‘สุพร วัธนเวคิน’ (ที่ 4 จากซ้าย) ประธานกรรมการมูลนิธิอิออน ประเทศไทย มอบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์กีฬา และตู้กดน้ำเย็น รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,751,803 บาท ให้กับสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย โดยมี พลโทนายแพทย์ อำนาจ บาลี (ที่ 4 จากขวา) ผู้อำนวยการเป็นตัวแทนรับมอบ เพื่อนำไปมอบให้กับโรงเรียนและชุมชนที่ขาดแคลนทั่วประเทศ พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้อย่างไร้ขีดจำกัดสำหรับเยาวชนไทย
ผู้เขียน: admin2
“อาคเนย์ประกันชีวิต” รับรางวัลแบรนด์ที่โดดเด่น ประจำปี 2562
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้เกียรติเป็นประธานมอบรางวัล “แบรนด์ที่โดดเด่น ประจำปี 2562” (Outstanding Brands 2019) ให้แก่ นางภฤตยา สัจจศิลา กรรมการผู้จัดการ บมจ.อาคเนย์ประกันชีวิต หนึ่งในสายธุรกิจหลักของบริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ในงาน “2019 Asia CEO Summit & Awards Ceremony” ซึ่งจัดโดย Influential Brands และ Neo Target องค์กรชั้นนำระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและสำรวจข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคในเอเชียมากว่า 20 ปีสะท้อนให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน ตอกย้ำการเป็นองค์กรที่มุ่งบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ณ Chatrium Hotel Riverside Bangkok เมื่อเร็ว ๆ นี้
“ไอเดีย” ร่วมงาน Homepro Expo ครั้งที่ 30
นายธานัท ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเดีย คิวบ์ จํากัด ผู้นำและพัฒนาด้านผลิตภัณฑ์ส่องสว่าง, ไฟส่องสว่าง Smart LED และยังเป็นผู้คัดสรรผลิตภัณฑ์เทียนแอลอีดีรายแรกในประเทศไทย นำทีมร่วมงาน “Homepro Expo ครั้งที่ 30” มหกรรมสินค้าบ้านที่ครบวงจรที่สุด พร้อมขนขบวนสินค้ายอดฮิตมาจัดโปรโมชันพิเศษ เพื่อคนรักบ้านโดยเฉพาะ อาทิ “เทียน LED สีแดงลายน้ำ” ที่เหมาะสำหรับเทศกาลคริสต์มาสและช่วงปีใหม่ , ชุดไฟเซ็นเซอร์อัจฉริยะ ริน (RIN) ลดสูงสุด 50 % อาทิ “ไฟ Sensor Nightlight ขาวแท่ง 3 LED” สามารถถอดใช้เป็นไฟฉายได้ , และสินค้าอื่น ๆ กว่า 100 รายการ พร้อมรับโปรโมชันพิเศษร่วมกับบัตรเครดิตชั้นนำและของสมนาคุณสุดคุ้ม ตั้งแต่วันนี้ถึง 24 พฤศจิกายน 2562 ณ ฮอลล์ 9-12 อิมแพ็คอารีน่า เมืองทองธานี
ดีป้า ปั้นแคมเปญ Thai Skill ศูนย์กลางเรียนรู้ออนไลน์
alivesonline.com : สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) เปิดตัวแคมเปญ “Thai Skill – พัฒนาทักษะไทย สร้างรายได้ สร้างอาชีพ” หวังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ออนไลน์ มุ่งส่งเสริมทักษะอาชีพผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล สู่การสร้างรายได้และอาชีพให้มั่นคงยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์พัฒนากำลังคนสู่ยุคดิจิทัล 30 ล้าน Digital Citizen ที่สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง พร้อมเปิดเวทีแบ่งปันไอเดียสร้างสรรค์ด้านการพัฒนาอาชีพ ร่วมชิงทุนในการต่อยอดการพัฒนาคอนเทนต์เพื่อส่งต่อความรู้ รวมกว่า 1 แสนบาท
ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ “ดีป้า” เปิดเผยว่า ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการดำเนินธุรกิจและการดำเนินชีวิต รวมถึงสร้างโอกาสจนเกิดเป็นความท้าทายใหม่ ๆ ส่งผลให้เกิดการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยี จากแผนยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อสอดคล้องกับนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม “ดีป้า” ในฐานะองค์กรที่ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการส่งเสริมให้ประชาชนเป็นพลเมืองดิจิทัล (Digital Citizen) ที่เรียนรู้และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ ตลอดจนใช้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมจึงเป็นพื้นฐานสำคัญของสังคมเศรษฐกิจดิจิทัล
“ดีป้า” มีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมพัฒนากำลังคนของประเทศให้พร้อมก้าวสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัล ตามแผนแม่บทการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (พ.ศ.2561-2564) ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนากำลังคนสู่ยุคดิจิทัล ซึ่งมุ่งส่งเสริมให้เกิด 30 ล้านพลเมืองดิจิทัล เข้าถึงบริการ ใช้ข้อมูลความรู้และเทคโนโลยีอย่างเป็นประโยชน์และเหมาะสม ล่าสุด “ดีป้า” จึงเปิดตัวแคมเปญ “Thai Skill – พัฒนาทักษะไทย สร้างรายได้ สร้างอาชีพ” หวังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ออนไลน์ โดยการส่งเสริมทักษะอาชีพผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล สู่การสร้างรายได้และอาชีพให้มั่นคงยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในการส่งเสริมทักษะความรู้โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ หรืออุตสาหกรรม และชุมชน รวมถึงสังคมและท้องถิ่น
