กั้นห้องเพิ่มระยะห่าง สร้างระยะปลอดภัย อุ่นใจทั้งบ้าน

alivesonline.com : จากการรณรงค์เรื่อง “การเว้นระยะห่างทางสังคม” หรือ Social Distancing เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ COVID-19 จากการเดินทางและลดความแออัดในพื้นที่สาธารณะนั้น เมื่อพูดถึงการอยู่รวมกันในบ้าน หลายคนอาจมีความกังวลว่าจะเป็นพาหะนำเชื้อกลับเข้าบ้านโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะครอบครัวใหญ่ที่มีผู้สูงอายุและเด็ก ดังนั้น “การเพิ่มระยะห่างภายในบ้าน” จึงเป็นอีกทางเลือกที่เราสามารถทำได้จากการจัดสรรพื้นที่ สร้างระยะห่างด้วยการกั้นห้องให้เป็นสัดส่วนนั่นเอง

“การกั้นห้อง” ได้ยินแล้วเหมือนต้องรื้อบ้านทำใหม่ แต่จริง ๆ แล้วสามารถทำได้ในเวลาอันรวดเร็วกว่าที่คิด ด้วยการใช้ระบบผนังเบา หรือระบบผนังยิปซัมตราช้าง และเพื่อความแข็งแรงทนทานควรเลือกใช้แผ่นยิปซัมที่มีความหนา 12 มิลลิเมตรขึ้นไปในการกั้นห้อง นอกจากนี้ยังมั่นใจได้ว่าผนังจะสวย เรียบเนียนไร้รอยต่อ และเข้าอยู่ได้ทันที

การกั้นห้องด้วยระบบผนังยิปซัม ยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยในแต่ละห้องได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง ห้องนอนส่วนตัวของน้องชายอยากจะเปิดทีวีดูคอนเสิร์ตดัง ๆ ก็สามารถทำได้เต็มที่โดยที่ไม่ไปรบกวนห้องพี่สาวข้าง ๆ ที่กำลังประชุมผ่านทางออนไลน์ เนื่องจากคุณสมบัติของผนังยิปซัมตราช้างสามารถกันเสียงรบกวน หรือป้องกันเสียงเล็ดลอดออกจากห้องได้ดี ด้วยค่ากั้นเสียงตั้งแต่ 41-53 เดซิเบลโดยติดตั้งภายใต้เงื่อนไขตามคำแนะนำยิปซัมตราช้าง

นอกจากนี้ ในสถานการณ์ที่ต้องทำงานจากที่บ้าน หรือ Work From Home เราอาจปรับห้องนอนส่วนตัวมาเป็นมุมทำงานในขณะที่ Wi-Fi Router ติดตั้งอยู่ด้านนอกอาจมีความกังวลเรื่องสัญญาณไวไฟว่าจะถูกลดทอนลงหรือไม่ ถ้าไม่พูดถึงความแรงของตัวรับส่งสัญญาณ ผนังกั้นห้องเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกับการส่งผ่านสัญญาณไวไฟดังนั้นเลือกใช้ผนังกั้นห้องยิปซัมตราช้างมีคุณสมบัติไม่กันสัญญาณไวไฟ ทำงานได้ไม่สะดุดอีกทั้งยังมีค่าการนำความร้อนต่ำ ไม่สะสมความร้อน มีส่วนช่วยให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าในบ้านได้อีกทาง

ผนังยิปซัมตราช้างทุกรุ่นยังได้รับการออกแบบตามหลักการทางวิศวกรรม และมาตรฐานการทดสอบสากล ทำให้ผู้อยู่อาศัยมั่นใจเรื่องความปลอดภัยไร้ฝุ่น และไม่มีแร่ใยหิน รวมถึงสามารถสร้างความเป็นส่วนตัว และเพื่อรักษาระยะห่างภายในบ้านสร้างความอุ่นใจในช่วงเวลาแบบนี้ ยิปซัมตราช้างจึงขอเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระยะปลอดภัยของทุกคนในบ้าน ด้วยการกั้นระยะห่างแต่ไม่กั้นระยะห่วง

อย่างไรก็ตาม การรักษาระยะห่างเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ช่วยป้องกันไวรัส COVID-19 แต่ที่สำคัญคือต้องช่วยกันดูแลควบคุมสุขลักษณะของตัวเองและภายในบ้านให้ดี หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้ หรือจุดที่ต้องสัมผัสร่วมกัน อีกทั้งพูดคุยกันให้มากขึ้นกับคนในครอบครัวเพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อความปลอดภัยกันถ้วนหน้า.

