“ไรซ์ บัดดี้” ร่วมส่งเสริมกีฬาเทควันโด

‘โอลิเวอร์ เย้’ (ซ้ายสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไวด์ เฟธ ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิต ข้าวแผ่นอบกรอบตรา ไรซ์ บัดดี้ ร่วมสนับสนุนการแข่งขันเทควันโดนานาชาติ ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 (8th Tirak Taekwondo International Championship 2018 for Her Majesty Queen Sirikit of Thailand’s Challenge Cup) พร้อมกับแจกผลิตภัณฑ์ ข้าวแผ่นอบกรอบตรา “ไรซ์ บัดดี้” ให้นักกีฬาและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ร่วมชิมความอร่อยของผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ผลิตจากข้าวไทย 100 %  ณ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เมื่อเร็ว ๆ นี้

บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ซือดะ” มอบผลิตภัณฑ์ให้บ้านเด็กกำพร้า

‘กิดาการ นิพรรัมย์’ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด (บริหารผลิตภัณฑ์) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ซือดะ” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปขวัญใจพี่น้องชาวมุสลิม มอบผลิตภัณฑ์ให้แก่ “บ้านอัซซัยยิดะฮุ นะฟีซะฮุ ซัมสุ” เพื่อการสงเคราะห์และฝึกฝนวิชาชีพเด็กกำพร้า โดยมี ‘มะลิ สีชาลี’ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและการเงิน เป็นตัวแทนรับมอบ ณ บ้านอัซซัยยิดะฮุ นะฟีซะฮุ ซัมสุ เพื่อการสงเคราะห์และฝึกฝนวิชาชีพเด็กกำพร้า กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ลาซาด้า ช่วยลูกค้าแก้ปัญหา PM2.5

 

alivesonline.com : เผยปัญหาฝุ่น PM.กระตุ้นผู้บริโภคออนไลน์แห่ซื้อหน้ากากอนามัย N95 และอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 240 เท่า ด้วยคีย์เวิร์ด “หน้ากาก-เครื่องฟอกอากาศ” 1 แสนครั้งต่อวัน ลาซาด้าระดมกำลังพันธมิตรจัดโปรโมชันพิเศษให้ลูกค้าได้รับสินค้าในราคาที่ดีที่สุด ทันต่อการใช้งานในช่วงเวลาวิกฤติ ย้ำนโยบายสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลให้สามารถเข้าถึงผู้กลุ่มผู้บริโภคที่ใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือได้ดีขึ้น

นายเจมส์ ตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 มีค่าสูงเกินมาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่งผลให้โลกออนไลน์และโซเชียลมีเดียมีความตื่นตัวในการติดตามสถานการณ์ผ่านทางแอปพลิเคชันและเว็บไซต์แจ้งสถานการณ์คุณภาพอากาศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีการติดแฮชแท็กคำว่า #PM25 #ฝุ่นPM25 #PMคือ #ฝุ่นละอองในวันนี้ รวมถึง #หน้ากากN95 ขณะเดียวกันในเว็บบอร์ดสาธารณะของโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ยังมีการรีวิวการใช้งานหน้ากากอนามัย N95 ของหลายแบรนด์ รวมถึงบอกแหล่งจำหน่ายอีกด้วย

“ในส่วนของ ลาซาด้า พบว่ามียอดขายหน้ากากอนามัย N95 และอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 240 เท่า โดยสินค้าเกี่ยวกับหน้ากากและเครื่องฟอกอากาศ ยังเป็นคีย์เวิร์ดที่ถูกค้นหาบนลาซาด้ามากที่สุดเฉลี่ยมากกว่า 1 แสนครั้งต่อวันโดยในส่วนของเครื่องฟอกอากาศพบว่าแบรนด์ที่ขายดีที่สุดคือ Xiaomi และ Sharp ทำให้ขณะนี้ ลาซาด้า และแบรนด์พันธมิตรกำลังเร่งอัตราการเพิ่มสต็อกสินค้า รวมถึงการออกโปรโมชันต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รับสินค้าในราคาที่ดีที่สุด เพื่อให้ทันต่อการใช้งานในช่วงเวลาวิกฤตินี้ และที่สำคัญลาซาด้า ยังกำชับผู้ขายรายย่อยไม่ให้ฉวยโอกาสในการขึ้นราคาสินค้า”