“จุดเริ่มต้นของโครงการฯ สืบเนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด ในขณะที่เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจขึ้นมาใหม่ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ทั้งยังสามารถสร้างผลกระทบต่อมูลค่าของผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่มีอยู่เดิม ประชาชนและธุรกิจที่ไม่ปรับตัว หรือปรับตัวไม่ทันจะถูกแทนด้วยธุรกิจใหม่และการบริการรูปแบบใหม่ ๆ ที่ดีกว่า สะดวกกว่า และประหยัดกว่าในรูปแบบของบริการออนไลน์ ดีป้า จึงได้ดำเนินการส่งเสริมและพัฒนาการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ตั้งแต่ในระดับฐานรากเพื่อให้เกิดการนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความมั่นคงของประเทศ โดยมีภารกิจคือพัฒนากำลังคนดิจิทัลเป็นรากฐานที่สำคัญ ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดการเข้าถึงและใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกภาคส่วน ตลอดจนการส่งเสริมทักษะประชาชนให้มีศักยภาพรับกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดยดีป้า จึงมีบทบาทสำคัญในการเป็นศูนย์กลางการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งในภาครัฐ ภาคธุรกิจ และ ภาคประชาชน”
สำหรับ โครงการ “Thai Skill – พัฒนาทักษะไทย สร้างรายได้ สร้างอาชีพ” มุ่งส่งเสริมการยกระดับทักษะของประชาชนทุกคนผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล โดยสร้างเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านสื่อดิจิทัลช่องทางออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียที่เข้าถึงและใช้งานได้ผ่านและยูทูป โดยสร้างสรรค์คอนเทนต์นำเสนอเนื้อหาต่าง ๆ ที่จะส่งเสริมทักษะเทคโนโลยีดิจิทัลพื้นฐานและการเรียนรู้ทักษะอาชีพให้แก่ประชาชนและผู้สนใจทุกระดับเพื่อเสริมทักษะความรู้ใหม่ ๆ และยังเป็นการส่งเสริมสังคมการเรียนรู้ในกลุ่มประชาชนคนไทยที่สามารถเข้ามาเรียนรู้ได้ตลอดเวลาและสะดวกต่อการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งยังสามารถยกระดับทักษะเหล่านี้ไปสู่การประกอบอาชีพ สร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมุ่งส่งเสริมการส่งต่อความรู้และการเรียนรู้ตลอดชีวิตอีกด้วย
โครงการนี้ยังถูกถ่ายทอดผ่านแพลตฟอร์ม Thai Skill ออกเป็น 2 ประเภท ประกอบไปด้วย 1.องค์ความรู้เพื่อการประกอบอาชีพที่สามารถนำไปปฏิบัติและสร้างอาชีพได้ง่าย ได้แก่ เกษตรกรรม คหกรรม ด้วยประเทศไทยเป็นประเทศด้านเกษตรกรรม ถ่ายทอดองค์ความรู้และพัฒนาส่งต่อกันมา จึงควรอนุรักษ์องค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งให้กับอาชีพต่อไป 2.ทักษะสนับสนุนการประกอบอาชีพที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันที ได้แก่ ทักษะดิจิทัล ภาษา บัญชี เป็นต้น ที่สามารถนำไปต่อยอดและเสริมศักยภาพให้กับประชาชนในการสื่อสารติดต่อ หรือทำการค้ากับต่างประเทศ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคอนเทนต์ที่คาดหวังว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะคนไทยสู่การสร้างรายได้และอาชีพให้มั่นคงอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ Thai Skill ยังได้ร่วมมือกับเหล่า Youtuber ในการแบ่งปันคอนเทนต์น่ารู้ต่าง ๆ กับ Thai Skill อีกด้วย
ดร.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ในส่วนของกลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ จะครอบคลุมถึงประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเกษตรกรและกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งเป็นอาชีพที่มีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอันดับต้นๆ เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ การขาดโอกาสในการศึกษาและพัฒนาตนเองของประชาชน ที่ต้องเปลี่ยนผ่านสู่ระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่ซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นพื้นฐานสำคัญ
