ออกนอกกรุงครั้งแรก! “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” เยือน “ศูนย์การค้าเทอร์มินอล21 พัทยา”

alivesonline.com : เมืองพัทยา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพัทยา ร่วมกับ “ครัวคุณต๋อย” จัดงานมหกรรมอาหารครั้งใหญ่ “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล21 พัทยา ชั้น G และ M ระหว่างวันที่ 17-25 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 11:00-22:00 น.

ถือเป็นการยกทัพออกนอกเมืองหลวงเป็นครั้งแรกของ “อาต๋อย-ไตรภพ ลิมปพัทธ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอร์น โปรเจค จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด ผู้ผลิตและดำเนินรายการโทรทัศน์ “ครัวคุณต๋อย” ในฐานะผู้จัดงานที่ได้ต่อยอดความอร่อย เดินสายเสิร์ฟอาหารจานเด่นกว่า 500 เมนูจาก 70 ร้านค้าคุณภาพทั่วทุกทิศทั่วไทยเอาใจสายชิมชาวพัทยา บางแสน ศรีราชา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ตราด และแฟน ๆ “ครัวคุณต๋อย” พื้นที่ใกล้เคียงให้มาชอป ชิม อิ่ม อร่อยกับทัพอาหารคาว-หวาน และอาหารว่างอย่างจุใจถึงถิ่น ณ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล21 พัทยา จุดหมายแห่งใหม่ของการชอปปิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ส่งตรงความสุขสู่ภาคตะวันออก ออกแบบในสไตล์เวิลด์ มาร์เก็ต สตรีท (World Market Street) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก 6 มหานครชั้นนำระดับโลก ได้แก่ ปารีส, ลอนดอน, อิตาลี, โตเกียว, ซานฟรานซิสโก และฮอลลีวูด บนทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุดใจกลางเมืองพัทยา ติดกับวงเวียนปลาโลมา เดินทางได้จากถนนพัทยาเหนือ ถนนพัทยาสายสอง และถนนเพชรตระกูล

ไม่เพียงเท่านั้น เพราะภายในงานยังมีสินค้าจากชุมชนให้สายชอปได้จับจ่ายแบบจุใจภายใต้เครื่องหมายสินค้าคุณภาพ “ครัวคุณต๋อย Selected” กับแนวคิด “อยู่ดีกินดี” ทั้งยังคงการันตีความสนุกให้แก่ผู้ที่มาร่วมงานด้วย 4 พิธีกรประจำ นำทีมโดย ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ร่วมด้วย ณวัฒน์ อิสรไกรศีล, กีรติ เทพธัญญ์ และโก๊ะตี๋ อารามบอย โดยเน้นสีสันและลูกเล่นสร้างบรรยากาศให้กับงานที่ยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวความอร่อยของอาหารจานเด็ดจากสุดยอดร้านอาหารหลากหลายประเภท พร้อมตอบรับวิถีชีวิตแนวใหม่ “นิว นอร์มัล” กับบริการเสิร์ฟความอร่อยสุดทันสมัย

ชาวภาคตะวันออก รู้แล้วห้ามพลาด! “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” ศูนย์การค้าเทอร์มินอล21 พัทยา ชั้น G และ M “คัดสรรของดี การันตีความอร่อย” วันที่ 17-25 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 11:00-22:00 น.

มองหาที่พักสุดว้าว! 19-22 พ.ย.นี้ที่ “บันยัน ไทยแลนด์ หัวหิน”

alivesonline.com : หากกำลังมองหาที่พักในช่วงวันหยุดยาว 19-22 พฤศจิกายนนี้ มาพักที่ “บันยัน ไทยแลนด์ หัวหิน” (Banyan Thailand Hua Hin) อาณาจักรสำหรับการพักผ่อนที่เต็มไปด้วยความสุขและความสนุกในวันหยุด กับโปรโมชันสุดพิเศษ STAY & PLAY” แพ็คเกจ 3 วัน 2 คืน เข้าพักระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายนนี้ ได้ทั้งที่พักวิลล่า 2 ห้องนอน ขนาดกว้างขวาง เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร รายล้อมด้วยธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ มีให้เลือกทั้งแบบมีสระว่ายน้ำส่วนตัว (Pool Villa) และติดสระลากูน (Pool Lagoon Access) พร้อมอาหารเช้า และฟรีค่าธรรมเนียมตีกอล์ฟ 2 รอบ ที่ “บันยันกอล์ฟคลับ” (Banyan Golf Club) สนามกอล์ฟระดับโลก ราคาเพียง 7.4 พันบาทเท่านั้น (2 คืน สำหรับ 2 ท่าน)

หรือจะเลือกแพ็คเกจที่พัก + เรียนกอล์ฟขั้นพื้นฐานกับโปรกอล์ฟ John Wither นักกอล์ฟมืออาชีพของ PGA ที่ได้รับรางวัล Best Professional Golf Coach in Asia Pacific” ของ Asian Golf นี่เป็นโอกาสที่โดดเด่นในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่ความหลงใหลตลอดชีวิต ราคา 7.7 พันบาทต่อคน หรือ 8.7 พันบาทต่อ 2 ท่าน

ส่วนใครที่ไม่เล่นกอล์ฟก็สามารถดื่มด่ำกับวันหยุดสุดสัปดาห์ได้กับโปรโมชัน Perfect Weekend” ในราคาเริ่มต้นเพียง 4.2 พันบาท สำหรับ 2 คืน และ 6.3 พันบาท สำหรับ 3 คืน (รวมอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่าน) ขณะที่กรุ๊ปครอบครัว 4 ท่าน สามารถเข้าพักได้ในราคาสุดพิเศษ 6.4 พันบาท สำหรับ 2 คืน และ 9.6 พันบาท สำหรับ 3 คืน (รวมอาหารเช้าสำหรับ 4 ท่าน)

สุดคุ้ม เมื่อเข้าพักที่ “บันยัน ไทยแลนด์ หัวหิน” จะได้รับ Banyan Privilege Club Program เพื่อใช้เป็นส่วนลดร้านอาหารชื่อดัง บีชคลับสุดชิก และกิจกรรมอื่น ๆ มากมายในเมืองหัวหิน

