สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย ไม่จบ ! กรณีรัฐแบน 3 สารเคมี อ้างเสียหาย 8.2 แสนล้านบาท

 

alivesonline.com : สมาพันธ์เกษตรปลอดภัย ร้องรัฐรับมือความเสียหาย 8.2 แสนล้านบาท พร้อมจ่ายค่าส่วนต่างแรงงานถางหญ้าเกษตรอุตสาหกรรม 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี ขู่ลั่นหากหาให้ไม่ได้ ต้องให้ “เฉลิมชัย-มนัญญา” มาถอนหญ้า 60 ล้านไร่ให้เสร็จใน 30 วัน ประกาศ 22 ต.ค. “วันกลียุคเกษตรกรรมไทย” เปิดศึก “เผาผี” พรรคการเมือง เดินหน้าฟ้องศาลปกครองกับนักวิชาการรายตัว

นายสุกรรณ์ สังข์วรรรณะ เลขาธิการสมาพันธ์เกษตรปลอดภัย เปิดเผยว่า หลังจากมติคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ประกาศแบนสารเคมีกำจัดวัชพืช พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ซึ่งเป็นปัจจัยหลักการผลิตสำคัญที่ทำให้เกษตรอุตสาหกรรมของประเทศเจริญเติบโตได้ทุกวันนี้ ภาครัฐจะต้องเตรียมรับมือกับมูลค่าความเสียหายทั้งในแง่รายได้เกษตรกร 2.5 แสนล้านบาท และมูลค่าการส่งออก 5.7 แสนล้านบาท รวมแล้วภาครัฐจะต้องสูญเสียรายได้กว่า 8.2 แสนล้านบาท

ขณะเดียวกัน ภาคเกษตรกร จำเป็นต้องใช้สิ่งทดแทนที่ไม่ใช้สารเคมี เนื่องจากกังวลด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ขอให้รัฐจ่ายเงินค่าชดเชยส่วนต่างค่าแรงงาน 1.2 ล้านล้านบาทต่อปี พร้อมหาแรงงานคนมาช่วยถอนหญ้า หากหาไม่ได้ขอให้ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาถอนหญ้าให้เกษตรกร 60 ล้านไร่ให้เสร็จภายใน 30 วัน รวมทั้งยกเลิกหนี้สินปัจจุบันของครอบครัวเกษตรกรทุกคนที่อยู่ในระบบขอ งธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อสร้างหนี้ใหม่กู้เงินมาซื้อเครื่องจักร และรัฐออกค่าใช้จ่ายส่วนต่างของเครื่องจักรทั้งหมดให้เกษตรกรเมื่อเทียบกับค่าสารเคมี พาราควอต

“มาตรการรองรับการแบน 3 สารดังกล่าว ยงขาดความชัดเจนในหลายด้าน เป็นเพียงนโยบายกระดาษ ขาดความสามารถในการปฏับัติจริง ขอให้หน่วยงานภาครัฐมาทดลองสาธิตให้เห็นเป็นรูปธรรมกับพืชเศรษฐกิจที่กำลังปลูกบนพื้นที่ 500 ไร่ให้เห็นจริง เห็นผลภายการกำจัดหญ้าภายใน 1 วัน หากทำไม่ได้ก็เป็นเพียงนโยบายน้ำลายขายฝันให้เกษตรกร และขอประกาศให้วันที่ 22 ตุลาคม เป็น วันกลียุคเกษตรกรรมไทย จารึกไว้ให้รุ่นลูกหลานรู้ไว้ถึง เกษตรกรรมไทยล้มสลายด้วยระบบการบริหารเอื้อนายทุนสารเคมีกลุ่มใหม่ ทฤษฏีสมรู้ร่วมคิดระหว่างนักการเมืองและ NGO นอกจากนี้ เกษตรกรขอประกาศแบนพรรคการเมืองสมคบคิด และขอเผาผีกลุ่มบุคคลดังกล่าวที่ตั้งใจทำร้ายเกษตรกร อ้างทำเพื่อสุขภาพประชาชนและเตรียมพาพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบไปเรียกร้องค่าชดเชยต่อไป” นายสุกรรณ์ กล่าวในตอนท้าย

 

“เลอโนโว” ยกทัพผลิตภัณฑ์ Legion ร่วมงาน “Thailand Game Show 2019”

“เลอโนโว” ผู้นำยอดขายคอมพิวเตอร์อันดับ 1 ร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงส่งเสริมและผลักดันเกมมิ่งคอมมูนิตี้ในประเทศไทย ด้วยการออกบูธในงาน “Thailand Game Show 2019” ตั้งแต่วันที่ 25-27 ตุลาคม 2562 ซึ่งนับเป็นปีที่ 3 แล้วที่ “เลอโนโว” ได้มาร่วมจัดกิจกรรมในมหกรรมงานเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับปีนี้ “เลอโนโว” ขอชวนคอเกมมาพบกับแคสเตอร์ชื่อดัง, ทดลองเล่นเกมออกใหม่สุดมัน, ตื่นตากับคอสเพลย์สุดอลังการภายในงานและเลือกซื้อหลากหลายผลิตภัณฑ์ Lenovo LEGION อาทิ แล็ปท็อปดีไซน์ทันสมัยอันทรงพลังที่ “เลอโนโว” นำมาจำหน่ายได้ที่บูธ

ไฮไลท์โปรโมชั่นและกิจกรรมของเลอโนโว 

  • รับฟรี! เมาส์ LEGION M200, แผ่นรองเมาส์เกมมิ่ง, และหูฟังเฮดเซ็ต LEGION H300 เมื่อซื้อแล็ปท็อป LEGION Y545 ในราคาเริ่มต้นที่ 42,990 บาท หรือ LEGION Y740 ในราคาเริ่มต้นที่ 59,990 บาท
  • รับฟรี! เมาส์ LEGION M200 และแผ่นรองเมาส์เกมมิ่ง เมื่อซื้อแล็ปท็อป L340 Gaming ในราคาเริ่มต้นที่ 21,990 บาท หรือ LEGION Y540 ในราคาเริ่มต้นที่ 26,990 บาท หรือ LEGION Y7000 ในราคาเริ่มต้นที่ 36,990 บาท หรือจอมอนิเตอร์ LEGION Y44W-10 ในราคา 33,990 บาท หรือเกมมิ่งทาวเวอร์ T540 ในราคา 21,990 บาท
  • รับสิทธิ์หมุนวงล้อ Lucky Wheel 1 ครั้งเมื่อซื้อสินค้าเลอโนโวครบทุก 10,000 บาท เพื่อลุ้นรับของรางวัลพิเศษมากมาย อาทิ เก้าอี้เกมมิ่ง DXRACER และเสื้อ LEGION X Adidas
  • ร่วมสัมผัสและทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ Lenovo LEGION รุ่นล่าสุดบริเวณ Experience Zone แล้วสนุกกับช่วงกิจกรรม Walk In Challenge เล่นเกมกับอินฟลูเอนเซอร์ ลุ้นรับของรางวัล
  • พบกับ Toffie ตุ๊ดซ่อมคอม เจ้าของเพจ ‘ท็อฟฟี่เป็นตุ๊ดซ่อมคอม’ ที่จะมาไลฟ์สตรีมเล่นเกมโชว์