Thai Skill นอกจากจะแบ่งปันเนื้อหาการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่ช่วยพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ของทุก ๆ คนแล้ว การมีส่วนร่วมของประชาชนผู้สนใจยังถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการ Thai Skill ซึ่งในส่วนหนึ่งของกิจกรรมที่จะให้ทุกคนเข้ามาร่วมกันสร้างสังคมการเรียนรู้ไปด้วยกัน โดยเปิดเวทีในการแบ่งปันปันไอเดียและทักษะอาชีพต่าง ๆ ผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ที่สร้างสรรค์และส่งต่อสู่การพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืน ทั้งในเชิงของการเกษตร ภาษา ดิจิทัล และอื่น ๆ ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมนี้สามารถอัปโหลดคลิปวีดีโอลงบนโซเชียลมีเดียของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก หรือยูทูป พร้อมใส่แฮชแท็ก #ThaiSkill แล้วลงทะเบียนผ่านทาง Inbox ในเฟซบุ๊กของโครงการ จากนั้นคณะกรรมการจะคัดเลือกและมอบรางวัลเป็นทุนการต่อยอดการพัฒนาคอนเทนต์เพื่อส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ รวมกว่า 1 แสนบาท พร้อมร่วมเวิร์คชอปพิเศษกับ “เทคนิคการสร้างสรรค์คอนเทนต์ความรู้สไตล์ Youtuber”
ดร.ณัฐพล ล่าวในตอนท้ายว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าวเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้ผ่านช่องทางแพลตฟอร์มของโครงการ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และเกิดการแบ่งปันความรู้หรือไอเดียที่เกี่ยวข้องกับทักษะอาชีพต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น และมีการสร้าง Youtube Playlist บน Youtube Channel ของโครงการเพื่อรวบรวมไอเดียเป็นความรู้ให้กับผู้อื่น อันเป็นการส่งเสริมการเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ การแบ่งปันความรู้ และการต่อยอดสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
สำหรับช่องทางติดตามมีทั้ง Facebook Fanpage : Thai Skill พัฒนาทักษะไทย สร้างรายได้ สร้างอาชีพ สามารถกด Following และติดดาวกันได้เพื่ออัปเดตข้อมูลดี ๆ เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/DEPAThaiSkill และ YouTube Channel : Thai Skill พัฒนาทักษะไทย สร้างรายได้ สร้างอาชีพ
เครือเฮอริเทจ จัดโปร ลด 40% เอาใจคนรักสุขภาพ
เครือเฮอริเทจ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ร่วมงาน “มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่14”(แม็คโคร โฮเรก้า ครั้งที่ 14) พร้อมออกบูธจัดโปรโมชั่นลดราคาสูงสุดถึง 40% ภายในงานได้รวบรวมสินค้าเพื่อสุขภาพไว้มากมาย อาทิ ผลิตภัณฑ์ถั่วและธัญพืชแบรนด์ “เฮอริเทจ”, ผลิตภัณฑ์อัลมอนด์และนมอัลมอนด์แบรนด์ “บลูไดมอนด์”, ผลิตภัณฑ์ธัญพืช ผลไม้อบแห้งและน้ำผลไม้ “เนเจอร์ เซ็นเซชั่น”, ขนมขบเคี้ยวประเภทถั่วและเมล็ดพืช “นัทวอล์คเกอร์”, หลากหลายถั่วคุณภาพและนมพิสทาชิโอ “ซันคิสท์”และอื่นๆ อีกมากมาย
พิเศษ ! เมื่อชอปสินค้าครบ 300 บาท แถมฟรีแก้วเฮอริเทจ จำนวน 1 ใบ และกราโนล่า ขนาด 35 กรัม 1 ถ้วย, เมื่อซื้อครบ 500 บาท แถมฟรีกระเป๋าผ้า 1 ใบและกราโนล่า ขนาด 35 กรัม 2 ถ้วย, เมื่อซื้อครบ 1,000 บาท แถมฟรีกระเป๋าผ้า 2 ใบ แก้วเฮอริเทจ 1 ใบ และกราโนล่า ขนาด 35 กรัม 2 ถ้วย, และเมื่อซื้อครบ 1,500 บาท แถมฟรีกระเป๋าเก็บความเย็น 1 ใบ, แก้วเฮอริเทจ 1 ใบ และกราโนล่า ขนาด 35 กรัม 2 ถ้วย
พบกับโปรโมชันทั้งหมดนี้ได้ ตั้งแต่วันที่ 21-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-19.00 น. ณ บูธเฮอริเทจ B1-2,B5-6 ฮอลล์ 6-7 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 0 2813 0954-5 หรือติดตามกิจกรรมและข่าวสารของเครือเฮอริเทจได้ที่ www.heritagethailand.com และ www.facebook.com/Heritagegroupth
“นมอัลมอนด์ บรีซ” ลดราคาร่วมงาน “แม็คโคร โฮเรก้า ครั้งที่ 14”
บลูไดมอนด์โกรเวอร์ส สหกรณ์ผู้ผลิตอัลมอนด์จากเมืองซาคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนียประเทศสหรัฐอเมริกา ตอกย้ำการมียอดขาย “นมอัลมอนด์” อันดับ 1 ทั้งในไทยและต่างประเทศ ร่วมงาน “มหกรรมครบเครื่องเรื่องอาหารและอุปกรณ์ ครั้งที่14” (แม็คโคร โฮเรก้า ครั้งที่ 14) ชูคอนเซ็ปต์ “Almond Breeze health solution” ทางเลือกเพื่อสุขภาพของคนรุ่นใหม่ จากผลิตภัณฑ์ “นมอัลมอนด์ บรีซ” ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการและผู้บริโภคที่รักและใส่ใจในสุขภาพ พร้อมจัดโปรโมชั่นลดราคา “นมอัลมอนด์ บรีซ” ทั้ง 6 รสชาติ ได้แก่ รสออริจินัล, สูตรไม่เติมน้ำตาล, รสวานิลลา, รสช็อกโกแลต, รสมัทฉะ และรสลาเต้ กล่องขนาด 180 มิลลิลิตร ในราคาพิเศษเพียง 45 บาท (ปกติราคา 59 บาท) แถมกระเป๋า “นมอัลมอนด์ บรีซ” ฟรี 1 ใบ เมื่อซื้อ “นมอัลมอนด์ บรีซ” จำนวน 2 แพ็ค และพิเศษกับ “อัลมอนด์ บรีซ บาริสต้า เบลนด์” นมอัลมอนด์สำหรับตีฟองนม ขนาด 946 มิลลิลิตร จำหน่ายในราคาเพียง 80 บาท (ปกติราคา 99 บาท) พิเศษเมื่อซื้อ 2 กล่อง ราคาเพียง 150 บาท (ปกติราคา 198 บาท)