จองเลยวันนี้! หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อีเมล sales@banyanthailand.com หรือโทร. 0 3253 8888 เว็บไซต์ www.banyanthailand.com

“ทีเส็บ” คว้าอันดับ 1 องค์การมหาชน 2 ปีซ้อน

alivesonline.com : “ทีเส็บ” คว้าอันดับ 1 องค์การมหาชนต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน จากผลสำรวจสุดยอดองค์กร Thailand’s Most Admired Company 2020 จากผลงานการบริหารองค์กรและนวัตกรรมขยายโอกาสด้านธุรกิจไมซ์ไปทั่วประเทศ

โครงการวิจัย Thailand’s Most Admired Company 2020 จัดทำขึ้นเป็นปีที่ 9 โดยความร่วมมือระหว่าง BrandAge กับ คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เพื่อศึกษาและแสวงหาองค์กรที่มีประสิทธิภาพในด้านต่าง ๆ จนทำให้ได้รับความเชื่อถือของกลุ่มเป้าหมาย

ผลของการวิจัยทัศนคติของกลุ่มเป้าหมายในปี 2563 พบว่า สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” ยังคงเป็นองค์การมหาชนที่ได้รับความเชื่อถือสูงสุดต่อเนื่องจากปีที่แล้ว โดยได้รับคะแนนสูงสุดในด้านการบริหารงาน ตามมาด้วยคะแนนในด้านวัตกรรม ด้านการดูแลสังคม ด้านภาพลักษณ์องค์กร การดำเนินธุรกิจ และการบริการ

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “ทีเส็บ” ได้รับความเชื่อถือเกิดจากความร่วมมืออย่างเป็นเอกภาพทั้งจากภายในและพันธมิตรภาครัฐและเอกชน โดย “ทีเส็บ” กำหนดบทบาทชัดเจนในฐานะองค์กรของรัฐที่ส่งเสริมความเข้มแข็งของประเทศในด้านอุตสาหกรรมไมซ์ ซึ่งครอบคลุมงานหลักในด้านส่งเสริมการตลาด การพัฒนามาตรฐาน และการกระจายโอกาส

“อุตสาหกรรมไมซ์เป็นงานบริการ อำนวยความสะดวก ดังนั้นทุกคนจึงร่วมเป็นเจ้าของ การบริหารให้อุตสาหกรรมไมซ์ดำเนินไปได้เป็นอย่างดี จึงเป็นการบริหารความร่วมมือ ผลงานวิจัยที่ออกมาจึงเป็นผลจากความร่วมมือของทั้งอุตสาหกรรม”

จากความร่วมมือระหว่าง “ทีเส็บ” กับพันธมิตรทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็งทั้งในและต่างประเทศ อาทิ สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) สมาคมโรงแรมไทย ตลอดจนศูนย์ประชุม สถานที่จัดงาน โรงแรม ที่พัก บริษัทผู้จัดงาน รวมถึงหน่วยงานเอกชนและหน่วยงานรัฐทุกภาคส่วน ทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ไทยเป็นที่ 1 ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งด้านการจัดประชุมและงานแสดงสินค้า จากการรายงานของสมาคมระหว่างประเทศด้านการประชุม (International Congress and Convention Association หรือ ICCA) และสมาคมระหว่างประเทศด้านการจัดงานแสดงสินค้า (UFI the Global Association of the Exhibition Industry) โดยอุตสาหกรรมไมซ์ไทยยังเป็นอันดับที่ 4 ของเอเชียในด้านการจัดประชุมนานาชาติและเป็นอันดับที่ 7 ของเอเชียในด้านการแสดงสินค้านานาชาติอีกด้วย

นายจิรุตถ์ กล่าวอีกว่า “ทีเส็บ” ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมอย่างมาก ทั้งในด้านการตลาด เช่น การสร้างแอปพลิเคชัน BIZ Connect และช่องทางต่าง ๆ ในแพลตฟอร์ม เช่น MICE Intelligence Center Website & Thai MICE Connect Website และยังมีส่วนส่งเสริมนวัตกรรมในอุตสาหกรรมไมซ์ เช่น โครงการ Thailand MICE Startup เพื่อกระตุ้นนวัตกรรมให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมอย่างกว้างขวาง

นอกจากงานด้านการตลาดแล้ว “ทีเส็บ” ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนามาตรฐานเพื่อให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยสามารถแข่งขันได้ในระยะยาว ซึ่งการดำเนินงานด้านมาตรฐานสถานที่จัดงานที่ “ทีเส็บ” ดำเนินการมีทั้งมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศและใช้เป็นมาตรฐานสำหรับอาเซียน ครอบคลุมมาตรฐานทั้งในด้านการบริการ สุขอนามัย สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย

นายจิรุตถ์ กล่าวว่า “ทีเส็บ” ยังมีความภูมิใจที่ได้ส่งเสริมให้เกิดการตื่นตัวต่ออุตสาหกรรมไมซ์อย่างกว้างขวาง เริ่มจากไมซ์ซิตี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน ตอนนี้เกิดไมซ์ซิตี้ขึ้นมาแล้ว 7 จังหวัด และจะมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะหลายจังหวัดทั้งจากภาครัฐและจากชุมชนเริ่มเห็นความสำคัญ ดังนั้นจึงเป็นครั้งแรกที่ “ทีเส็บ” เปิดสำนักงานภูมิภาคขึ้นมาทั้ง 4 ภาค เพื่อประสานงานและอำนวยความสะดวกให้แก่การพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ในท้องถิ่น ทำให้โอกาสในอุตสาหกรรมไมซ์กระจายไปทั่วประเทศไทย พร้อมกับมีบริการด้านไมซ์ใหม่ ๆ มาเสนอขายได้อย่างไม่จำกัด”