ผู้สนใจสามารถไปร่วมสนุกกับ “เลอโนโว” ได้ที่งาน “Thailand Game Show 2019” ระหว่างวันที่ 25-27 ตุลาคม 2561 ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน บูธ S6

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Facebook เลอโนโวประเทศไทย และเว็บไซต์เลอโนโวประเทศไทย

 

 

“เทสโก้ โลตัส” รับไม่อั้นผัก GAP-อินทรีย์แปลงใหญ่ 14 จังหวัดภาคใต้

alivesonline.com : สวพ.7 รุกยกระดับคุณภาพความปลอดภัยพืชผักแปลงใหญ่ภาคใต้ตอนบน หนุนเกษตรกรเร่งผลิตป้อน “เทสโก้ โลตัส” รองรับผู้บริโภค 58 สาขาใน 14 จังหวัดภาคใต้ พร้อมดันเกษตรกรแปลงใหญ่เข้าสู่ระบบ GAP – พืชอินทรีย์ รับกระสบริโภคพืชผักปลอดภัยแล้ว 51 กลุ่ม จำนวน 1.5 พันแปลง รวมพื้นที่ 1.54 หมื่นไร่ ส่งผลเกษตรกรมีรายได้ประมาณ 1.5 หมื่นบาทต่อรายต่อเดือน

นายวิรัตน์ ธรรมบำรุง  ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 (สวพ.7) เปิเผยว่า ตามที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกลุ่มพืชผักแปลงใหญ่ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรทำสวนผสมผสานแบบยั่งยืนบางท่าข้าม ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้ พร้อมมอบนโยบายให้ กรมวิชาการเกษตร เร่งดำเนินการตรวจต่ออายุและการตรวจติดตามผลของการรับรองแหล่งผลิต GAP พืชและการผลิตพืชอินทรีย์ เพื่อยกระดับคุณภาพความปลอดภัยของสินค้าเกษตรให้เป็นที่ยอมรับและเชื่อมั่นของผู้บริโภคและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ โดยกลุ่มดังกล่าวได้ยื่นขอการรับรองการปฏิบัติที่ดีสำหรับโรงคัดบรรจุผักและผลไม้สดตามข้อกำหนดของมาตรฐาน มกษ.9035-2553 และได้รับการรับรองตามมาตรฐานในปี 2562 จาก สวพ.7 ตามขอบข่ายพืช 16 ชนิดคือ ผักบุ้งจีน คะน้า กวางตุ้ง กวางตุ้งไต้หวัน ผักชีไทย ผักกาดหอม บวบเหลี่ยม มะระจีน พริกขี้หนู ฟักทอง ถั่วฝักยาว ฟักเขียว คื่นช่าย คะน้ายอด แตงร้า และฮ่องเต้ไต้หวัน โดยใช้กลไกการรวมกลุ่มเกษตรกรรายย่อยเข้าด้วยกัน เพื่อลดต้นทุนการผลิตและลดการใช้สารเคมี ทั้งยังมีการจัดทำแผนการผลิตอย่างเป็นระบบมีการการเชื่อมโยงการตลาด ภายใต้แนวทาง “การตลาดนำการผลิต” โดยมีการทำ MOU ซื้อขายผลผลิตกับ บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่นซิสเทม จำกัด หรือ “เทสโก้ โลตัส” เพื่อนำผลผลิตไปจำหน่ายใน “เทสโก้ โลตัส” รวม 58 สาขาในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้

สำหรับกลุ่มแปลงใหญ่ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรทำสวนผสมผสานแบบยั่งยืนบางท่าข้ามมี นายสมพนธ์ ไทยบุญรอด เป็นประธาน มีสมาชิก 62 ราย พื้นที่ 360 ไร่ ได้สร้างการรับรู้ ความเข้าใจมาตรฐานสินค้าเกษตรตามนโยบายโครงการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรสู่มาตรฐานแก่กลุ่มแปลงใหญ่ เข้าสู่การรับรอง GAP รวม 41 แปลง จำนวน 62 ไร่ จากนั้นในปี 2561 ขับเคลื่อนนโยบายอาหารปลอดภัยต่อเนื่องร่วมกับตลาดนำการผลิตโดยรับรอง GAP เพิ่มขึ้น 83 แปลง ในพืช 5 ชนิด ได้แก่ คะน้า กวางตุ้ง กวางตุ้งไต้หวัน ผักบุ้ง และมะระจีน และได้เชื่อมโยงตลาดกับ “เทสโก้ โลตัส” รวมทั้งได้ขยายขอบข่ายการรับรองเพิ่มอีก 4 ชนิดพืช ได้แก่ ผักกาดหอม ผักชีไทย บวบเหลี่ยม และพริกขี้หนูยอดสน

 

ในปี 2562 กลุ่มแปลงใหญ่พืชผักบางท่าข้าม ได้ขยายสมาชิกเครือข่ายแปลงใหญ่พืชผักสู่พื้นที่อื่น ๆ ได้แก่ ต.เขาหัวควาย อ.พุนพิน ต.มะลวน อ.คีรีรัฐนิคม และต.ต้นยวน อ.พนม ในการขยายขอบข่ายการผลิตพืช GAP อีก 2 ชนิดพืชคือ ฟักเขียวอ่อน กับ ฟักทอง โดยปัจจุบันมีสมาชิกทั้งหมด 100 กว่าราย ได้รับรอง GAP  จำนวน 170 กว่าแปลง พื้นที่ 1 พันกว่าไร่ ใน 11 ชนิดพืชตามขอบข่ายรับรองเกษตรแปลงใหญ่ พืช และได้รับรองมาตรฐานโรงคัดบรรจุผักและผลไม้ มกษ.9035-2553 จาก สวพ.7 โดยมีปริมาณการจำหน่ายผลผลิตพืชผักแก่ “เทสโก้ โลตัส” เฉลี่ย 4 ตันต่อวัน ทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการส่งพืชผัก ประมาณ 1.5 หมื่นบาทต่อรายต่อเดือน

นายวิรัตน์ กล่าวด้วยว่า กรมวิชาการเกษตร ได้ให้ความสำคัญในการยกระดับคุณภาพการผลิตพืชผักปลอดภัยตั้งแต่ระดับต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตระหนักว่าปัจจุบันตลาดภายในและต่างประเทศให้ความสำคัญกับระบบคุณภาพความปลอดภัยของสินค้าเกษตร อีกทั้งกระแสผู้บริโภคต่างที่คำนึงถึงคุณภาพความปลอดภัยและการจัดการสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยในฐานะประเทศส่งออกสินค้าเกษตรส่งออกตลาดโลกจึงมีความจำเป็นต้องควบคุมความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหารให้เป็นที่ยอมรับทั้งตลาดภายในและต่างประเทศ

