ฉลองครบรอบ 50 ปี “บิกแมค” มอบส่วนลดพิเศษ เมนูเบอร์เกอร์เนื้อสุดฮิต

alivesonline.com : “แมคโดนัลด์” ร่วมฉลองครบรอบ 50 ปี บิกแมค (50Years of Big Mac®) เมนูเบอร์เกอร์สุดคลาสสิกในตำนานที่หลายคนหลงรัก มอบส่วนลดพิเศษสำหรับ 3 เมนูเบอร์เกอร์เนื้อสุดฮิต เต็มอิ่มกับชุดเบอร์เกอร์เนื้ออร่อยสุดคุ้มในราคาพิเศษ พร้อมของสะสม ลิมิเต็ด อิดิชั่น บัตรกำนัล “บิกแมค กิ๊ฟการ์ด” (Big Mac® Gift Card) ลายกราฟฟิกสุดเก๋ และ เสื้อยืด “บิกแมค” (Big Mac® T-Shirt) ที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อร่วมฉลอง 50 ปี ของเบอร์เกอร์ขายดีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกที่นักสะสมไม่ควรพลาด

นายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด กล่าวว่า “บิกแมค” (Big Mac®) เป็นเมนูเบอร์เกอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ “แมคโดนัลด์” และได้รับความนิยมทั่วโลกยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ เราจึงร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี “บิกแมค” (Big Mac®) อย่างยิ่งใหญ่ โดยในประเทศไทย “แมคโดนัลด์” ได้มอบส่วนลดเมนูเบอร์เกอร์เนื้อในราคาสุดพิเศษโดยเฉพาะเมนู “บิกแมค” ที่เราอยากให้ทุกคนได้ลิ้มลอง โดยได้นำเข้าเนื้อวัวคุณภาพจากประเทศออสเตรเลีย ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยของอาหารในทุกขั้นตอน ปราศจากสารแต่งกลิ่น สี และวัตถุกันเสีย พร้อมของสะสมที่ออกแบบพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสสำคัญนี้

“แมคโดนัลด์” ร่วมฉลอง 50 ปี “บิกแมค” มอบส่วนลดจัดหนัก สำหรับ 3 เมนูเบอร์เกอร์เนื้อสุดฮิต ชีสเบอร์เกอร์ เพียงชิ้นละ 31 บาท (ปกติ 62 บาท), ดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์ ชิ้นละ 54 บาท (ปกติ 109 บาท), บิกแมค ชิ้นละ 54 บาท (ปกติ 109 บาท) และอีกหลากหลายเมนูเนื้อยอดนิยมในชุดอร่อยสุดคุ้มราคาพิเศษที่มาพร้อมเฟรนช์ฟรายส์ขนาดกลางและเครื่องดื่มน้ำอัดลม ขนาด 16 ออนซ์ ทั้งชุดแฮมเบอร์เกอร์ 75 บาท (ปกติ 89 บาท), ชุดชีสเบอร์เกอร์ 89 บาท (ปกติ 109 บาท), ชุดดีลักซ์ชีสเบอร์เกอร์ 129 บาท (ปกติ 155 บาท), ชุดดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์ 145 บาท (ปกติ 175 บาท), ชุดดับเบิ้ล บิกแมคเนื้อ 169 บาท (ปกติ 205 บาท), ชุดทริปเปิ้ล บีฟ ชีสเบอร์เกอร์ 179 บาท (ปกติ 215 บาท), ชุดคลาสสิก แองกัส บีฟ เบอร์เกอร์ 175 บาท (ปกติ 209 บาท), ชุดดับเบิ้ล แองกัส บีฟ เบอร์เกอร์ 215 บาท (ปกติ 259 บาท) และ ชุดซูเปอร์ ดับเบิ้ล แองกัส เบอร์เกอร์ 275 บาท (ปกติ 329 บาท) ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 3 มกราคม 2562 ที่ร้านแมคโดนัลด์สาขาที่ร่วมรายการ และแมคดิลิเวอรี่บริการจัดส่งอาหารถึงบ้านผ่าน Call Center 1711 แมคโดนัลด์เว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น

สำหรับของสะสม “บิกแมค กิ๊ฟการ์ด” (Big Mac® Gift Card) มีให้เลือก 2 ลายน่ารัก น่าสะสม สามารถใช้แทนเงินสดมูลค่า 500 บาท เพื่อแลกซื้ออาหารและเครื่องดื่มได้ที่ร้านแมคโดนัลด์สาขาที่ร่วมรายการ พิเศษ! รับฟรี Gift Voucher มูลค่า 100 บาท และ คูปองเฟรนช์ฟรายส์ ไซส์ใหญ่พิเศษ มูลค่า 84 บาท รวมมูลค่า 684 บาท เป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2562 ใช้สิทธิ์ได้ถึง 30 มิถุนายน 2562

ส่วนเสื้อยืด “บิกแมค ลิมิเต็ด อิดิชั่น” (Big Mac® T-Shirt) 2 สไตล์ สีขาวและสีดำ ฟรีไซส์ ชายและหญิง แลกซื้อเพียง 159 บาท (จากปกติ 299 บาท) เพียงอิ่มอร่อยกับชุดอร่อยสุดคุ้มเนื้อชุดใดก็ได้ หรือชุดอิ่มคุ้ม (เมนูชีสเบอร์เกอร์หรือดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์ เท่านั้น) ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 มกราคม 2562 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด (สินค้ามีจำนวนจำกัด) ที่ร้านแมคโดนัลด์สาขาที่ร่วมรายการ และแมคดิลิเวอรี่บริการจัดส่งอาหารถึงบ้านผ่าน Call Center 1711 แมคโดนัลด์เว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น

ทั้งนี้ “บิกแมค” (Big Mac®) ถูกคิดค้นขึ้นในปี ค.ศ.1967 โดย นายจิม เดลลิกาติ (Mr.Jim Delligatti) ผู้รับสิทธิ์บริหารแฟรนไชส์ร้านแมคโดนัลด์ในเมืองพิธส์เบิร์ก มลรัฐเพนซิลวาเนีย โดยเป็นเบอร์เกอร์ขนาดใหญ่ที่นำเนื้อวัวบดปรุงรสจำนวน 2 ชิ้น เพิ่มชีสสไลซ์ หัวหอม แตงกวาดอง ผักกาดแก้ว ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ และประกบด้วยขนมปังโรยงาถึง 3 ชั้น ซึ่งได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จนในปีต่อมา “บิกแมค” ได้ถูกจัดให้เป็นเมนูที่มีจำหน่ายในร้านแมคโดนัลด์ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา จนปัจจุบันถือเป็นเมนูยอดนิยมในกว่า 100 ประเทศ ผ่านยอดขายกว่า 1.3 ล้านชิ้นทั่วโลก

5 เทรนด์ท่องเที่ยวโลกกับ 5 ความจริงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

alivesonline.com : บริษัท คีรี ทราเวล จำกัด (KHIRI TRAVEL) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 มีสำนักงาน 17 แห่งในประเทศไทย ลาว พม่า เวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย ศรีลังกาและมัลดีฟส์ ได้รับรางวัลและได้รับการยอมรับในฐานะบริษัทบริหารจัดการจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่ทุ่มเทให้กับการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวพักผ่อนที่มีคุณภาพทั่วเอเชีย โดยหุ้นส่วนธุรกิจของ “คีรี ทราเวล” ได้ร่วมกันสร้างสรรค์เส้นทางส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงลึก วิถีชีวิตชุมชน เพื่อประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

เนื่องในโอกาสครบรอบการดำเนินงาน 25 ปี ‘วิลเลี่ยม นิเมเยอร์’ (Willem Niemeijer) ผู้ก่อตั้งบริษัทที่มองย้อนกลับไปครั้งแรกที่ได้เดินทางท่องเที่ยวในเอเชีย ได้แชร์ประสบการณ์ในการคาดการณ์ถึงกระแสการท่องเที่ยวพร้อมเปิดแผนธุรกิจในอนาคต

5 ความจริงเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

1.หากคุณเลือกอาชีพด้านการท่องเที่ยวอย่าให้เงินเป็นแรงจูงใจ มีอาชีพในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่คุณสามารถทำเงินได้ง่ายและมากกว่า การทำงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคือเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวและเพื่อพัฒนาชุมชนท้องถิ่นไปพร้อมกันกับความรับผิดชอบในการรักษาสิ่งแวดล้อมและ ทรัพยากรธรรมชาติ เพราะทรัพยากรธรรมชาติในภาคการท่องเที่ยวนั้น หากรักษาให้ดีสามารถทำให้ยั่งยืนได้ แตกต่างจากทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ที่ใช้แล้วหมดไป สิ่งนี้เป็นวิธีเดียวที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

