Thai Mice Connect ขยายฐานข้อมูลอี-มาร์เก็ตเพลซไมซ์ทั่วประเทศ

alivesonline.com : “ทีเส็บ” เผยผลสำเร็จโปรเจกต์ “Thai MICE Connect” ตลาดไมซ์ออนไลน์แห่งแรกของไทย เฟสแรกทำยอดทะลุเป้า หลังเปิดตัวเพียง 3 เดือนมีผู้ประกอบการไมซ์จาก 3 ภูมิภาคเข้าร่วมตลาดซื้อขายในระบบแล้วมากถึง 1.3 หมื่นราย มั่นใจปี 63 พร้อมขยายครบทั่วประเทศ

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” เปิดเผยว่า “ทีเส็บ” พัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทยตามนโยบาย 4.0 ของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้เปิดโครงการ “Thai MICE Connect” ขึ้นมาโดยมุ่งพัฒนาให้เป็นอี-มาร์เก็ตเพลซของธุรกิจไมซ์อย่างครบวงจรเป็นแห่งแรกของประเทศในรูปแบบของเว็บไซต์ www.thaimiceconnect.com ศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลสินค้า บริการ ผู้ขาย และผู้ผลิตที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมไมซ์ของไทยอย่างครบถ้วน

ระบบของ “Thai MICE Connect” ถูกออกแบบมาให้มีการจัดเก็บข้อมูลในลักษณะอี-มาร์เก็ตเพลซซึ่งมีการสำรวจ วิเคราะห์ จัดเก็บข้อมูลสารสนเทศตลอดห่วงโซ่ทั้งด้านอุปสงค์และอุปทานของการจัดงานไมซ์ไม่ว่าจะเป็นงานประชุม การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และงานแสดงสินค้า ทำให้ผู้ประกอบการไม่ว่าจะเป็นรายใหญ่ หรือรายเล็กเข้าถึงตลาดได้เท่าเทียมกัน ส่งผลให้อุตสาหกรรมไมซ์กระจายออกไปได้ทั่วถึง

“Thai MICE Connect” มีการแสดงผลเป็นสองภาษาทั้งไทยและอังกฤษเพื่อเป็นฐานข้อมูลไมซ์แห่งชาติ อำนวยความสะดวกให้กับผู้จัดงานทั้งในไทยและต่างประเทศในฐานะผู้ซื้อให้สามารถเข้าถึงข้อมูล สินค้า บริการ ผู้ขาย ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมไมซ์ได้ตรงตามความต้องการ สะดวกทุกที่ ทุกเวลา ทำให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศประหยัดเวลาและต้นทุนในการทำงานในแพลตฟอร์มเดียว

นายจิรุตถ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากเปิดตัว “Thai MICE Connect” เมื่อปลายปี 2562 พบว่ามีผู้ขายที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดและกรอกข้อมูลสมบูรณ์แล้ว 1.3 หมื่นราย สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะมีจำนวน 1 หมื่นราย โดยกระจายอยู่ในพื้นที่เป้าหมายหลัก 3 ภูมิภาคคือ ภาคกลาง 58% ภาคใต้ 28% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14% ส่วนในปี 2563 “ทีเส็บ” กำหนดเป้าหมายจะขยายไปยัง 2 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ และภาคตะวันออก เพื่อให้ข้อมูลอี-มาร์เก็ตเพลซธุรกิจไมซ์แห่งชาติสมบูรณ์ครบทั่วประเทศ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องผ่านคุณสมบัติดังนี้

  • เป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดที่สำรวจข้อมูลในโครงการ
  • ประกอบกิจการหรือยื่นวัตถุประสงค์ในการจดทะเบียน หรือยื่นวัตถุประสงค์ในการส่งงบการเงินปีล่าสุดตรงกับหมวดธุรกิจไมซ์ทั้ง 10 หมวดหลัก
  • ทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท
  • เป็นผู้ประกอบการที่มีสถานะดำเนินกิจการอยู่
  • กรณีผู้ประกอบการที่มีอายุกิจการมากกว่า 3 ปี ต้องมีการยื่นงบการเงินล่าสุดตั้งแต่ปีงบการเงิน 2560 เป็นต้นมา
  • หากเป็นโรงแรมและรีสอร์ทต้องได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
  • หากเป็นบริษัทนำเที่ยวต้องได้รับใบอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

สำหรับผู้สนใจจะจัดงานไมซ์ (ผู้ซื้อ) ที่ประสงค์จะใช้บริการแพลตฟอร์ม “Thai MICE Connect” ในการค้นหาผู้ให้บริการไมซ์ (ผู้ขาย) สามารถเข้าไปเปิดบัญชีผู้ใช้งานได้ที่เว็บไซต์ www.thaimiceconnect.com โดยต้องสมัครสมาชิกและกรอกข้อมูลโปร์ไฟล์ให้ครบถ้วน พร้อมตั้งรหัสผ่าน กดให้ระบบจดจำในครั้งต่อไป จากนั้นทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการเพียงกรอกรหัสจะเห็นสัญลักษณ์กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ซึ่งสามารถหาข้อมูลหลากหลายธุรกิจเกี่ยวกับการจัดงานไมซ์ อาทิ ผู้จัดงาน สถานที่จัดงาน ที่พัก และอื่น ๆ

ผู้สนใจสามารถเข้าไปหาข้อมูล รายละเอียดธุรกิจ ติดตาม และติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติม พูดคุย ขอใบเสนอราคา หรือ ติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ของแวดวงธุรกิจไมซ์ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องเดินทาง หรือ เสียค่าดำเนินการใด ๆ