ภายในงานยังมีสาธิตการทำเครื่องดื่มสุดฮิต พร้อมเผยเทคนิคการตีฟองนมเพื่อทำลาเต้อาร์ตแบบง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเองจากบาริสต้ามืออาชีพ พบกันได้ ในวันที่ 21-24 พฤศจิกายน 2562 เวลา 10.00-19.00 น. ณ บูธ B1-2,B5-6 ฮอลล์ 6-7 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0 2813 0954-5 หรือติดตามข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ที่ www.facebook.com/Bluediamondthailand และ IG : Bluediamondthailand
“ธัญญาพาร์ค” ปรับพื้นที่ เพิ่มโซนเอาใจคนรักสัตว์เลี้ยง
alivesonline.com : ศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์” ดึงจุดเด่นด้าน “กรีนโอเพ่นแอร์มอลล์” ปรับพื้นที่ 8 พันตารางเมตร พร้อมเพิ่มฟังชันด้านงานบริการเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ตอบโจทย์คนเมืองรักสัตว์ ด้วยแนวคิด “Pet’s Friendly Community” คาดดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 5-10%
นายวันชัย จันทร์วัฒรังกูล กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์” เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมมูลค่าสูงถึงกว่า 4 หมื่นล้านบาท เป็นผลมาจากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมืองในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปคือ นิยมมีครอบครัวขนาดเล็ก หลายคนนิยมเป็นโสดมากกว่ามีคู่ครองและส่วนใหญ่หันมาเลี้ยงสัตว์เป็นเพื่อนกว่าการเลี้ยงสัตว์เพื่อเฝ้าบ้าน ส่งผลให้หลายธุรกิจต่างต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ที่เห็นได้ชัดคือกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่างโครงการบ้านจัดสรรที่เปิดพื้นที่ส่วนกลางสำหรับให้สัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นโดยเฉพาะและมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำความสะอาดให้กับเจ้าของ หรือคอนโดมิเนียมหลายแห่ง ที่สร้างขึ้นมาโดยอนุญาตให้เจ้าของห้องสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจศูนย์การค้าที่เปิดให้ลูกค้านำสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นและทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับเจ้าของภายในศูนย์การค้า
“ธัญญาพาร์ค” เล็งเห็นถึงโอกาสทางการตลาดดังกล่าว ด้วยความได้เปรียบในด้านพื้นที่และรูปแบบโครงสร้างของศูนย์การค้าที่เป็น “กรีนโอเพ่นแอร์มอลล์” (Green Open-Air Mall) มีพื้นที่ส่วนกลางกว้างขวาง รวมกว่า 8 พันตารางเมตร อากาศถ่ายเทสะดวก และที่สำคัญมีความร่มรื่นของธรรมชาติ ประกอบกับศูนย์การค้าทั่วไปในย่านศรีนครินทร์ส่วนใหญ่ยังคงเป็นห้างรูปแบบปิดและยังไม่เปิดให้บริการพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นมากนัก ดังนั้นเพื่อให้สอดรับกับเทรนด์การตลาด “ธัญญาพาร์ค” จึงได้มีแผนปรับพื้นที่และเพิ่มบริการด้านต่าง ๆ ภายใต้แนวคิด “Pet’s Friendly Community” การสร้างสังคมให้คนรักสัตว์มาใช้ไลฟ์สไตล์ร่วมกัน
แนวคิดดังกล่าวแบ่งออกเป็น 3 แนวทาง ได้แก่ “Pet’s Friendly Area” การเปิดพื้นที่ส่วนกลางกว่า 8 พันตารางเมตรในบริเวณต่าง ๆ รอบศูนย์การค้า เพื่อให้สัตว์เลี้ยงได้เข้ามาเดินเล่นพร้อมทำกิจกรรมร่วมกับเจ้าของ รวมถึงการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำความสะอาด กับการสร้างโซนห้องน้ำสำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet’s Toilet) จำนวน 3 จุด บริเวณลานกิจกรรม พื้นที่สวน และชั้นดาดฟ้า รวมถึงการจัดถังขยะสำหรับทิ้งของเสียที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ (Pet Waste Station) วางกระจายรอบศูนย์การค้า แยกจากขยะทั่วไปเพื่อให้ง่ายต่อระบบการจัดการขยะ นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเจ้าหน้าที่สำหรับทำความสะอาดพื้นที่ต่าง ๆ ตลอดเวลา เพื่อสร้างสุขอนามัยที่ดีแก่สัตว์เลี้ยงและผู้มาใช้บริการ โดยเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังมีร้านอาหารกว่า 10 ร้านค้าที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถเข้ามาใช้บริการโดยสามารถนำสัตว์เลี้ยงเข้ามาในบริเวณที่ร้านค้ากำหนด
แนวทางต่อมาคือ “Pet’s Friendly Event” การจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเปิดการจำหน่ายสินค้า อาหาร แฟชั่น กิจกรรมให้ความรู้ต่าง ๆ มาจัดแสดงเพื่อให้เจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้มาทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งล่าสุดได้จัดกิจกรรม “Thanya Park : Dog Play Day” ที่รวบรวมความหลากหลายและเป็นประโยชน์ต่อสุนัขและผู้เลี้ยง อาทิ การเล่นกิจกรรมกีฬาสีและการตรวจสุขภาพเบื้องต้นสำหรับน้องหมา รวมถึงการให้ความรู้เรื่องการปรับพฤติกรรมสุนัข โดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี มีผู้สนใจเข้าร่วมงานกว่า 1 พันคน ตลอดการจัดงาน ส่วนแนวคิดสุดท้ายคือ “Pet’s Friendly Shop” การดึงกลุ่มร้านค้าด้านสัตว์เลี้ยง อาทิ คาเฟ่สัตว์เลี้ยง ร้านทำความสะอาดสัตว์เลี้ยง ร้านจำหน่ายอาหารและของเล่นต่าง ๆ มาเปิดให้บริการเพิ่มมากขึ้น