2.สำหรับบริษัทจัดการดูแล ณ แหล่งท่องเที่ยว หรือ DMC ที่ได้รับการรับรองจากองค์กรการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระดับโลก เช่น Travelife ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อแสดงให้เห็นถึงการมีศีลธรรม หรือสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น แต่เป็นเสมือนการได้รับสิ่งตอบแทน เช่น “คีรี ทราเวล” ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อผู้คน โลก และผลกำไร

3.คนคือทรัพยากรที่สำคัญที่สุด การค้นหาบุคลากร การจ้างและพัฒนาคนให้เหมาะสมกับงานเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและคือตัวชี้วัดควาสำเร็จ หรือล้มเหลวของบริษัท

4.แม้ว่าการติดต่อสื่อสารผ่านอีเมล์และการส่งข้อความออนไลน์จะเป็นเครื่องมือทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่สามารถแทนที่การติดต่อสื่อสารแบบสนทนาต่อหน้ากัน หรือ Face-To-Face ได้ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาและความพยายามที่จะสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อน คู่ค้าธุรกิจ ผู้ผลิตสินค้า และลูกค้าของคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

5.ความสัมพันธ์ระหว่างนักท่องเที่ยวกับชุมชนเจ้าของแหล่งท่องเที่ยวคือนิยามการท่องเที่ยวที่ดีและมีคุณภาพมากกว่าการเยี่ยมชมสถานที่ คุณจะพบว่าการให้ความเคารพต่อชุมชนแหล่งท่องเที่ยว หรือการติดต่อกับผู้คนแบบตัวต่อตัว ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ในอนาคตผู้คนคือผู้สร้างจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว

5 กระแสการท่องเที่ยวโลก

1.ประเทศจีนจะเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเอเชียและของโลกเท่านั้น แต่รวมถึงการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของโลก ขณะเดียวกันอินเดียยังจะเข้ามาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงเมื่อจีนได้ละทิ้งบทบาทนี้ ซึ่งประเทศทางตะวันตกต้องทำความคุ้นเคยกับกระแสนี้

2.ในยุคดิจิตอลและอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่งสร้างสรรค์ความสะดวกสบาย ทำให้กระแสการท่องเที่ยวแบบอิสระด้วยตนเองทวีความชัดเจนมากขึ้น สายการบินราคาประหยัดเพิ่มจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ธุรกิจต่างนำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ความท้าทายคือการค้นหาข้อมูลท่องเที่ยวบนโลกออนไลน์

3.เนื่องจากนักท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในตลาดหลัก (Major Markets) ยังคงไหลไปสู่จุดหมายปลายทางที่คนนิยมและมีปัญหานักท่องเที่ยวล้นทะลักหรือ Overtourism นักท่องเที่ยวจากตลาด Mature markets จะหันไปหาจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวมากเพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ

4.การใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งจะหายไปจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวจากตลาดอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตกจะเป็นตัวอย่าง และพวกเขาคาดหวังที่จะไม่ได้เห็นการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งในสถานที่ท่องเที่ยวที่พวกเขาไปเยือน ภาคธุรกิจเอกชนและผู้บริโภคที่ฉลาดจะเป็นผู้นำกระแสนี้

5.ในช่วงเวลาของการควบรวมกิจการของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการท่องเที่ยว นักลงทุนที่ฉลาดเลือกที่จะลงทุนกับธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือการท่องเที่ยวตามความสนใจพิเศษ สิ่งเหล่านี้จะชัดเจนมากขึ้นในภาคอุตสาหกรรมการให้การดูแลต้อนรับ และบริษัทนำเที่ยวทำให้เกิดความคล่องตัวและความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวสูงขึ้น

5 สิ่งที่คาดหวังให้เกิดขึ้น

1.สำหรับรัฐบาลควรรับฟังชุมชนให้มากขึ้นและใช้เงินเพื่อปรับปรุง หรือพัฒนาเขตการท่องเที่ยวซึ่งสามารถสร้างรายได้ได้อย่างยั่งยืน มากกว่าที่จะชี้วัดความสำเร็จด้วยสถิติตัวเลขของจำนวนนักท่องเที่ยว

2.ลดขั้นตอนในการขอวีซ่า หรือไม่ต้องมีวีซ่า หรือทำให้การขอวีซ่าออนไลน์ง่ายขึ้น

3.ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยรถยนต์ง่ายขึ้นสำหรับคนในภูมิภาค โดยมียุโรปเป็นตัวอย่าง

4.สำหรับภาคธุรกิจอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ต้องดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบร่วมกับชุมชนท้องถิ่นซึ่งเป็นเจ้าของแหล่งท่องเที่ยว ปฏิบัติให้มากกว่าการพูด เพื่อทำให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

5.สำหรับด้านความมั่นคงทางการเมืองในเอเชีย หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียมีระบอบประชาธิปไตยที่ยังไม่แข็งแรง การท่องเที่ยวจึงอาจมีการลดปริมาณลงได้เมื่อเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง

5 แหล่งท่องเที่ยวใหม่

1.น่าน จังหวัดทางภาคเหนือของประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม และที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติที่สวยงามมากมาย ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพราะสามารถเดินทางผ่านเข้าไปยังหลวงพระบางในประเทศลาวได้อย่างสะดวก

2.Flores  ประตูสู่ Komodo จะพัฒนาสู่การเป็นสุดยอดจุดหมายปลายทางใหม่ในอินโดนีเซีย

3.เกาะต่าง ๆ ในกัมพูชา เช่น Koh Rong Samloem กำลังเป็นที่นิยมทำให้กัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยว Stand Alone มีการสร้างรีสอร์ทที่หรูหราและสะดวกสบายหลายแห่งซึ่งจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้

4.หมู่เกาะ Mergui ทางภาคใต้ของพม่าซึ่งกำลังมีการพัฒนาสร้างรีสอร์ทสวยงามหรูหราหลายแห่ง สามารถเดินทางไปถึงได้จากทางภาคใต้ของไทย

5.อุทยานแห่งชาติ Kumana ในศรีลังกา ซึ่งอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติ Yala มีนักท่องเที่ยวน้อยและเหมาะสำหรับการเที่ยวชมสัตว์ป่าซาฟารี

คาดการณ์ 5 แนวโน้มการท่องเที่ยว

1.เทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกความเป็นจริง หรือเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) จะเปลี่ยนโฉมหน้าการท่องเที่ยวและเพิ่มคุณค่าให้กับแหล่งท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์ อุทยานแห่งชาติ ร้านอาหาร รวมถึงงานแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว

2.ในยุคที่การเดินทางท่องเที่ยวและปัญหาภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมืองเพิ่มขึ้น ธุรกิจท่องเที่ยวต้องพยายามเป็นทวีคูณเพื่อดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบในการปกป้องชื่อเสียงของตน

3.ปัญหาทางการเงิน ความผันผวนของสกุลเงิน ราคาน้ำมัน ภัยธรรมชาติ การก่อการร้าย และการระบาดของโรค จะทำให้เกิดความเสียหายอย่างเป็นระยะ ๆ ต่อการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวก็สามารถเกิดขึ้นได้เร็วเช่นกัน

4.การโฆษณาด้านการท่องเที่ยวจะถูกกำหนดให้ยึดหลักความเป็นจริงมากขึ้นและไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น ภาพชายหาดที่สวยงามเงียบสงบปราศจากนักท่องเที่ยว ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงคือมีนักท่องเที่ยวล้นชายหาด สถาบันต่าง ๆ เช่น สหภาพยุโรปจะกำหนดบทลงโทษผู้ที่ละเมิด หรือโฆษณาชวนเชื่อเกินความจริง

5.การเดินทางท่องอวกาศและธุรกิจท่องเที่ยวอวกาศจะจับต้องได้ในโลกแห่งความเป็นจริง

อะไรคือกระแสการท่องเที่ยว ความคาดหวัง การคาดการณ์ และจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่คุณคิดว่าจะกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยว? พูดคุยกันกับ Khiri Travel ที่เพจเฟชบุ๊ค https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=10156939803419673&id=121154784672 หรือเว็บไซต์ www.khiri.com

“พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์” เปิดหลักสูตรเรียนฟรีออนไลน์ “เคล็ดลับการบริหารโรงพยาบาลแบบมืออาชีพ”

alivesonline : บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจหลักด้านธุรกิจโรงพยาบาลเอกชน และการบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชน เปิดหลักสูตรเรียนฟรีออนไลน์ในหัวข้อ “The Master Mentor – เคล็ดลับการบริหารโรงพยาบาลแบบมืออาชีพ”

หลักสูตรดังกล่าวถ่ายทอดความรู้โดย นายแพทย์ พงษ์ศักดิ์ วิทยากร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด และผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา เรียนฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แบ่งเป็นหลักสูตรละ 1 ตอน รวมทั้งสิ้น 20 ตอน  อาทิ หลักสูตรการบริหารจัดการด้านบิ๊กดาต้าและระบบซอฟแวร์ (I.T. Software & Big Data Management) หลักสูตรการพัฒนาโรงพยาบาลเอกชน (The Development of Private Hospitals) การบริหารจัดการโรงพยาบาลที่ยั่งยืน (The Management of Sustainable Hospitals) การบริหารจัดการบุคลากรที่มีศักยภาพ (Talent Management) การพัฒนาแอพพลิเคชัน (Application Development) โดยจะโพสต์หลักสูตร ครั้งละ 1 หลักสูตรต่อ 1 ตอน ทุก 2 สัปดาห์ (วันพุธ) ตั้งแต่วันพุธที่ 5 ธ.ค.61 จนถึงวันพุธที่ 28 ส.ค.62

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายหัวข้อที่น่าสนใจซึ่งเป็นการสานต่อกิจกรรม ทำดีเพื่อพ่อ” ซึ่งเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมของบริษัทฯ ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3  มุ่งเน้นให้กลุ่มผู้บริหารโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชน ได้รับองค์ความรู้และนำไปต่อยอดสู่การยกระดับคุณภาพและการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ เพื่อให้ผู้รับบริการมีความพึงพอใจอย่างสูงสุด

สำหรับกลุ่มผู้บริหารโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนและผู้สนใจ สามารถลงทะเบียนเรียนฟรีในหลักสูตรดังกล่าว โดยเข้าระบบผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ princhealth กดไลค์และกดแชร์เพจ พร้อมตั้งค่าเป็นสาธารณะ จากนั้นกดลิ้งค์เพื่อเรียนฟรีได้ที่ www.coursetoyou.com ในหน้า Courses The Master Mentor หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ contact@princhealth.com / โทร.09 4445 9990

TikTok คว้ารางวัล Google Play Best of 2018 ในประเทศไทย

alivesonline.com : TikTok แอปพลิเคชันสำหรับการสร้างสรรค์วิดิโอขนาดสั้นส่งท้ายปีแห่งความตื่นเต้นนี้ด้วยการถูกรับเลือกให้เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชันที่สุดยอดที่สุดบน Google Play ประเทศไทย สาขาแอปพลิเคชันบันเทิง โดยนอกจากจะได้รับรางวัลนี้ในประเทศไทยแล้ว ยังได้รับรางวัลในสาขาเดียวกันนี้ในหลากหลายประเทศทั่วโลก ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮ่องกง อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกาตอนเหนือ เม็กซิโก รัสเซีย ไต้หวัน ตุรกี สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา รวมทั้งอินโดนีเซีย ที่ควบตำแหน่งแอปพลิเคชันแห่งปีอีกด้วย

การประกาศรางวัล Google Play Best of 2018 คือการมอบรางวัลให้กับแอปพลิเคชันที่ดีที่สุดและได้รับความนิยมมากที่สุดประจำปี ด้วยรูปแบบการใช้งานที่ง่ายสำหรับการสร้างสรรค์และแบ่งปันวิดิโอ ซึ่งทำได้โดยตรงจากสมาร์ทโฟนแล้ว ฟีเจอร์แบบอินเตอร์แอคทีฟและระบบอันแสนฉลาดของแอปพลิเคชัน ทำให้ TikTok ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามไปทั่วโลก

ปี 2561 ถือเป็นปีที่มีการเติบโตอย่างสูงและน่าจดจำมากสำหรับ TikTok หลังจาก TikTok และ Muscial.lyประกาศรวมตัวเป็นแอปพลิเคชันหนึ่งเดียวระดับโลก เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จนสร้างปรากฏการณ์เป็นแอปพลิเคชัน อันดับ 1 ด้านการสร้างสรรค์วิดิโอขนาดสั้น สนับสนุนและผลักดันให้คนบันทึกและแบ่งปันช่วงเวลาสำคัญของชีวิต นอกจากนี้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Sensor Tower py’ประกาศว่า TikTok คือแอปพลิเคชันที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดอันดับ 1 ในประเทศสหรัฐ ทั้งบน Apple Store และ Google Play Store

สำหรับประเทศไทย TikTok เป็นแอปพลิเคชันที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดติดอันดับต้น ๆ บน Apple Store และ Google Play มาโดยตลอดในช่วงปีที่ผ่านมา

ปัจจุบัน TikTok ให้บริการในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก รองรับมากถึง 75 ภาษา พร้อมทั้งกลยุทธ์ท้องถิ่นถิ่นที่สนับสนุนให้ผู้ใช้ได้สร้างสรรค์และเล่นกับเทรนด์และเรื่องราวที่เป็นกระแสในพื้นที่นั้น ๆ

“เมิร์ซ เอสเธติกส์ – PATINYA” จัดคอลเลกชั่นสะท้อนเส้นทางความสุข สู่การเป็น “Successful Women”

alivesonline.com : “ผู้หญิงทุกคนมีความสวยของตัวเอง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมั่นใจกับความสวยของตัวเอง” ความคิดด้านลบนี้เป็นเหมือนกำแพงที่คอยกั้นไม่ให้ผู้หญิงหลายคนเดินหน้าสู่ความสำเร็จ เพราะผู้หญิงทุกคนต้องการแรงบันดาลใจมาทลายกำแพงที่ขวางไว้ ซึ่งหลาย ๆ แรงบันดาลใจไม่ได้มาจากข้อความ หรือคำพูด แต่แรงบันดาลใจที่ดีอาจซ่อนอยู่ในเส้นใยของเสื้อผ้าที่แสดงตัวตนของผู้สวมใส่ให้มองเห็นเส้นทางสู่การเป็น “Successful Women” ที่เปล่งประกายเหนือใคร ดังเช่นคอลเลกชั่นที่สะท้อนเส้นทางความสำเร็จอย่าง ‘PATINYA x Merz Aesthetics, The Serendipity Journey Collection’

‘เปิ้ล เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ รัตนจันทร์’ ผู้จัดการใหญ่ บอสสาวแห่ง “เมิร์ซ เอสเธติกส์ ไทยแลนด์” เล่าถึงที่มาที่ไปของแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ว่า “เมิร์ซ เอสเธติกส์” คอยถามตัวเองอยู่เสมอว่า เราจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงมีความมั่นใจและมีความสุขในตัวเองได้อย่างไร เพราะในผลสำรวจทางสังคมพบว่าผู้หญิงในเอเชียแปซิฟิก 11 ประเทศ โดยส่วนใหญ่ประมาณ 70% ขาดความมั่นใจและไม่เชื่อมั่นในความงามของตัวเอง กังวลว่าผู้อื่นจะมองอย่างไร ส่งผลให้พวกเธอไร้ซึ่งความสุขอย่างที่ควรจะเป็น เราจึงคิดสร้างเส้นทางสู่แรงบันดาลใจให้ผู้หญิงได้มีความมั่นใจและค้นพบความสุขในตัวเอง ด้วยการจัดแคมเปญ The Serendipity Journey of Successful Women Presented by Merz Aesthetics” เพื่อเชิญชวนให้ “Successful Women” ผู้ประสบความสำเร็จมาร่วมแบ่งปันเรื่องราวการเดินทางในชีวิต เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้สาวไทยทั้งประเทศได้พบกับความสุข ตัวแปรเล็ก ๆ ที่จะพาพวกเธอไปรู้จักความงามที่แท้จริง

แคมเปญ “The Serendipity Journey of Successful Women Presented by Merz Aesthetics” เป็นเอ็กซ์คลูซีฟแคมเปญที่หลอมเอาเอกลักษณ์แห่งนวัตกรรมความงามและแฟชั่นสไตล์เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเป็นจุดรวม ดึงบุคลิกของ “Successful Women” แต่ละสไตล์ให้โดดเด่น ก่อเป็นแรงบันดาลใจที่หลากหลาย ให้ผู้หญิงทุกคนมองเห็นมุมมองความสุขในตัวเอง