สำหรับผลดำเนินงานของ สวพ.7 ที่ผ่านมา ได้ระดมเจ้าหน้าที่ออกตรวจรับรองแปลงและเก็บตัวอย่างผลผลิตพืชอินทรีย์ทั้งระดับแปลง ตลาดสด และห้างโมเดิร์นเทรดอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค รวมทั้งเร่งดำเนินการถ่ายทอดวิชาการและเทคโนโลยีการผลิตพืช เพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต พร้อมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจและให้การรับรองตามมาตรฐานสินค้าเกษตร GAP มกษ.9001-2556 และมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ มกษ.9000 เล่ม 1-2552 และมาตรฐานโรงคัดบรรจุผักและผลไม้ มกษ.9035-2553 เพื่อเพิ่มมูลค่าพืชผักกลุ่มแปลงใหญ่ 51 กลุ่ม ได้รับรอง GAP พืชกว่า 1.5 พันราย จำนวน 1.7 พันกว่าแปลง รวมพื้นที่กว่า 1.54 หมื่นไร่ แยกกลุ่มแปลงใหญ่ตามจังหวัด ดังนี้ จังหวัดสุราษธานีจำนวน 15 กลุ่ม จังหวัดพังงา1 กลุ่ม จังหวัดภูเก็ต 4 จังหวัดกลุ่มนครศรีธรรมราช 15 กลุ่ม จังหวัดระนอง 8 กลุ่ม จังหวัด ชุมพร 4 กลุ่ม และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 4 กลุ่ม ในจำนวนดังกล่าวแยกกลุ่มแปลงใหญ่ตามชนิดพืชได้ดังนี้ ปาล์มน้ำมัน 16 กลุ่ม มังคุด 11 กลุ่ม ไม้ผลผสมผสาน 6 กลุ่ม มะพร้าว 4 กลุ่ม กล้วยหอม 2 กลุ่ม สับปะรด 2 กลุ่ม ทุเรียน 2 กลุ่ม เงาะ 2 กลุ่ม พืชผัก 2 กลุ่ม มะม่วงหิมพานต์ 1 กลุ่ม สมุนไพร 1 กลุ่ม ผักเหลียง 1 กลุ่ม และเห็ด 1 กลุ่ม

สวพ.7 ยังได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรพังงา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกระบี่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุราษฎร์ธานี และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรนครศรีธรรมราช เตรียมคัดเลือกเกษตรกร GAP ดีเด่นและแปลงพืชอินทรีย์ดีเด่นระดับเขต ปี 2563 โดยล่าสุดได้ลงพื้นที่ตรวจคัดเลือกแปลงเกษตรกรดีเด่น สาขาระบบการจัดการคุณภาพ GAP พืช จำนวน 3 แปลง ได้แก่ 1.แปลงนายวุฒิชัย วัยวัฒน์ (ทุเรียนสาลิกา) อ.กะปง จ.พังงา 2.แปลงนายพิชิต ชูมณี (พืชผสมผสาน) อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ 3.แปลงนางพรศรี โชติพันธ์ (มังคุด) อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช และตรวจคัดเลือกแปลงเกษตรกรพืชอินทรีย์ดีเด่น จำนวน 3 แปลง ได้แก่ 1.แปลงนายธนวัฒน์ มโนวชิรสรรค์ (ไม้ผล) อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 2.แปลงนายบรรลุ บุญรอด (เห็ด) อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี 3.แปลงนางสาวศิริรัตน์ พุมดวง (ผักเหลียง) อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราช

TikTok นำเสนอเทรนด์ข้อมูลการทำตลาดผ่านวิดีโอสั้น

alivesonline.com : TikTok แพลตฟอร์มชั้นนำระดับโลกสำหรับสร้างสรรค์วิดีโอสั้นบนโทรศัพท์มือถือ เปิดตัว “TikTok Trends” โปรแกรมระดับภูมิภาคที่มุ่งนำเสนอให้แบรนด์และนักการตลาดได้รู้จัก TikTok มากยิ่งขึ้นในฐานะแพลตฟอร์มโฆษณาเชิงสร้างสรรค์ที่กำลังมาแรง โดยได้จัดงาน “TikTok Trends Event” ครั้งแรกขึ้น ณ ประเทศเวียดนาม เมื่อเร็ว ๆ นี้

TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะ Gen Z และ Millennials จึงเหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ โดยในแต่ละเดือนมีผู้ใช้งาน TikTok 680 ล้านคนทั่วโลก จึงเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก รวมถึงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากร้อยละ 87 ของแบรนด์ มีการใช้วิดีโอในการทำตลาด โปรแกรม “TikTok Trends” จึงมุ่งแนะนำให้นักการตลาดได้ทำความรู้จักกับโลกของวิดีโอสั้นและ TikTok มากยิ่งขึ้น

โปรแกรม TikTok Trends ประกอบด้วย:  

  • TikTok Trends Events การจัดงานระดับภูมิภาคที่เปิดโอกาสให้นักการตลาดดิจิทัลได้มาพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ตลอดจนอัปเดทเทรนด์ล่าสุดเกี่ยวกับวิดีโอสั้นและแพลตฟอร์ม TikTok ไปพร้อมกัน
  • TikTok Trends Newsletter จดหมายข่าวรายเดือนที่รายงานเทรนด์ล่าสุดของวงการตลาดดิจิทัลและกระแสความนิยมต่าง ๆ ในภูมิภาค ตลอดจนเทคนิคต่าง ๆ ในการสร้างเคมเปญการตลาดบน TikTok ให้ประสบความสำเร็จผ่านข้อมูลเชิงลึก กรณีศึกษา และการอัปเดตต่าง ๆ
  • TikTok Trends Entertainment Marketing White Paper เปรียบเสมือนคู่มือสำหรับนักการตลาดในการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดรูปแบบใหม่ ๆ โดยการนำเสนอภาพรวมของธุรกิจสื่อเอ็นเตอร์เทนเมนท์ ตลอดจนกรณีศึกษาที่น่าสนใจควบคู่ไปกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ TikTok ในฐานะแพลตฟอร์มโฆษณาเชิงสร้างสรรค์ที่ได้รับความนิยมในภูมิภาคอีกด้วย
  • TikTok Trends Creator Academy เวิร์คชอปสำหรับครีเอเตอร์เพื่อแนะนำการสร้างสรรค์คอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม TikTok สำหรับการสื่อสารให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ด้วยเครือข่าย พันธมิตรธุรกิจและครีเอเตอร์ที่ครอบคลุมทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายธนพล อาภาสิทธินันท์ Director of Partnerships Thailand กล่าวว่า การบริโภคสื่อผ่านโทรศัพท์มือถือเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน วิดีโอสั้นจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่แบรนด์ใช้สื่อสารกับผู้บริโภค ปัจจุบัน 9 ใน 10 บริษัท ใช้วิดีโอในการทำการตลาด โดยคาดว่าภายในปี 2563 การใช้งานอินเทอร์เน็ตเพื่อรับชมวิดีโอจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 82 ของการใช้งานทั้งหมด

ข้อมูลจาก MediaBrix แพลตฟอร์มโฆษณาบนโทรศัพท์มือถือระบุว่า มีผู้ใช้งานเพียงร้อยละ 30 ที่ปรับโทรศัพท์เป็นแนวนอนเพื่อรับชมวิดีโอ และถึงแม้จะทำเช่นนั้นก็รับชมวิดีโอเพียงแค่ร้อยละ 14 ของความยาวทั้งหมด เนื่องจากความนิยมในการรับชมวิดีโอสั้นที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ แบรนด์จึงต้องสร้างสรรค์เนื้อหาที่รับชมง่ายผ่านสมาร์ทโฟน TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่บันทึกและตัดต่อวิดีโอที่ทำได้ง่ายจากโทรศัพท์มือถือจึงช่วยตอบโจทย์ครีเอเตอร์ทั่วโลกและในประเทศไทยในการสร้างสรรค์วิดีโอที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี

ด้วยคอนเทนต์ที่หลากหลายของ TikTok จึงทำให้แพลตฟอร์มนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทยด้วย โดยในปี 2562 TikTok ได้ร่วมมือกับ WeFitness ชวนคนไทยมาฟิตหุ่นเฟิร์มเพื่อสุขภาพที่ดีผ่านแคมเปญชาเลนจ์ #ฟิตรัวๆ พร้อมลุ้นรับของรางวัลมากมาย โดยมียอดเข้าชมวิดีโอในแคมเปญนี้กว่า 30 ล้านครั้ง รวมถึงการจัดกิจกรรมร่วมกับ Thailand International Dog Show 2019 ปล่อยแคมเปญ #ตัวแสบประจำบ้าน ชวนคนรักสัตว์มาร่วมอัดวิดีโอสัตว์เลี้ยงของคุณเพื่อลุ้นรับอาหารสัตว์ฟรี 1 ปี โดยมีผู้เข้าร่วมชมวิดีโอกว่า 65 ล้านครั้ง และล่าสุดเราจับมือกับสมาพันธ์ดนตรี Thai Music Federation (TMF) ปล่อยแคมเปญ #freshyfest ชวนกลุ่มนักศึกษามาร่วมถ่ายวิดีโอสร้างสรรค์เพื่อเฟ้นหา Brand Ambassador ของ TMF และได้รับโอกาสเข้าฝึกงานในวงการบันเทิงกับค่าย TMF อีกด้วย

อนึ่ง TikTok ใช้งานได้ใน 154 ประเทศและรองรับถึง 75 ภาษา เพื่อให้ผู้ใช้สามารถสร้างสรรค์และรับชม เนื้อหาตามความนิยมของแต่ละประเทศ

PPS จัดงานประชุมระบบโครงสร้างคมนาคมขนส่งพื้นฐาน

alivesonline.com : “โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส” ร่วมกับ IARO เตรียมจัดงานINNOCON BANGKOK 2019” เผยแพร่ความรู้ด้านการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางรางและการขนส่งทางอากาศ ผ่านมุมมองเจ้าหน้าที่รัฐและบริษัทชั้นนำจากนานาชาติ พร้อมการแสดงสินค้าของสมาคม IARO เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ PPS เปิดเผยว่า PPS และ PPS Oneworks ร่วมกับ The International Air Rail Organization (IARO) เตรียมจัดงาน “INNOCON BANGKOK 2019” ในหัวข้อ “The International Air Rail Transport Summit 2019”  ผ่านมุมมองเจ้าหน้าที่รัฐและบริษัทชั้นนำจากนานาชาติ รวมถึงผู้นำระดับสูงในวงการอุตสาหกรรมมากมาย พร้อมการจัดแสดงสินค้านานาชาติของสมาคม IARO เป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

“The International Air Rail Transport Summit  2019” เป็นงานประชุมด้านระบบโครงสร้างคมนาคมขนส่งพื้นฐานในแถบภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางรางและการขนส่งทางอากาศของไทยและนานาชาติ โดยในปีนี้ให้ความสำคัญกับระบบการขนส่งพื้นฐานในภูมิภาคและสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ทั่วโลก อีกทั้งงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ในประเทศไทย รวมถึงความเข้าใจในนวัตกรรมการก่อสร้างล่าสุด

ธุรกิจการบิน การรถไฟในเขต AEC และประเทศไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมากหากเทียบกับในประเทศอื่นที่พัฒนาแล้ว ทีมีสนามบินและรถไฟอยู่ทั่วทั้งประเทศ โดยในปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐานสำคัญจะมีอยู่แต่เฉพาะในเมืองใหญ่และคาดว่าอีก 3-4 ปีข้างหน้ากรุงเทพฯ จะมีเส้นทางรถไฟความยาวรวมกว่า 200 กิโลเมตร เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่าของที่มีอยู่ ขณะที่ในกรุงเทพฯ มีสนามบินอยู่ 2 แห่งคือ สนามบินสุวรรณภูมิ  และสนามบินดอนเมือง ขณะที่ยังมีอีกโครงการที่จะเกิดขึ้นก็คือโครงการสร้างสนามบินอู่ตะเภาซึ่งเป็นสนามบินที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ Eastern Economic Corridor (EEC) ของประเทศไทย โดยทั้งสามสนามบินจะเชื่อมต่อกันด้วยโครงการรถไฟความเร็วสูง ยังไม่รวมโครงการรถไฟในเมืองใหญ่ (Metro Train) และสนามบินภูมิภาคของประเทศไทยที่จะมีการขยายและปรับปรุงเพื่อใช้ส่งผู้โดยสารมายังสนามบินหลักสามสนามบินข้างต้น ซึ่งเมื่อมีการลงทุนเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สิ่งที่ทำให้เกิดขึ้นก็คือมูลค่าของทรัพย์สิน หรือมูลค่าของประเทศเพิ่มขึ้นด้วย

“หลังจากงาน InnoCon Bangkok 2018 ได้รับกระแสตอบรับดีมาก ในปีนี้ PPS ร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ จัดงานเพื่อดึงดูดตัวแทนมากมายจากหลายภูมิภาค ทั้งเอเชียแปซิฟิก ยุโรป ตะวันออกกลางและอเมริกา ประกอบไปด้วย ตัวแทนภาครัฐและองค์กรท้องถิ่นที่สนใจเข้าร่วม หรืออยู่ระหว่างดำเนินงานโครงการพื้นฐาน รวมถึงผู้ปฏิบัติงานหลัก ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและผู้ให้บริการสินค้าและบริการจากอุตสาหกรรมการก่อสร้างและระบบโครงสร้างพื้นฐาน สมาคมและองค์กรต่าง ๆ ในอุตสาหกรรม กลุ่มผู้ลงทุนในอุตสาหกรรม สมาคมธุรกิจ สมาคมภาคส่วนและองค์กรที่ปฎิบัติงานในอุตสาหกรรมระบบโครงสร้างพื้นฐานและงานก่อสร้าง ถือเป็นโอกาสให้ผู้นำในอุตสาหกรรมและบริษัทเอกชนชั้นนำได้พบปะพูดคุยและสร้างโอกาสการแข่งขันทางธุรกิจ การวางแผน การลงทุนและการขนส่งระบบโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคมากขึ้น”

ทั้งนี้ งาน “INNOCON BANGKOK 2019” จะจัดขึ้นในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 เวลา 08.30-17.00 น. ณ โรงแรม เซนทารา แกรนด์ บางกอก คอนเวนชั่นเซนเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพมหานคร รายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งได้ที่  https://airrailsummit.com/programme

 

ครั้งแรกในโลก “นีเวีย” เลือกไทยเปิดตัวสารปฏิวัติวงการฝ้าแดด “ลูมินัส 630”

‘เภสัชกรหญิงสุวรรณี ศรีธัญญะโชติ’ (กลาง), Vice President Global NIVEA พร้อมด้วย ‘คอร์เนเลียส เบคเคอร์’ (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ จำกัด และคณะผู้บริหารร่วมฉลองการเปิดตัวสารปฏิวัติวงการฝ้าแดด “ลูมินัส 630”ครั้งแรกในโลก ณ ประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก ‘นวลพรรณ ชัยนาม’ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด วัตสัน ประเทศไทย และบิวตี้บล็อกเกอร์ชั้นนำมาร่วมเป็นสักขีพยาน