ข่าวปลอม ! มีผู้ติดเชื้อ COVID-19 จากจดหมาย หรือพัสดุ

alivesonline.com : จากกรณีที่มีการแชร์ข้อความว่า “คำเตือนจากสำนักไปรษณีย์ไทย ขอให้ทุกท่านที่ได้รับพัสดุ ควรแยกใส่ถุงไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนนำมาเปิดหรือฉีดยาฆ่าเชื้อก่อนนำเข้าบ้าน เนื่องจากมีคนได้รับเชื้อ COVID-19 นี้ผ่านทางจดหมายหรือพัสดุแล้ว พร้อมยืนยันว่าสามารถเป็นพาหะได้” นั้น

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า ปัจจุบันไปรษณีย์ไทยยังไม่มีรายงานว่ามีผู้ติดเชื้อ COVID-19 จากการรับพัสดุ หรือจดหมาย รวมถึงยังไม่มีรายงานพนักงาน/ลูกจ้างของ “ไปรษณีย์ไทย” ติดเชื้อ

ทั้งนี้ “ไปรษณีย์ไทย” ได้ตระหนักและมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรค COVID–19 ที่เข้มงวดเป็นอย่างดี ดังนี้

  • ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งต้องฉีด เช็ดแอลกอฮอล์อย่างน้อยทุก 20 นาที
  • มีบริการเจลทำความสะอาดมือ
  • เคาน์เตอร์บริการเว้นช่องบริการ 1 ช่อง ตีเส้นระยะห่าง 1 เมตร สำหรับคิวรอใช้บริการ เว้นเก้าอี้นั่ง 1 เมตร
  • ให้ผู้ปฏิบัติงานใส่หน้ากากอนามัย และทำความสะอาดมือบ่อย ๆ
  • ศูนย์ไปรษณีย์ทุกแห่งต้องดูแลความสะอาดไปรษณียภัณฑ์ทุกชิ้น พร้อมพ่นยาฆ่าเชื้อโรคก่อนนำส่งให้ผู้รับปลายทาง
  • การนำจ่ายสิ่งของ “ไปรษณีย์ไทย” กำชับให้บุรุษไปรษณีย์ทุกคนตรวจร่างกายก่อนออกนำจ่ายทุกครั้ง
  • สิ่งของที่ต้องมีการลงนามผู้รับไม่ต้องลงนามรับสิ่งของเป็นการชั่วคราว เพื่อเว้นห่างระยะปลอดภัย (Social Distancing)

ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูล ข่าวสารจาก บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด โดยสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.thailandpost.co.th หรือ โทร.0 2831 3131

“มั่นคงเคหะการ” มั่นใจแผนธุรกิจ 5 ปียังแกร่ง

alivesonline.com : “มั่นคงเคหะการ” เดินหน้าตามแผนธุรกิจ 5 ปี เน้นปรับตัวและรูปแบบการดำเนินงาน รับมือผลกระทบสถานการณ์การแพร่กระจายของไวรัส COVID-19 ล่าสุดดึงเทคโนโลยีออนไลน์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคปัจจุบัน แจงไตรมาสแรกของปี 2563 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ทำยอดขายได้กว่า 500 ล้านบาท ในขณะที่ยอดจอง Pre-Approve และ Backlog เพิ่มขึ้นถึง 80% ด้านธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ ยังคงมีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง เผยสิ้นปี 2562 มีรายได้เพิ่มขึ้น 30% พร้อมเตรียมขายทรัพย์สินบางส่วนมูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท เข้ากองทรัสต์เพื่อการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงิน

นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการจำกัด (มหาชน) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย เพื่อเช่าและบริการ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของทุกภาคธุรกิจนั้น ในส่วนของ “มั่นคงฯ” ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มากนัก เนื่องจากได้เตรียมพร้อมรับมือและปรับเปลี่ยนแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับการทำงานของทีมงาน การปรับการขายที่นำเทคโนโลยี Virtual Tour 360 องศา มาใช้ให้ลูกค้าชมบ้านเสมือนจริงแม้ไม่ได้เดินทางมาที่โครงการ และยังสามารถเลือกเป็นเจ้าของผ่านช่องทาง Line ได้อีกด้วย นอกจากนี้กลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และกว่า 70% เป็นลูกค้าไม่ติดภาระสัญญากู้เงินที่อยู่อาศัย ประกอบกับสินค้าของบริษัทฯ อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท จึงทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากหนัก ยิ่งไปกว่านั้นยังออกโปรโมชันต่าง ๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น ทำให้บริษัทฯ ยังสามารถทำยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับในไตรมาสแรกของปี 2563 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้กว่า 500 ล้านบาท ซึ่งหากนับรวมยอดจอง Pre-Approve และ Backlog แล้ว บริษัทฯ สามารถทำยอดขายในช่วงไตรมาสแรกคิดเป็น 35% ของเป้าตลอดทั้งปี 2563 และจากการดำเนินงานในช่วงประมาณ 2 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มียอดจอง Pre-Approve และ Backlog ประมาณ 90 ล้านบาท/สัปดาห์ เพิ่มขึ้น 80%

นายวรสิทธิ์ ยังกล่าวต่อไปถึงภาพรวมธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการว่า ความแข็งแกร่งของแผนธุรกิจ 5 ปี ของบริษัทฯ ที่มุ่งสร้างสมดุลรายได้เพื่อความมั่นคง นับว่าเป็นแผนการดำเนินงานที่บริษัทฯ มาถูกทางแล้ว แม้ในภาพรวมของการขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยจะชะลอตัวไปบ้างด้วยปัจจัยต่าง ๆ แต่ด้วยแผนธุรกิจของบริษัทฯ ทำให้เรามีรายได้จากธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ หรือธุรกิจรายได้ประจำเข้ามาเสริมและช่วยรักษาสมดุลทางรายได้ ทำให้ยังสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ โดยในปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการ รวม 530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากปี 2561

ในส่วนของแผนการดำเนินในธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการนั้น ประกอบด้วย ธุรกิจโรงงานและคลังสินค้าให้เช่า โครงการ “บางกอกฟรีเทรดโซน” บริหารงานโดย บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด  ยังคงทำผลงานได้ดี ทั้งนี้ในปี 2562 ที่ผ่านมามีผู้เช่าแล้วกว่า 90% ของพื้นที่เช่า ธุรกิจโครงการ “พาร์ค คอร์ท” (Park Court) สุขุมวิท 77 คอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ให้เช่า ยังสามารถรักษาอัตราเช่าให้อยู่ที่ 80% ของจำนวนห้องเช่าทั้งหมด ธุรกิจสนามกอล์ฟ “ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ” ธุรกิจบริการด้านดูแลจัดการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดย บริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด รวมไปถึงธุรกิจโครงการสถานพยาบาล สถานฟื้นฟู และเวชศาสตร์ชะลอวัย (Wellness Center) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต และมีแผนจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2563

สำหรับหุ้นกู้และตั๋วแลกเงินที่จะครบกำหนดในช่วงปีนี้ บริษัทฯ ได้มีการเตรียมแผนการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยในช่วงปลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ระดมออกหุ้นกู้ 3 ปี 11 เดือน เป็นจำนวนเงิน 1,565 ล้านบาท อีกทั้งได้มีการขายทรัพย์สินที่ไม่อยู่ในแผนพัฒนาในอนาคตอันใกล้เป็นจำนวนเงินกว่า 2.6 พันล้านบาทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากนี้ยังมีทรัพย์สินที่ไม่มีภาระผูกพันอีกมากกว่า 2.5 พันล้านบาท ทำให้บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นเพื่อใช้เป็นช่องทางในการเสริมสภาพคล่อง และสำหรับปีนี้ได้เตรียมที่จะขายทรัพย์สินในส่วนของโรงงานและคลังสินค้าให้เช่ากว่า 1.3 แสนตารางเมตร มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท เข้ากองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดย กลต. ได้อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทจัดการกองทรัสต์ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และคาดว่ากองทรัสต์จะเสนอขายต่อประชาชนได้ในไตรมาส 3 ของปี 2563 ทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (Interest bearing debt ratio) ให้ยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดย ณ สิ้นปี มีสัดส่วนเท่ากับ 1.3 เท่า ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

“ในปีนี้ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายด้วยปัจจัยหลาย ๆ ด้าน ทั้งปัจจัยจากไวรัส COVID-19 และสภาวะเศษฐกิจทั้งหลาย แต่เราก็ยังคงเดินหน้าสานต่อนโยบายสร้างความสมดุลของรายได้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายและธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอทั้งเช่าและการบริการ ทั้งยังมุ่งหาโอกาสในการพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพ เพื่อขยายในส่วนของธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ ตามแผนการดำเนินธุรกิจ 5 ปี พร้อมขยับสัดส่วนกำไรของทั้ง 2 ฝั่งให้อยู่ที่ 50:50 ภายในปี 2564 เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นคงให้บริษัทฯ ตามแผนที่วางไว้” นายวรสิทธิ์ กล่าวในที่สุด

BAM ให้จังหวัดเพชรบูรณ์ใช้ทรัพย์สินรอการขายเป็น รพ.สนาม

alivesonline.com : BAM ร่วมฝ่าวิกฤต COVID – 19 สนับสนุนจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ใช้ทรัพย์สินรอการขายของบริษัทฯ เป็นโรงพยาบาลสนาม (Cohort Ward) พร้อมมอบเงิน 5 แสนบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจชนิดเคลื่อนย้ายและอุปกรณ์การแพทย์ที่เกี่ยวข้อง เตรียมมอบเงินอีกจำนวน 2.5 ล้านบาท ให้ 5 โรงพยาบาลรัฐ เพื่อซื้ออุปกรณ์การแพทย์ รับมือสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัส COVID – 19

นายสมพร มูลศรีแก้ว กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID–19 ที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน และภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศขณะนี้ BAM  มีความห่วงใยในปัญหาสังคม พร้อมร่วมสนับสนุนให้ประเทศไทยฝ่าวิกฤติ COVID–19 โดยในวันนี้ (8 เมษายน 2563) BAM ยินดีให้จังหวัดเพชรบูรณ์ ใช้อาคารโรงพยาบาลเมืองเพชร ซึ่งเป็นทรัพย์สินรอการขายของบริษัทฯ จากเดิมเป็นรายการทรัพย์ที่จะนำออกประมูลขายในเดือนเมษายน 2563 ไปดัดแปลงเป็นโรงพยาบาลสนาม (Cohort Ward) เพื่อรองรับการช่วยชีวิตผู้ป่วยจำนวนมากจากสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัส COVID–19 ซึ่งจังหวัดเพชรบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการทันทีที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว โดย BAM ไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ในการนำทรัพย์สินรอการขายไปใช้ประโยชน์ของทางราชการและประชาชน  พร้อมกันนี้ยังได้มอบเงินจำนวน 5 แสนบาท ให้จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อใช้ในการจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจชนิดเคลื่อนย้าย พร้อมอุปกรณ์การแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายสืบศักดิ์ เอี่ยมวิจารณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นผู้รับมอบ