นายวันชัย กล่าวในตอนท้ายว่า จากการดำเนินงานภายใต้แนวคิดดังกล่าวคาดว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคนรักสัตว์ย่านศรีนครินทร์และพื้นที่ใกล้เคียงได้เพิ่มมากขึ้นและเชื่อมั่นว่าจะดึงกลุ่มลูกค้าเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าในช่วงวันธรรมดาและวันหยุดสุดสัปดาห์เพิ่มขึ้นอีก 5-10% โดยการปรับพื้นที่ดังกล่าวยังเป็นการเตรียมรับการเติบโตของจำนวนผู้มาใช้บริการซึ่งคาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นอีก หลังจากการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองซึ่งมีสถานีกลันตัน อยู่ด้านหน้าศูนย์ฯ ทำให้มีความสะดวกต่อการเดินทางมากยิ่งขึ้น
“ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” คอนโดฯ ซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่เหนือระดับ
alivesonline.com : บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้นำอสังหาริมทรัพย์เมืองไทย และ บริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสทรี จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ร่วมกันพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย ภายใต้โครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” (HYDE Heritage Thonglor) โดยมี บริษัท เวเลอร์ ฮอสพิทอลลิตี้ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (Valor Hospitality Partners) ร่วมยกระดับการบริการในโครงการให้มี World Class Hospitality Services
นายอะซึฮิสะ โอกูระ กรรมการ บริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสทรี จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นธุรกิจหลักในกลุ่มบริษัท Sumitomo Group ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 300 ปี มีธุรกิจที่กว้างขวาง ครอบคลุมตั้งแต่ธุรกิจที่อยู่อาศัย วัสดุก่อสร้าง และธุรกิจป่าไม้ พร้อมทั้งยังมีศูนย์วิจัยและโรงงานครบวงจร โดยปัจจุบันมีบริษัทในเครือ 274 แห่ง ครอบคลุม 16 ประเทศบริษัทฯ พัฒนาสิ่งปลูกสร้างมาแล้วกว่า 3.2 แสนหลัง เป็นเจ้าของพื้นที่ป่าไม้ ขนาด 4.8 หมื่นเฮคเตอร์ หรือประมาณ 480 ล้านตารางเมตร เทียบเท่ากับพื้นที่ 1/800 ของที่ดินทั้งหมดของประเทศญี่ปุ่น และ 2.12 แสนเฮคเตอร์ หรือประมาณ 2.12 ล้านตารางเมตรในประเทศอินโดนิเซีย ปาปัวนิกินี และนิวซีแลนด์
บริษัทฯ ยังเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ติดอันอับ 1 ใน 5 ของประเทศออสเตรเลีย และ 1 ใน 10 ของสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทฯ มีแผน จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ระดับโลก ด้วยการสร้าง “W350 Tower The Skyscraper Center” ซึ่งจะเป็นโครงการที่ทำด้วยไม้สูงที่สุดในโลกถึง 70 ชั้น ความสูง 350 เมตร ขนาด 4.55 แสนตารางเมตร ในปี ค.ศ.2041 หรือ พ.ศ.2584 ซึ่งถือเป็นการจารึกประวัติศาสตร์ในวาระที่ Sumitomo Group ครบรอบ 350 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นก่อตั้งบริษัทฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1691 หรือ พ.ศ.2234
นายอะซึฮิสะ กล่าวอีกว่า สำหรับในภูมิภาคเอเชีย บริษัทฯ ได้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระดับลักซ์ชัวรี่ ในประเทศจีน ฮ่องกง อินโดนิเซีย เวียดนาม รวมถึงประเทศไทย ทำให้บริษัทฯ ให้ความมั่นใจว่า โครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” จะเป็นหนึ่งในโครงการที่ดีที่สุดในเมืองไทย เพราะเราให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับมาตรฐานในการออกแบบ การก่อสร้าง วัสดุที่เลือกใช้ในโครงการ รวมไปถึงการคัดสรรการบริการฮอสพิทอลลิตี้ระดับโลก เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
นายวิทวัส วิภากุล กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับ บริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสทรี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) ในการพัฒนาโครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” โดยได้ร่วมกันสร้างสรรค์พื้นที่ส่วนกลางแบบเต็มรูปแบบมากถึง 8 ชั้น 28 ฟังก์ชัน มากกว่ามาตรฐานทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น Private Storage ที่โครงการมอบให้แก่ลูกค้าโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม
“ซูมิโตโม ฟอเรสทรี” ยังมีวิสัยทัศน์ในคัดสรรบริษัทชั้นนำระดับโลกคือ “เวเลอร์ ฮอสพิทอลลิตี้ พาร์ทเนอร์ส” มาให้บริการแบบเอกซ์คลูซีฟแก่ผู้พักอาศัยทุกท่านที่โครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” ซึ่งโครงการนี้ตั้งใจออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมที่มีความคลาสสิกผสมผสานความโมเดิร์นภายใต้แนวคิด “Timeless Elegance” ที่ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปเพียงใด ความงามและคุณค่าของงานออกแบบยังคงงดงามอยู่เสมอ