นายเจมส์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของตลาดเครื่องฟอกอากาศมีการเติบโตโดยเฉลี่ย 2 หลักเป็นประจำทุกปี โดยส่วนสำคัญมาจากปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งถือเป็นปรากฏการณ์ที่กระตุ้นให้คนไทยเห็นความสำคัญของเครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศฝุ่นที่มีขนาดเล็กมากขึ้น โดยการแข่งขันในตลาดนี้ส่วนใหญ่แล้วยังไม่เน้นการโฆษณาบนสื่อหลักในรูปแบบ Above the Line มากนัก เพราะแบรนด์ส่วนใหญ่มองว่าเป็นตลาดที่ยังเล็ก เนื่องจากผู้บริโภคคนไทยยังครอบครองเครื่องฟอกอากาศไม่ถึง 1% ของครัวเรือนทั้งประเทศ ขณะเดียวกันตลาดยังคงกระจุกตัวอยู่ในหัวเมืองใหญ่เท่านั้น

“เมื่อตลาดเครื่องฟอกอากาศไม่ได้แข่งขันกันรุนแรงมากนักในด้านโฆษณา หรือสร้างการรับรู้ให้แบรนด์ ทำให้โอกาสของเครื่องฟอกอากาศแบรนด์ใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยยังมีโอกาสสูงที่จะได้ส่วนแบ่งตลาดกลับไปจำนวนมาก โดย ลาซาด้า มีนโยบายสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ต้องการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลให้สามารถเข้าถึงผู้กลุ่มผู้บริโภคที่ใช้อินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือได้ดีขึ้น รวมถึงส่งเสริมให้ผู้ค้าสามารถสร้างแบรนด์ของตนเองบนแพลตฟอร์มของ ลาซาด้า ได้ง่ายขึ้น” นายเจมส์ กล่าวในตอนท้าย

“ทีเส็บ” ขับเคลื่อนไมซ์ไทยสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา (กลาง) ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” และนางอรชร ว่องพรรณงาม (ที่ 2 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ พร้อมด้วยผู้บริหาร “ทีเส็บ”

alivesonline,com : “ทีเส็บ” เผยยุทธศาสตร์ 5 ปีพัฒนามาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย ตั้งเป้ามีผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน 600 แห่ง คิดเป็นจำนวน 1.2 พันห้อง รวมถึงบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ 500 คน ภายในปี 2566 เพิ่มขึ้นจาก 371 แห่ง 949 ห้อง และบุคลากร 187 คน พร้อมต่อยอดจัดทำ “มาตรฐานการบริหารการจัดงานอย่างยั่งยืนประเทศไทย” ตอบรับกระแสโลกที่มุ่งเน้นธุรกิจใส่ใจสังคมและสิ่งแวดล้อม เบื้องต้นคาดมี 15 องค์กรผ่านเกณฑ์ในปี 2562

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า โครงการมาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย หรือ Thailand MICE Venue Standards (TMVS) เป็นหนึ่งโครงการสำคัญในการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ เพื่อให้เติบโตทัดเทียมและแข่งขันได้กับนานาชาติและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าหมายให้อุตสาหกรรมไมซ์เป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างรายได้หลักของประเทศ เนื่องจากการมีมาตรฐานจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นเครื่องยืนยันความพร้อม ความเป็นมืออาชีพของสถานที่จัดงานในประเทศไทย เพื่อให้สามารถดึงงานและผู้จัดงานทั้งในและต่างประเทศเข้ามาจัดงานในสถานที่จัดงานที่ได้มาตรฐาน โดยโครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 และได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี อีกทั้งไทยยังเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ริเริ่มการจัดทำมาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ ตลอดจนผลักดันไปสู่มาตรฐานสถานที่จัดงานของอาเซียน หรือ ASEAN MICE Venue Standards (AMVS)

ผลสำเร็จของโครงการฯ เป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนามาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย ประจำปี 2558-2562 ซึ่งประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์หลักคือ การพัฒนามาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย (TMVS) ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล / การพัฒนาศักยภาพบุคลากร / การพัฒนาระบบสารสนเทศ / การประชาสัมพันธ์และส่งเสริมตลาด / การส่งเสริมมาตรฐานสถานที่จัดงานในกลุ่มประเทศอาเซียน / การขับเคลื่อนมาตรฐานสถานที่จัดงานไมซ์ให้เกิดความยั่งยืน

“ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน TMVS รวมทั้งสิ้น 371 แห่ง คิดเป็นจำนวน 949 ห้อง/พื้นที่ทั่วประเทศ แบ่งเป็น 1.ประเภทห้องประชุม 344 แห่ง รวม 910 ห้อง 2.ประเภทสถานที่จัดงานแสดงสินค้า จำนวน 11 แห่ง 23 ฮอลล์ และ3.สถานที่จัดกิจกรรมพิเศษ 16 แห่ง รวม 16 พื้นที่ นอกจากนี้ยังมีผู้ประกอบการไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสถานที่จัดงานของอาเซียน หรือ AMVS ประเภทห้องประชุมรวมทั้งสิ้น 33 แห่งทั่วประเทศ”

“ทีเส็บ” ยังสามารถพัฒนาผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านหลักสูตรบริหารจัดการสถานที่จัดงานประเทศไทย หรือ Venue Management Course (VMC) รวมทั้งสิ้น 187 คน พร้อมทั้งสนับสนุนด้านประชาสัมพันธ์ส่งเสริมตลาดให้ผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองและได้รับตราสัญลักษณ์มาตรฐานให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นผ่านทางระบบออฟไลน์และออนไลน์

ปักธงปี 66 มีสถานที่ 600 แห่ง 1.2 พันห้องได้มาตรฐาน

นายจิรุตถ์ กล่าวอีกว่า “ทีเส็บ” ยังได้เตรียมปรับปรุงแผนพัฒนามาตรฐานสถานที่จัดงานประเทศไทย ประจำปี 2562-2566 เป็นแผนแม่บท 5 ปีในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ของเอเชียด้วยมาตรฐานสากล โดยจะเน้นการเพิ่มจำนวนสถานที่จัดงานไมซ์ที่ได้มาตรฐานทั้งในเมืองหลักไมซ์ซิตี้และเมืองรองตามนโยบายของรัฐบาล โดยกำหนดเป้าหมายว่าจะมีผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน TMVS และ AMVS ทั้งประเภทห้องประชุม สถานที่จัดงานแสดงสินค้าและสถานที่จัดกิจกรรมพิเศษรวมกว่า 600 แห่ง คิดเป็นจำนวน 1.2 พันห้อง ภายในปี 2566

นอกจากนั้น ยังจะคงสร้างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านหลักสูตรบริหารจัดการสถานที่จัดงานประเทศไทยให้ได้มากกว่า 500 คน พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้นำหลักสูตรดังกล่าวโดยผ่านการรับรองในระดับอาเซียน รวมถึงการดำเนินงานด้านการประชาสัมพันธ์และการส่งเสริมการตลาดมาตรฐาน TMVS ทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์ การจัดทำการประเมินความพึงพอใจของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการของมาตรฐานดังกล่าวเพื่อให้เห็นผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนการมุ่งพัฒนาระบบสารสนเทศของมาตรฐาน TMVS ด้วยระบบ Data Platform ในการจัดเก็บข้อมูล การจัดทำฐานข้อมูลสถานที่จัดงานประเภทต่าง ๆ การประเมินผล รวมทั้งการต่อยอดทางด้านการขายผ่านโปรแกรมการจับคู่ทางธุรกิจ (Matching Program) ภายในระบบสารสนเทศดังกล่าว

นายจิรุตถ์ กล่าวต่อไปว่า เนื่องจากแนวโน้มของโลกได้ให้ความสำคัญด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นอย่างมาก และมีผลต่อการตัดสินใจเลือกสถานที่จัดงานของผู้จัดงาน “ทีเส็บ” จึงได้เตรียมจัดทำ “มาตรฐานการบริหารการจัดงานอย่างยั่งยืนประเทศไทย” หรือ Thailand Sustainable Event Management Standard (TSEMS) เพื่อเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการให้สามารถรองรับความต้องการของตลาดและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยนำหลักการวงจร PDCA (Plan-Do-Check-Act Cycle) มาเป็นเครื่องมือในการกำหนดมาตรการและกรอบในการดำเนินงาน โดยจะประกาศใช้และมีการจัดอบรมให้ความรู้ ตรวจประเมิน และคาดการณ์ว่าในปี 2562 จะมีสถานประกอบการที่ผ่านการรับรองจำนวนทั้งสิ้น 15 องค์กร

ต่อยอดความพร้อม-ความได้เปรียบผู้ประกอบการ

ด้าน นางอรชร ว่องพรรณงาม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์ “ทีเส็บ” กล่าวเสริมว่า การจัดทำมาตรฐานการบริหารการจัดงานอย่างยั่งยืนประเทศไทย หรือ Thailand Sustainable Event Management Standard (TSEMS) มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการโดยเน้นกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มผู้ประกอบการที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน TMVS และผู้ประกอบการสถานที่จัดงาน หรือออร์แกไนเซอร์ เพื่อให้มีความสามารถรองรับความต้องการของตลาดและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มของโลกให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ห่วงใยสังคม สิ่งแวดล้อม และสร้างผลกำไรสูงสุดให้แก่ธุรกิจ

สำหรับประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้จากการเข้ารับการรับรองมาตรฐานการบริหารการจัดงานอย่างยั่งยืนมีหลายด้าน ทั้งความได้เปรียบทางการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งทั้งในระดับชาติและนานาชาติ เนื่องจากเทรนด์โลกให้ความสำคัญด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้จัดงานในการเลือกผู้ให้บริการจัดงาน และสถานที่จัดงานต่าง ๆ ที่มีมาตรฐาน นอกจากนั้น ยังทำให้องค์กรมีภาพลักษณ์ที่ดี รวมถึงช่วยส่งเสริมการตลาดตรงสู่กลุ่มเป้าหมายและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เนื่องจากผู้ประกอบการมีเกณฑ์ในการบริหารการจัดงานที่สอดคล้องกับหลักความยั่งยืนของสากลตามมาตราฐาน ISO 20121 : Event Sustainability Management System

นางอรชร กล่าวด้วยว่า ผู้ประกอบการยังจะได้รับประโยชน์ด้านการบริหารจัดการที่ประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่าย เนื่องจากผู้ประกอบการสถานที่จัดงานมีเกณฑ์และแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนในการใช้ทรัพยากร ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ วัสดุสิ้นเปลือง และวัสดุเหลือทิ้ง รวมถึงบุคลากร และงบประมาณอย่างคุ้มค่า ประการสำคัญคือเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน เปิดโอกาสการเรียนรู้ และการปฏิบัติต่อบุคลากรอย่างถูกต้องและเป็นธรรม ซึ่งผู้ประกอบการสถานที่จัดงานมีเกณฑ์และแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนในการสร้างสัมพันธ์อันดีกับชุมชนซึ่งจะนำไปสู่การสนับสนุนจากภาคสังคมในที่สุด

ตลาดกาแฟสด 3.5 หมื่นล้านเดือด “แมคโดนัลด์” ทุ่ม 5 ล้านบาทแจกฟรี 1 แสนแก้ว!


alivesonline.com :
“แมคไทย” ผู้นำธุรกิจอาหารบริการด่วนภายใต้แบรนด์ “แมคโดนัลด์” ใส่เกียร์เดินหน้าปีหมู รุกตลาดกาแฟ เปิดตัว
“แมคโดนัลด์ เฟรช บรู” กาแฟสดคุณภาพคับแก้วในราคาที่เข้าถึงง่าย หวังขยายฐานและเพิ่มปริมาณการบริโภคของบรรดาคอกาแฟ พร้อมแจกฟรี กาแฟ “เฟรช บรู” 1 แสนแก้ว รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท หวังสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขาย มุ่งชิงส่วนแบ่งตลาดกาแฟมูลค่า 3.5 หมื่นล้านบาท

นางสนธยา ตั้งสันติกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาด บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยกลุ่มใหญ่มีไลฟ์สไตล์ที่ชื่นชอบและนิยมการบริโภคกาแฟหลากหลาย โดยเฉพาะการดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟสดในร้านอาหารและคาเฟ่ต่าง ๆ ที่ได้รับการออกแบบตกแต่งสถานที่เป็นพิเศษ เพื่อสร้างบรรยากาศและอรรถรสในการดื่มกาแฟ สังเกตเห็นได้จากร้านกาแฟและคาเฟ่ที่เปิดให้บริการเพิ่มจำนวนมากขึ้นโดยผู้ประกอบการทั้งแบรนด์ใหญ่และรายย่อย “แมคโดนัลด์” เล็งเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจกาแฟในตลาดที่มีมูลค่าตลาดรวมสูงถึง 35,558.80 ล้านบาท จึงเปิดตัว “แมคโดนัลด์ เฟรช บรู” ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่หวังสร้างยอดขายและชิงส่วนแบ่งการตลาด

บริษัทฯ ตั้งใจกระตุ้นการบริโภคกาแฟให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นด้วย “แมคโดนัลด์ เฟรช บรู” กาแฟสดคุณภาพผลิตจากเมล็ดกาแฟพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100% ในราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่ายและบ่อยมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากการดื่มกาแฟเพื่อเริ่มต้นวันใหม่ในมื้อเช้า ลูกค้ายังสามารถจิบกาแฟคู่กับอาหารว่างในช่วงสาย หรือดื่มกาแฟอีกครั้งในช่วงบ่ายเพื่อกระตุ้นร่างกายคลายความง่วงหลังจากอิ่มอร่อยอาหารในมื้อเที่ยงได้อีก