ในแคมเปญนี้ “เมิร์ซ เอสเธติกส์” ได้จับมือกับแฟชั่นไอคอนระดับท็อปของประเทศอย่าง PATINYA” สร้างสรรค์แฟชั่นโชว์คอลเลกชั่นพิเศษ ‘PATINYA x Merz Aesthetics, The Serendipity Journey Collection’ เพื่อส่งต่อนิยามใหม่ของความสวยและความสำเร็จ สร้างแรงบันดาลใจสู่ความสุขให้สาวไทยทุกคน

แคมเปญในครั้งนี้ เป็นการแสดงจุดยืนร่วมกันกันระหว่าง “เมิร์ซ” และ “PATINYA” นั่นคือต้องการให้ผู้หญิงมีความสุขจากความงามและความมั่นใจในแบบที่ตัวเอง โดยออกเสียงผ่านคอลเลกชั่น ‘PATINYA x Merz Aesthetics, The Serendipity Journey Collection’ ลุคของซีซั่น Spring-Summer เส้นทางสู่ความสำเร็จ ที่แต่ละก้าวเต็มไปด้วยอุปสรรค ไม่ว่าจะเป็นวันที่ฟ้าหม่น หรือฟ้าสดใส ผสมผสานกันเป็นสีสันแห่งความรู้สึก ไม่ว่าวันนั้นจะขาว-ดำ หรือสดใสแบบคัลเลอร์ฟูล ก็ยังแสดงเส้นทางความสวยงามแห่งอารมณ์ รวมถึงช่วงเวลาก้าวเดินสู่ความสำเร็จ สร้างความสุขและแรงบันดาลใจ สะท้อนภาพ “Successful Women” ในแบบที่เป็นตัวเอง

‘เปิ้ล เภสัชกรหญิง กิตติวรรณ รัตนจันทร์’ เล่าถึงแรงบันดาลใจของตัวเองว่า

“ในฐานะผู้จัดการของเมิร์ซ กว่าที่เราจะก้าวมาถึงจุด ๆ นี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมิร์ซไม่ใช่แค่ให้ความสวย เราต้องส่งแรงบันดาลใจของเราไปให้ถึงหัวใจผู้บริโภคด้วย แรงบันดาลใจของเราคือ ‘สวยสร้างสุข – สุขสร้างสำเร็จ’ ไม่ใช่สวยแค่หน้าตา แต่สวยด้วยความมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น และต้องสวยสมวัยด้วย เพราะความมั่นใจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก่อนอื่นเลยเราต้องหันมามองตัวเองก่อน สำหรับเปิ้ลแล้วความสุขคือการได้บาลานซ์ชีวิตตัวเอง ให้เวลากับงาน ให้เวลากับครอบครัว และให้เวลากับตัวเองอย่างพอดี ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไป แล้วทั้งสามด้านนี้ก็จะช่วยส่งเสริมกัน ช่วยความสุขเป็นแรงบันดาลใจให้เราประสบความสำเร็จ”

ด้านพิธีกรสาวสวย ผู้เป็น “Successful Women” คนหนึ่งแห่งวงการบันเทิง อย่าง “สาวจุ๋ย วรัทยา เกษตรสิน” ก็ได้เล่าแรงบันดาลใจของเธอให้ฟังว่า

“สิ่งที่สำคัญที่สุดในคำว่าประสบความสำเร็จคือ ความสุข เพราะชีวิตผู้หญิงไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่าความสุข ก่อนอื่นเลยเราต้องมองว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันสำเร็จและทำให้เรามีความสุข และในฐานะที่เราทำธุรกิจร่วมกับคนอื่น เราจึงรู้สึกดีมาก ๆ ที่ได้เห็นคนอื่นประสบความสำเร็จไปพร้อมกับเรา เพราะการประสบความสำเร็จเป็นเหมือนการส่งต่อความมั่นใจ เวลาเรารู้สึกว่าเราได้ส่งต่อสิ่งดี ๆ ให้กับผู้อื่น นั่นคือช่วงเวลาที่เราประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง”

ด้าน “สาวครี พัสวีพิชญ์ ศรณ์อัครภา” นางแบบชื่อดังของวงการ เล่าว่า

“แรงบันดาลใจของเราคือการเปลี่ยนความกลัวให้เป็นตัวขับเคลื่อน เพราะเราไม่รู้ว่าในอนาคต หรือวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เราทำคือวางความกลัวทิ้งไว้แล้วทำช่วงเวลาปัจจุบันให้ดีที่สุด อีกอย่างเราเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีจุดคลิกในชีวิต มันจะเป็นเหมือนเส้นทางเล็ก ๆ ที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ แต่เราต้องหามันด้วยตัวเอง ไม่ใช่นั่งรอให้เส้นทางนี้มาหาเรา”

ส่วนเซเลบสาวหน้าหวาน อย่าง “ป้อ ปุญญพัฒน์ ถนอมกุล” ก็มีแรงบันดาลใจประจำตัวมาเล่าให้ฟังเช่นกัน

“สิ่งที่เรายึดมั่นและอยากแชร์ให้ผู้หญิงทุกคนได้ฟังคือ ผู้หญิงทุกคนมี Comfort Zone ที่แสนจะปลอดภัยเป็นของตัวเอง เหมือนดาบสองคมที่จะทำให้เราหยุดนิ่ง ไม่สามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้ ดังนั้นทุกคนต้องรับมือกับความเสี่ยงแล้วก้าวออกมาจาก Comfort Zone มุ่งมั่นพัฒนาตัวเองพร้อม ๆ กับการให้เวลากับครอบครัว แล้วในที่สุดสิ่งที่เราพยายามก็จะประสบผลสำเร็จให้เราเป็น Successful Women”

อีกหนึ่งสาวสวยนักธุรกิจสุดมั่น อย่าง “สาวปอ ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธ์” ก็มีแรงบันดาลใจสู่ในแบบฉบับของตัวเองว่า

“ผู้หญิงและคนทุกคนมีคำ ๆ หนึ่งติดอยู่ในหัวเหมือนกันคือคำว่า ‘ถ้า’ หรือ What if เพราะทุกคนมีเวลาและโอกาสมากมาย อยู่ที่ว่าเราจะลงมือทำเลยหรือเปล่า เพราะถ้าเราไม่ลงมือ ถ้าเราไม่มั่นใจ คำว่าถ้าก็จะย้อนมารั้งไม่ให้เราเดินต่อไปข้างหน้า สิ่งสำคัญคือเราสามารถหาความมั่นใจจากคนรอบข้างได้ ทั้งคนรัก ครอบครัว หรือเลือกใช้ตัวช่วยแบบเมิร์ซ ก็ช่วยให้เรามั่นใจจากภายนอก สร้างความรู้สึกดีเกิดขึ้นในใจ สุดท้ายก็จะทำให้เราเกิดความกล้าที่จะเดินออกจากความกลัวนั่นเอง”

การเป็น “Successful Women” หรือการประสบความสำเร็จในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่การที่พวกเธอเป็นคนที่สวยที่สุด ไม่ใช่การที่พวกเธออยู่ที่ตำแหน่งสูงที่สุด แท้จริงแล้วคือช่วงเวลาที่ผู้หญิงมีความสุขที่สุด และได้ใช้ช่วงเวลานั้นไปกับสิ่งที่ตนเองรัก เต็มที่กับทุกสิ่งที่พวกเธอลงมือทำ อีกทั้งรอยยิ้มที่เปล่งประกายในตอนนั้น คือสิ่งที่คอยสร้างความแตกต่างและเสน่ห์อันไม่เหมือนใครให้เกิดกับผู้หญิงทุกคน

เป็นที่มาของประโยคสั้น ๆ แต่มากล้นด้วยความหมายอย่าง ‘สวยสร้างสุข – สุขสร้างสำเร็จ’ เส้นทางความสุขอันแสนสำคัญที่จะพาหญิงสาวทุกคน ให้เป็น Successful Women ในแบบของตัวเอง.