สำหรับแผนงาน การเตรียมความพร้อมอุตสาหกรรมไมซ์ให้สอดรับกับกระแสโลกจากสถานการณ์ COVID-19 นั้น “ทีเส็บ” พัฒนาแนวกลยุทธ์ “ไมซ์วิถีใหม่ เติบโตอย่างยั่งยืน” มุ่งส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งผ่าน 4 แนวทางหลัก คือ การกระตุ้นตลาดในประเทศ การดึงงานนานาชาติ การขับเคลื่อนไมซ์ด้วยนวัตกรรม และการพัฒนาระบบนิเวศไมซ์ไทย เพื่อสร้างโอกาสในการพลิกฟื้นอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้กลับมาโดยเร็วที่สุด

 

“โตชิบา” คว้า 5 รางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมจาก GOOD DESIGN AWARD 2020

alivesonline.com : โตชิบา คอร์ปอเรชั่น” (TOKYO : 6502) คว้า 5*1 รางวัลการออกแบบยอดเยี่ยมจากเวที Good Design Award 2020 ประเทศญี่ปุ่น งานประกาศรางวัลประจำปีจัดโดยสถาบันส่งเสริมการออกแบบ ประเทศญี่ปุ่น (Japan Institute of Design Promotion) เพื่อยกย่องการออกแบบที่ดีและคุณภาพของผลิตภัณฑ์

ในปีนี้ เทคโนโลยีระบบการกระจายกุญแจเข้ารหัสเชิงควอนตัม (Quantum Key Distribution : QKD) ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของ “โตชิบา” ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการสื่อสารที่ปลอดภัย และ “FLEXAIR Indoor Unit” เครื่องปรับอากาศเฉพาะจุด/โซนที่มีขนาดกะทัดรัด แต่ประสิทธิภาพสูง และประหยัดพลังงาน ได้รับรางวัลไปครอง เป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของโตชิบาในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมผ่านโซลูชันการดำรงชีวิตที่มั่นคง ปลอดภัย และสะดวกสบาย

รายละเอียดผลิตภัณฑ์ของโตชิบาที่ได้รับรางวัล

1.ระบบการกระจายกุญแจเข้ารหัสเชิงควอนตัม โดย โตชิบา คอร์ปอเรชั่น

เมื่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาวิธีการเข้ารหัสที่มีประสิทธิภาพเพื่อการสื่อสารที่ปลอดภัย โดยโตชิบาได้พัฒนาระบบการกระจายกุญแจเข้ารหัสเชิงควอนตัม (Quantum Key Distribution System) ระดับเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกที่ช่วยป้องกันการถูกโจมตี หรือการดักฟังได้ อุปกรณ์ชิ้นนี้มีการออกแบบอย่างสวยงามพิถีพิถัน ตัวเครื่องผลิตจากโลหะที่มีความคงทน สื่อถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ในการดูแลความปลอดภัยของข้อมูล

2.เครื่องปรับอากาศเฉพาะจุด/โซน “FLEXAIR Indoor Unit” – รับมอบรางวัลร่วมกับบริษัท โตชิบา แคเรียร์ คอร์ปอเรชั่น

เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงานและลดภาวะโลกร้อน “โตชิบา” ได้พัฒนา FLEXAIR เครื่องปรับอากาศที่ช่วยลดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยการเพิ่ม หรือลดอุณหภูมิเฉพาะโซนพื้นที่ที่ต้องการ แต่ยังคงความสะดวกสบายในการใช้งาน เครื่องปรับอากาศรุ่นนี้มีน้ำหนักเบาจึงสามารถติดตั้งได้แม้ในบริเวณที่ไม่เหมาะในการติดตั้งอุปกรณ์ชนิดอื่น โดยสามารถติดตั้งและเชื่อมต่อหลายเครื่องเข้าด้วยกัน ด้วยรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสทำให้สามารถจัดเรียงได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะแนวตั้งหรือแนวนอน แต่ยังคงดูกลมกลืนไปด้วยกัน นอกจากนี้ รูปทรงเรขาคณิตอันเรียบง่ายยังมีประโยชน์ทั้งขนาดกะทัดรัดและฟังก์ชันการปรับทิศทางลม ถือเป็นการออกแบบที่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นในการติดตั้งอุปกรณ์ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่ได้รับรางวัล

3.โทรทัศน์ 4K OLED TV รุ่น REGZA 65/55/48X9400 Series – รับมอบรางวัลร่วมกับบริษัท โตชิบา วิชวล โซลูชัน คอร์ปอเรชั่น

4.ตู้เย็น รุ่น GR-S36SV – รับมอบรางวัลร่วมกับบริษัท โตชิบา ไลฟ์สไตล์ โปรดักต์ แอนด์ เซอร์วิส คอร์ปอเรชั่น

5.เตาอบไมโครเวฟระบบไอน้ำ รุ่น ER-VD7000 – รับมอบรางวัลร่วมกับบริษัท โตชิบา ไลฟ์สไตล์ โปรดักต์ แอนด์ เซอร์วิส คอร์ปอเรชั่น

“ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” บุก “แฟชั่นไอส์เเลนด์” 3-8 พ.ย. 63

alivesonline.com : ถึงเวลายกทัพไปเสิร์ฟความอร่อยให้เหล่านักชิม ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์เเลนด์ ปักหมุดฤกษ์งามยามดีไว้ระหว่างวันที่ 3-8 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. บริเวณชั้น 1 เซ็นเตอร์คอร์ท

ที่สำคัญการจัดงานครั้งนี้ยังเป็นการกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งกับแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง “ช้อปปี้” (Shopee) ให้ส่วนลดพิเศษสำหรับการซื้ออาหารและสินค้าในงานผ่านแอพพลิเคชั่นช้อปปี้ (เฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ) และสำหรับจังหวัดอื่นทั่วประเทศสามารถสั่งซื้อได้ทาง Fanpage Facebook ครัวคุณต๋อย มีบริการจัดส่งทั่วประเทศ (สำหรับสินค้าของแห้ง) ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ “ฟิน” ได้เต็มที่