นอกจากนั้น เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว BAM ยังได้เตรียมมอบเงินสนับสนุนเพื่อจัดซื้อเครื่องช่วยหายใจชนิดเคลื่อนย้าย อุปกรณ์การแพทย์ และกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัส COVID–19 รวมจำนวนเงิน 2.5 ล้านบาท ให้โรงพยาบาลของรัฐ 5 แห่ง แห่งละ 5 แสนบาทได้แก่ โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลรามาธิบดี และโรงพยาบาลบำราศนราดูรอีกด้วย

นายสมพร กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมา BAM ยังได้ออกมาตรการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ และลูกค้าที่ซื้อทรัพย์แบบผ่อนชำระที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัส COVID–19 ซึ่งทำให้ความสามารถในการผ่อนชำระลดลง จนถึงขั้นไม่มีความสามารถในการผ่อนชำระในช่วงเวลาดังกล่าวได้ โดยลูกค้าสามารถเลือก 1 ใน 3 มาตรการช่วยเหลือที่เหมาะสมกับความเป็นไปได้ในการผ่อนชำระของตนเอง ได้แก่ 1.พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 เดือน 2. พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เป็นเวลา 3 เดือน หลังจากนั้นพักชำระเงินต้นเป็นเวลา 3 เดือน (ชำระเฉพาะดอกเบี้ย) 3.พักชำระเงินต้น (ชำระเฉพาะดอกเบี้ย) จนถึงงวดเดือนธันวาคม 2563 โดยคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ เพื่อขอผ่อนปรนเงื่อนไขการผ่อนชำระคือ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID–19 ซึ่งลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้กับ BAM ทั้งลูกค้ารายย่อยและลูกค้า SME รวมถึงลูกค้าที่ซื้อทรัพย์สินรอการขายแบบผ่อนชำระกับ BAM  สามารถขอเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้

ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถยื่นคำร้องขอผ่อนปรนเงื่อนไขการผ่อนชำระ ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2563 โดย BAM จะพิจารณาตามความเหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละราย สอบถามรายละเอียดได้ที่ Call Center โทร.0 2630 0700 สำนักงานใหญ่ สำนักงานดอนเมือง และสำนักงานสาขาทั่วประเทศ หรือทาง FB : Bam  Thailand   FB : ศูนย์ประนอมหนี้ออนไลน์ by BAM  และ  Line : @bamline

“เฮเฟเล่” ชวนคนไทยแชร์ไอเดีย สร้างสิ่งประดิษฐ์ต้าน COVID-19

alivesonline.com : “เฮเฟเล่” ร่วมสนับสนุนไอเดียสิ่งประดิษฐ์คนไทยต้าน COVID-19 กับแคมเปญ “YOUR IDEAS WE SUPPORT” ต่อยอดไอเดียความสร้างสรรค์ให้กลายเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการสนับสนุนเครื่องมือ หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทในด้านต่าง ๆ ให้ผู้สนใจนำไปสร้างอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการรักษาและป้องกัน COVID-19

นายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮเฟเล่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หนึ่งสิ่งดี ๆ ที่เราพบได้ในช่วงวิกฤติ COVID-19 คือการได้เห็นคนหลายกลุ่มออกมาสร้างชิ้นงาน เพื่อนำไปสนับสนุนการรักษาและใช้ทดแทนเครื่องมือทางการแพทย์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น Face Shield, Ear Guard และอื่น ๆ ซึ่ง “เฮเฟเล่” ก็ได้รับการติดต่อจากภาคส่วนต่าง ๆ ในการขอสนับสนุนอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เพื่อนำไปสร้างอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการรักษาและป้องกัน COVID-19 อาทิ ท่อ Smart Pipe ให้กับสภาวิศวกรฯ เพื่อใช้สร้างอุปกรณ์ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค ขณะเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่ติดเชื้อ, อุปกรณ์ข้อต่อ ให้ศิษย์เก่าช่างก่อสร้างอุเทนถวาย เพื่อใช้ประกอบฉากกั้นเชื้อในการตรวจคัดกรองโรค

การได้เห็นไอเดียสิ่งประดิษฐ์ที่คนไทย ร่วมกันสร้างสรรค์เพื่อนำไปต้านทานการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ “เฮเฟเล่” เกิดแนวคิดที่จะสนับสนุนและพร้อมต่อยอดไอเดียความสร้างสรรค์เหล่านั้นให้กลายเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการจัดแคมเปญ “YOUR IDEAS WE SUPPORT” เพียงอธิบายว่าคุณกำลังสร้างชิ้นงานอะไรอยู่ และผลิตภัณฑ์ของ “เฮเฟเล่” นั้นจะช่วยสนับสนุนสิ่งประดิษฐ์ต้าน COVID-19 ของคุณได้อย่างไรบ้าง โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของแคมเปญเพิ่มเติม พร้อมกับลงทะเบียนได้ที่ www.hafelethailand.com/hafele-fight-covid หรือค้นหารายละเอียดผลิตภัณฑ์ “เฮเฟเล่” ได้ที่ www.hafelethailand.com/download-catalogues