เมทัล สุขขาว

มายด์ – แพรว ปรียา ชุมสาย ณ อยุธยา

ปอ – ณฐมน ภูวะปัจฉิม

 ดาต้า – ดรัลชรัส ศุขีวิริยะ

นนทพร ธีระวัฒนสุข

ปรางค์-อภินรา ศรีกาญจนา

โอบอุ้ม-รัสรินทร์ ชุมสาย ณ อยุธยา

#PTYxMERZ #PATINYA #myserendipityjourney #Merzaesthetics

[ชมคลิป] “เทสโก้ โลตัส โบรคเกอร์ประกันภัย” ส่งโปรฯ แรงประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

alivesonline.com : เทสโก้ โลตัส โบรคเกอร์ประกันภัย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในฐานะผู้ให้บริการประกันภัยผ่านช่องทางค้าปลีก เปิดตัวแคมเปญ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จ่ายเบี้ยครั้งเดียวจบ ครบทุกความคุ้มครองตอบโจทย์ผู้บริโภค เน้นราคาประหยัดด้วยเบี้ยประกันรถเริ่มต้น 7,777 บาท ไม่มีค่าความเสียหายส่วนแรก

นายนิค สมาร์ท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เทสโก้ เจเนอรัล อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด เปิดเผยว่าการแข่งขันราคาในตลาดประกันภัยรถยนต์ในปัจจุบันพบว่าประเด็นที่ลูกค้ามักกังวลเมื่อซื้อประกันภัยรถยนต์คือ ความไม่มั่นใจว่าประกันภัยที่ซื้อไปจะสามารถได้รับผลประโยชน์ครบถ้วนจริงตามคำโฆษณาเมื่อนำรถไปเรียกร้องสินไหม “เทสโก้ โลตัส โบรคเกอร์ประกันภัย” จึงออกแคมเปญ “ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จ่ายเบี้ยครั้งเดียวจบ ครบทุกความคุ้มครอง” โดยนำเสนอประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่มีจุดเด่นคือ ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก, รถหาย ไฟไหม้ จ่ายคืนขั้นต่ำ 80% ของราคาซื้อขายรถยนต์ปัจจุบัน และชนอะไรก็เคลมได้ สอดคล้องกับแนวทางการให้บริการของบริษัทฯ ที่มุ่งมอบบริการแก่ลูกค้าด้วยแนวคิด “ราคาถูกใจ จริงใจ ไม่เจ็บใจ” ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ในราคาที่คุ้มค่า โปร่งใส และรับประกันภัยโดยบริษัทประกันภัยชั้นนำ โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

แคมเปญนี้ยังได้สื่อสารการตลาดผ่านหนังโฆษณา 1 เรื่อง และวิดีโอออนไลน์ 3 เรื่อง เพื่อชูจุดเด่นของแคมเปญ “ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จ่ายเบี้ยครั้งเดียวจบ ครบทุกความคุ้มครอง” ในประเด็นเรื่องไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก, รถหาย ไฟไหม้ จ่ายคืนขั้นต่ำ 80% ของราคาซื้อขายรถยนต์ปัจจุบัน และชนอะไรก็เคลมได้ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้สามารถรับความคุ้มครองบริการได้อย่างครอบคลุม โดยได้เลือกสื่อสารผ่านทางทีวี, วิทยุ, ดิจิตอล, โซเชียลมีเดีย, สื่อโฆษณา Out-Of-Home ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ หรือติดตามได้จากเว็บไซต์ และเฟซบุ๊กของ “เทสโก้ โลตัส โบรคเกอร์ประกันภัย”

ผู้สนใจ “ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จ่ายเบี้ยครั้งเดียวจบ ครบทุกความคุ้มครอง” สามารถติดต่อเคาน์เตอร์บริการด้านการเงินและโบรคเกอร์ประกันภัยที่ “เทสโก้ โลตัส” กว่า 209 สาขาทั่วประเทศที่ให้บริการทุกวัน อีกทั้งยังสามารถเชื่อมั่นกับบริการหลังการขายที่ไว้ใจได้จากบริษัทประกันภัยชั้นนำ 8 บริษัท ได้แก่ บริษัท สินมั่นคง ประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน), บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัท แอลเอ็มจี จำกัด (มหาชน), บริษัท เอไอจี ประเทศไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท ประกันคุ้มภัย จำกัด (มหาชน) ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tescolotusfs.com หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้า โทร. 1712 กด 1 กด 2 และสามารถติดตามชมสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ ได้แก่ หนังโฆษณา 1 เรื่อง และวิดีโอออนไลน์ 3 เรื่อง ได้ที่ youtube ช่อง Tescolotus FS

 

เหล่ากูรูร่วมเผยทิศทางขับเคลื่อนวงการบล็อกเชนไทย

alivesonline.com : “Blockchain Thailand Genesis” งานมหรรมเทคโนโลยีบล็อกเชนงานแรกที่จัดโดยคนไทย เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับนักลงทุนรายย่อยที่มองหาสินทรัพย์เพื่อการลงทุนรูปแบบใหม่ในยุคเริ่มต้น รวมไปถึงผู้ประกอบการที่ต้องการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้ เช่น การระดมทุนรูปแบบใหม่คือ ICO ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงปี 2560-2561 คาดว่ามีจำนวนเงินทั้งหมดที่กระทำผ่าน ICO ทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท

หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้การระดมทุนแบบ ICO เติบโตอย่างต่อเนื่องคงหนีไม่พ้นการทำให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ทั่วโลก ไม่จำกัดแค่เพียงในประเทศตนเอง เพราะการให้ความรู้ การส่งเสริมพัฒนาและสนับสนุนจากทั้งทางภาครัฐและเอกชนให้ผู้ประกอบการจะช่วยทำให้มีเงินทุนนอกประเทศไหลเข้ามาภายในประเทศไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีมากยิ่งขึ้น

‘ดร.ประเวทย์ ตันติสัจจธรรม’ เลขาธิการสมาคมไทยบล็อกเชน กล่าวถึงงาน “Blockchain Thailand Genesis” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ว่า งานนี้ถือเป็นงานครั้งแรกและใหญ่ที่สุด สำหรับคนไทยที่จัดโดยคนไทย โดยที่จะรวมผู้เชี่ยวชาญและคนในวงการเกี่ยวกับ “บล็อกเชน” (Blockchain) “คริปโตเคอเรนซี” (Cryptocurrency) และ “ฟินเทค” (Fintech) เข้าด้วยกัน โดยผู้ที่เข้ามาเป็นวิทยากรมาจากหลากหลายสายอาชีพ จึงถือว่างานนี้เป็นงานที่จัดได้ไม่แพ้ของต่างชาติที่มาจัดในไทยเลยทีเดียว จึงทำให้คนเข้ามาร่วมสัมมนาในงานนี้อย่างล้นหลาม

 

จุดบกพร่องของ “เงิน” คือจุดเริ่มต้นของ “คริปโตเคอเรนซี”

‘กรณ์ จาติกวณิช’ ประธานสมาคมฟินเทคประเทศไทย กล่าวว่า เงินคือนวัตกรรมอย่างหนึ่งของมนุษย์ จุดบกพร่องของเงินทำให้เกิดจุดเริ่มต้นของคริปโตเคอเรนซีโดยมีเทคโนโลยีบล็อกเชนมาแก้ไขปัญหาจุดบกพร่องดังกล่าว ยกตัวอย่างเช่น เงินในสกุลเงินดอลลาร์มีธนาคารกลางเป็นตัวกำหนดว่าจำนวนเงินดอลลาร์ในระบบจะมีเท่าใด แต่เงินในคริปโตเคอเรนซี เช่น “บิทคอยน์” มีจำนวนที่ตายตัวและการโอนคริปโตเคอเรนซียังมีต้นทุนต่ำกว่าสกุลเงินทั่วไปด้วย แต่ปัญหาของ “บิทคอยน์” คือต้นทุนการผลิตสูงเพราะใช้ไฟฟ้ามากและขาดความสะดวกในการใช้ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการตรวจสอบการทำธุรกรรม รวมถึงปัญหาที่บิทคอยน์โดนแฮก เพราะถ้าเป็นเงินฝากในธนาคารหายไป เราสามารถเรียกร้องเงินคืนได้ แต่ในโลกของคริปโตเคอเรนซียังทำไม่ได้ จึงถือเป็นข้อเสียเปรียบ แต่เชื่อว่าวันหนึ่งจะมีเทคโนโลยีที่เข้ามาแก้ไขจุดนี้ จึงเชื่อว่าในอนาคตบล็อกเชนและคริปโตเคอเรนซีจะเติบโตอย่างแน่นอน

สู่การเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนด้วย “Tokenization”