“อาต๋อย – ไตรภพ ลิมปพัทธ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอร์น โปรเจค จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด ผู้ผลิตและดำเนินรายการโทรทัศน์ “ครัวคุณต๋อย” ในฐานะผู้จัดงาน บอกว่า การจัดงานครั้งนี้ยังคงเอกลักษณ์ของ “ครัวคุณต๋อย” ที่ต้องการให้เหล่านักชิมผู้ชื่นชอบอาหารทั้งหลายได้สัมผัสกับสุดยอดอาหารหลากหลายรูปแบบที่มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และอาหารว่าง อย่างทั่วถึงทุกร้าน พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่มีความพร้อมในการร่วมออกบูทได้มีโอกาสเพิ่มช่องทางการตลาดในการสร้างยอดขายเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีข้อจำกัดในเรื่องของสถานการณ์ไวรัส COVID-19 โดยร่วมมือกับ “ช้อปปี้” เพื่อช่วยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถปรับตัวรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มัลได้ ทั้งยังเป็นการตอบสนองความต้องการให้นักชอปได้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

การจัดงานครั้งนี้ยังคงมีพิธีกร 4 ท่าน คือ ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล กีรติ เทพธัญญ์ และโก๊ะตี๋ อารามบอย ที่จะมาร่วมกิจกรรมสุดพิเศษพร้อมเสิร์ฟให้ผู้ร่วมงานได้ลิ้มรสอาหารประเภทต่าง ๆ พร้อมด้วยโปรโมชันจัดเต็มจากร้านอาหารมากมายแบบพิเศษสุด พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ซื้อสินค้าคุณภาพกับแนวคิด “อยู่ดีกินดี” ด้วยการคัดสรรของดี การันตีคุณภาพ ภายใต้เครื่องหมาย “ครัวคุณต๋อย Selected”

สำหรับร้านอาหารคาว หวาน และอาหารว่าง ที่จะมาร่วมออกงานครั้งนี้มีมากกว่า 80 ร้านชื่อดังที่เคยมาออกรายการ “ครัวคุณต๋อย” อาทิ เตี๋ยวหม้อห่อไส้ by ครัวเชฟ ขาหมูกรอบ บายเชฟเดย์ บุญตงกี่ข้าวมันไก่สิงคโปร์ เจ๊แมวหมูย่างแดงกรอบ(สูตรเมืองตรัง) จินดา แกงไตปลาคั่วกลิ้ง กะปิโหว่สูตรโบราณ by สีใส บ้านปลาทูมหาชัย อาอีซะห์ เกี๊ยวทอดนางฟ้า ขนมสาลี่แม่จำเนียร ตุ๊บตั๊บ สุ๑๐๐๐ บ้านมรกต ขนมถ้วยฟู ท่าน้ำนนท์ พรกมลทองม้วนสด ขนมเบื้องแม่สอนบุญ โกหยี ขนมจีบต้ม ไส้กรอกยืนรอ บ้านฝอยทอง ปาท่องโก๋เพชรบุรี 42 ร่ำรวยอบวุ้นเส้น by เลอปลาแดก แม่ลูกจันทน์ อ้วนนะหมูกรอบชาชู หวานละมุน ครัวรสหนึ่ง แซ่บปากเจ่อ by เต้ เป็นต้น

นักชิมผู้ชื่นชอบอาหารทั้งหลาย พลาดไม่ได้ ! “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” วันที่ 3-8 พฤศจิกายน 2563 ตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. บริเวณชั้น 1 เซ็นเตอร์คอร์ท ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์เเลนด์

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมนานาชาติ Food Innopolis International Symposium 2020

alivesonline.com : สมาคมจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ร่วมกับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมนานาชาติ Food Innopolis International Symposium 2020 (FIIS2020)

งานประชุมนานาชาติที่รวมวิทยากรชั้นนำด้านนวัตกรรมอาหารจากทั่วโลกกว่า 30 ท่าน เพื่ออัปเดทความรู้ เทคโนโลยี เชื่อมโยงเครือข่ายนวัตกรรมอาหารทั่วโลก เสริมสร้างโอกาส และต่อยอดธุรกิจ โดยในปีนี้ได้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “The Quest for Sustainable Food System” นำเสนอผลกระทบและการรับมือกับสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ซึ่งพลิกโฉมอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้ต้องปรับตัวอย่างฉับพลัน เพื่อให้โลกมีระบบอาหารที่ยั่งยืนได้ในอนาคต เริ่มตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก การผลิต ความมั่นคงทางอาหาร ตลอดจนการนำเทคโนโลยี นวัตกรรมมาพัฒนาเพื่อตอบสนองกับวิถีชีวิตและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามเทรนด์ ผ่านมุมมองของผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำระดับโลกจาก PT Indo Food (Indonesia), AINIA (Spain), A-Star (Singapore), Food and Agriculture Organization of the United Nations, Tetra Pak (Thailand), Food & Bio Cluster (Denmark), Food Valley (Netherlands) และ Future Food Institute (Italy)

งานนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-11 พฤศจิกายน 2563 ในรูปแบบออนไลน์ (บรรยายภาษาอังกฤษ พร้อมระบบแปลภาษา*)

รายละเอียดกำหนดการ http://www.tma.or.th/…/Proposal%20and%20Draft%20Agenda… ลงทะเบียนฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย

* กิจกรรมบรรยายเป็นภาษาอังกฤษ – มีระบบแปลภาษา เฉพาะวันที่ 9 และ 10 พ.ย. 63 **   รับจำนวนจำกัด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณจตุพร โทร.0 2319 7677 ต่อ 122 อีเมล : jatuporn@tma.or.th หรือ โทร.09 4341 7111, 09 4249 7333, 09 4340 4333 อีเมล : bd@foodinnopolis.or.th / www.foodinnopolis.or.th / Facebook : FoodInnopolis (fb.com/foodinnopolis)

 

“ทีเส็บ” จัดแข่งขัน Thailand’s MICE Startup ปีที่ 3

alivesonline.com : “ทีเส็บ” จัดการแข่งขัน Thailand’s MICE Startup ปีที่ 3 ดึงสตาร์ทอัป พร้อมบริษัทผู้ผลิตนวัตกรรมและเทคโนโลยี ร่วมผู้ประกอบการไมซ์เข้าร่วมคึกคัก เตรียมคัดเหลือ 5 ทีมสุดท้ายที่คิดค้นผลงานนวัตกรรมเพื่อยกระดับมาตรฐานการจัดงานฝ่าวิกฤติ COVID-19 เข้าชิงชนะเลิศวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 รับรางวัลรวม 7.5 แสนบาท