“นีเวีย” แบรนด์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผิวพรรณระดับโลก เปิดตัวสารปฏิวัติวงการฝ้าแดด “ลูมินัส 630 (LUMINOUS 630)” ที่ประเทศไทยเป็นแห่งแรกในโลก ซึ่งสารนี้พิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยลดเลือน จุดด่างดำและกระแดด ฝ้าจากแดดสะสม 10ปีได้จริง เห็นผลได้ภายใน 4 สัปดาห์ โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง

สาร “ลูมินัส 630” ถูกคิดค้นขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์วิจัยไบเออร์สด๊อรฟ ในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยที่มีชื่อเสียงยาวนานกว่า 100 ปี ได้ทำการคิดค้นสารนี้โดยใช้เวลากว่าสิบปี จนสามารถจำลองสารที่เป็นต้นตอของฝ้าแดดที่ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในโลก จึงทำให้การทดลองสามารถทำได้แม่นยำขึ้น

หลังจากประสบความสำเร็จจากการคิดค้นสารจำลองที่เป็นต้นตอของฝ้าแดด ไปทดลองกับอีก 5 หมื่นสาร จนพบหนึ่งสารที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นไปได้มากที่สุด แล้วนำสารนั้นมาปรับโครงสร้างโมเลกุลอีก 700 โครงสร้างโมเลกุลจนพบว่าโครงสร้างโมเลกุลที่ 630 ที่มีประสิทธิภาพในการลดเลือนฝ้าแดดมากที่สุด จึงเป็นที่มาของชื่อ “ลูมินัส 630” สารปฏิวัติวงการฝ้าแดดในครั้งนี้

จากนั้นได้มีการนำสาร “ลูมินัส 630” ใส่ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าเพื่อทดสอบกับผิวหน้าของผู้หญิงทั่วไป พบว่าสามารถดูแลปัญหาฝ้าแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในประเทศไทย “นีเวีย” ได้ร่วมกับสถาบันโรคผิวหนังแห่งประเทศไทย ทำการทดสอบผลิตภัณฑ์นี้กับผู้หญิงไทยกว่า 200 คน ปรากฏว่าลดเลือนฝ้าแดดสะสมใน 4 สัปดาห์ ทั้งยังไม่เป็นอันตรายและไม่เกิดผลข้างเคียง

 

 

เภสัชกรหญิงสุวรรณี ศรีธัญญะโชติ Vice President Global NIVEA กล่าวว่า ปัญหาฝ้าแดด กระแดด และจุดด่างดำ เป็นปัญหาสำคัญของผู้หญิงทั่วโลก ขณะที่วิธีการจัดการ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตลาดก็ยังไม่มีวิธีที่ได้ผลอย่างแท้จริง บางวิธีอาจได้ผลดี แต่ก็มีผลเสียข้างเคียงกับผิวหน้าหากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้เกิดโรคด่างขาวและเป็นมะเร็งผิวหนัง ขณะเดียวกันงานวิจัยในปัจจุบันยังเป็นการทดลองที่ไม่ตรงจุดเพราะเป็นการทดลองกับโครงสร้างผิวเห็ด ทำให้ยังไม่สามารถจัดการปัญหาฝ้าแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ “นีเวีย” ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้นำในการดูแลผิวระดับโลก มีศูนย์วิจัยด้านผิวหนังโดยเฉพาะ จึงได้ทุ่มเทคิดค้นอย่างจริงจังถึงกว่า 10 ปี จนสามารถจำลองสารต้นตอของฝ้าแดดเป็นครั้งแรกของโลก จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราสามารถค้นพบสารสำคัญที่ช่วยจัดการปัญหาฝ้าแดดที่เกิดในผิวมนุษย์อย่าง “สารลูมินัส 630” ได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามั่นใจกับ “สารลูมินัส 630” มาก เพราะเรานำไปทดสอบจริงกับผู้หญิงทั่วไป รวมถึงผู้หญิงไทย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเห็นผล ไม่มีผลข้างเคีย จึงมั่นใจว่า “สารลูมินัส 630” จะเป็น New Gold Standard ที่จะมาปฏิวัติวงการ จัดการปัญหาฝ้าแดดสะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกสามารถเผยผิวและใช้ชีวิตของตนเองได้อย่างมั่นใจ พร้อมผิวที่มีสุขภาพดีในระยะยาวซึ่งถือเป็นอุดมการณ์ที่ “นีเวีย” ยึดมั่นและทำตามเสมอมา”

พบกับสารปฎิวัติวงการ “ลูมินัส 630” (LUMINIOUS 630) ได้ใน 2 ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ได้แก่

1.นีเวีย ลูมินัส 630 สปอตเคลียร์ ทรีทเม้นท์ (NIVEA LUMINOUS630 SPOTCLEAR TREATMENT) : ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า สามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว โดยตัวผลิตภัณฑ์เป็นแพ็คเกจจิ้งแบบใหม่ ซึ่งเนื้อครีมจะเก็บแยกกันเพื่อความสดใหม่ในแต่ละภาชนะ มี 2 หัวปั๊ม ด้านหนึ่งคือสาร Luminous 630 และอีกด้านหนึ่งคือ ไฮยารูรอนผสมกับวิตามินอี  เมื่อกดหัวปั๊มเนื้อครีมทั้ง 2 ชนิดจะไหลออกมาพร้อมกัน และผสมกันสด ๆ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด จากนั้นเกลี่ยเนื้อครีมให้ทั่วใบหน้าทั้งเช้าและเย็น “นีเวีย ลูมินัส 630 สปอตเคลียร์ ทรีทเม้นท์” จะตรงเข้าจัดการกับปัญหาฝ้าแดด กระแดด และจุดด่างดำได้จากต้นตอ ฟื้นบำรุงผิว ช่วยให้ฝ้าแดดสะสม 10 ปี ดูจางลงภายใน 4 สัปดาห์ สีผิวเนียนสม่ำเสมอเป็นธรรมชาติ จบปัญหาฝ้าแดดให้คุณได้เป็นเจ้าของผิวหน้ากระจ่างใสได้อย่างที่ปรารถนา

2.นีเวีย ลูมินัส 630 สปอตเคลียร์ ซัน โพรเทค เอสพีเอฟ 50 พีเอ+++ (NIVEA LUMINOUS 630 SPOTCLEAR SUN PROTECT SPF50+++) : เพื่อการดูแลปัญหาฝ้าแดดแบบครบวงจร แนะนำให้ใช้คู่กับ “นีเวีย ลูมินัส 630 สปอตเคลียร์ ซัน โพรเทค เอสพีเอฟ 50 พีเอ+++” (NIVEA LUMINOUS 630 SPOTCLEAR SUN PROTECT SPF50+++)  เพื่อเป็นเกราะปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB  ช่วยป้องกันการเกิดใหม่ของปัญหาฝ้าแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พบ “นีเวีย ลูมินัส 630 สปอตเคลียร์ ทรีตเมนต์” ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ขนาด 30 มล. ในราคา 950 บาท และ “นีเวีย ลูมินัส 630 สปอตเคลียร์ ซัน โพรเทค เอสพีเอฟ 50 พีเอ+++” ผลิตภัณฑ์ปกป้องแสงแดด ขนาด 40 มล. ในราคา 699 บาท หรือในรูปแบบเซ็ท ด้วยราคาแนะนำเพียง 1,299 บาท ได้แล้ววันนี้ ในร้าน “วัตสัน” และ “วัตสัน ออนไลน์” เท่านั้น