‘ดร.การดี เลียวไพโรจน์’ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ICORA หนึ่งในหญิงเก่งและแกร่งที่ขับเคลื่อนวงการสตาร์ทอัปไทย จนมาถึงยุคฟินเทค กล่าวว่าTokenization หรือกระบวนการออกเหรียญ เป็นสิ่งที่มีความปลอดภัยสูง เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงการแลกเปลี่ยนข้อมูลโดยตรง เช่น เลขบัตรเครดิต โดยการแปลงข้อมูลบัญชีส่วนบุคคลให้กลายเป็นโทเคน แล้วจึงนำโทเคนไปใช้ดำเนินการชำระเงิน สามารถทำให้เรามีส่วนร่วมด้วยกันมากขึ้นและมันจะไม่ใช่แค่การซื้อถูกขายแพง แต่เราจะมองไปไกลกว่านั้น มองไปสู่การเปลี่ยนแปลงของระบบเศรษฐกิจซึ่งสามารถสร้างความยั่งยืนได้มากกว่าและในด้านของเทคโนโลยี เช่น AI Big Data หรือ AV สิ่งเหล่านี้ล้วนสามารถผลักดันให้เกิดการเติบโตของ Tokenization และทุกอุตสาหกรรมกำลังจะก้าวเข้าสู่การเป็นฟินเทคมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร ร้านค้า ที่ดิน และอื่น ๆ ก็สามารถเข้าสู่การเป็นฟินเทคได้ โดยการใช้แนวคิดแบบ Tokenization”

 

กรุงเทพฯ เมืองหลวง “คริปโตเคอเรนซี” ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

‘ศิวนัส ยามดี’ ผู้ก่อตั้ง “คอยน์ แอสเซท” กระดานเทรดเงินดิจิทัลที่กระแสแรงสุดในขณะนี้ หลังประกาศเดินหน้าพัฒนาปัญญาประดิษฐ์และเหรียญดิจิทัลบนกระดานเทรดเป็นรายแรก กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะเป็นเอ็กเซนจ์ที่มีแนวคิดที่อยากสนับสนุนวงการคริปโตเคอเรนซีของไทยให้เติบโตขึ้น ประการแรกคือบนกระดานของเราลิสต์เหรียญที่มีคุณภาพของคนไทยขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประการที่สองเราเพิ่ม QR Payment ที่แก้ไขปัญหาการลงทุนระยะสั้น ฝากเงินได้รวดเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป้าหมายของเราในวันนี้จึงไม่ใช่แค่การแข่งขันในประเทศ แต่เราจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวงของคริปโตเคอเรนซีในภูมิภาคนี้ แต่ต้องการให้ร้านค้าต่าง ๆ รองรับจ่ายเงินด้วยคริปโตด้วยระบบที่พัฒนาขึ้นมาให้ใช้ได้จริง

 

“บล็อกเชน” หนึ่งในฟันเฟืองของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

‘พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์’ ผู้ก่อตั้ง “แบไต๋ไฮเทค” ชุมชนคนรักไอทีชื่อดังของเมืองไทยที่ครองความนิยมมาอย่างยาวนาน กล่าวว่า AI หรือที่ย่อมาจาก Artificial Intelligence เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถคิดและสอนได้ หลายคนกลัว AI เพราะมองว่า AI คือสมองของคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นเราต้องรีบพัฒนาตัวเองก่อนถูกแทนที่ด้วย AI เพราะ AI ถูกนำไปพัฒนาหลายด้าน ทั้งการสร้างหุ่นยนต์เลียบแบบมนุษย์ หรือแม้กระทั่งสัตว์ ยกตัวอย่างธนาคารในยุคปัจจุบันที่กลายเป็น Digital Banking ถ้าธนาคารไม่มีสาขาแล้ว ความต้องการคนทำงานก็น้อยลง ถ้า AI ถูกใช้ในแวดวงธนาคาร อาจทำให้อีกหลายตำแหน่งงานถูกยุบลงไปอีก ด้วยเหตุนี้การมาถึงของบล็อกเชนก็ยิ่งอาจทำให้ผู้บริโภคพึ่งพาธนาคารน้อยลง นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นอยากให้มองภาพใหญ่ของเศรษฐกิจและสังคมที่จะเปลี่ยนไป Blockchain AI หรือ IoT เป็นเพียงฟันเฟืองของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ดังนั้นการตามทันเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญมากในการขับเคลื่อนประเทศในยุคนี้

ก.ล.ต.ร่วมกำกับดูแลให้ประชาชนใช้ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ได้อย่างมั่นใจ

‘อัญชิสา ฐาปนากรวุฒิ’ เจ้าหน้าที่อาวุโสแผนกฟินเทค สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ตนมองตลาดของสินทรัพย์ดิจิตทัล ว่าเป็นตลาดของแฟนพันธุ์แท้ เนื่องจากคนที่อยู่ในวงการล้วนต้องอาศัยการศึกษาอย่างเข้าใจ รู้ลึก รู้จริง ทั้งในเชิงเทคโนโลยี และการซื้อขาย อีกทั้งยังรู้ถึงความเสี่ยงและวิธีการรับมือ โดยปัญหาที่ ก.ล.ต. เป็นห่วงมากที่สุดในขณะนี้เป็นเรื่อง ICO เพราะทั่วโลกมี ICO ที่หลอกลวงนักลงทุนเป็นจำนวนมาก อันนำมาสู่ความจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการในการกำกับดูแล เพื่อป้องกันการหลอกลวงประชาชน ตลอดจนการฟอกเงินและความเสี่ยงอื่น ๆ โดยมุ่งสร้างความชัดเจน ความสุจริต ให้ประชาชนสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ

ต่างประเทศวางกลยุทธ์และนโยบายใช้ “ปัญญาประดิษฐ์และบล็อกเชน

‘ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร’ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล กล่าวว่า ทั่วทั้งโลกกำลังตื่นตัวที่จะพัฒนาบล็อกเชนเพื่อนำไปใช้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการแข่งขันเพิ่มขึ้น ในต่างประเทศเริ่มมี AI National Strategy หรือการวางกลยุทธ์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในระดับชาติ รวมถึงมีการวางนโยบายที่จะทำให้บล็อกเชนเข้ามามีผลในการการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนผ่านในทางเศรษฐกิจมากขึ้น ได้แก่ จีน สวิตเซอร์แลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ความมุ่งหวังในการใช้บล็อกเชนอย่างแพร่หลายในประเทศไทยยังคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง เพราะแม้ว่าบางอุตสาหกรรมสามารถนำไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว เช่น การเงิน การประกันภัย หรือการขนส่ง แต่โจทย์สำคัญคือทำอย่างไร อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สำคัญของประเทศจะสามารถนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ได้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ เช่น การเกษตร การผลิตอาหาร การแพทย์ อีกประเด็นสำคัญคือเรื่องกฎหมายที่อาจต้องมีการปลดล็อกบางส่วนแทนการปิดกั้น เพื่อทดสอบว่าระบบใหม่ ๆ เหมาะกับเมืองไทยหรือไม่ ตลอดจนมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด.

Mesh Wi-Fi สำหรับใช้ในบ้านรายแรกของไทย

alivesonline.com : AIS Fibre ผู้นำอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูงของไทย ร่วมมือกับ “โนเกีย” พัฒนาบริการบรอดแบนด์ความเร็วสูงระดับพรีเมียมรูปแบบใหม่แก่ลูกค้า AIS Fibre ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสัญญาณ Wi-Fi Broadband ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุดทั่วทุกมุมของบ้าน โดยลูกค้าของ AIS Fibre จะได้รับสิทธิ์ในการซื้อ Nokia WiFi Beacon 3 แบบ Duo-Pack ในราคาพิเศษ ซึ่งเมื่อการติดตั้งเรียบร้อยเครือข่าย Wi-Fi แบบ Mesh จะมีสัญญาณกระจายทั่วทั้งบริเวณบ้าน (Whole-Home) อย่างรวดเร็ว เป็นการเพิ่มพื้นที่ครอบคลุมและเสริมประสิทธิภาพของบรอดแบนด์ความเร็วสูงมาก (Ultra-Broadband) ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ประสิทธิภาพของเครือข่าย Wi-Fi ที่ครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณบ้านมักจะได้รับผลกระทบเช่นความเร็วที่ลดลงหรือสัญญาณไม่เสถียร จากจำนวนของอุปกรณ์เชื่อมต่อที่เครือข่ายดังกล่าวต้องบริหารจัดการและสัญญาณรบกวนที่อาจเกิดจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เตาไมโครเวฟ หรือเครือข่าย Wi-Fi จากที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง การทำให้บ้านของลูกค้ามีสัญญาณ Wi-Fi ครอบคลุมเพียงพอเป็นเรื่องที่ท้าทายและในหลายกรณีจะต้องมีการติดตั้ง Access Point หลายจุดเพื่อลดจุดอับสัญญาณซึ่งอาจเกิดขึ้นจากสัญญาณขาดหายเนื่องจากมีผนังภายในกั้น หรือสัญญาณรบกวน