แคมเปญ “YOUR IDEAS WE SUPPORT” เปิดให้ลงทะเบียนแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยผู้ลงทะเบียนต้องแจ้งรายละเอียดของชิ้นงานที่ใช้ในการรักษา หรือป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 พร้อมระบุฟังก์ชันการใช้งานและจำนวนชิ้นงานที่กำลังสร้างให้ชัดเจน รวมถึงต้องแนบไฟล์ภาพสเก็ตซ์ หรือภาพชิ้นงานจริงที่กำลังประดิษฐ์แนบมาด้วย ซึ่งเมื่อ “เฮเฟเล่” พิจารณาถึงความเป็นไปได้และข้อมูลของชิ้นงานเบื้องต้นแล้ว จะติดต่อกลับเพื่อทำการสนับสนุนเครื่องมือ หรือผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ  ในด้านต่าง ๆ อาทิ อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เครื่องมือช่าง, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอื่น ๆ

“วิกฤติ COVID-19 เป็นเรื่องที่เกิดแบบกะทันหัน จนหลายฝ่ายมีเวลาในการรับมือน้อยเป็นอย่างมาก แต่โชคดีที่คนไทยมีความสร้างสรรค์มากพอที่จะสร้างสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ มาทดแทนเครื่องมือแพทย์ที่ไม่เพียงพอ แคมเปญ #yourideaswesupport รวมถึงอีกหนึ่งกำลังใจจาก #hafelefightcovid จะช่วยถ่ายทอดภาพน้ำใจของคนไทยที่ได้ร่วมกัน ส่งเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน และทำให้เราสามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ด้วยกันในที่สุด” นายโฟลเคอร์ เฮลสเติร์น กล่าวในที่สุด

ผู้สนใจสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ต้าน COVID-19 กับแคมเปญ “YOUR IDEAS WE SUPPORT” สามารถลงทะเบียนและดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ www.hafelethailand.com/hafele-fight-covid หรือติดตามข่าวสารเพิ่มเติมจากเฮเฟเล่ ได้ทาง #hafelefightcovid และ #yourideaswesupport หรือที่เว็บไซต์ www.hafelethailand.com

“ไทยประกันภัย” มอบทุนประกันหนุนทีมแพทย์สู้ COVID-19

นายชาลี ลีติกุล รองผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบความคุ้มครองผ่านกรมธรรม์ประกันภัยแก่ทีมแพทย์อายุรศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จำนวน 160 ฉบับ ทุนประกันรวม 8 ล้านบาท ระยะเวลาคุ้มครอง 1 ปีเต็ม เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยได้รับเกียรติจาก ศ.นพ.ก้องเกียรติ กูณฑ์กันทรากร หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้รับมอบ ณ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เมื่อเร็ว ๆ นี้

“แม็คโคร” ขนสินค้า 5 พันรายการร่วมแคมเปญ “จัดให้”

alivesonline.com : “แม็คโคร” เปิดตัวแคมเปญใหญ่ประจำปี “แม็คโคร จัดให้”  นำสินค้ามากกว่า 5 พันรายการร่วมโปรโมชันพิเศษ เสริมแกร่งโชวห่วยไทย เน้นสะดวกซื้อ เพิ่มกำไร ผ่านแม็คโครแอปฯ พร้อมติดอาวุธเสริมพัฒนาความรู้ หวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน

นางอรัญญา ศรีสุข รองผู้อำนวยการ ฝ่ายบริหารสินค้าธุรกิจค้าปลีก  บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “แม็คโคร” ได้นำเสนอแคมเปญ “จัดให้ แจกใหญ่กำไรเต็ม” โดยนำสินค้ามาจัดโปรโมชันลดราคา ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะความรู้เพื่อผู้ประกอบการผ่าน ศูนย์มิตรแท้โชห่วย และเว็บไซต์โชห่วยดอทคอมอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อย หรือโชวห่วยที่มีอยู่ประมาณ 7 แสนราย ซึ่งเป็นลูกค้าสำคัญของ “แม็คโคร” และเป็นศูนย์กลางการจับจ่ายของชุมชนที่มีความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งในสถานการณ์แห่งความยากลำบากในปัจจุบัน

“แม็คโคร จัดให้” เป็นแคมเปญประจำปีที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9 เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการร้านโชวห่วยและร้านค้าปลีกรายย่อย โดยชักชวนพันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าจำเป็น มาร่วมด้วยช่วยกัน จัดโปรโมชันราคาพิเศษ สินค้ามากกว่า 5 พันรายการ ซึ่งเมื่อสินค้าจำเป็นในร้านโชวห่วยใกล้บ้านมีครบถ้วน และขายในราคาที่ถูกกว่า หรือเทียบเท่ากับซูเปอร์มาร์เก็ต ประกอบกับกระแสการ “อยู่บ้าน ลดเชื้อ เพื่อชาติ” นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีของโชวห่วยที่กระจายอยู่ตามชุมชนต่าง ๆ นอกจากกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทางหนึ่งแล้ว ผู้ประกอบการเองยังมีสิทธิ์รับส่วนลดและลุ้นรางวัลอีกด้วย