ด้าน นายพีรพล นนทสูติ รองประธาน ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” เป็นคอนโดมิเนียมสูง 45 ชั้น บนพื้นที่ 2-2-18 ไร่ ติดถนนใหญ่บนสุขุมวิท ห่างจาก BTS ทองหล่อเพียง 250 เมตร มีจำนวน 311 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 6 พันล้านบาท ราคายูนิตเริ่มต้นที่ 9.6 ล้านบาท โดยโครงการเริ่มก่อสร้างเมื่อไตรมาส 1 ปี 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 โดยมีขนาดห้องพักอาศัย 5 รูปแบบคือ ขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ 40–58.7 ตร.ม. จำนวน 187 ยูนิต ขนาด 2 ห้องนอน พื้นที่ 68.1–86.6 ตร.ม. จำนวน 103 ยูนิต ขนาด 3 ห้องนอน พื้นที่ 112–187 ตร.ม. จำนวน 17 ยูนิต Duplex Penthouse พื้นที่ 235–325 ตร.ม. จำนวน 3 ยูนิต และ Penthouse พื้นที่ 358 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต
นายดุลพันธุ์ อมาตยกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เวเลอร์ ฮอสพิทอลลิตี้ พาร์ทเนอร์ส เอเซีย จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความยินดีที่จะนำบริการสุดพิเศษมาสร้างประสบการณ์ให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” โดยจุดเด่นของบริษัทฯ คือการบริหารโรงแรมและเซอร์วิส เรสซิเดนส์ ในรูปแบบที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในระดับสากล โดยปัจจุบัน “เวเลอร์” ได้สร้างสรรผลงานทั้งในการพัฒนาและบริหารโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์มาแล้วมากกว่า 150 แห่งหรือมากกว่า 6 หมื่นห้องทั่วโลก ทั้งในประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ดูไบ และเอเชียแปซิฟิก ตัวอย่างเช่น โรงแรมชั้นนำในเครือ Hilton, Marriott และ Intercontinental เป็นต้น
สำหรับบริการแบบมาตรฐานของ “เวเลอร์ ฮอสพิทอลลิตี้” ที่ร่วมมือกับ “ไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ” ประกอบด้วย บริการแผนกต้อนรับและอำนวยความสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง / บริการช่วยเหลือในการสำรอง ร้านอาหาร, สปา, ร้านเสริมสวย และพื้นที่ประชุมภายใน / บริการช่วยเหลือและประสานงานกับผู้ให้บริการ Food Delivery ชั้นนำ / ประสานงานกับทีมงานที่เกี่ยวข้องในกรณีที่ต้องการความช่วยเหลือทางเทคนิค หรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง / บริการประสานงาน Limousine Service / บริการการรับจดหมาย หรือพัสดุต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ยังให้การบริการประเภท A La Carte แก่ผู้อยู่อาศัย อาทิ บริการทำความสะอาดห้องพัก / บริการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือในการปล่อยเช่าห้องพักและจัดหาผู้เช่า / บริการจัดหาผู้ให้บริการล้างรถถึงสถานที่ / บริการซัก รีด ครบวงจร / บริการจัดห ผู้ฝึกสอนส่วนตัวด้านฟิตเนส โยคะ และอื่น ๆ / บริการจัดหา ผู้ให้บริการพี่เลี้ยงเด็ก / บริการจัดส่งสินค้าหรือพัสดุทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบริการแปลเอกสาร / บริการช่วยเหลือในการสำรองตั๋วเครื่องบิน
คนไทยฮิต “ไบโอแมทริกซ์” สูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
alivesonline.com : “วีซ่า” ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลชั้นนำระดับโลก เผยผลสำรวจเกี่ยวกับการศึกษาเรื่องทัศนคติการชำระเงินของผู้บริโภคของ “วีซ่า” (Visa Consumer Payment Attitudes Survey) ที่ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริโภคชาวไทยมีการรับรู้และความพร้อมที่จะใช้อุปกรณ์สวมใส่และ “ไบโอแมทริกซ์” สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ผลสำรวจฉบับนี้ศึกษาถึงทัศนคติและพฤติกรรมการชำระเงินระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงเทรนด์การใช้จ่ายสำคัญของผู้บริโภคจากผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 4 พันคนจาก 8 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 500 คนจากประเทศไทย
ผลสำรวจฉบับนี้ยังแสดงให้เห็นว่า 65% ของผู้บริโภคชาวไทยรับรู้ หรือใช้อุปกรณ์สวมใส่ชนิดต่าง ๆ ในการชำระเงินในปัจจุบันซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงที่สุดในภูมิภาคนี้ โดยสิงคโปร์และอินโดนีเซียอยู่ในอันดับที่สอง (60%) ตามด้วยมาเลเซียและเวียดนาม (52%) ฟิลิปปินส์ (44%) นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวไทยยังได้ถูกจัดให้อยู่ในอันดับสูงสุด (66%) ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สำหรับระดับการรับรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี “ไบโอแมทริกซ์” เพื่อชำระเงินและระบุตัวตน ตามด้วยเวียดนาม (66%) และสิงคโปร์ (55%)
นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการ “วีซ่า” ประจำประเทศไทย กล่าวว่า เรายินดีที่เห็นผู้บริโภคชาวไทยรับรู้ถึงประโยชน์ของนวัตกรรมและการนวัตกรรมเหล่านี้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในระบบการชำระเงินเพื่อเพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยให้ดียิ่งขึ้น ผลสำรวจนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์จากความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนและพัฒนารูปแบบการชำระเงินของผู้บริโภคและธุรกิจในประเทศไทย
ผลสำรวจยังชี้ให้เห็นว่าผู้ทำแบบสอบถามชาวไทยรู้สึกสะดวกใจ (Comfort Level) ในการใช้อุปกรณ์สวมใส่ในการชำระเงินเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้สมาร์ทวอทช์ในการชำระเงิน (84% เมื่อเทียบกับ 71% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในภูมิภาค) สายรัดข้อมือ/สร้อยข้อมือ (71% เมื่อเทียบกับ 59% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในภูมิภาค) และแหวน (66% เมื่อเทียบกับ 52% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในภูมิภาค)
เมื่อสอบถามถึงอุปกรณ์สวมใส่ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยเลือกให้ “สมาร์ทวอทช์” เป็นอุปกรณ์ที่พวกเขาสนใจมากที่สุด (55%) ตามด้วย “สายรัดข้อมือ/สร้อยข้อมือ” (22%) “ไมโครชิป” (11%) “แหวน” (8%) และ “แว่นตา” (4%)
ในขณะเดียวกันเทคโนโลยี “ไบโอแมทริกซ์” ได้เริ่มกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้บริโภคนิยมใช้ในการระบุตัวตนเพื่อการชำระเงินแทนการใส่พาสเวิร์ดแบบเดิม ๆ โดย 2 ใน 3 (66%) ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยรับรู้ถึงการชำระเงินด้วย “ไบโอแมทริกซ์” ซึ่งเป็นอันดับที่สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อสอบถามถึงระดับความสบายใจในการเลือกใช้ “ไบโอแมทริกซ์” ในการชำระเงินและระบุตัวตน ผู้บริโภคชาวไทยได้เผยให้เห็นถึง 3 วิธีหลักที่พวกเขาสบายใจมากที่สุด ได้แก่ การสแกนลายนิ้วมือ (87 % เมื่อเทียบกับ 78% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในภูมิภาค) การสแกนม่านตา (88% เมื่อเทียบกับ 61% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในภูมิภาค) และการจดจำใบหน้า (80% เมื่อเทียบกับ 65% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในภูมิภาค)
ผลสำรวจยังเผยให้เห็นอีกว่าผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยมีความสนใจใช้การสแกนลายนิ้วมือเป็นทางเลือกแรกสำหรับการใช้ “ไบโอแมทริกซ์” ในการชำระเงินและระบุตัวตน (56%) ตามด้วยการสแกนม่านตา (26%) การจดจำใบหน้า (12%) และการจดจำเสียง (6%)
นายสุริพงษ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ในประเทศไทย “วีซ่า” เป็นผู้นำในการนำเสนอโซลูชั่นและนวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับการชำระเงิน เช่น คิวอาร์โค้ด (QR Code) เทคโนโลยีการชำระเงินแบบคอนแทคเลส (Contactless) และโซลูชั่นการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยยังได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับลูกค้าและพันธมิตรในการเพิ่มช่องทางการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัลอีกด้วย ในขณะที่เราภูมิใจในความก้าวหน้าต่าง ๆ เราก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทั่วโลกและนำนวัตกรรมการชำระเงินของเราเพื่อผลักดันประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดในอนาคต
สุดยอดแคมเปญการตลาด MAT Award 2019
alivesonline.com : ผ่านพ้นไปด้วยดีสำหรับการจัดงาน “วันนักการตลาด Marketing Day 2019” โดย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ARE YOU READY FOR 2020s” ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล เวิลด์
งานนี้นอกจากจะมีการอัปเดตเทรนด์การตลาดที่น่าสนใจทศวรรษใหม่ ในปี ค.ศ.2020 แล้ว อีกหนึ่งไฮไลท์ที่นักการตลาดทั้งหลายต่างรอคอยอย่างลุ้นระทึกคือ “การตัดสินสุดยอดแคมเปญการตลาด MAT Award 2019 ครั้งที่ 11” เพื่อส่งเสริมและเชิดชูนักการตลาดไทยที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและสนับสนุนการพัฒนานักการตลาดไทยให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล โดยในปีนี้มีหลากหลายองค์กรทั่วประเทศส่งผลงานเข้าร่วมทั้งสิ้นรวม 47 ผลงาน โดยสมาคมการตลาดฯ ได้พิจารณาตัดสิน MAT Award 2019 จำนวน 13 กลุ่มรางวัล ดังนี้
1.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทอาหารและร้านอาหาร (Food)