โซลูชั่น Wi-Fi ของ Nokia ซึ่งได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมจาก iF Design Foundation ช่วยขจัดปัญหาของเครือข่ายเหล่านี้ที่พบโดยทั่วไปตามบ้านพักอาศัยและช่วยให้ลูกค้าของ AIS Fibre ได้ใช้เครือข่าย Wi-Fi แบบ Mesh ที่เต็มประสิทธิภาพอย่างแท้จริง อีกทั้งยังติดตั้งง่าย ให้สัญญาณครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณบ้านและมีคุณสมบัติรองรับบรอดแบนด์ความเร็วสูงมากได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

Nokia WiFi Beacon 3 Duo ถูกออกแบบมาให้สามารถตรวจจับแหล่งที่มาของสัญญาณรบกวนทั้งที่เป็นสัญญาณ Wi-Fi และไม่ใช่ Wi-Fi ได้ถึง 100% จากนั้นจึงทำการเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับช่องสัญญาณที่แรงที่สุดโดยอัตโนมัติเพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าเชื่อมต่อได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ ซอฟต์แวร์และฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ข้อมูลที่มากับ Nokia WiFi Beacon 3 ยังสามารถแก้ไขปัญหาได้เองโดยอัตโนมัติ ลดความจำเป็นที่ลูกค้าต้องจัดการเครือข่ายด้วยตนเองเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ส่งผลให้ลูกค้ามีประสบการณ์ในการใช้ Wi-Fi ในบ้านที่ดียิ่งขึ้น

หลังจากลูกค้า AIS Fibre ได้รับอุปกรณ์ Nokia WiFi Beacon 3 Duo ลูกค้าสามารถทำการติดตั้งเองได้อย่างรวดเร็ว เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นลงบนสมาร์ทโฟนและทำตามขั้นตอนการตั้งค่าที่แนะนำ เมื่อการติดตั้งเสร็จ ลูกค้าสามารถใช้แอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนเพื่อดูการแสดงข้อมูลภาพซึ่งแสดงความครอบคลุมของสัญญาณ (Heat Map) เพื่อระบุและจัดการจุดอับสัญญาณได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถระบุจุดที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่ม Access Point เพื่ออุดช่องว่างความครอบคลุมของสัญญาณ นอกจากนี้ ลูกค้าสามารถเข้าถึงรายการอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อและสร้างเครือข่ายแยกสำหรับผู้มาเยือน (Guest Networks) และตั้งค่าความปลอดภัยตามที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว

นายศรัณย์ ผโลประการ (ซ้าย) ผู้อำนวยการธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ “เอไอเอส” ร่วมกับ นายเฟเดอริโก้ กิวเล็น (ขวา) ประธานธุรกิจฟิกซ์ เน็ตเวิร์ค ของโนเกีย และนายเซบาสเตียน โลฮอง (กลาง) ผู้อำนวยการ “โนเกีย” ประจำประเทศไทย เปิดตัวบริการ Mesh Wi-Fi สำหรับใช้ในบ้านเป็นรายแรกในประเทศไทย

นายเบนวา เฟลเทน หัวหน้าเจ้าหน้าที่วิจัย ของ Diffraction Analysis กล่าวว่า ผู้ให้บริการ บรอดแบรนด์ส่วนมากจะไม่ได้ให้บริการ หรือจัดการเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านของลูกค้า ทำให้ในหลายกรณีสมรรถภาพของบรอดแบนด์ความเร็วสูงที่ส่งมาถึงบ้าน อาจจะถูกลดทอนลงจากสัญญาณรบกวนต่าง ๆ ที่เกิดกับเครือข่าย Wi-Fi แต่โซลูชั่น Wi-Fi ของ Nokia ทำให้ผู้ใช้บริการมีประสบการณ์ Wi-Fi ที่ดีขึ้นโดยการสร้าง Mesh Network ที่กำจัดจุดอับพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพอย่างไร้รอยต่อ ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บรอดแบนด์ความเร็วสูงมากจากทุกมุมของบ้านไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ใดก็ตาม

นายศรัณย์ ผโลประการ ผู้อำนวยการธุรกิจฟิกซ์ บรอดแบนด์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ “เอไอเอส กล่าวว่า ในฐานะผู้นำนวัตกรรมอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ความเร็วสูงของประเทศที่มุ่งมั่นคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีที่แตกต่างและนำเทรนด์ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้อุตสาหกรรมอินเทร์เน็ตในบ้านมาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นผู้บุกเบิกการให้บริการอินเทอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกแท้รายแรกของประเทศไทย รวมถึงให้บริการ Dual Band Router เป็นรายแรกเช่นกัน เพื่อส่งมอบบริการอินเทอร์เน็ตบ้านที่มีคุณภาพดีที่สุดเสมอ ล่าสุด AIS Fibre ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมอีกครั้ง ด้วยการจับมือกับพันธมิตรระดับโลก Nokia ทำงานร่วมกันในเชิงลึก เพื่อศึกษาและทดสอบอุปกรณ์ Mesh WiFi สำหรับตลาดในเมืองไทย เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าไปอีกขั้น โดยร่วมกันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เป็นรายแรกของโลกกับ “Nokia WiFi Beacon 3” อุปกรณ์เสริมเราท์เตอร์ระดับพรีเมียม เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้ลูกค้า ทำให้การเชื่อมต่อราบรื่น ครอบคลุมทุกพื้นที่ในบ้าน

นายเฟเดอริโก้ กิวเล็น ประธานธุรกิจฟิกซ์ เน็ตเวิร์ค ของ “โนเกีย” กล่าวว่า โซลูชั่น Wi-Fi ของ Nokia ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเรื่องการใช้งาน Wi-Fi ที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะเดียวกันยังช่วยให้ผู้ให้บริการมีเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทำให้การบริการลูกค้าเป็นไปได้อย่างราบรื่น เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับ AIS Fibre ในการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างด้านการบริการเครือข่าย Wi-Fi ในบ้านของลูกค้าของ AIS Fibre ซึ่งแน่นอนว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ในการใช้บรอดแบรนด์ความเร็วสูงมากที่ดีขึ้นจากทุกมุมภายในบ้านอย่างแท้จริง

 

“ไทย-ไต้หวัน” ร่วมมือจัดสัมมนา “อุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะ” ชูไทยแลนด์ 4.0

alivesonline.com : สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน ร่วมกับ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงเศรษฐกิจไต้หวัน และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดงานสัมมนาระดับนานาชาติ “ไทย-ไต้หวัน อุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะ” เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และจัดแสดงสุดยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากไต้หวันเพื่อสร้างเมืองอัจฉริยะ สนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0

นายหมิงเยา ไส รองผู้อำนวยการบริหาร สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกไต้หวัน (Taiwan External Trade Development Council : TAITRA) เปิดเผยว่า การจัดงานครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนสุดยอดนวัตกรรมของผู้ประกอบการไต้หวัน ภายใต้ชื่อ “Taiwan Excellence” ตราสัญลักษณ์แห่งคุณภาพและนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมจากไต้หวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอุตสาหกรรม เมืองอัจฉริยะ ซึ่งได้นำผู้ประกอบการไต้หวันชั้นนำ ได้แก่ บริษัท ต้าถง จำกัด บริษัท แอ็ดวานซ์เทค จำกัด บริษัท เวียร์ เทคโนโลยี จำกัด บริษัท ไมโครสตาร์ อินเตอร์เนชั่นเนล จำกัด และบริษัท เน็กซ์คอม จำกัด มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ และนำเสนอสุดยอดนวัตกรรมในหลายด้าน นับตั้งแต่ การออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ ระบบการบริหาร ระบบการจัดการ ซอฟท์แวร์ปฏิบัติการ จนถึงการควบคุมและประหยัดต้นทุนด้านพลังงาน

นายเจสัน ชวี่ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจ สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย กล่าวสนับสนุนว่า ไทยและไต้หวัน มีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้ากันอย่างแนบแน่น โดยในปี 2560 บริษัทชาวไต้หวันลงทุนในประเทศไทยมีมูลค่าถึง 14.48 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไทย รวมทั้งได้รับการจัดอันดับให้เป็นคู่ค้าอันดับที่ 12 ของไทย ดังนั้น ประเทศไทยจึงถือเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของไต้หวันในด้านการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ไต้หวันมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องและเอื้อต่อการพัฒนาประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0