นางอรัญญา กล่าวอีกว่า “แม็คโคร” ยังออกแบบเครื่องมือและช่องทางให้คำปรึกษา อบรมความรู้ แนะนำการทำธุรกิจ แก่ผู้ประกอบการที่สนใจ ด้วยการบูรณาการทั้งรูปแบบออฟไลน์ ผ่านศูนย์มิตรแท้โชห่วย และออนไลน์ผ่าน โชห่วยไทยดอทคอม ตลอดจนยังร่วมกับภาครัฐ อาทิ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จัดทำ “โครงการพัฒนาร้านค้าปลีกยุคใหม่สู่สมาร์ทโชห่วย” เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อย รวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสืบทอดกิจการร้านโชวห่วย ของครอบครัว เน้นต่อยอดให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืน

“แคมเปญจัดให้ แจกยิ่งใหญ่กำไรจัดเต็ม”  มีระยะเวลาตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งนอกจากการลดราคาสินค้าแล้ว ยังมีการแจกโชคให้สมาชิกประเภทโชห่วย มินิมาร์ท ซูเปอร์มาร์เก็ต ผ่านการลงทะเบียนแม็คโครแอปพลิเคชัน จากการสะสมยอดซื้อสินค้าที่ร่วมรายการครบ 1 หมื่นบาทขึ้นไป รับฟรี ส่วนลดมูลค่า 200 บาท, ยอดซื้อ 2 หมื่นบาทขึ้นไป รับส่วนลดมูลค่า 500 บาท ยอดซื้อ 3 หมื่นบาทขึ้นไป รับส่วนลด 999 บาท รวมถึงยังลุ้นรางวัลอีกมากมายรวม มูลค่ารวมกว่า 1.3 ล้านบาท อาทิ รถกระบะ New MG Extender รถจักรยานยนต์ บัตรของขวัญแลกทองคำ พร้อมด้วยบริการเสริม “คุณสั่ง เราส่ง” อำนวยความสะดวกเสริม

สปคม. ดึงแอปฯ clicknic ร่วมคัดกรอง COVID-19

alivesonline.com : “สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง” แนะประชาชนคัดกรองกลุ่มเสี่ยง COVID-19 ผ่านแอปพลิเคชัน “clicknic” (คลิกนิก) ฟรี สะดวก ลดเสี่ยง ไม่ต้องเดินทาง ครบขั้นตอนตั้งแต่คัดกรองเบื้องต้น วิดีโอคอล (VDO Call) กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ หากพบความเสี่ยงสามารถประสานเพื่อแนะนำการเข้าตรวจทางห้องปฏิบัติการได้ทันที ดีเดย์ 8 เม.ย.63 เปิดให้บริการเฟสแรกในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

นายแพทย์เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค  กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งเป็นโรคระบาดใหม่แต่แพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล และเดินทางเข้ารับการตรวจคัดกรอง  COVID-19 ที่สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.)และโรงพยาบาลที่เปิดรับตรวจ COVID-19 ทั้งภาครัฐและเอกชนเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความหนาแน่นในสถานพยาบาล และมีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของไวรัส COVID-19 มากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของ สปคม. นั้น ขณะนี้มีประชาชนเข้ามารับการตรวจไม่ต่ำกว่าวันละ 300 คน

สปคม.จึงมีแนวคิดในการนำ “เทเลเมดิซีน” (Telemedicine) มาใช้ในขั้นตอนการคัดกรองผู้ป่วยเบื้องต้น โดยได้ร่วมกับ “คลิกนิก เทเลเมดิซีน” เปิดบริการคัดกรองผู้ติดเชื้อไวรัส COVIDเบื้องต้น ผ่าน คลิกนิก แอปพลิเคชัน(clicknic Application) เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อทั้งกับประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ ลดความวิตกกังวล ลดการเคลื่อนที่ของผู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือผู้ที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาตรวจด้วยตนเองที่โรงพยาบาลให้อยู่ในที่พักอาศัย โดยมุ่งหวังที่จะลดจำนวนคนเดินทางเข้ามาตรวจคัดกรองภายในโรงพยาบาล และเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับกลุ่มเสี่ยงสูงเข้ารับการตรวจยังโรงพยาบาลแทน โดยประชาชนสามารถคัดกรองความเสี่ยงด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน “คลิกนิก” ได้ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. วันจันทร์–ศุกร์ และเตรียมเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงเร็ว ๆ นี้”

ด้าน นายนีล นิลวิเชียร ประธานกรรมการบริหาร คลิกนิก เทเลเมดิซีน (clicknic Telemedicine) กล่าวเสริมว่า “คลิกนิก เทเลเมดิซีน” เป็นบริการทางการแพทย์ที่มีการนำเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถพูดคุยตอบโต้กันได้แบบ Real-Time ผ่านการสื่อสารด้วยระบบวิดีโอคอล (VDO Call) พร้อมระบบเชื่อมโยงกับเครือข่ายร้านยาและระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ

จากสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 “คลิกนิก เทเลเมดิซีน” ได้ทำการพัฒนาเครื่องมือสำหรับคัดกรองเบื้องต้นผ่านแอปพลิเคชัน “คลิกนิก” ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถเข้าไปกรอกข้อมูลสุขภาพเบื้องต้น เพื่อประเมินความเสี่ยงของตนเอง รวมทั้งสามารถขอรับคำปรึกษาในรูปแบบวิดีโอคอล (VDO Call) กับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ได้ โดยบริการดังกล่าวนี้ได้เริ่มทดลองเปิดใช้บริการมาตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2563 ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ โดยจากการสำรวจข้อมูลจากโรงพยาบาลสมุทรปราการพบว่า สามารถลดจำนวนผู้มาใช้บริการคัดกรองไวรัส COVID-19 และลดความแออัดของผู้มาใช้บริการโรงพยาบาลได้เป็นอย่างมาก