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก https://www.nivea.co.th/campaigns/luminous630#Luminous630

เครื่องวิเคราะห์สภาพผิว Hi Mirror ที่เน้นการตรวจจับฝ้าแดด กระแดด และจุดด่างดำอย่างลึกซึ้ง สามารถตรวจได้ที่ ร้าน “วัตสัน”

“เฮเฟเล่” เปิดบ้านต้อนรับลูกค้า

นายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น (กลาง) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและครัวเรือน พร้อมทั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ในห้องน้ำ คุณภาพมาตรฐานเยอรมนี เปิดบ้านต้อนรับลูกค้า “เฮเฟเล่ ดีไซน์ ดีไซน์สตูดิโอ กรุงเทพฯ” โดยมี GEZE เป็นผู้สนับสนุนหลัก ภายใต้แนวคิด “เฮเฟเล่ อุปกรณ์ครบ จบทุกเรื่องงานอาคาร” ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ในที่อยู่อาศัยได้ทุก ๆ พื้นที่ โดยมี นายเดวิด เตียว, นายโยธิน ประเสริฐกุล, นางสาวพัชรี เบี้ยทอง, นายคณิตศิษฐ์ สินธุวิกัยวงศ์, นายบรูโน่ บาวแมน, นายลีโอเนล โลโคลาส ร่วมงาน ณ เฮเฟเล่ ดีไซน์ ดีไซน์สตูดิโอ กรุงเทพฯ สุขุมวิท 64 เมื่อเร็ว ๆ นี้

SMART รับรางวัล บุคคลคุณภาพแห่งปี 2019 ภาคธุรกิจวัสดุก่อสร้าง

นางชลธิชา ทีปกรสุขเกษม กรรมการบริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) ผู้แทน นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) เข้ารับมอบประกาศเกียรติคุณและโล่เกียรติยศ”บุคคลคุณภาพแห่งปี 2019″ ในฐานะบุคคลตัวอย่างภาคธุรกิจวัสดุก่อสร้าง จากมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) โดยได้รับพระกรุณาจาก หม่อมเจ้าประภาพันธุ์ (ภาณุพันธุ์) กรโกสียกาจ เสด็จมาเป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งประทานโล่เกียรติยศ ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

แนะธุรกิจไทยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างชาติ

alivesonline.com : ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการระดมทุนระหว่างประเทศ แนะแนวทางระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ นานาชาติชั้นนำอันดับต้นของโลก เปิดโอกาสสร้างการเติบโตของธุรกิจไทยระดับนานาชาติในอนาคต โดยเฉพาะภาคธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ เผยใช้เวลาเพียง  4-6 เดือนในการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยุโรป ส่วนสิงคโปร์อาจใช้เวลา 8-9 เดือน

ดร.วรวุฒิ คงศิลป์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ผู้บริหารร่วมอาวุโส บริษัท Winton Associates จำกัด (ลอนดอน, ประเทศอังกฤษ) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการระดมทุนระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ทิศทางด้านธุรกิจในยุคปัจจุบันและการสร้างการเติบโตของธุรกิจต่าง ๆ ในปัจจุบันมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการหาพันธมิตรทางธุรกิจ การลงทุนในธุรกิจทั้งในและต่างประเทศที่หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามีบทบาทในการบริหารงานมากขึ้น ที่สำคัญคือการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสาธารณะที่สามารถส่งผลให้บริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจมีการเติบโตและสามารถขยายพันธมิตรทางธุรกิจและเงินทุนที่มาจากสถาบันขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติ ทันต่อกระแสด้านธุรกิจในสังคมโลกที่มีการปรับเปลี่ยนเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น กลุ่มธุรกิจทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ในปัจจุบันจึงให้ความสนใจในการระดมทุนในรูปแบบการระดมทุนระหว่างประเทศมากขึ้น

สำหรับการระดมทุนในประเทศไทยมีกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างรัดกุมและเข้มงวดตามแนวทางการกำกับดูแลโดยใช้วิธีการพิจารณาอนุญาตตามความเหมาะสม (Merit-Based) และยังไม่เป็นวิธีการเปิดเผยข้อมูลที่ให้ผู้ลงทุนตัดสินใจด้วยตนเอง (Disclosure-Based) เหมือนการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติชั้นนำของประเทศพัฒนาแล้วของโลกซึ่ง ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ สิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย ทำให้บางธุรกิจยังไม่สามารถเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่หากในปัจจุบันมีช่องทางการระดมทุนระหว่างประเทศในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติชั้นนำของประเทศที่พัฒนาแล้วข้างต้นที่เปิดโอกาสให้บริษัทที่ต้องการขยายธุรกิ และต้องการที่จะให้ธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันมีการดำเนินธุรกิจที่เติบโต มั่นคง และเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

“ในฐานะที่มีประสบการณ์ในการดำเนินงานใน บริษัท Winton Associates จำกัด ที่เป็น Co Advisor มีความเชี่ยวชาญในการบริหารและจัดการระดมทุนระหว่างประเทศ ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ผ่านสถาบันการเงินและกองทุนชั้นนำระดับนานาชาติ รวมถึงตลาดหลักทรัพย์นานาชาติชั้นนำของโลกข้างต้น จึงมองว่าปัจจุบันการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติในต่างประเทศ ถือได้ว่าเป็นโอกาสสร้างการเติบโตของธุรกิจที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ในประเทศไทย ซึ่งเรามองว่า การระดมทุนสามารถเดินหน้าได้ทั้ง 2 ช่องทาง คือ ทั้งในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศและตลาดหลักทรัพย์ในต่างประเทศควบคู่กันไป”

ดร.วรวุฒิ กล่าวอีกว่า การจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในระดับนานาชาติชั้นนำในต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มตลาดที่มีการเติบโตสูง (Growth Market) ใช้เวลาในการดำเนินการในระยะราวที่ค่อนข้างสั้น ประมาณ 8-9 เดือน (Catalist) ในตลาดนานาชาติของสิงคโปร์ ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียแปซิฟิก และบางประเทศที่ตลาดนานาชาติในอังกฤษ (AIM) ศุนย์กลางทางการเงินของยุโรป ใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือน โดยไม่ต้องดำเนินการการยื่นขออนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยตรงอย่างในประเทศไทย ซึ่งผ่านเพียงตัวแทนหรือ FA (Financial Advisor and Regulator) ที่ได้รับการแต่งตั้งจาก กลต. หรือ ตลาดหลักทรัพย์ (Sponsor or Nominated Advisor) แทนเพียงที่เดียวเพื่อตรวจสอบและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหากผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยทุกขั้นตอน ภาคธุรกิจสามารถเข้าระดมทุนในตลาดได้ทันที

การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในระดับนานาชาติในต่างประเทศมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการเติบโตจากธุรกิจ เป็นการเติบโตจากทุนจากการเข้าหาแหล่งเงินทุนในส่วนทุนที่เริ่มต้นจากการ (IPO) หรือ Initial Public Offerring โดยไม่เป็นส่วนหนี้ ซึ่งกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาฯ หรือกลุ่มการลงทุนในต่างประเทศมองหาธุรกิจที่มีความต้องการในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติจากประเทศไทย โดยไม่จำเป็นต้องมีธุรกิจประกอบการ (Operation) ในต่างประเทศ และในปัจจุบันมีกลุ่มธุรกิจในประเทศไทยที่น่าสนใจคือ กลุ่มธุรกิจด้านการแพทย์ เฮลท์แคร์ อาหารเสริม เอ็นเตอร์เทนเมนท์ อสังหาริมทรัพย์ อาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น

“สำหรับการนำภาคธุรกิจในประเทศไทยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในระดับนานาชาติในต่างประเทศนั้น ปัจจุบันมีบริษัทที่อยู่ระหว่างการเตรียมยื่นจดทะเบียนที่เราให้คำปรึกษาอยู่ประมาณ 2-3 แห่ง ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2562 จะสามารถผลักดันภาคธุรกิจในประเทศไทยเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติในต่างประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ 6-7 แห่ง”

ดร.วรวุฒิ กล่าวอีกว่า การระดมทุนทุกช่องทาง ทังในประเทศและต่างประเทศต่างก็มีความเสี่ยง โดยเฉพาะในเรื่องของสงครามทางการค้าเป็นผลกระทบที่มีผลต่อธุรกิจทั่วโลก ทั้งในแถบยุโรป เอเชีย หรือแม้กระทั่งประเทศไทย โดยปัจจัยที่มีผลกระทบในวงกว้างมากที่สุดกับตลาดทุน หรือตลาดหลักทรัพย์คือ ปัจจัยทางทางเศรษฐกิจในระดับมหภาค หากแต่การผลักดันให้ภาคธุรกิจมีการเติบโตยังคงเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางจุลภาค และเชื่อว่าการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นานาชาติจะสามารถเป็นส่วนเสริมผลักดันให้ภาคธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานของภาคธุรกิจในส่วนทุนต้องมั่นคงแข็งแรง มีสภาพคล่องที่ดีอันจะเป็นส่วนสำคัญของการเติบโตของภาคธุรกิจ ซึ่งหากภาคธุรกิจมีความคล่องตัว มีการเติบโตที่ดีจะส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศในที่สุด ดังนั้น การจดทะเบียนในตลาดหุ้นในระดับนานาชาติในต่างประเทศอาจเป็นอีกหนึ่งโอกาสของการผลักดันให้บริษัท หรือภาคธุรกิจมีการเติบโตที่ดีและมั่นคงในเชิงการพัฒนาธุรกิจในยุคปัจจุบัน หากมีการเข้าถึงแหล่งทุนที่ดีและรวดเร็วพร้อมในการผลักดันธุรกิจให้เกิดงานที่มีคุณภาพงานและมีประสิทธิภาพในอนาคต

 

เจาะกลยุทธ์ ปั้น “เซ็นจูรี่” เป็นคอมมูนิตี้คนรุ่นใหม่

alivesonline.com : จากธุรกิจโรงภาพยนตร์ที่เคยบูมมาก แต่เมื่อมาถึงจุด ๆ หนึ่ง เริ่มมีการปรับเปลี่ยนธุรกิจ ทำให้รูปแบบของโรงภาพยนต์แบบเดิม ๆ เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและเพิ่มเติมสิ่งใหม่ ๆ ในตลาดมากขึ้นให้เป็นมากกว่าโรงภาพยนตร์

“ถามว่า เซ็นจูรี่ วางตัวเองเป็นอะไร คำตอบคือ เราเป็น “ไลฟ์ไตล์ มอลล์” ที่มีโรงภาพยนตร์เป็นของตัวเอง เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์คนยุคใหม่คือ คนเจเนอเรชั่นแซดที่ต้องการความรวดเร็ว ทันใจ ใช้ระยะเวลาตัดสินใจเป็นวินาทีซึ่งถือเป็นโจทย์สำหรับกลยุทธ์การตลาดที่หนักขึ้น”

นั่นคือคำนิยามของ “เซ็นจูรี่” ที่ ‘ชาลินี เจริญสุข’ ประธานฝ่ายบริหาร ศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์ Century The Movie Plaza กำหนดเป็นยุทธศาสตร์เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จ โดยเน้นกลยุทธ์หลักคือ

  • ทำเลยืนหนึ่ง

พิกัด “ลักซ์ชัวรี่” คือ ใกล้แหล่งชุมชน สถานที่ทำงาน ใจกลางเมือง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกเดินลงรถไฟฟ้าแล้วมีบันไดต่อมาถึง เติมเต็มไลฟ์สไตล์แบบครบครัน นับเป็นของจุดเด่นของ “เซ็นจูรี่” ทั้งสองสาขาคือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสุขุมวิท

“นับว่าเราได้พื้นที่ในย่านใจกลางเมืองเป็นจุดเชื่อมต่อของการเดินทางทั้งสองแห่ง ทำให้เข้าถึงได้ง่าย มีการคมนาคมทะสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถประจำทาง รถตู้ และรถไฟฟ้า ทำให้มีคนจำนวนมากที่มาอยู่ในบริเวณพื้นที่แห่งนี้ จึงทำให้เซ็นจูรี่เป็นมากกว่าโรงภาพยนตร์ ช่วงหลัง ๆ จึงมีทั้ง ท็อปซูเปอร์มาร์เก็ต เพาเวอร์บาย  ฟู้ดคอร์ท ธนาคาร โรงเรียนกวดวิชา ซาลอน ฯลฯ เข้ามาเช่าพื้นที่มากขึ้น เพราะต้องการให้ลูกค้ามาได้เป็นประจำทุกวัน”

“คนยุคนี้ส่วนใหญ่ตั้งใจไว้แล้วว่า วันนี้ฉันจะทำอะไร เราจึงพยายามทำให้ เซ็นจูรี่ เป็นมิกซ์ยูสที่ครบครันทั้งสินค้าและบริการ ครอบคลุมทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากที่สุด ที่สำคัญต้องเข้าถึงง่าย  ยกตัวอย่าง มาที่นี่ ไม่เกินสิบนาทีต้องทำทุกอย่างได้เสร็จ ซื้อกาแฟ ของใช้ส่วนตัว แล้วไปต่อ หรือระหว่างวัน จะมารับประทานอาหาร ทำเล็บ ทำผม หรือออกกำลังกาย ทำได้ครบหมด ไม่ว่าจะเริ่มต้น หรือเป็นที่สุดท้ายของวัน ที่นี่ก็ได้ทั้งนั้น”