- รางวัล Bronze Award มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท เดอะ แพลตฟอร์ม จำกัด บริษัท
ชื่อผลงาน “สเวนเซ่นส์ บอกรักแม่ให้โลกจำ”
2.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอล์ (Beverage Al /Non Al)
- รางวัล Silver Award มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “เปปทีนพลัส #สมองเบลอหรือตาเธอไม่ชัดเจน”
- รางวัล Bronze Award มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด
ชื่อผลงาน “The Tasty Face”
3.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Home Care)
- ไม่มีผู้ได้รับรางวัล
4.องค์ที่ประกอบธุรกิจ ประเภทผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวและยารักษาโรค (Personal Care)
- รางวัล Gold Award มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท นันยาง มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
ชื่อผลงาน “Nanyang RED limited edition 2019”
- รางวัล Silver Award มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด
ชื่อผลงาน “The Coolest Cover”
- รางวัล Bronze Award มี 4 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “Exit x BNK48”
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “แม่เพอร์เฟคเป็นแบบไหน By Babi Mild”
บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด
ชื่อผลงาน “The Sweaty Ad”
บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด (รองเท้าแกมโบล)
ชื่อผลงาน “GAMBOL X BURIRAM UNITED”
5.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทร้านค้าปลีก (Retail)
- รางวัล Silver Award มี 3 ผลงานที่ได้รับรางวัล
Central JD Commerce
ชื่อผลงาน “Targeted Gift”
บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด
ชื่อผลงาน “The Most Romantic Demonstration”
บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด
ชื่อผลงาน “The Shirtless”
- รางวัล Bronze Award มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด
ชื่อผลงาน “Dishcovery Moments”
6.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทอุตสาหกรรมยานยนต์และสารเคมี (Industrial)
- รางวัล Silver Award มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “ขึ้นเท่าไหร่ คืนเท่านั้น”
7.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้าง (Real estate & Construction)
- รางวัล Bronze Award มี 2 ผลงานที่ได้รับรางวัล
Helix company limited (Subsidiary of Ananda Development)
ชื่อผลงาน “Unio, Virtually Everywhere”
บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์ จํากัด
ชื่อผลงาน “ผ้าใบคอนกรีตเอสซีจี”
8.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ในบ้านและเครื่องใช้ส่วนบุคคล (Electronic)
- รางวัล Bronze Award มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด
ชื่อผลงาน “Blind Booking”
9.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทการบริการ (Service)
- รางวัล Bronze Award มี 4 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “KILORUN”
บริษัท ลีโอเบอร์เนทท์ จำกัด
ชื่อผลงาน “Sin Hunter”
Krungsri First Choice
ชื่อผลงาน “Think Before Use #คิดก่อนใช้ใช้เมื่อจำเป็น”
Sea Mastermind
ชื่อผลงาน Freediving, Your New Lifestyle
10.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทสื่อและสิ่งพิมพ์ (Media & Printing)
- ไม่มีผู้ได้รับรางวัล
11.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร”
- ไม่มีผู้ได้รับรางวัล
12.องค์กรที่ประกอบธุรกิจ ประเภทเพื่อสังคม (CSR)
- รางวัล Gold Award มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท นันยาง มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
ชื่อผลงาน “KHYA flip flop, product of trash”
- รางวัล Silver Award มี 4 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัทไทยแอร์เอเชียจำกัด
ชื่อผลงาน “Journey D เพื่อคนอื่น คือ จุดหมายที่ดีที่สุด”
Rabbit Digital Group
ชื่อผลงาน “AP Honda Dream Protector”
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “การจัดหาเมล็ดกาแฟจากชุมชน (Community Coffee Sourcing)”
บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
ชื่อผลงาน “โครงการร้านกาแฟ Café Amazon for Chance”
- รางวัล Bronze Award มี 1 ผลงานที่ได้รับรางวัล
บริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด – ธุรกิจ Packaging, SCG
ชื่อผลงาน “ถุงกระดาษ สร้างคุณค่า หมุนเวียน เปลี่ยนโลกให้ยั่งยืน”
13.รางวัล Marketing of the Year
บริษัท นันยาง มาร์เก็ตติ้ง จำกัด
ชื่อผลงาน “Nanyang RED limited edition 2019”