“วัตสัน” จัดโปรล่าสมบัติ FABULOUS TREASURE HUNT

เตรียมตัว เตรียมใจให้พร้อม ! เพราะ “วัตสัน” ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย จัดกิจกรรมโปรโมชันล่าสมบัติ “FABULOUS TREASURE HUNT เลือกลุ้นรางวัลได้ตามใจคุณ

ครั้งนี้ขนมาแบบท็อปฟอร์มให้ลูกค้าทุกคนได้ตื่นตาตื่นใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าสะพาย CHANEL BOY BAG, iPhone 11 Pro Max, TV Samsung 4K ขนาด 55 นิ้ว ตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นและเกาหลี และรางวัลอื่นๆ  ที่น่าสนใจ รวมกว่า 1,000 รางวัล โดยคุณสามารถเป็นผู้โชคดีได้ทุกสัปดาห์ ไม่ว่าจะชอปสินค้าทางหน้าร้าน หรือชอปทางออนไลน์ก็มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลเช่นกัน

รายการสินค้าร่วมรายการที่น่าสนใจ

สินค้าลดราคา 50%

  • กลุ่มผลิตภัณฑ์เซนกะ ไวท์บิวตี้ทุกสูตร ราคาปกติ 390-450 บาท ลดเหลือ 195-225 บาท
  • มาลิสสาคิส เพอร์ฟูม บอดีโลชั่น 226 มล. (ทุกสูตร) ราคาปกติ 289 บาท ลดเหลือ 144 บาท
  • อินทูอิท ลิปสติกแอลเอ (เฉพาะสาขาที่มีเคาน์เตอร์) ราคาปกติ199 บาท ลดเหลือ 99 บาท
  • แบลคมอร์ส โอเดอร์ เลสพีช มินิ 30 แคปซูล ราคาปกติ 360 บาท ลดเหลือ 180 บาท
  • บาทิส ดรายแชมพู 50 มล. (เฉพาะสูตรที่ร่วมรายการ) ราคาปกติ 80 บาท ลดเหลือ 40 บาท

สินค้า ลด 30%

  • นีเวีย บอดี้ไวท์โลชั่น 525 มล.(ทุกสูตร) ราคาปกติ 269 บาท ลดเหลือ 179 บาท
  • ลอรีอัล แชมพู/คอนดิชั่นเนอร์ 450 มล. ราคาปกติ 159 บาท ลดเหลือ 109 บาท
  • มิซึมิ เอ็กซ์ตร้ามายเฟเชียลเคลนเซอร์เจล 500 มล. ราคาปกติ 790 บาท ลดเหลือ 553 บาท

กติการ่วมกิจกรรมสำหรับ “ร้านวัตสัน”

เมื่อชอปสินค้าที่ “ร้านวัตสัน” ครบทุก ๆ 300 บาทขึ้นไป รับคูปองชิงรางวัลไปเลย 1 ใบ แต่สำหรับสาวกอย่างสมาชิกวัตสัน รับไปเลยคูปองชิงรางวัล x2 (จำกัดสิทธิ์ 20 คูปอง/ใบเสร็จ) พร้อมประกาศผู้โชคดีทุกสัปดาห์

กติการ่วมกิจกรรมสำหรับ “วัตสันออนไลน์

เมื่อช้อปวัตสันออนไลน์ครบ 300 บาทขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จ รับ 1 สิทธิ์ลุ้นทันที โดยไม่ต้องลงทะเบียน! สำหรับสมาชิกวัตสันรับสิทธิ์ x2 (จำกัด 2 สิทธิ์/ใบเสร็จเท่านั้น) พร้อมประกาศผู้โชคดีทุกสัปดาห์

โปรโมชันนี้ยังครอบคลุมความคุ้มค่า ที่สาว ๆ นักล่ารางวัลจะได้พบกับไอเทมเด็ดราคาพิเศษ สินค้าลดราคา 50% (เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) และสำหรับสมาชิกวัตสันยังได้รับคะแนนโบนัสเพิ่มเติม เมื่อซื้อสินค้าที่ร่วมรายการ เวลาดี ๆ มีจำกัด! รีบไปล่าสมบัติล้ำค่าและชอปให้จุใจได้ตั้งแต่ถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ร้านวัตสันทุกสาขาทั่วประเทศไทย หรือ ชอปออนไลน์ผ่านวัตสันออนไลน์

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สื่อ ณ จุดขาย Official Line WatsonsTH บนเว็บไซต์ www.watsons.co.th และแอปพลิเคชัน WatsonsTH ทั้งบน PlayStore และ AppStore

แบ่งจ่ายสบายกระเป๋าทั่วไทยทั่วโลกกับ “กรุงศรี ซีโร่”

บัตรเครดิตกรุงศรี เอาใจนักชอปกับโปรโมชันต้อนรับเทศกาลแห่งการจับจ่าย “กรุงศรี ซีโร่” (Krungsri ZerO%) มอบสิทธิเลือกแบ่งจ่ายสบายกระเป๋า 0% นาน 3 เดือน เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตกรุงศรีที่ร่วมรายการ “ทั่วไทย ทั่วโลก” ตามเงื่อนไขที่กำหนด ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 โดยยอดรวมสำหรับทำรายการแบ่งจ่ายแต่ละครั้งต้องไม่น้อยกว่า 3,000 บาท สมาชิกบัตรสามารถร่วมกิจกรรมได้ด้วยการรูดใช้จ่ายผ่านบัตรเต็มจำนวน แล้วขอเปลี่ยนเป็นรายการแบบผ่อนชำระในภายหลังด้วยตนเอง ผ่านแอปยูชูส (UCHOOSE) หรือโทรติดต่อศูนย์บริการสมาชิกบัตร (ต้องเป็นรายการที่เกิดขึ้น 3 วันทำการก่อนวันสรุปยอดบัญชี) รายละเอียดเพิ่มเติม www.krungsricard.com/th/KrungsriZero

