้น)