ในเบื้องต้น บริษัทฯ จัดโปรโมชันพิเศษด้วยการแจกฟรี กาแฟ “แมคโดนัลด์ เฟรช บรู” 1 แสนแก้วตามวันและเวลาที่กำหนด คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท โดยจะแจกทั้งเมนู ลองแบล็ค, ลาเต้ และ คาปูชิโน ทั้งแบบร้อนและเย็นตามขนาดจริงที่ขายในร้านให้ผู้บริโภคสัมผัสประสบการณ์การดื่มกาแฟสดอาราบิก้าแท้เต็มรสชาติได้ฟรี โดยตั้งแต่วันที่ 7–11 มกราคม 2562 เวลา 14.00–17.00 น. รับฟรีกาแฟเย็น “เฟรช บรู” ขนาด 12 ออนซ์ เมนูใดก็ได้ วันละ 50 แก้วต่อสาขา, วันที่ 14, 21, 28 มกราคม 2562 ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลาร้านเปิดจนถึงเวลาร้านปิดให้บริการ รับฟรีกาแฟร้อน “เฟรช บรู” ขนาด 8 ออนซ์ หรือกาแฟเย็น “เฟรช บรู” ขนาด 12 ออนซ์ เมนูใดก็ได้ วันละ 50 แก้วต่อสาขา จำกัดสิทธิ์กาแฟฟรี 1 แก้วต่อคนต่อวัน สำหรับการใช้บริการที่หน้าเคาน์เตอร์และไดร์ฟทรูเท่านั้น ส่วนสาขาที่เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เริ่มแจกตั้งแต่เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ตรวจสอบสาขาที่ร่วมรายการได้ที่ http://bitly.com/mcstores_promotion

นางสนธยา กล่าวด้วยว่า “แมคโดนัลด์” มุ่งเป้าเป็นธุรกิจอาหารบริการด่วนสำหรับผู้บริโภคที่ส่งมอบอาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณภาพภายในร้านที่มีบรรยากาศดี พร้อมความสะดวกสบายด้วยบริการที่เป็นเลิศ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า การเปิดตัว “แมคโดนัลด์ เฟรช บรู” ครั้งนี้จะช่วยเพิ่มปริมาณลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของ “แมคโดนัลด์” สัมผัสกาแฟสดอาราบิก้าแท้เข้มเต็มรสชาติในราคาที่ไม่แพง

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ด้านราคาเริ่มต้นเพียง 19 บาทกับหลากหลายเมนู อาทิ ลองแบล็คร้อน ราคา 19 บาท, ลาเต้ร้อน ราคา 29 บาท คาปูชิโนร้อน ราคา 29 บาท ลองแบล็คเย็น ราคา 39 บาท, ลาเต้เย็น ราคา 39 บาท และคาปูชิโนเย็น ราคา 39 บาท ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562

[ชมคลิป] “กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์” คว้ารางวัลสุดยอดวัฒนธรรมสร้างสรรค์แห่งปี 2561


‘ณญาณี เผือกขำ’ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด รับมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ “สุดยอดวัฒนธรรมสร้างสรรค์แห่งปี พ.ศ.2561 ประเภทคลิปวิดีโอสร้างสรรค์” จาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (ซ้ายสุด) นายกรัฐมนตรี ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ในโอกาสที่คลิปวิดีโอ “แม่เป็นที่เท่าไหร่ในใจคุณ ?” ที่สร้างสรรค์โดย “กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์” เพื่อเชิดชูความรักยิ่งใหญ่ของแม่ ได้รับคัดเลือกให้เป็นคลิปวิดีโอสร้างสรรค์แห่งปี โดย กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งได้จัดกิจกรรมเพื่อยกย่องสุดยอดวัฒนธรรมสร้างสรรค์แห่งปี เพื่อเชิดชูเกียรติ บุคคล และผลงานที่เป็นสื่อสร้างสรรค์ให้สังคมได้รับทราบและเป็นแบบอย่างในการสร้างค่านิยมที่ดีให้กับสังคมไทย

“นกสกู๊ต” เดินหน้าสู่ปีที่ 5 ขยายเส้นทางการบินครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย


alivesonline.com :
“นกสกู๊ต” เผยความสำเร็จปี
61 มีการพัฒนาหลายด้านทั้งเพิ่มเส้นทางการบินและบริการ เตรียมแผนเพิ่มฝูงบินอีก 7 ลำ ขยาย 9 เส้นทางการบินไปยังจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ พร้อมรองรับการเชื่อมต่อของเที่ยวบินที่เพิ่มมากขึ้น