“แสนสิริ” ชวนเหล่าคนรุ่นใหม่ร่วมสร้างชุมชนที่ยั่งยืนผ่านงานดีไซน์

alivesonline.com : “แสนสิริ” ชวนคุณสัมผัสบรรยากาศและสีสันใหม่ในย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ คอมมูนิตี้สุดสร้างสรรค์ที่จะพาคุณร่วมกันดีไซน์คุณภาพชีวิตและเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกันกับชุมชน ในงาน “SANSIRI SHAPING NEIGHBORHOODS” ในเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563 สุดยิ่งใหญ่ระดับประเทศ “Bangkok Design Week 2020” ณ โครงการ “เดอะ ไลน์ พหลฯ–ประดิพัทธ์” วันที่ 1-9 กุมภาพันธ์ 2563 ตั้งแต่เวลา 14.00 -21.00 น.

กิจกรรมครั้งนี้นำเสนอผ่านกิจกรรมและผลงานออกแบบ โดย “แสนสิริ” ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยที่มุ่งมั่นเติมเต็มการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน (Sustainable Living) ร่วมกับ TINKERING POT กลุ่มนักออกแบบไฟแรงในย่านอารีย์-ประดิพัทธ์ ที่มุ่งมั่นส่งเสริมระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในพื้นที่จริง ร่วมด้วยเหล่านักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ SUNTUR อิลลัสเตรเตอร์ชื่อดังที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อผู้คน พบกับ “EATS MEET WASTE” งานดีไซน์บนเหล่ารถเข็นสตรีทฟู้ดในย่านอารีย์ที่จะเข้ามาช่วยสร้างความเข้าใจและฟื้นฟูด้านการจัดการเศษขยะจากอาหาร งานอาร์ตบนกำแพงรังสรรค์โดย SUNTUR และ “HAVE A REST” อิลสตอลเลชั่นจุดพักระหว่างการสัญจรในย่านเพื่อสร้างสัมพันธ์ในชุมชน ภายใต้แนวคิดธีมหลักการจัดการขยะและจัดการชุมชนผ่านงานดีไซน์ที่ผสานระหว่าง “ธรรมชาติ x ศิลปะ x ความยั่งยืน” พร้อมพบกับกิจกรรมสุดฮิปอื่น ๆ มากมายที่ชวนจุดประกายการร่วมสร้างชุมชนและเมืองที่ยั่งยืนไปร่วมกัน

อัพเดทข่าวสารงานและกิจกรรมลุ้นรับของที่ระลึกในงานผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ที่เพจ https://web.facebook.com/events/2550123398564925/

Night Of Resilience กิจกรรมสำหรับคนเอสเอ็มอี

ปาร์ตี้อย่างมีสาระสำหรับ SMEs ในงาน Night Of Resilience : คืนสร้างสรรค์ หลากหลายกิจกรรมในพื้นที่ที่เดียว

พบปะสังสรรค์ คนในแวดวงสร้างสรรค์ พร้อมเปิดหู เปิดตา เปิดปาก ไปกับผลงานที่โดดเด่นใน Bangkok Design Week 2020 ที่คัดมาว่าห้ามพลาด ทั้ง Innovative Fashion Show และพบกับเบื้องหลังผลงาน Highlight ของงาน BKKDW2020 อาทิ The Pond, Divercity, Care Station อีกทั้งยังได้พบกับแขกรับเชิญพิเศษ สิงห์ อินทรชูโต ศิลปินศิลปาธร 2562 และอาหารอร่อยๆ เมนูพิเศษ จากร้านดังในย่านเจริญกรุง ในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 18.00-21.00 น. ณ ห้องฟังก์ชั่น ชั้น 4 TCDC กรุงเทพฯ

ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/NORnetworkingparty

“เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563” (Bangkok Design Week 2020) จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์ 2563 ณ เจริญกรุง-ตลาดน้อย, สามย่าน, อารีย์-ประดิพัทธ์ และทองหล่อ-เอกมัย ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมภายในงานได้ทางเว็บไซต์ bangkokdesignweek.com เฟซบุ๊ค : BangkokDesignWeek  อินสตาแกรม : bangkokdesignweek  #BKKDW2020 และ #bangkokdesignweek

อัปสกิลแนวคิดธุรกิจสร้างสรรค์สู่ความยั่งยืนใน “เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563”

อัปสกิลการทำธุรกิจในยุค 5.0 ในงาน “เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563” หรือ Bangkok Design Week 2020 (BKKDW 2020) จัดขึ้นโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ภายใต้แนวคิด “Resilience: New potential for living ปรับตัว > อยู่รอด > เติบโต”

ภายในงานพบกับกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย รวมถึงไฮไลท์เด็ดเอาใจนักคิด นักธุรกิจรุ่นใหม่ กับกิจกรรมเสวนา 7 Wonders Of Business Resilience ประสบการณ์ : ปรับตัว>อยู่รอด>เติบโต ของ 7 ธุรกิจ” จัดโดย Change SMEs กิจกรรมเสวนาที่จะชวนมาระเบิดความคิดหาทางออกให้คนทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ซึ่งได้รับเกียรติจาก 7 นักปั้นแบรนด์แถวหน้าของเมืองไทย ได้แก่ ธนเวทย์ สิริวัฒน์ธนกุล จาก a piece(s) of paper, พลาวุฒิ เจริญจิตมั่น จาก Super Lock, ณัท เวชชศาสตร์ จาก น้ำอบปรุงเจ้าคุณ, วิภาวัส ดาราพงศ์สถาพร จาก Ta.Tha.Ta, สุภาพร ชูดวง จาก บริษัท บ้านส้มตำกรุ๊ป จำกัด, ชนะ สัมพลัง จาก บริษัทสถาปนิก 49 จำกัด และ ชวนชม พลายงาม จาก Naraya ที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การทำธุรกิจที่จะช่วยเสริมสร้างแนวคิดธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมให้แง่คิดในการทำให้ธุรกิจเติบโตและเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวธุรกิจให้เข้ากับสถานการณ์ และการทำให้ธุรกิจอยู่รอดและคงอยู่ได้ในระยะยาว

งานจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.00-17.00 น. ณ ห้องฟังก์ชั่น ชั้น 4 TCDC กรุงเทพฯ

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถสำรองที่นั่งได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/7wobrtalk

“เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563” (Bangkok Design Week 2020) จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์ 2563 ณ เจริญกรุง-ตลาดน้อย, สามย่าน, อารีย์-ประดิพัทธ์ และทองหล่อ-เอกมัย ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมภายในงานได้ทางเวบไซต์ bangkokdesignweek.com, เฟซบุ๊ค : BangkokDesignWeek  อินสตาแกรม : bangkokdesignweek #BKKDW2020 และ #bangkokdesignweek

“พาณิชย์ตุ้งแช่รับปีหนูทอง”

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานกิจกรรมรณรงค์ฉลาดซื้อประหยัดใช้ ภายใต้ชื่องาน พาณิชย์ตุ้งแช่รับปีหนูทอง” โดย กระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญในการดูแล และต้องการที่จะช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ด้วย โดยมี นายวิชัย โภชนกิจนายพินิจ บุญเลิศนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุขนายธีรวุฒิ กลิ่นกุสุม ร่วมงานด้วย ณ ศูนย์การค้าตลาดรังสิต เมื่อเร็ว ๆ นี้

เปิดตัวแอปพลิเคชัน Thai Standard Boat

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ รองปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดงานตัวเว็บแอปพลิเคชัน “Thai Standard Boat” เรือรับจ้างเพื่อการท่องเที่ยวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย ณ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ กรุงเทพฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มในการเผยแพร่ข้อมูลเรือรับจ้างเพื่อการท่องเที่ยวที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ให้ผู้ประกอบการเรือรับจ้างตระหนักถึงความสำคัญของมาตรฐานการท่องเที่ยวไทย สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวทางน้ำให้นักท่องเที่ยว พร้อมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มและความสามารถในการแข่งขัน ตอบสนองความต้องการของตลาดนักท่องเที่ยวในด้านคุณภาพและความปลอดภัยในการโดยสารเรือรับจ้างเพื่อการท่องเที่ยว

Blueair รับอานิสงส์ “ฝุ่น PM 2.5” ครองตลาดเครื่องฟอกอากาศพรีเมียม

alivesonline.com : “ยูโรมอนิเตอร์” ระบุ ตลาดเครื่องฟอกอากาศไทยเติบโตสูงสุดในอาเซียนด้วยมูลค่า 2.8 พันล้านบาท ทิ้งห่าง มาเลเซีย อันดับ 2 ที่มีมูลค่าเพียง 1.2 พันล้านบาท แจงเหตุการณ์เติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะ “มลพิษ” เพิ่มสูงขึ้นจากการก่อสร้าง การพัฒนาประเทศ และจำนวนรถยนต์ที่มากขึ้น โดยเฉพาะปัญหา “ฝุ่น PM2.5” ส่งผลให้ “แสงชัยแอร์ควอลิตี้” ผู้นำเข้าเครื่องฟอกอากาศเกรดพรีเมียม Blueair จากสวีเดน ทำยอดขายปี 62 โตพรวด 300% จาก 3 พันเครื่อง เป็น 1 หมื่นเครื่อง ส่วนปี 63 คาดเติบโตตามปรกติประมาณ 20-30%

นายวรเทพ อัศวนิเวศน์ (ซ้าย) กรรมการผู้จัดการ และ นายบุญฤทธิ์ ฉันสุวรรณ (ขวา) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แสงชัย แอร์ควอลิตี้ จำกัด

นายวรเทพ อัศวนิเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องฟอกอากาศ แบรนด์ Blueair (บลูแอร์) จากประเทศสวีเดน เปิดเผยว่า บริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด เป็นหนึ่งในบริษัทเครือของ “แสงชัยกรุ๊ป” ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำความเย็น สายไฟฟ้า สินค้ากึ่งอุตสาหกรรม และอื่น ๆ มาเป็นเวลานานกว่า 40 ปี มียอดขายรวมในปี 2562 ประมาณ 3 พันล้านบาท โดยเริ่มทำการตลาดเครื่องฟอกอากาศ Blueair เมื่อปี 2545 เนื่องจากเห็นว่าเป็นสินค้าคุณภาพดี มีอัตราการฟอกสูงที่สุดตามมาตรฐานสากล และมีดีไซน์ที่สวยเรียบแบบสแกนดิเนเวีย จนมีวางจำหน่ายทั่วโลกกว่า 60 ประเทศ

ปัจจัยและเหตุผลที่บริษัทฯ ทำตลาดเครื่องฟอกอากาศในประเทศไทย เพราะเห็นแนวโน้มของปัญหามลพิษในประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ เริ่มเพิ่มมากขึ้นทุก ๆ ปี โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ต้องเผชิญปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนที่ออกนอกบ้านจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสุขภาพ ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในบ้านก็จำเป็นต้องได้รับอากาศบริสุทธิ์เช่นกัน เครื่องฟอกอากาศที่ดีและมีคุณภาพสูงจึงเริ่มเป็นสินค้าที่มีความสำคัญมากขึ้นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก

ทางด้าน นายบุญฤทธิ์ ฉันสุวรรณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท แสงชัยแอร์ควอลิตี้ จำกัด กล่าวเสริมว่า จากข้อมูลของ “ยูโรมอนิเตอร์” ระบุว่า ตลาดเครื่องฟอกอากาศในประเทศไทย มีมูลค่า 91 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.8 พันล้านบาท มีการเติบโตปีละประมาณ 50% สูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน รองลงมาคือประเทศมาเลเซีย มีมูลค่า 41.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.2 พันล้านบาท อินโดนีเซีย มีมูลค่า 34.3 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1 พันล้านบาท และฟิลิปปินส์ มีมูลค่า 16.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 500 ล้านบาท

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดเครื่องฟอกอากาศในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีการเติบโตอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดเกือบเท่าตัว อันเนื่องมาจากภาวะมลพิษเพิ่มสูงขึ้นจากการก่อสร้าง การพัฒนาประเทศ และจำนวนรถยนต์ที่มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศไทยซึ่งต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องฝุ่น PM2.5 เกินระดับความปลอดภัยในหลาย ๆ พื้นที่ ส่งผลให้ในปี 2562 บริษัทฯ มียอดขายเติบโตจากปี 2561 ถึง 300% หรือประมาณ 1 หมื่นเครื่อง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท จากปรกติที่จำหน่ายปีละประมาณ 3 พันเครื่อง ส่วนในปี 2563 คาดว่าจะมีการเติบโตตามอัตราปรกติคือประมาณ 20-30% ใกล้เคียงกับตลาดรวม

“เครื่องฟอกอากาศ ถือเป็นสินค้าที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตผู้บริโภคซึ่งมีการเติบโตและแข่งขันรุนแรงมาก จาก 5 ปีก่อนที่ตลาดมีมูลค่าประมาณ 800-900 ล้านบาท จึงทำให้มักจะมีผู้เล่นใหม่ ๆ เข้าและออกจากตลาดหมุนเวียนอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสินค้าและการยอมรับของผู้บริโภคเป็นสำคัญ โดยปัจจุบันในประเทศไทยมีสินค้าประมาณ 10 แบรนด์ ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีนในตลาดล่าง-กลางด้วยระดับราคา 3-4 พันบาท ประมาณ 90% ขณะที่ Blueair ถือเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมจากยุโรปเพียงรายเดียวที่ทำตลาดระดับราคา 3-8 หมื่นบาท เน้นทำตลาด B2B 80% และ B2C รวมทั้งหน่วยงานรัฐ 20%”

นายบุญฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีช่องทางการทำตลาดที่หลากหลาย ได้แก่ ช่องทางโมเดิร์นเทรด 25 จุดขายในห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ คือ เซ็นทรัล, เดอะมอลล์ ,สยามพารากอน, เอ็มโพเรียม, พาวเวอร์บาย และบุญถาวร นอกจากนี้ยังจำหน่ายโดยตรงกับหน่วยงานและองค์กรขนาดใหญ่ เช่น โรงพยาบาล ธนาคาร และบริษัททั่วไป รวมถึงการใช้ช่องทางออนไลน์ผ่านลาซาด้า, ชอปปี้ และเซ็นทรัลออนไลน์ โดยในปีที่ผ่านมาพบว่าการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์มีสัดส่วนประมาณ 8%

“เนื่องจากตลาดเครื่องฟอกอากาศยังมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก บริษัทฯ จึงใช้งบประมาณการตลาดประมาณ 10% ของยอดขายในการสร้างการรับรู้ผ่านการจัดกิจกรรมและอีเวนต์ต่าง ๆ รวมถึงประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ผ่านโซเชียลมีเดียของบริษัทฯ เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงซึ่งส่วนใหญ่มีการศึกษาและรายได้สูง พร้อมที่จะลงทุนมากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้าเพื่อคุณภาพชีวิต เพราะปัจจุบันใช้เวลาพักอาศัยในบ้านมากขึ้น แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังไม่ดีมากนักก็ตาม”

นายบุญฤทธิ์ กล่าวด้วยว่า Blueair เป็นแบรนด์เดียวในโลกที่บริษัทแม่ในประเทศสวีเดนไม่ผลิตสินค้าอื่นเลย เพราะยึดมั่นในเรื่องการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ได้รับรางวัลด้านคุณภาพอย่างมากมาย โดยได้รับการรับรองจากสถาบันทดสอบเครื่องฟอกอากาศที่น่าเชื่อถือที่สุดของโลกคือ AHAM (Associatioin of Home Appliance Manafacture) ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยในช่วงกลางปี 2563 จะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 2 ซีรีส์ รวม 5 เอสเคยู ซึ่งจะมีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยพร้อมกันด้วย

ปัจจุบัน เครื่องฟอกอากาศ Blueair มีจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 4 ซีรีส์ รวม 14 เอสเคยู คือ

1.รุ่น Blu เน้นความเรียบง่าย ไม่ต้องการความยุ่งยากใด ๆ ในการใช้งาน สั่งการใช้งานด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว ราคาเริ่มต้น 1 หมื่นขึ้นไป มีทั้งหมด 2 เอสเคยู