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า การจัด โครงการแข่งขันประกวดการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดงานไมซ์ หรือ “Thailand’s MICE Startup” ปีที่ 3 เป็นเวทีพัฒนานวัตกรรมช่วยแก้ปัญหาและการทำงานของธุรกิจไมซ์ให้ง่ายขึ้น นำไปสู่การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจในธุรกิจไมซ์กับเครือข่ายนวัตกรรมทั้งภาครัฐและเอกชน

ในปี 2563 การจัดโครงการ Thailand’s MICE Startup มุ่งส่งเสริมกลุ่มสตาร์ทอัป (Startup) และบริษัทผู้ผลิตนวัตกรรมและเทคโนโลยี (Tech Entrepreneurs) ให้ร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีแก้ปัญหาธุรกิจไมซ์จากสถานการณ์ COVID-19 และจะต้องจับคู่กับผู้ประกอบการไมซ์โดยตรง เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์และตรงตามความต้องการของภาคธุรกิจ

“ผลงานที่เกิดขึ้นจะทำให้อุตสาหกรรมไมซ์ของไทยก้าวไปอีกขั้นหนึ่งด้วยเทคโนโลยีที่คนไทยคิด ช่วยยกระดับการบริหารและบริการทั้งในอุตสาหกรรมไมซ์และด้านนวัตกรรมของประเทศไปพร้อม ๆ กัน”

สำหรับการดำเนินงานนับจากเดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา โครงการประกวดได้รับความสนใจโดยมีสตาร์ทอัปมากถึง 23 ราย เข้าร่วมโครงการ โดยคณะกรรมการได้คัดเลือกจนเหลือ 5 ทีมเข้าชิงชนะเลิศในรอบสุดท้าย ซึ่งยังได้รับโอกาสในการเข้าร่วม “โครงการบ่มเพาะ – Incubation Program” ด้วยความร่วมมือกับ RISE (Regional Corporate Innovation Powerhouse) หรือสถาบันเร่งสปีดนวัตกรรมองค์กรระดับภูมิภาคเพื่อเพิ่มทักษะจากผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาต่อยอดเป็นเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่สามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบการไมซ์และนำไปใช้งานได้จริง

คณะกรรมการใช้เกณฑ์การคัดเลือก 5 ด้าน คือ 1.ผลตอบแทนทางธุรกิจต่อบริษัทผู้ประกอบการไมซ์ 2.ผลกระทบเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมไมซ์ 3.นวัตกรรมที่ตอบโจทย์วิถีใหม่ และสร้างคุณค่าใหม่ 4.นวัตกรรมที่ก่อให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการและสตาร์ทอัป และ 5.ความเป็นไปได้และความเหมาะสมของแผนงาน จนได้ 5 ทีมสุดท้ายประกอบด้วย

1.Loops กับผู้ประกอบการ MICE Communication พัฒนานวัตกรรม Vanpooling for Mega Sport Events แก้ปัญหาที่จอดรถและระบบจราจรให้กับผู้เข้าร่วมงานในการจัดงานเมกะอีเวนต์ด้านกีฬา พัฒนาแพลตฟอร์มที่อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่จะมาร่วมงานโดยการเตรียมรถรับส่งมายังบริเวณงาน มีบริการรองรับทั้งระบบจองและซื้อตั๋วผ่านไลน์ รวมถึงการบริหารคิวรถรับส่ง และบริการดูแลลูกค้าที่มาร่วมงาน

2.SSP Platforms กับผู้ประกอบการ Green World Media พัฒนานวัตกรรมโมเดลธุรกิจสำหรับการจัดงานเสมือนจริง (New Business Model for Virtual Events) เพื่อช่วยลดต้นทุนการทำ 3D สำหรับการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง (Virtual Exhibition) โดยการออกแบบ 3D ให้เป็นรูปแบบ Modular Plug & Play หรือระบบซึ่งช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เชื่อมต่อสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ โดยนำไปใช้ซ้ำในงานต่อไปได้อีก ไม่ต้องออกแบบ 3D ใหม่ทุกครั้ง ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุน

3.Potioneer กับผู้ประกอบการ ไบเทค ร่วมพัฒนาบริการเชฟเทเบิ้ลสำหรับสถานที่จัดงานและผู้จัดงาน (New Use Case of Chef’s Table for Luxury Venue and Organizer) รวบรวมคัดสรรเชฟชั้นนำทั่วประเทศ จากเดิมที่จะมีการจัดกันในโรงแรมหรือร้านอาหารชั้นนำเท่านั้น ปรับสร้างสรรค์บริการใหม่ในรูปแบบเชฟเทเบิ้ลในศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม

4.Alto Tech กับผู้ประกอบการ SYN Hotel ออกแบบนวัตกรรมเพื่อช่วยโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กประหยัดค่าไฟฟ้า โดยการนำ AI เข้ามาควบคุมระบบ

5.NewMediaX กับ ผู้จัดงาน Thailand Toy Expo พัฒนานวัตกรรมที่ช่วยให้ผู้จัดงานแบบออฟไลน์ผสมออนไลน์เพิ่มการสร้างการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง (Driving Offline & Online Engagement for Hybrid Exhibition) ทำให้ผู้ร่วมกิจกรรมออนไลน์มีส่วนร่วมกับกิจกรรมออฟไลน์ได้มากขึ้น ในขณะเดียวกันผู้เข้าร่วมกิจกรรมออฟไลน์สามารถใช้ประโยชน์จากช่องทางออนไลน์เพื่อเติมเต็มประสบการณ์เข้าร่วมกิจกรรม และขยายฐานผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เพิ่มมากขึ้น

การแข่งขันรอบสุดท้ายจะมีขึ้นในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 เพื่อหาผู้ชนะ 3 ราย ชิงเงินรางวัลรวมทั้งสิ้น 7.5 แสนบาท แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ 4 แสนบาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 2 แสนบาท รางวัลรองชนะเลิศอันดับสอง 1 แสนบาท และรางวัลพิเศษป๊อปปูล่าร์โหวต 5 หมื่นบาท นอกจากนี้ “ทีเส็บ” ยังจะนำผลงานของผู้สมัครทั้ง 23 รายเผยแพร่นวัตกรรมและบริการในแคตตาล็อกนวัตกรรมไมซ์ (MICE Innovation Catalog) เพื่อเพิ่มโอกาสการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการไมซ์รายอื่นอีกด้วย