นายยอดชาย สุทธิธนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบิน “นกสกู๊ต” เปิดเผยว่า ในปี 2562 “นกสกู๊ต” จะเริ่มก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 โดยคาดว่าจะมีเครื่องบินใหม่เพิ่มขึ้นอีก 7 ลำ ประกอบไปด้วยเครื่องบินลำตัวแคบจำนวน 5 ลำและเครื่องบินลำตัวกว้างจำนวน 2 ลำ เพื่อใช้ในการขยายเส้นทางเชิงรุกให้ครอบคลุมภูมิภาคเอเชียมากขึ้น โดยมีการวางแผนสำหรับเส้นทางบินใหม่ 9 เส้นทางในเมืองสำคัญ ๆ ไปยังประเทศจีน ญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลีใต้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพด้านการบินให้สายการบิน “นกสกู๊ต” ด้วยการให้บริการการเดินทางจากเอเชียเหนือและเอเชียใต้สู่ประเทศไทยได้สะดวกและรวดเร็ว พร้อมทั้งรองรับการเชื่อมต่อของเที่ยวบินที่เพิ่มมากขึ้น

สำหรับปี 2561 สายการบิน “นกสกู๊ต” มีการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ได้เปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์กรุงเทพฯ – โตเกียว ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวการเชื่อมต่อระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น โดยการให้บริการทุกวันในเที่ยวบินนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการมุ่งสู่ความเป็นสากลและเป็นสายการบินชั้นนำในเอเชีย

ต่อมาเดือนตุลาคม ได้เปิดเส้นทางเที่ยวบินแรกสู่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น นับเป็นการขยายเส้นทางการบินไปสู่ท่าอากาศยานเมืองที่สองในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์แผนการขยายเครือข่ายเส้นทางไปยังประเทศญี่ปุ่นโดยการตกลงของสองประเทศในรูปแบบการจราจรแบบทวิภาคี

“นกสกู๊ต” ยังประสบความสำเร็จในการทำสถิติการบิน ทั้งเที่ยวบินขาเข้าและขาออกจากสนามบินนานาชาตินาริตะตลอดระยะเวลา 3 เดือนแรกของการบินได้ตรงเวลาที่สุด ซึ่งมีคะแนนความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติการบิน (OTP) สูงถึง 94.68% สถิติดังกล่าวทำให้ “นกสกู๊ต” เป็นหนึ่งในสายการบินที่ให้บริการบินที่สนามบินนาริตะที่มีคะแนน OTP ที่สูงและถือเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมในอุตสาหกรรมการบิน

นอกจากนั้น แคมเปญ “Xi’an Troops” เพื่อโปรโมทเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่เมืองซีอาน เมื่อเดือนธันวาคม ยังสามารถคว้ารางวัล Gold Dragon สาขา Best Use of Public Relations และรางวัล Blue Dragon สาขา Best Campaigns by Country จากเวที Dragons of Asia 2018 เวทีมอบรางวัลให้ผลงานการสื่อสารการตลาดที่ได้รับการยอมรับ.o;’d;hk’

“นกสกู๊ต” ยังเปิดตัวเมนูอาหารใหม่เพื่อพร้อมเสิร์ฟบนความสูง 34,000 ฟุต และการเปิดครัว “นกสกู๊ต คาเฟ่” เพื่อรองรับการขยายเส้นทางการบินระหว่างประเทศเส้นทางใหม่ ๆ พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์การเดินทางที่ดีขึ้นของผู้โดยสาร โดยล่าสุดคือการเปิดตัวเส้นทางการบินล่าสุดกรุงเทพฯ – เดลี ประทศอินเดีย เมื่อเดือนธันวาคม

“นกสกู๊ต” ให้บริการเที่ยวบินด้วยเครื่องบินแบบโบอิ้ง 777-200 รองรับผู้โดยสารได้มากถึง 415 ที่นั่ง แบ่งเป็นชั้นธุรกิจ (ScootBiz) 24 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 391 ที่นั่ง โดยผู้โดยสารสามารถเลือกประสบการณ์การเดินทางได้ตามที่ต้องการและจ่ายเฉพาะสิ่งที่ผู้โดยสารเลือก อาทิ ตำแหน่งที่นั่ง อาหาร การเพิ่มน้ำหนักสัมภาระ รวมไปถึงบริการอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังเอาใจผู้โดยสาร โดยเพิ่มการให้บริการด้านการขนส่งสัมภาระจากเส้นทางการบินภายในประเทศของสายการบิน “นกแอร์” คือ เชียงใหม่ และหาดใหญ่ ไปยังเส้นทางระหว่างประเทศของสายการบิน “นกสกู๊ต” คือ โตเกียว และเทไป