จากความสำเร็จดังกล่าว “คลิกนิก” จึงได้ร่วมมือกับ สปคม.ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน “คลิกนิก” ให้สามารถใช้งานได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น และมีกระบวนการคัดกรองที่แม่นยำทันต่อสถานการณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อเริ่มให้บริการในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล

ด้าน ภก. อรรถพล ตันติกำเนิดกุล กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ “คลิกนิก เทเลเมดิซีน” กล่าวถึง กระบวนการคัดกรองผ่าน “คลิกนิก”  ซึ่งจะมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

1.คัดกรองด้วยแบบประเมิน (Screening Questionnaire)

2.VDO Call กับเจ้าหน้าที่

3 แยกความเสี่ยง ออกเป็น  3 ระดับ สูง ปานกลาง ต่ำ

3.1 ความเสี่ยงปานกลางและความเสี่ยงต่ำ แนะนำการปฏิบัติตัว

3.2 ความเสี่ยงสูง ประสานงานเรื่องการตรวจทางห้องปฏิบัติการ

4.หากพบผลบวกคนไข้จะได้รับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลทันที

5.การติดตามกรณีกลับมาดูอาการที่บ้านได้ (Self Isolation) ด้วยระบบเทเลเมดิซีน

“คลิกนิก” แอปพลิเคชัน เปิดให้บริการในระยะแรกสำหรับประชาชนที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 8เมษายน 2563 เป็นต้นไป ในอนาคตกำลังขยายพื้นที่การให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ผู้สนใจใช้บริการ สามารถ Download Application ได้ที่ ระบบ ios : https://apps.apple.com/th/app/clicknic/id1348575147 ระบบ android: https://play.google.com/store/apps/details?id=co.clicknic.clicknicandroid&hl=th

สำหรับโรงพยาบาลที่มีความประสงค์จะเข้าร่วมใช้บริการระบบคัดกรองเชื้อ COVID-19 ให้ประชาชนในพื้นที่ผ่าน “คลิกนิก แอปพลิเคชัน” สามารถติดต่อและส่งรายละเอียดได้ทาง Inbox ของ Facebook Page: Clicknic

ปัจจุบัน clicknic เปิดบริการตรวจโรคทั่วไปสำหรับเฉพาะกับกลุ่มลูกค้ากรมธรรม์ สุขภาพของบริษัทประกันภัยและประกันชีวิต ส่วนกลุ่มลูกค้าทั่วไปจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้

 

แพนเค้ก ซอเซจ “แมคโดนัลด์” 1 แถม 1 ตลอดวัน

alivesonline.com : “แมคโดนัลด์” เสิร์ฟความอร่อยอิ่มคุ้มแบบสุด ๆ ตลอดทั้งวันกับเมนูแพนเค้กชิ้นใหญ่ นุ่ม หอมกรุ่น มาพร้อมซอเซจหมู รสกลมกล่อม เพิ่มความอิ่มคุ้มกับโปรโมชันแพนเค้ก 2 ชิ้น และซอเซจหมูแบบ 1 แถม 1 ในราคาเริ่มต้นเพียง 85 บาท (จากปกติ 170 บาท) เมื่อใช้บริการซื้อกลับบ้าน และไดร์ฟทรู ราคาเริ่มต้น 89 บาท (จากปกติ 178 บาท) เมื่อใช้บริการแมคดิลิเวอรี่ จัดส่งถึงบ้าน โทร.1711 และออนไลน์ เริ่มวันที่ 10 เมษายน 2563 – 10 พฤษภาคม 2563 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด ตรวจสอบสาขาที่ร่วมรายการคลิก https://www.mcdonalds.co.th/faq

แมคโดนัลด์ พร้อมส่งมอบความอิ่มอร่อยสุดคุ้มอย่างปลอดภัยแบบไม่ต้องลงจากรถกับบริการ “ไดร์ฟ ทรู” (Drive Thru) เพียงสั่งอาหาร พร้อมบริการรับชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) ผ่านบัตรเครดิต/เดบิต และ e-Wallet เช่น AirPay, Alipay, BluePay, True Money, WeChat, mPay และ Dolfin เพื่อลดความเสี่ยง หลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินและธนบัตร แค่นี้ก็สามารถรับอาหารและอิ่มอร่อยได้อย่างปลอดภัยและสะดวก รวดเร็ว ที่ร้าน “แมคโดนัลด์” สาขาที่ให้บริการ “ไดรฟ์ ทรู” กว่า 70 สาขาทั่วประเทศ ตรวจสอบสาขาได้ที่ https://www.mcdonalds.co.th/faq

ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ที่ไหน Work from Home หรือทำงานออนไลน์อยู่ที่บ้าน “แมคดิลิเวอรี” พร้อมส่งตรงถึงบ้านอย่างปลอดภัย ฟรีค่าส่ง เมื่อจ่ายผ่านบัตรเครดิต/เดบิต ตั้งแต่ 200 บาทขึ้นไป ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 โทร.1711 เว็บไซต์ https://www.mcdonalds.co.th แอปพลิเคชัน http://mcd-th.mtel.ws/download รายละเอียดเพิ่มเติมคลิก https://www.facebook.com/McThai