ทั้งนี้ โครงการ Thailand’s MICE Startup ได้รับความร่วมมือ สนับสนุนจากภาคีต่าง ๆ ประกอบด้วย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (NSTDA) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) สมาคมการแสดงสินค้า (ไทย) (TEA) สมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) (TICA) สมาคมโรงแรมไทย (THA) และหน่วยงานพันธมิตร

“สตาร์ดอม เอเชีย” จัดแคมเปญ “Star Reborn” ค้นหาดาวรุ่งดวงใหม่ผ่าน TikTok

alivesonline.com : “สตาร์ดอม เอเชีย” ผู้นำด้านการสร้างสรรค์งานอีเวนต์ระดับประเทศ จัดแคมเปญ “Star Reborn” เพื่อค้นหา Influencer ดาวรุ่งดวงใหม่ผ่าน TikTok ที่มีความสามารถรอบด้าน บันเทิงดี รีวิวดัง โซเชียลปัง เป็นดาวประดับวงการที่เฉิดฉายอีกหนึ่งดวง

พลาดไม่ได้! โอกาสทองของสาย TikTok ที่จะก้าวขึ้นเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ของวงการโซเชียลกับโปรเจกต์สุดปัง “Star Reborn” การแข่งขันประกวดคลิปผ่าน TiKTok ที่โชว์ความสามารถและเป็นตัวของตัวเอง รูปแบบใดก็ได้ ภายใต้คอนเซปต์ “บันเทิงดี รีวิวโอ โซเชียลปัง” ผู้ชนะ 3 คนสุดท้ายจะได้รับรางวัล ดังนี้

  • “Star Reborn Platinum” จะได้รับรางวัลเงินสดถึง 1 แสนบาท พร้อมคอร์สทรีทเมนท์และศัลยกรรมจาก API Clinic มูลค่า 1 แสนบาท รวมถึงผลิตภัณฑ์ Star Reborn และ Dr. Reborn 5D Concentrated Serum
  • “Star Reborn Gold” รับรางวัลเงินสด 6 หมื่นบาท คอร์สทรีทเมนท์และศัลยกรรมจาก API Clinic มูลค่า 1 แสนบาท และผลิตภัณฑ์ Star Reborn และ Dr. Reborn 5D Concentred Serum
  • “Star Reborn Silver” รับรางวัลเงินสดและผลิตภัณฑ์จาก Star Reborn 4 หมื่นบาท คอร์สทรีทเมนท์และศัลยกรรมจาก API Clinic มูลค่า 1 แสนบาท และผลิตภัณฑ์ Star Reborn และ Dr. Reborn 5D Concentred Serum

นอกจากนั้น ยังมีรางวัลสำหรับผู้เข้ารอบ 10 คนสุดท้าย จะได้รับเงินรางวัล 5 พันบาท และผลิตภัณฑ์ Star Reborn และ Dr. Reborn 5D Concentred Serum

ผู้สนใจเข้าแข่งขันแคมเปญ “Star Reborn” ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดเพศ และไม่เคยเซ็นสัญญากับสังกัดไหนมาก่อน แล้วส่งคลิป TikTok ที่แสดงออกความเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด พร้อมรูปถ่าย และข้อความแนะนำตัวมาที่ LINE ID @stardomasia ผู้ผ่านเข้ารอบ 10 คนแรกจะต้องเข้าแข่งขันเพื่อค้นหาผู้ชนะ 3 คนสุดท้าย โดยงานนี้ได้ 3 กรรมการคนดังแห่งวงการมาเป็นผู้ตัดสิน ได้แก่ คุณอั้ม-จรีลักษณ์ แห่ง Stardom Asia  “มาดามฟันนี่” หรือพี่โอ๋ ผู้กำกับภาพยนตร์ ดาว TikTok ที่ฮอตที่สุดในชั่วโมงนี้ และ “หมอต้น เอเอฟ” แห่ง API Clinic ซึ่งจะประกาศผลรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 พร้อมถ่ายทอดการประกวดผ่านไลฟ์ทางเพจเฟซบุ๊ก Star Reborn และ Madam Funny

คิดนอกกรอบสู่สินค้าใหม่ “STYLE BANGKOK COLLABORATION 2020”

alivesonline.com : โครงการ STYLE BANGKOK COLLABORATION 2020 สร้างมิติใหม่ให้กับสินค้าไลฟ์สไตล์ไทย นำพาผู้ประกอบการคิดนอกกรอบ สร้างไอเดียใหม่สำหรับพัฒนาสินค้า ดึงความโดดเด่นระหว่างแบรนด์มาผสานกันเพื่อสร้างจุดสินค้าใหม่ เกิดการขยายฐานลูกค้าระหว่างกัน DITP เตรียมเดินหน้าต่อยอดผลงานความร่วมมือในครั้งนี้ทั้งในและต่างประเทศครบทุกช่องทางผ่านออนไลน์-ออฟไลน์

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ DITP กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศมีนโยบายที่จะกระตุ้นให้ผู้ประกอบการไทยต้องตั้งรับกับแข่งขันบนเวทีการค้าระหว่างประเทศ พร้อมกันนั้นยังต้องปรับตัวและหาโอกาสให้สามารถก้าวเข้าสู่ตลาดโลกด้วยความมั่นใจ “โครงการพัฒนาสินค้าไลฟ์สไตล์ใหม่” หรือ “STYLE Bangkok Collaboration 2020” สำหรับงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok เดือนมีนาคม 2564 จึงเป็นโครงการหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการให้ผลิตสินค้าไลฟ์สไตล์ไทยให้มีความทันสมัย เกิดสินค้าใหม่ สร้างความหลากหลายให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อและผู้นำเข้า มีการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกันระหว่างผู้ประกอบการ ซึ่งในอนาคตยังมีแผนต่อยอดผลงานความร่วมมือของทั้ง 32 แบรนด์จากโครงการนี้ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการค้าและการตลาด ไม่เพียงแต่งานแสดงสินค้า STYLE Bangkok เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร ไม่ว่าจะออฟไลน์ หรือออนไลน์ต่อไป