นายเดชา โฆษิตธนากร กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และรองประธานสายงานส่งเสริมการค้าการลงทุน กล่าวว่า เป้าหมายหลักของสภาอุตสาหกรรมฯ ต้องการพัฒนาศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคอย่างบูรณาการ การประสานความร่วมมือกับไต้หวันครั้งนี้ ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมไทยสู่อุตสาหกรรม 4.0 ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 และเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล ด้วยนวัตกรรมอัจฉริยะการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนนวัตกรรมให้สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด และแข่งขันได้ในยุคอุตสาหกรรมดิจิทัล

งานสัมมนาระดับนานาชาติ ไทย-ไต้หวัน อุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะ เป็นงานสัมมนาสุดยอดผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีของไทยและไต้หวัน จัดแสดงและนำเสนอเทคโนโลยีแห่งอนาคต ครอบคลุมเรื่อง นวัตกรรมยานยนต์ ระบบประหยัดพลังงาน ระบบเพาะปลูกและควบคุมอุณหภูมิไร้สายเพื่อการเกษตร ระบบบริหารขนส่งและอาคาร ระบบบันเทิงและข้อมูลยานยนต์ รวมถึงระบบขนส่งเพื่อการคมนาคมอัจฉริยะ โดยมีการนำนวัตกรรมเด่นมาจัดแสดงและสาธิตให้แก่ผู้ประกอบการไทย ได้แก่

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สามารถปรับความเร็วได้ 3 ระดับ ตั้งแต่ระดับปลอดภัย ระดับประหยัดพลังงาน และระดับรถแข่ง ด้วยระบบเบรกอัจฉริยะ กันน้ำได้สูงถึง 40 เซนติเมตร และวิ่งได้ไกล 65 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง

ระบบควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และน้ำ เพื่อการเกษตร ADM-3600 series ช่วยบริหารจัดการ ตรวจสอบ และเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบคลาวด์แบบ Real Time สามารถรองรับข้อมูลจำนวนมาก ลดปริมาณการสูญเสียน้ำและทรัพยากรสิ่งแวดล้อม

เทคโนโลยีสื่อสารและจัดการอุปกรณ์ภายในบ้าน โรงแรม และสำนักงานอัจฉริยะ ช่วยควบคุมการใช้งานอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดอย่างครบวงจร อาทิ ระบบปลดล็อคประตูระยะไกล ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวแบบอินฟราเรด สัญญานกันขโมย กล้องวงจรปิด ด้วยระบบไร้สายผ่านอุปกรณ์แท็บเบล็ท

FUNTORO อัครบันเทิงระดับโลก นวัตกรรมจัดการข้อมูลเพื่อความบันเทิงและการขับขี่สำหรับยานยนต์เชิงพาณิชย์ เช่น รถโค้ชท่องเที่ยวกับระบบความบันเทิงบนหน้าจอที่สามารถชมภาพยนตร์ ช็อปปิ้ง ตรวจสอบข้อมูลการเดินทาง หรือช่วยในการตรวจสอบการขับขี่ สื่อสารระหว่างผู้ขับขี่กับศูนย์ควบคุม รายงานผลเพื่อพัฒนาศักยภาพ หรือให้รางวัลผู้ขับขี่ ตรวจสอบได้ผ่านโปรแกรมบนโทรศัพท์สมาร์ทโฟน

NEXCOM Telematics ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมการขับขี่อัจฉริยะ การผสมผสานเทคโนโลยีระบุตำแหน่ง GPS กับการประมวลข้อมูลการสื่อสารสองทางระหว่างรถยนต์และศูนย์รับข้อมูล เพื่อระบุตำแหน่งของรถยนต์ เส้นทางที่เลือกใช้ ความเร็วที่ใช้ในการขับขี่ และวิเคราะห์พฤติกรรมในการขับขี่

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สภาส่งเสริมการค้าและการส่งออกแห่งไต้หวัน ประจำประเทศไทย โทร. 0 2651 4470-1

 

 

 

“เทคโน โมบาย” มุ่งขยายช่องทางจำหน่ายในไทย ชูจุดเด่นราคาต่ำกว่า 5 พันบาท

นายเดวิด เฉิน (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการประจำประเทศไทย “เทคโน โมบาย” และ นายนนทัช รวมก้อนทอง (ที่ 2 จากขวา) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอไอ อัลไลอันซ์ จำกัด ร่วมลงนามความร่วมมือในการเป็นผู้จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟน “เทคโน โมบาย” ทั่วประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

alivesonline.com : “เทคโน โมบาย” สมาร์ทโฟนชั้นนำสัญชาติจีน รุกขยายฐานตลาดในไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดแต่งตั้งให้ บริษัท เอไอ อัลไลอันซ์ จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ มุ่งขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั่วไทย เร่งสร้างการรับรู้แบรนด์ ต่อยอดความสำเร็จจากยอดขาย 5 รุ่นในไทย เน้นเทคโนโลยีเด่น ราคาต่ำกว่า 5 พันบาท

นายเดวิด เฉิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย “เทคโน โมบาย” (TECNO Mobile) เปิดเผยว่า “เทคโน โมบาย” ร่วมมือกับ บริษัท เอไอ อัลลิอันซ์ จำกัด ในการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย โดยเน้นนำเสนอสมาร์ทโฟนคุณภาพที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีชั้นนำในราคาย่อมเยาและคุ้มค่าต่ำกว่า 5 พันบาท โดยมีกล้องหน้าและกล้องหลังที่มีความละเอียดสูงถึง 13 ล้านพิกเซล รวมถึงคุณสมบัติโดดเด่นเฉพาะต่าง ๆ ที่เหมาะกับการทำตลาดในประเทศไทย พร้อมด้วยการรับประกันบริการหลังการขายสำหรับสมาร์ทโฟน “เทคโน โมบาย” ทุกรุ่น เป็นระยะเวลา 12+1 เดือน

ปัจจุบัน “เทคโน โมบาย” จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟน 5 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ รุ่น CAMON CM, SPARK CM และอีก 3 รุ่นที่อยู่ใน POP Series ได้แก่ POP 1 Pro, POP 1S Pro และ POP 2 ซึ่งถือเป็นน้องใหม่ของตลาดสมาร์ทโฟนไทยที่มาพร้อมกับสเปคการใช้งานคุณภาพสูง ในราคาย่อมเยา จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่น่าพอใจ โดยนอกเหนือจากการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายทั่วประเทศแล้ว ลูกค้ายังสามารถสั่งซื้อมือถือสมาร์ทโฟนของ “เทคโน โมบาย” ผ่านทางเว็บไซต์ Lazada, Shoppee และ JD Central ได้อีกด้วย

ในปี 2560 “เทคโน โมบาย” มียอดจำหน่ายทั่วโลก เฉลี่ยประมาณวันละ 1.2 แสนเครื่อง ส่งผลให้ “เทคโน โมบาย” เป็นหนึ่งในผู้ผลิตบริการสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของตลาดโลก ทั้งนี้ จากข้อมูลรายงานของ IDC ไตรมาสที่ 3 ปี 2561 ระบุว่า บริษัท TRANSSION ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ “เทคโน โมบาย” ได้รับการจัดอันดับบริษัทที่ทำยอดขายได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลกในไตรมาสแรกของปี ด้วยการมีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 7% ในขณะที่รายงานไตรมาส 2 ปีนี้ของ Counterpoint ยังได้จัดอันดับให้ “เทคโน โมบาย” เป็นผู้จัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 10 ของโลกอีกด้วย

“หัวใจของความสำเร็จดังกล่าวมาจากการพัฒนาและวิจัย โดยเราได้มีการใช้เทคโนโลยีล่าสุด พร้อมรับฟังความต้องการจากลูกค้า เพื่อนำเสนอสมาร์ทโฟนที่มีคุณสมบัติสูงเหมาะกับตลาดในท้องถิ่นต่าง ๆ ทำให้ผู้ซื้อสามารถติดตามกระแสการพัฒนาล่าสุด อีกทั้งยังเป็นการเน้นย้ำถึงจุดขายของแบรนด์ภายใต้แนวคิด Expect More หรือการที่คุณได้มากกว่าที่คาดไว้” นายเดวิด กล่าวในตอนท้าย