2.รุ่น Classic เน้นการใช้งานในห้องขนาด 26 ตร.ม., 40 ตร.ม.และ 72 ตร.ม. มีฟังก์ชันเชื่อมต่อไว-ไฟบ้าน เพื่อสั่งการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Blueair friend บนสมาร์ทโฟน โดยมีเซ็นเซอร์ในตัวเพื่อตรวจจับค่าฝุ่น Pm2.5 ว่ามีปริมาณเท่าใด พร้อมแสดงผลเป็นตัวเลขและแบบกราฟ สามารถดูย้อนหลังได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบเทคโนโลยี ทำให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น ราคาเริ่มต้น 2 หมื่นบาทขึ้นไป มีทั้งหมด 6 เอสเคยู

3.รุ่น Sense+ เน้นดีไซน์ที่สวยหรู โดดเด่น สามารถใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับตกแต่งห้องได้ พร้อมเทคโนโลยีสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้น 2 หมื่นบาทขึ้นไป มีทั้งหมด 4 เอสเคยู

4.รุ่น Pro เน้นการใช้งานในสำนักงาน หรือบ้านที่เน้นฟังก์ชันการใช้งานที่ง่ายแต่ประสิทธิภาพสูง ครอบคลุมพื้นที่ถึง 100 ตร.ม. มี 2 รุ่น คือ Pro M และ Pro L ราคาเริ่มต้น 3-8 หมื่นบาท

 

 

ธุรกิจค้าปลีก กำหนดมาตรการเข้มคุม “โคโรนา”

alivesonline.com : ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของ “ไวรัสโคโรนา” ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยติดเชื้อเป็นจำนวนมากนั้น

ประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งพื้นที่หนึ่งที่มีการกระจายตัวของเชื้อไวรัสดังกล่าว หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน จึงร่วมกันกำหนดมาตรการเผ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมไม่ให้เชื้อไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดจนเป็นอันตรายแก่ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะ “ธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่” เช่น ศูนย์การค้าต่าง ๆ ซึ่งได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ ดังนี้

  • “เซ็นทรัล” จัดวัดไข้ลูกค้าก่อนใช้บริการ

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัล วิลเลจ ประกาศมาตรการเฝ้าระวังไวรัสโคโรนาอย่างต่อเนื่อง เน้นให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มงวดและทำความสะอาดฆ่าเชื้อในทุกจุดที่มีการสัมผัส โดยในศูนย์การค้าฯ ที่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการจำนวนมากได้เพิ่มมาตรการตรวจวัดและเฝ้าระวัง ครอบคลุมพนักงาน ร้านค้าผู้เช่าภายในศูนย์ฯ เช่น “เซ็นทรัล ภูเก็ต” มีการใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิชนิดอินฟาเรดบริเวณทางเข้า-ออก พร้อมเจลล้างมือและหน้ากากอนามัย และ “เซ็นทรัลเวิลด์” ตั้งจุดบริการเจลล้างมือและหน้ากากอนามัยให้แก่ผู้มาใช้บริการ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้มาใช้บริการ

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในขณะนี้ “เซ็นทรัลพัฒนา” ในฐานะผู้บริหารศูนย์การค้า “เซ็นทรัล” ทั่วประเทศ มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยของลูกค้าผู้มาใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงได้ออกมาตรการในการดูแลและช่วยป้องกันโรคให้เข้มงวดอย่างทันท่วงที เน้นให้เกิดการปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยดูแลและตรวจตาในจุดสำคัญที่มีการสัมผัสบ่อย

พร้อมกันนี้ ในศูนย์ฯ ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ยังเข้มงวดกับการตรวจคัดกรองพนักงานและเจ้าหน้าที่ทั้งในส่วนศูนย์การค้าและร้านค้าผู้เช่าที่ให้บริการใกล้ชิดแก่ลูกค้า ด้วยการวัดไข้และจัดเตรียมหน้ากากอนามัยไว้ให้สวมใส่ โดยได้ดำเนินการป้องกันอย่างเต็มที่และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้มาใช้บริการ โดยดำเนินมาตรการต่อไปนี้

1.จัดให้มีแอลกอฮอล์เจลฆ่าเชื้อที่จุดต่าง ๆ เช่น เคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ หน้าลิฟท์ ประตูทางเข้า-ออก และจุดที่มีคนหนาแน่นให้ครบถ้วน

2.ให้ทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการสัมผัสบ่อย โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทุกครึ่งชั่วโมง เช่น ปุ่มลิฟท์โดยสาร, ห้องลิฟท์โดยสาร, ราวบันไดเลื่อน, ราวประตู, ราวกันตก, เคาน์เตอร์บริการต่าง ๆ, โทรศัพท์, รถเข็นเด็ก, รถ Wheelchair, รถกอล์ฟ ทั้งในส่วนของศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน เป็นต้น

3.พ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อเพื่อทำความสะอาดในลิฟท์เป็นพิเศษทุกครึ่งชั่วโมง

4.ติดตั้งป้ายข้อความประชาสัมพันธ์ภายในศูนย์ฯ และบริเวณหน้าร้านค้าต่าง ๆ ให้ความรู้เรื่องไวรัสโคโรนา พร้อมแนะนำการปฏิบัติตนเมื่อพบว่ามีไข้ไม่สบาย