*พิเศษ โปรโมชันเมนูแพนเค้กนี้ จำหน่ายตลอดวัน

*บริการจัดส่งถึงบ้านให้บริการตั้งแต่ 07.00 – 20.30 น. ตามสถานการณ์ปัจจุบัน

*ไม่สามารถใช้ร่วมกับการส่งเสริมการขายอื่น ๆ ได้

*บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

 

 

แท็กซี่-คนขับรถรับจ้าง พลิกวิกฤติหารายได้เสริมช่วง COVID-19

alivesonline.com : พิษ COVID19 ทำให้หลายธุรกิจหยุดชะงัก ส่งผลกระทบกับหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นเหล่าลูกจ้างชั่วคราว พนักงานรายวัน หรือแม้แต่กลุ่มคนขับรถรับจ้างที่นอกจากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะลดลงแล้ว ผู้โดยสารคนไทยยังต้องกักตัวอยู่บ้านเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำรายได้หด แต่ภาระยังเท่าเดิม

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในสถานการณ์นี้ โดยขณะนี้มีหลายเสียงทางโซเชียลมีเดียที่ต่างออกมาเล่าประสบการณ์แก้วิกฤตของตน หนึ่งในนั้นก็คือเสียงจากเหล่าคนขับแท็กซี่และคนขับ “แกร็บคาร์” ที่ผันตัวมารับงานเดลิเวอรีเพื่อจัดส่งอาหาร ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบริการยอดฮิตในช่วงนี้

ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก Somchai Klahan คนขับ “แกร็บแท็กซี่” ได้โพสต์เล่าประสบการณ์การผันตัวเองมารับส่งอาหารหลังจากขับแท็กซี่มาตลอดเพราะมีภาระทั้งตนเองและภรรยาที่กำลังตั้งท้อง แต่ช่วงนี้ไม่มีผู้โดยสารจึงได้เปลี่ยนมารับ-ส่งอาหารแทน พร้อมเปิดเผยภาพจากแอปพลิเคชันว่าตนสามารถรับงานได้หลากหลายช่องทาง ต่อยอดอาชีพและขยายโอกาสในการสร้างรายได้ในช่วง COVID-19

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเสียงที่ช่วยกันส่งต่อกำลังใจให้เหล่าเพื่อนคนขับ “แกร็บคาร์” มารับงานเพื่อเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Nattawut Malirat ที่เล่าถึงความต้องการของผู้ใช้บริการในช่วงนี้ ทำให้มีงานเข้าไม่ขาดสาย ช่วยเติมรายได้ที่หายไปและช่วยลดภาระจากค่าใช้จ่ายรายวันของเธอ พร้อมแชร์รายรับ-รายจ่ายจากการขับ “แกร็บฟู้ดคาร์” ให้เห็นอีกอีกด้วย

ส่วนสาว “แกร็บคาร์” Singthong Tuangkamonwan หรือ “น้ำ” ได้เปิดเผยข้อมูลผ่านคลิปวิดีโอในเฟซบุ๊กเล่าถึงบรรยากาศการทำงานที่เธอตั้งใจนำมาเป็นประสบการณ์ให้กับทุกคน ซึ่งถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ COVID-19 ที่ผู้คนไม่ออกจากบ้าน แต่เธอก็ยังไม่หยุดที่จะหารายได้เพื่อหารายได้ โดยเธอได้ขับ “แกร็บฟู้ดคาร์” จนเป็นระดับ Silver พร้อมกล่าวถึงค่าคอมมิชชันว่า หากระยะทางสั้น ๆ ก็โดนหักเพียงไม่กี่บาทด้วย

“ช่วงนี้คนอยู่บ้านกันเยอะ หันมาวิ่ง แกร็บฟู้ดคาร์ กันดูครับ ตอนนี้แกร็บพร้อมช่วยพาร์ทเนอร์ทุกคนอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาแบบนี้ อยากชวนให้ทุกคนมาลองขับรถส่งอาหารกัน บอกเลยว่าไม่ได้แย่ เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ แถมได้เงินด้วย งานใกล้ ๆ หักคอมน้อย รถก็หอม แต่ขับไปหิวไปอันนี้ช่วยไม่ได้เน้อ…”

อีกเสียงจากหนุ่ม “แกร็บคาร์” คนขยันผู้ใช้เฟซบุ๊ก อาตี๋ ตระกูลปึง เชิญชวนทุกคนให้ลองหันมาหารายได้เสริมจากส่วนที่หายไปในช่วงวิกฤติ COVID-19

ในช่วงวิกฤตอย่างนี้จะทำให้เราได้เห็นว่าหลายภาคส่วนได้รับผลกระทบ ทำให้หลายคนก็ต้องลุกขึ้นมาปรับตัวเพื่อหารายได้เลี้ยงปากท้องกันต่อไป และต้องขอเป็นกำลังใจให้กับคนไทยทุกคนและทั่วโลกที่กำลังเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของ COVID-19 นี้ สู้ไปด้วยกัน