‘วิสุทธิ์ ลิ้มอารีย์’ ผู้ก่อตั้ง Asiatides และ Wit’s Collection หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของโครงการ กล่าวว่า สินค้าไลฟ์สไตล์ที่เป็นดีไซน์ของคนไทยนั้นจุดแข็งที่สำคัญคือเป็นสินค้าที่คราฟต์ทำด้วยมือ กลุ่มเหล่านี้มีมูลค่าสูง โดยตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่เป็นตกแต่งบ้านช่วง COVID-19 มีการเติบโตค่อนข้างมาก เนื่องจากปกติในต่างประเทศมีการตกแต่งบ้านตามฤดูกาลอยู่แล้ว แต่ยิ่งต้องมาอยู่ในบ้านเป็นระยะเวลานาน ๆ ทำให้เกิดความเบื่อและต้องการเปลี่ยนบ้านให้น่าอยู่มากขึ้น ผู้ประกอบการเองก็ควรจะมีการสื่อสารกับกลุ่มผู้ซื้อให้มากยิ่งขึ้นอาจจะผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือศึกษาการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์

จิรชัย ตั้งกิจงามวงศ์’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรม ดีสวัสดิ์ จำกัด จากแบรนด์ DEESAWAT เล่าว่า ก่อนหน้านี้เคย Collab กับหลายแบรนด์ แต่เป็นการทำจากสินค้าที่มีอยู่ แต่สำหรับโครงการนี้คือต้องคิดสินค้าใหม่ ได้ออกจากกรอบเดิมและนำไปสู่ไอเดียในการพัฒนาสินค้า โดยเป็นการดึงคาแรกเตอร์ของแต่ละแบรนด์มารวมกันและเกิดมุมมองใหม่ในสินค้าใหม่ ซึ่งตอนนี้อาจยังไม่ใช่เทรนด์แต่ไม่แน่สำหรับในอนาคต ส่วนระยะเวลาของโครงการที่สั้นนั้นเป็นข้อดีเพราะกระตุ้นให้นักออกแบบคิดในทันที สรุปไอเดียออกมาให้ได้ ทำให้ได้ฝึกฝนวิธีคิด นอกจากนี้ยังได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีประสบการณ์ที่หลากหลาย จึงเป็นประโยชน์อย่างมากในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้

ณัชชา อนันต์ศฤงคาร’ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท เบ็ทเทอร์ อาทส์ กรุ๊ป จำกัด จาก แบรนด์ 5IVE SIS (ไฟว์ซิส) เล่าถึงการร่วมโครงการว่า เป็นครั้งแรกที่ Collab กับแบรนด์อื่น มีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ในการช่วยแนะนำให้เห็นความชัดเจนของตลาดมากขึ้น สอนวิธีคิดที่จะต้องมองให้ออกว่าควร Collab กันอย่างไรให้เกิดความเป็นไปได้ในการต่อยอดธุรกิจ เพื่อให้เกิดสินค้าที่น่าสนใจและแปลกใหม่ ทำให้เกิดไอเดียใหม่แนวคิดใหม่ เป็นประโยชน์มากในการนำมาประยุกต์ต่อยอด โดย 5IVE SIS ทำงานร่วมกับแบรนด์ DIVANA และแบรนด์ PASAYA เน้นการออกแบบแพ็คเกจจิงเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าสปาให้กับ DIVANA ใช้การออกแบบที่มีส่วนประกอบของดีบุกจาก 5IVE SIS และผ้าจาก PASAYA เป็นสินค้าใหม่ 2 แบบคือ ชุดทราเวลเซ็ต (Travel Set) ที่มีผ้าเป็นส่วนแพ็คเกจจิงหลัก และใช้ดีบุกขึ้นรูปเป็นดอกไม้คือดอกบัวเพื่อแสดงถึงความเป็นเอเชีย ร่วมด้วยดอกกุหลาบในการเจาะตลาดยุโรป ส่วนสินค้าอีกชิ้นที่ร่วมกันผลิตคือแพ็คเกจจิงสำหรับบรรจุน้ำมันหอมระเหย หรืออโรม่า ที่สามารถใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านได้ด้วย เพื่อให้คนที่ต้องอยู่บ้านหรือทำงานจากที่บ้านได้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

‘ฐาณิญา เจนธุระกิจเจ้าของแบรนด์ THANIYA (ฐาณิญา) เล่าว่า ได้ทำงานร่วมกับอีก 3 แบรนด์คือ VASSANA, LA VIE  และ KUN DECORATE ซึ่งสินค้าที่พัฒนาขึ้นมานั้นถือว่าใหม่มากสำหรับแบรนด์เป็นอย่างมาก เพราะ THANIYA ผลิตเซรามิกที่มีลวดลายเฉพาะตัวเป็นหลัก แต่เมื่อได้ Collab กันสินค้าที่ออกมานั้นเปลี่ยนเป็นอีกกลุ่มตลาดทันที ที่เห็นได้ชัดคือกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ เช่น โคมไฟ โต๊ะ ซึ่งเป็นการเปิดแนวคิดใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์ในการขยายลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ การผสมผสานแนวคิดที่เกิดขึ้นในโครงการนี้ทำให้แบรนด์หลุดจากกรอบเดิม ๆ ที่เคยทำมา มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มาให้คำแนะนำในวิธีคิด แนะนำรูปแบบการ Collab ให้แตกต่างจากที่เป็นอยู่แต่ยังคงเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์เอาไว้