สายการบิน “นกสกู๊ต” ให้บริการจากท่าอากาศยานดอนเมือง โดยให้บริการเส้นทางบินไปยังเมืองนานกิง ชิงเต่า เสิ่นหยาง เทียนจิน และซีอาน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เมืองไทเป ประเทศไต้หวัน เมืองนาริตะ และเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และเดลี ประเทศอินเดีย

True4U นำคอนเทนต์ไทยบุกตลาดโลก ชู “ศรีอโยธยา” นำร่องชิง 5 รางวัลระดับเอเชีย

alivesonline.com : True4U เดินหน้ารุกตลาดคอนเทนต์คุณภาพ ต่อยอดแนวทางใช้คอนเทนต์น้ำดีดึงกลุ่มผู้ชมที่ต้องการรับชมคอนเทนต์คุณภาพสูง หลังภาพยนตร์ซีรีส์ “ศรีอโยธยา” ทำผลงานโดดเด่นเข้าตากรรมการต่างชาติได้เข้าชิง 5 รางวัลจากงาน เอเชียน เทเลวิชั่น อวอร์ด ครั้งที่ 23 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ 11-12 ม.ค.62

นายอภิชาติ์ หงษ์หิรัญเรือง กรรมการผู้จัดการ True4U ช่อง 24 เปิดเผยว่า ในการประกาศผล “เอเชียน เทเลวิชั่น อวอร์ด ครั้งที่ 23” ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 11-12 มกราคม 2562 ปรากฏว่า ภาพยนตร์ซีรีส์ “ศรีอโยธยา” จากประเทศไทยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงถึง 5 รางวัล ทำให้มีผู้ประกอบการต่างชาติตอบรับซื้อลิขสิทธิ์เป็นจำนวนมาก ทั้งจากผู้ซื้อลิขสิทธิ์รายเดิมซึ่งเคยซื้อคอนเทนต์ของ True4U ไปเผยแพร่และประสบความสำเร็จด้านความนิยมในประเทศนั้น ๆ มาแล้ว และยังมีผู้ซื้อรายใหม่จากฝั่งตะวันตกให้ความสนใจซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ซีรีส์เรื่องดังกล่าวไปฉายในภูมิภาคของตนอีกด้วย นับเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมบันเทิงไทยตามแนวเศรษฐกิจสร้างสรรค์และยุทธ์ศาสตร์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง

True4U เชื่อมั่นมาตลอดว่าคอนเทนต์ที่ดีทั้งในแง่ของบท การถ่ายทำ เทคนิคพิเศษ และการแสดง จะสามารถสร้างความบันเทิงและดึงดูดผู้ชมที่ต้องการยกระดับประสบการณ์ด้านความบันเทิงผ่านโทรทัศน์ได้ โดยที่ผ่านมาผลงานของช่อง ไม่ว่าจะเป็น OMG, ผีป่วนชวนมารัก, Full House และล่าสุดศรีอโยธยา ต่างก็ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการตอบรับจากผู้ชมและแวดวงคอนเทนต์ ดังนั้นในปี 2562 จึงยังคงมุ่งมั่นสานต่อเจตนารมณ์ดังกล่าวด้วยการเดินหน้าผลิตคอนเทนต์คุณภาพออกมาตอบสนองความต้องการของผู้ชมกลุ่มต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้น โดยหนึ่งในกำลังสำคัญในการผลิตคอนเทนต์คุณภาพคือ บริษัท ทรู ซีเจ ครีเอชั่นส์ (True CJ Creations: True CJ) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง “ทรูวิชั่นส์” และ “ซีเจ อีเอ็นเอ็ม” เจ้าของลิขสิทธิ์และผู้ผลิตคอนเทนต์ชั้นนำของโลกจากประเทศเกาหลีใต้