  • ศึกษาพฤติกรรมกลุ่มเป้าหมายชัดเจน

กลุ่มคนวัยเริ่มต้นการทำงาน (First Jobber) หรือคนยุคเจเนอเรชั่นแซดคือกลุ่มเป้าหมายหลักของ “เซ็นจูรี่” เพราะคนกลุ่มนี้เปิดกว้างทางความคิดและมีวัฒนธรรมที่แตกต่าง มีแนวโน้มที่จะปรับทัศนคติได้ดี อีกทั้งมีความกล้าแสดงออก ชอบโชว์ มีความมั่นใจสูง ชอบทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ฯลฯ ดังนั้นการสื่อสารการตลาดของ “เซ็นจูรี่” จึงเน้นผ่านเว็บไซต์และระบบออนไลน์เป็นหลัก เพราะมีข้อดีคือเก็บสถิติได้ง่าย ขณะเดียวกันก็ยังใช้โซเชียลมีเดียในการเช็คไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการไปด้วยว่ามีความต้องการอะไรเป็นพิเศษอีกบ้าง หากทำได้ก็จะรีบตอบสนองทันที เพราะคนกลุ่มนี้ชอบความสะดวกสบาย ทั้งชอปปิง แฮงค์เอาท์ หรือแม้กระทั่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์อย่างโรงภาพยนตร์ เป็นต้น

  • ราคา สบายกระเป๋า

กลยุทธ์หลักที่ “เซ็นจูรี่” นำมาใช้คือ “ความคุ้มค่า” ตลอดรายการ ด้วยจุดขาย อาทิ

Member Card บัตรสำหรับคนรักหนัง สมัครแค่ 129 บาท รับเลย 4 ต่อ คือ 1.ส่วนลด 10% สำหรับบัตรชมภาพยนตร์ทุกที่นั่ง ทุกเรื่อง ทุกรอบ 2.รับฟรีทันทีป็อปคอร์น-เครื่องดื่ม Member Set (มูลค่า 129 บาท) 3.เมื่อถึงวันเกิด รับฟรีป็อปคอร์น-เครื่องดื่ม HBD Set (มูลค่า 159 บาท) 4.สะสมแต้มแลกของพรีเมียม (ทุก 50 บาท ได้ 1 แต้ม สะสมแลกของที่ระลึกจากภาพยนตร์)

Century Student Card สำหรับน้อง ๆ นักเรียน-นักศึกษา อายุไม่เกิน 25 ปี ดูหนังราคาสุดคุ้ม สมัครแค่ 49 บาท ใช้เป็นส่วนลดได้ทั้งหนังเก่าและใหม่ ได้ทั้งปี เริ่มต้น 89 บาทที่โรงหนังเซ็นจูรี่ อนุสาวรีย์ชัยฯ และ เริ่มต้น 99 บาทที่โรงหนังเซ็นจูรี่ สุขุมวิท พร้อมใช้เป็นส่วนลดได้ทั้งหนังเก่าและใหม่ได้ทั้งปี

นอกจากนี้ยังมี โรงภาพยนตร์สุดหรู ในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึงคือ Vivian Lounge โรงหนังระดับพรีเมียม ประกอบด้วย เบาะโซฟา หมอน ผ้าห่ม และเล้าจน์ที่เข้าได้ระหว่างรอรอบหนัง ได้รับประทานอาหารอร่อย ๆ และเครื่องดื่มค็อกเทล แบบไม่อั้น ตลอด 1 ชั่วโมง แถมมีป็อปคอร์นและเครื่องดื่มฟรีก่อนเข้าโรงภาพยนตร์

  • ปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่น รูปแบบการขายทันสมัย

คนยุคเจเนอเรชั่นแซดชอบรวมกลุ่มรวมก๊วน แต่เบื่อจัดงานที่โรงแรมและอยากให้งานของตัวเองไม่เหมือนใคร สถานที่และบริการใหม่นี้จึงเกิดขึ้น “เซ็นจูรี่” จึงเปิดให้บริการเช่าโรงภาพยนต์เหมารอบ เริ่มต้น 7,800- 19,900 บาท ให้บริการอาหาร-เครื่องดื่มแบบค็อกเทล และเล้าจ์สุดหรูด้านหน้าโรงภาพยนตร์ ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ใช้บริการที่หลากหลาย ทั้งการจัดงานบริษัท งานสัมมนา งานแต่งงาน มีตติ้งแฟนคลับศิลปิน หรือเซอร์ไพรส์คู่รัก ทำให้ “เซ็นจูรี่” มีสัดส่วนรายได้จากการเช่าเหมาโรงถึง 20%

  • โปรจี๊ด โดนใจ จัดให้สม่ำเสมอ

สำหรับคนที่ขยันส่องเพจจะเห็นหลากหลายโปรโมชันที่จัดกระตุ้นยอด เช่น โปรใจบุญ (ทุกวันพระ รับตั๋ว 2 แถม 1) โปรหลบฝน ข้างนอกฝนตก “เซ็นจูรี่” ใจดี ลดค่าตั๋วให้ 50% โปร 555 ช่วงเวลาแห่งความสุข (ดูหนังวันที่ 25 ของเดือน รับไปเลย ลดส่วน 50 บาท) ทำให้มีลูกเพจติดตามต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

  • กิจกรรมเอาใจวัย z

นอกจากกิจกรรมออนไลน์ไลฟ์สดทุกวันพุธแล้ว ล่าสุดการแข่งขัน Century Cover Dance 2019 ครั้งที่ 2 เพื่อเปิดเวทีและโอกาสให้น้อง ๆ เยาวชนได้มีเวทีแสดงความสามารถ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และเพื่อให้เยาวชนหันมาสนใจด้านการแสดงออก ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาศักยภาพอารมณ์ จิตใจ ชิงเงินรางวัลและของรางวัลมากมาย รวมกว่า 100,000 บาท

  • สีสันสดใส ตลาดไนท์มาร์เก็ต

เมื่อเทรนด์ลูกค้าเปลี่ยนไป ใคร ๆ ก็ขายของออนไลน์ ขณะเดียวกันลูกค้าก็อยากเห็นหน้าร้านค้า “เซ็นจูรี่” จึงผุดไอเดีย O2O (Online to Offline) แบบให้เห็นกันเลยจะ ๆ ให้ร้านค้าสามารถบอกกับลูกค้าตัวเองได้ ว่า “นี่คือหน้าร้าน ไลน์แอด อยากเห็น นั่งรถไฟฟ้ามาได้เลย” โดย “เซ็นจูรี่” ได้ปักหมุดแหล่งชอปปิงย่านสุขุมวิท รวมของถูก ของดี ไว้มากมาย ทั้งเสื้อผ้าแฟชั่นสวย ๆ เครื่องประดับเก๋ ๆ ของตกแต่งมากมาย น้ำหอมแบรนด์เนม โซนอาหารผลไม้ อร่อยถูกปาก ราคาประหยัด ตั้งแต่เวลา 17.00 เป็นต้นไป

โจทย์ของ “เซ็นจูรี่” คือเป็นไลฟ์สไตล์ มอลล์ ทำอย่างไรให้ลูกค้าพอใจ คู่ค้าขายดี ธุรกิจเติบโต ซึ่งถือเป็นหัวใจหลัก ภารกิจคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้มีกลุ่มลูกค้าหมุนเวียนเข้ามาใช้บริการสม่ำเสมอ ทำให้ปัจจุบันสาขาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวัยเริ่มต้นการทำงานเท่า ๆ กันคือ 50:50 ส่วนสาขาสุขุมวิทมีกล่มวัยรุ่น 30% และวัยเริ่มต้นการทำงาน 70%