“World Reward Solutions” กางแผนรุกธุรกิจบริการระดับไฮเอนด์สู่ปีที่ 3

alivesonline.com : “เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น” (World Reward Solutions) ผู้นำด้านการให้บริการสิทธิประโยชน์ทั้งสำหรับองค์กรและส่วนบุคคล ประกาศความสำเร็จ 2 ปี บนถนนธุรกิจคอนเซียจสุดหรู พร้อมลุยตลาดลักซ์ชัวรี่เต็มกำลังในปีที่ 3 เน้นลูกค้ากลุ่มองค์กร การจัดโปรแกรมท่องเที่ยวอัลตร้าลักซ์ซัวรี่ บริการลีมูซีน และบริการที่พิเศษเหนือระดับที่หลากหลาย ผ่านเทคโนโลยีสุดไฮเทค ตั้งเป้าดันแบรนด์สัญชาติไทยสู่ผู้นำแห่งเอเชียในปี 2565

นายจักรพันธ์ รัตนเพชร ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการบริษัท เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจมาครบ 2 ปี พร้อมก้าวสู่ปีที่ 3 ด้วยเล็งเห็นโอกาสจากการเติบโตของตลาดบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM : Customer Relationship Management) ในเอเชียของกลุ่มลูกค้าองค์กร ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท จากตลาดรวม 1 แสนล้านบาท โดยการให้บริการของบริษัทฯ ใน 2 ปีที่ผ่านมา เน้นไปที่การจัดหาสิทธิประโยชน์ การทำแคมเปญสิทธิประโยชน์ (Privilege Campaign) ให้ลูกค้ากลุ่มองค์กรที่ต้องการสร้างความภักดีต่อแบรนด์และการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย การเปลี่ยนแปลงแคมเปญจากระบบดั้งเดิมสู่ระบบดิจิทัล โดยนำ “Digital Solutions” มาใช้ในการสร้างแพลตฟอร์มดูแลลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ ด้วยคอนเซปต์ “High Tech & High TouchW การให้บริการด้านการจัดกิจกรรมและการท่องเที่ยว รวมถึงบริการการเดินทางโดยลีมูซีน โดยมีกลุ่มลูกค้าองค์กร (Corporate) หรือลูกค้าในกลุ่ม Business to Business ใช้บริการสัดส่วนถึง 80% ขณะเดียวกันก็มีการขยายฐานสู่ลูกค้ากลุ่มบุคคล ด้วยบริการ “Silver Voyage Club” สิทธิพิเศษเหนือระดับสำหรับลูกค้า Affluence และ High Net Worth ในสัดส่วน 20% เนื่องมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคระดับบนโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเฟ้นหาสินค้า บริการ และการสร้างประสบการณ์ที่แปลกแตกต่างเหนือกว่าที่เคย

ในโอกาสก้าวขึ้นสู่ปีที่ 3 “เวิลด์ รีวอร์ด โซลูชั่น” ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยมองว่า ช่วงหลังวิกฤติ COVID-19 พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก จึงได้นำกลยุทธ์ที่เรียกว่า S.I.M มาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ได้แก่ “Strategic Partnership Collaboration” การสร้างพันธมิตรมาช่วยกันในการสร้างรายได้Innovation” การนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจได้เร็วขึ้น มีช่องทางการเข้าถึงที่ดีขึ้น รวมถึงการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และ “Market Penetration” การเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าฐานเดิมที่มีอยู่ในการเพิ่มและขยายการสร้างรายได้ เพิ่มการรับรู้จากผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่ให้มีการซื้อซ้ำมากขึ้น เน้นการสร้างรายได้จากบริการลูกค้าภายในประเทศเป็นหลักก่อน

บริษัทฯ ยังคงมีแผนสร้างการเชื่อมต่อระดับภูมิภาค (Regional Connected) หรือครอบคลุมทั่วภูมิภาค (Regional Coverage) โดยภายในในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 ตั้งเป้าสร้างรายได้จากต่างประเทศ หรือจากสำนักงานในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีสำนักงานให้บริการลูกค้าใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ กัมพูชา พม่า และจีน โดยวางเป้าหมายสำหรับปี 2565 ไว้ 2 คือ สร้างรายได้ให้ถึง 300 ล้านบาท และขยายฐานการให้บริการในต่างประเทศเพิ่มอีก 2 ประเทศคือ มาเลเซียและอินโดนีเซีย

ในช่วงวิกฤติ COVID-19 บริษัทฯ ต้องประสบปัญหาหลายด้าน แต่ก็สามารถพลิกเกมได้ด้วยการปรับกลยุทธ์การให้บริการอาทิ การนำรถลีมูซีนที่ไม่ได้ใช้งานมาให้บริการส่งอาหารและส่งของระดับพรีเมียมให้กับลูกค้า โดยจับมือกับร้านอาหารชื่อดังในกรุงเทพฯ กว่า 20 ร้าน ภายใต้บริการใหม่ “White Glove Service” และยังใช้ “ระบบออนไลน์” ผสานเทคโนโลยีเข้ากับบริการที่มีอยู่ ให้บริการลูกค้า และจัดกิจกรรมผ่านระบบ Online Conference ช่วงล็อกดาวน์ให้ลูกค้า ทำให้สามารถสร้างรายได้และแบ่งปันกำไรให้กับพันธมิตรอีกด้วย

ทั้งนี้ บริการลีมูซีนซึ่งดำเนินงานภายใต้แบรนด์ “ซิลเวอร์ โวยาจ คลับ” (Silver Voyage Club) ได้เพิ่มความมั่นใจในบริการระดับห้าดาวและความปลอดภัยด้านอนามัยสูงสุด โดยผ่านการรับรองตามมาตรฐาน SHA (Amazing Thailand Safety & Health Administration) หรือโครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยด้านมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย เพื่อตอบโจทย์การเดินทางยุคปกติใหม่ เสริมความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวกับการเดินทางที่จะได้รับประสบการณ์ที่ดี มีความสุข และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยจากสินค้าและบริการประเทศไทย ซึ่งรถลีมูซีนทุกคันในเครือ “ซิลเวอร์ โวยาจ ลิมูซีน” (Silver Voyage Limousine) ล้วนผ่านการตรวจคัดกรองอย่างเข้มงวดและประดับสัญลักษณ์ SHA อย่างภาคภูมิใจ พร้อมให้บริการกับลูกค้าทั้งรับส่งสนามบิ นหรือ Point-to-Point เดินทางกับเรา ไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องใด ๆ เพราะเราห่วงใยคุณ Because we care