5.ตรวจตราสบู่และกระดาษสำหรับล้างมือในทุกห้องน้ำให้มีเพียงพอ

6.เตรียมพร้อมในการส่งลูกค้าไปโรงพยาบาลหากพบผู้มีอาการเสี่ยงต่อโรคดังกล่าว

สำหรับศูนย์การค้าที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก บริษัทฯ มีมาตรการดูแลและเฝ้าระวังพนักงาน เจ้าหน้าที่ และผู้ให้บริการทั้งในส่วนศูนย์การค้าและร้านค้าผู้เช่า จัดให้มีตรวจคัดกรอง และวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานร้านค้า และพนักงานขนส่งสินค้าที่จุดเข้า-ออก หรือจุดตอกบัตรทุกวัน กรณีพนักงานมีอุณหภูมิร่างกายสูง หรือมีอาการเข้าข่ายติดเชื้อ ให้หยุดปฏิบัติงานทันที และให้กลับบ้านไปพบแพทย์ทันที โดยในการคัดกรองได้จัดให้มีการติดสติกเกอร์ผู้ที่ได้รับการตรวจคัดกรองแล้ว และมีการเปลี่ยนสีของสติกเกอร์ทุกวัน เพื่อให้พนักงานได้รับการตรวจคัดกรองอย่างครบถ้วน พร้อมทั้งให้พนักงานทุกคนสวมถุงมือและหน้ากากอนามัยในจุดที่ให้บริการใกล้ชิดลูกค้า

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ยังได้ขอความร่วมมือร้านค้าและผู้เช่าให้ดำเนินตามมาตรการในเรื่องการทำความสะอาดและการฆ่าเชื้อในพื้นที่จุดสัมผัส การตรวจคัดกรอง และดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันทั้งในส่วนของร้านค้าและลูกค้า โดยเน้นย้ำให้ร้านอาหารทำความสะอาดพื้นที่ทุก 1 ชั่วโมง ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ รวมทั้งทำความสะอาดโต๊ะอาหารด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ให้ร้านค้าสำหรับเด็ก เช่น Playland หรือร้านเกม ทำความสะอาดเครื่องเล่น โดยน้ำยาฆ่าเชื้อทุก 1 ชั่วโมง และให้โรงภาพยนตร์ฉีดสเปรย์ฆ่าเชื้อและทำความสะอาด โดยน้ำยาฆ่าเชื้อทุก 2 ชั่วโมง

  • “ท็อปส์, แฟมิลี่มาร์ท, มัทสึโมโตะคิโยชิ” แนะวิธีปฏิบัติตนให้ลูกค้า

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในขณะนี้ “เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป” ผู้บริหาร เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์, แฟมิลี่มาร์ท และมัทสึโมโตะคิโยชิ มีความห่วงใยในสุขภาพและความปลอดภัยของลูกค้าผู้ใช้บริการและพนักงานผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกท่าน เพื่อสร้างความมั่นใจ บริษัทฯ ได้มีมาตรการและแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

1.เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดรถเข็นและตะกร้าใส่สินค้าด้วยน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อตลอดทั้งวัน

2.ติดตั้งเครื่องฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ หรือเจลล้างมือ บริเวณทางเข้า–ออกร้านทุกจุด

3.เช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้วยน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อในแผนกอาหารสด, เบเกอรี, อาหารปรุงสุก, โต๊ะ, เก้าอี้, พื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงจุดสัมผัสสาธารณะที่มีลูกค้าใช้บริการร่วมกัน

4.พนักงานทำความสะอาดเคาน์เตอร์แคชเชียร์ด้วยน้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาฆ่าเชื้อตลอดทั้งวัน

5.เน้นย้ำพิเศษสำหรับพนักงานในส่วนแผนกอาหารสด และผู้ที่ต้องสัมผัสอาหาร ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

6.ประชาสัมพันธ์วิธีการปฏิบัติตนให้กับลูกค้าและพนักงานเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา

7.ติดตามข่าวสารจากภาครัฐและเตรียมพร้อมในการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากพบผู้มีอาการเสี่ยงต่อโรคดังกล่าว

ขอให้ลูกค้าทุกท่านมั่นใจนอกจากมาตรการข้างต้นแล้ว คณะผู้บริหาร และพนักงาน “เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กรุ๊ป” ยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหารอย่างสูงสุด พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับผู้มาใช้บริการและพนักงานของเราทุกคน

  • “สยามพิวรรธน์ จัดบริการฉุกเฉินส่งโรงพยาบาล

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด แจ้งว่า ศูนย์การค้าสยามพารากอน, สยามดิสคัฟเวอรี่, สยามเซ็นเตอร์, ไอคอนสยาม ได้เฝ้าระวังและติดตามข่าวสารการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอย่างใกล้ชิด และได้มีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังนี้

1.จุดบริการฉุกเฉินในการนำส่งโรงพยาบาล เมื่อตรวจพบ หรือมีการร้องขอ

2.เพิ่มการดูแลระบบเครื่องปรับอากาศเป็นกรณีพิเศษ เช่น เพิ่มระบบฆ่าเชื้อโรค และการอบโอโซน

3.จัดเจ้าหน้าที่และเพิ่มความถี่ในการเช็คทำความสะอาดจุดสัมผัสสาธารณะ อาทิ ปุ่มกดลิฟท์ ที่จับบันไดเลื่อน ที่จับประตูห้องน้ำ ที่จับประตูอาคารทุกจุด เป็นต้น

4.จัดให้มีจุดบริการเจลล้างมือทั่วศูนย์โดยเฉพาะจุดทีมีลูกค้าปริมาณมาก

5สร้างการตระหนักรู้และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาแก่พนักงานรับทราบ

6.ติดตามข้อมูลข่าวสารประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเตรียมความพร้อมเพิ่มระดับการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาภายในศูนย์ฯ ต่อไป โดยบริษัทฯ มีคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลรับผิดชอบติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาโดยเฉพาะ

  • “แม็คโคร” พร้อมสั่งพักพนักงานกรณีมีอาการบ่งชี้

บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ดำเนินมาตรการเชิงรุกป้องกันไวรัสโคโรนาให้ลูกค้าสมาชิกและพนักงานทุกสาขาทั่วประเทศ เพิ่มความถี่ในการดำเนินการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค วางเจลล้างมือฆ่าเชื้อให้บริการในจุดสัมผัสต่าง ๆ ทั้งรถเข็น จุดชั่งสินค้า ทางเข้าทางออก คุมเข้มเน้นย้ำความปลอดภัยในอาหาร สร้างความมั่นใจผู้ประกอบการ

นางศิริพร เดชสิงห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานการสื่อสารองค์กร บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องด้วยมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในขณะนี้ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) มีความห่วงใยในกลุ่มลูกค้าสมาชิกที่มาใช้บริการที่สาขาของ “แม็คโคร” รวมถึงพนักงานที่ปฏิบัติงานอยู่ทั่วประเทศ จึงได้ออกมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดในทุกมิติ ทั้งการเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคในจุดสำคัญที่มีการสัมผัสบ่อยครั้งในสาขา ไม่ว่าจะเป็น รถเข็น จุดชั่งสินค้า ห้องน้ำ ทางเข้าออกลูกค้าและพนักงาน โดยได้ดำเนินการป้องกันอย่างเต็มที่และเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยและสร้างความมั่นใจให้กับผู้มาใช้บริการ

บริษัท สยามแม็คโคร ได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันไวรัสโคโรนาดั งนี้

1.จัดให้มีแอลกอฮอล์เจลฆ่าเชื้อที่จุดต่าง ๆ อาทิ จุดบริการลูกค้า จุดชั่งสินค้า แผนกอาหารสด เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ประตูทางเข้า-ออก

2.ทำความสะอาดพื้นที่ที่มีการสัมผัสบ่อย โดยเพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ไม่ว่าจะเป็น  รถเข็นสินค้า ,เคาท์เตอร์บริการต่าง ๆ ,โทรศัพท์ ,ตู้เอทีเอ็ม,รถวิลแชร์สำหรับลูกค้า เป็นต้น

3.รณรงค์ให้ลูกค้าสวมถุงมือและใช้ที่คีบในการเลือกซื้อสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ทุกครั้ง

4.ติดตั้งป้ายข้อความประชาสัมพันธ์บริเวณทางเข้าสาขา ให้ความรู้เรื่องไวรัสโคโรนา แนะข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันและการปฎิบัติตนเมื่อพบว่ามีไข้ไม่สบาย

5.ตรวจตราสบู่และกระดาษสำหรับล้างมือในทุกห้องน้ำให้มีเพียงพอ

6.ทำความเข้าใจกับพนักงานเรื่องไวรัสโคโรนาและติดตามเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง กรณีพนักงานมีอุณหภูมิร่างกายสูง หรือมีอาการเข้าข่าย ให้หยุดปฏิบัติงานและพบแพทย์ทันที

“ด้วยความห่วงใยต่อลูกค้าสมาชิกและพนักงาน บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด(มหาชน) ได้ดำเนินมาตรการในด้านความปลอดภัยอย่างเข้มข้นในทุกสาขาและทุกประเทศที่แม็คโครไปเปิดสาขาอยู่ โดยจะคงมาตรการดังกล่าวไว้ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยยังมุ่งเน้นนโยบายด้านความปลอดภัยในอาหารเป็นสำคัญ” นางศิริพร กล่าว

  • “โฮมโปร” จัดหน้ากากอนามัย N95 ให้ลูกค้า

บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำตลาดธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร ได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา จำนวน 113 สาขาทั่วประเทศ ทั้งโฮมโปร, เมกาโฮม และศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ เพื่อดำเนินมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนาอย่างเร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ พร้อมนำสต็อกหน้ากากอนามัย N95 วัสดุอุปกรณ์ และน้ำยาทำความสะอาดบ้านไว้ให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค โดยดำเนินการต่างๆ ดังต่อไปนี้

1.จัดให้มีจุดบริการแอลกอฮอล์เจลล้างมือในจุดให้บริการ และจุดสำคัญต่าง ๆ ที่เข้ามาใช้บริการในห้าง

2.ทำความสะอาดพื้นที่ทั่วศูนย์การค้าด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกครึ่งชั่วโมง

3.พ่นสเปรย์ฆ่าเชื้อในการทำความสะอาดพื้นที่ที่เป็นจุดสัมผัส เช่น พื้น, ลิฟท์, บันไดเลื่อน, ห้องน้ำ รถเข็น ตะกร้า ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรค

4.อบรบให้ความรู้แก่พนักงานร้านค้า และพนักงานศูนย์การค้าในการเฝ้าระวัง และสังเกตุอาการลูกค้า หากพบอาการไข้สูงผิดปกติ ให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สาขาโดยเร็ว

5.จัดเตรียมหน้ากากอนามัย N95 วัสดุอุปกรณ์ และน้ำยาทำความสะอาดบ้าน ให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค เพื่อป้องกันไข้ไวรัสโคโรนา

ทั้งนี้ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จะดำเนินการป้องกันเชื้อไวรัสฯ ดังกล่าวอย่างเต็มที่ กับโฮมโปรทุกสาขาทั่วประเทศ รวมถึงเมกาโฮม และศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่น และไว้วางใจในการเข้ามาใช้บริการได้อย่างปลอดภัย ในส่วนของพนักงานทุกคน บริษัทฯ ได้ให้พนักงานใส่หน้ากากอนามัยทุกคน โดยเฉพาะจุดแคชเชียร์ที่ต้องพบปะกับลูกค้า