นายอภิชาติ กล่าวในตอนท้ายว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา True4U มีการพัฒนาด้านคอนเทนต์และส่งออกคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ในแต่ละปี True4U มีรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์เติบโตมาโดยตลอด โดยกลุ่มลูกค้าหลักของ True4U ส่วนใหญ่อยู่ในแทบภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน รวมถึงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทย โดยในปี 2562 True4U เตรียมเจาะตลาดในภูมิภาคเอเชียเพิ่มเติมและเน้นรุกตลาดในโซนยุโรปมากขึ้น ซึ่งจากการเข้าชิงรางวัล “เอเชียน เทเลวิชั่น อวอร์ด” ของ “ศรีอโยธยา” ทำให้ชื่อเสียงของ True4U เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ส่งผลให้เบื้องต้นมีผู้ประกอบการติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากฝั่งยุโรป

ทั้งนี้ ภาพยนตร์ซีรีส์ “ศรีอโยธยา” เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของกลุ่มทรู โดยบริษัท ทรู ออริจินัล โปรดักส์ชั่น (True Original Production) เพื่อเทิดพระเกียรติองค์พระมหาบูรพกษัตราธิราชเจ้าทุกพระองค์ ภายใต้การกำกับของ ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล เป็นการระดมทีมงานสร้างภาพยนตร์ซีรีส์ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งนักแสดงสุดยอดฝีมือทั่วฟ้าเมืองไทย ซึ่งนอกจากจะกวาดรางวัลในประเทศไปมากที่สุดถึง 35 รางวัล จาก 9 เวที ได้แก่ BAZARR x F.A.C.E Awards, เณศไอยรา,พิฆเนศวร, คเณศ-มยุเรศ ทองคำ, คึกฤทธิ์, คเณศมยุเรศวร ,คนดีรัตนโกสินทร์ ,รางวัลราษฎร์บัณฑิต คนดี คนเก่ง ประเทศไทย, รางวัลสังขเณศ ,รางวัลทีวีสีขาว และละครสร้างสรรค์แห่งปี 2561

อนึ่ง การเข้าชิง 5 รางวัลในงาน “เอเชียน เทเลวิชั่น อวอร์ด ครั้งที่ 23” ได้แก่ รางวัลดารานำฝ่ายชายยอดเยี่ยม (BEST ACTOR IN A LEADING ROLE ) นำแสดงโดย อนันดา เอเวอริ่งแฮม,รางวัลดาราสมทบฝ่ายหญิงยอดเยี่ยม (BEST ACTRESS IN A SUPPORTING ROLE) นำแสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช, รางวัลดาราสมทบฝ่ายชายยอดเยี่ยม (BEST ACTOR IN A SUPPORTING ROLE) นำแสดงโดย นพชัย ชัยนาม, รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม (BEST DIRECTION FICTION) โดย หม่อมหลวง พันธุ์เทวนพ เทวกุล และรางวัลดนตรีประกอบยอดเยี่ยม (BEST THEME SONG) โดย ทฤษฎี ณ พัทลุง

“FARMER’S FAVORITE” เนยโฮมเมดจากฮอกไกโด

WA THEATER” (วะ เธียเตอร์) ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยมชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ขอแนะนำ FARMER’S FAVORITE” (ฟาร์มเมอร์ เฟเวอริท) เนยโฮมเมดผลิตจากนมฮอกไกโดแท้ 100% ไม่ใส่สารกันบูด เนียนหอมละมุน ให้รสสัมผัสที่ไม่เหมือนใคร เป็นเนยในขวดแก้วมาในรูปลักษณ์ภูเขาไฟฟูจิ มีจำหน่าย 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 200 กรัม (ราคา 700 บาท) และขนาด 300 กรัม กระปุกแก้วพร้อมกล่องไม้แบบลิมิเต็ด เอดิชั่น (ราคา 1,299 บาท) สอบถาม หรือสั่งซื้อได้ทาง Line: @wa_theaterthailand หรือที่ WA Pick-up Point ซอยทองหล่อ 13

“ไวไว…ใจดีแจกทอง” ประจำปี 2561

 

‘ยศสรัล แต้มคงคา’ (ที่ 4 ซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ไวไว” เป็นประธานในการจับรางวัลจาก กิจกรรมไวไว…ใจดีแจกทอง รวมมูลค่า 5 ล้านบาท ร่วมด้วย ‘ณิชรัตน์ ชำนาญกิจ’ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และ ‘เครือวัลย์ กะการดี’ ผู้จัดการฝ่ายส่งเสริมการตลาด โดยมี ‘สมกมล ศาลากิจ’ เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง (ชำนาญการ) ร่วมเป็นสักขีพยานในการจับรางวัล ณ วิคตอเรีย การ์เด้นส์ เมื่อเร็ว ๆ นี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้โชคดีได้ทาง www.waiwai.co.th