คอนโดฯ ATTITUDE BU ปลื้มยอดขาย 95%

alivesonline.com : เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้” เผย โครงการ “ATTITUDE BU” ตอบรับความต้องการนักศึกษา-กลุ่มคนทำงาน มีลูกบ้านโอนและเข้าอยู่แล้วรับเปิดเทอมใหม่แล้วกว่า 400 ยูนิต พร้อมปิดการขาย 95% เดินหน้าสร้างพอร์ตโฟลิโอส่ง 2 โครงการบุกย่าน New CBD คือ “ATTITUDE Lasalle” (แอททิจูด ลาซาล) และ “ATTITUDE Phahol-Sena” (แอททิจูด พหลฯ-เสนาฯ) 

นายสมภพ วาณิชเสนี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า โครงการ “ATTITUDE BU” (แอททิจูด บียู) ที่อยู่อาศัยรูปแบบใหม่ภายในเครือเออเบิ้ล พร็อพเพอร์ตี้ ภายใต้แนวคิด “Creative Space Condominium” ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้ผลตอบรับดีจากทั้งนักลุงทุนและนักศึกษาคนรุ่นใหม่โดยสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว 95% รวมทั้งมีลูกบ้านโอนและเข้าอยู่แล้วรับเปิดเทอมใหม่แล้วกว่า 400 ยูนิต แสดงให้เห็นว่า การพัฒนาโครงการเพื่อตอบสนองและรองรับความต้องการของคนรุ่นใหม่นับเป็นสูตรสำเร็จที่บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนามาโดยตลอด

โครงการ ATTITUDE BU ตั้งอยู่ย่านรังสิต ติดถนนพหลโยธิน ฝั่งตรงข้ามมหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต ถือเป็นพื้นที่ที่กำลังมีการขยายตัวสูงด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบของคอนโดมิเนียมและอะพาร์ตเมนต์สมัยใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มผู้บริโภคหลักซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา แม้ในปี 2563 จะพบกับสถานการณ์ COVID-19 แต่ความต้องการในการซื้อยังค่อนข้างสูงด้วยศักยภาพของทำเล ประกอบกับช่วงเปิดการศึกษาใหม่ ทำให้ผู้ปกครองและเหล่านักลงทุนมองเห็นโอกาสที่จะสามารถต่อยอดได้ดีในอนาคต โดยปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 95% จนเกิดกระแสยูนิตขายไม่พอรองรับตลาดผู้สนใจขอเช่า ในขณะเดียวกันนักลงทุนหลายรายเปลี่ยนการลงทุนปล่อยเช่าจากในเมืองที่ได้ผลตอบแทนต่ำมาสนใจเลือกลงทุนกับที่พักใกล้มหาวิทยาลัย เนื่องจากมีผู้เช่ารองรับตลอดเวลาและที่สำคัญได้ผลตอบแทนระหว่าง 6-8% ต่อปี

ATTITUDE BU เป็นโครงการที่มีกระแสตอบรับดี ด้วยคอนเซ็ปต์การพัฒนาที่แปลก แตกต่าง และจับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่อย่างนักศึกษาและวัยทำงานตอนต้นที่อยู่ในละแวกทำเลที่ตั้ง เน้นจุดเด่นด้านการออกแบบและการใช้งาน พร้อมจัดพื้นที่เฉพาะที่ช่วยในการสร้างแรงบันดาลใจ นอกจากนั้น ยังใส่ใจในทุกรายละเอียดของการออกแบบ ด้วยการนำแนวคิดการใช้ชีวิตของวัยสร้างสรรค์และวัยทำงานที่เต็มไปด้วยพลังงานความสนุกมาใส่ลงในทุกสัดส่วนของพื้นที่ ให้สอดคล้องความของการอยู่อาศัยที่แท้จริง โดยมีการผสมผสาน Work & Play ที่จะทำให้เกิดทั้ง EQ และ IQ ได้อย่างลงตัว ภายใต้ 4 แนวคิดหลัก ได้แก่ Creativity ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ด้วยสีสันและการออกแบบที่แตกต่าง เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับการใช้ชีวิต Space & Time จัดวางทุกสัดส่วนของพื้นที่ให้สามารถสนุกไปกับกิจกรรมมากมาย ไอเดียหลากหลาย และใช้ทุกนาทีชีวิตได้อย่างเต็มที่  Explore กล้าที่จะออกตามหา ค้นพบโลกใหม่ สิ่งรอบตัวที่น่าสนใจ เพื่อค้นพบตัวตนที่ใช่ และ Individual ไม่กลัวที่จะแตกต่าง เลือกทางเดินและการใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเอง

โครงการ ATTITUDE BU มีทั้งหมด 3 อาคาร ความสูง 8 ชั้น บนพื้นที่ 3 ไร่ 2 งาน ประกอบด้วย 544 ยูนิต หลายรูปแบบ ขนาด 23.5-34.5 ตารางเมตร รวมพื้นที่อยู่อาศัย 15,471 ตารางเมตร ขณะที่พื้นที่ส่วนกลางมีมากถึงประมาณ 3.2 พันตารางเมตร คิดเป็นสัดส่วนกว่า 21% ของพื้นที่ขายทั้งหมด ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย อาทิ โซนคาเฟ่, พื้นที่ Co-Working Space, Photo Studio, Music Room, Sky Lounge, Fitness, Presentation room, Laundry room, สระว่ายน้ำความยาวโอลิมปิก และRoof top ดาดฟ้าของทั้ง 3 อาคารเชื่อมต่อถึงกัน โดยจัดสรรไว้เป็นพื้นที่สำหรับออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็น สนามฟุตซอล, มวย, โยคะฯลฯ ล้อมรอบด้วยลู่วิ่งโทนสีสดใส รวมถึงสวนสีเขียว ราคาเริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาท

นายสมภพ กล่าวในตอนท้ายว่า จากการตอบรับที่ดีของความแตกต่างและแนวคิดที่ตอบโจทย์ของ ATTITUDE BU บริษัทฯ ได้ส่งโครงการใหม่เพื่อสร้างพอร์ตโฟลิโอให้กับแบรนด์ในย่าน New CBD คือโครงการ “ATTITUDE Lasalle” (แอททิจูด ลาซาล) และ “ATTITUDE Phahol-Sena” (แอททิจูด พหลฯ-เสนาฯ) โดยทั้ง 2 โครงการจะเป็นคอนโดมิเนียมแนวคิดแบบแบรนด์ ATTITUDE สูง 8 ชั้น ดีไซน์แตกต่างมีเอกลักษณ์ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และการออกแบบที่สร้าง ATTITUDE ใหม่ ๆ ให้กับการใช้ชีวิตเมืองได้อย่างอิสระ ลงตัวอย่างมีสไตล์ บนทำเลใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว BTS Bearing และ BTS เสนานิคม

“เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” พร้อมต้อนรับนักเดินทางอีกครั้ง

“ทราย ลากูน มัลดีส์” (SAii Lagoon Maldives) กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ตั้งเป้าจะขยายตัวในอีก 5 ปีข้างหน้า

alivesonline.com : โรงแรมและรีสอร์ตในเครือ “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” เร่งฟื้นฟูหลังวิกฤติ COVID-19 จัดโปรโมชันสุดพิเศษดึงดูดนักท่องเที่ยว พร้อมเข้มงวดโปรแกรมสุขภาพและความปลอดภัย เพื่อส่งเสริมธุรกิจในระยะสั้น รวมถึงวางแผนระยะยาวขยายธุรกิจทั่วโลก

บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารจัดการโรงแรมและลงทุนในธุรกิจโรงแรมระดับนานาชาติที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เดินหน้าเต็มกำลังหลังวิกฤติ COVID-19 ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ต รุกแผนกลยุทธ์การขยายตัวระยะยาว ตั้งเป้าเติบโต 2 เท่าภายใน 5 ปี

จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 ซึ่งทำให้เกิดข้อจำกัดด้านการเดินทางทั่วโลก ส่งผลให้โรงแรมและรีสอร์ตในเครือ SHR ได้รับผลกระทบ โดยต้องระงับการให้บริการชั่วคราวโรงแรมและรีสอร์ตทั้ง 39 แห่ ใน 5 ประเทศ ล่าสุดหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มมีสัญญาณดีขึ้น หลายประเทศกลับมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น โรงแรมและรีสอร์ตในเครือ SHR จึงได้กลับมาเริ่มเปิดให้บริการอีกครั้ง โดยวางแผนใหม่ให้สอดคล้องกับ “วิถีชีวิตใหม่” (New Normal) ด้านสุขภาพและสุขอนามัยที่เข้มงวดมากขึ้น และแผนเชิงรุกในการผลักดันธุรกิจให้กลับสู่แผนเดิมที่วางไว้ทั้งหมด

ในระยะสั้น “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” จะริเริ่มแผนการใหม่ ๆ ในเชิงพาณิชย์ โดยจะมุ่งเป้าไปที่ตลาดภายในประเทศและในภูมิภาค เพื่อให้เข้ากับภาพรวมตลาดกลุ่มเป้าหมายที่เปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่ยังคงดำเนินการตามเป้าหมายการขยายตัวอย่างมุ่งมั่น โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มพอร์ตโฟลิโอเป็น 2 เท่า ภายใน 5 ปี ผ่านการลงทุนระหว่างประเทศ การซื้อกิจการ และการรับบริหารโรงแรม ซึ่งรวมถึงการเติบโตของ “ทราย” (SAii) แบรนด์รีสอร์ตแนวคิดใหม่ที่จับกลุ่มตลาดบน ซึ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี 2562 เพื่อดึงดูดนักเดินทางที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่างและอิสระ

นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” กล่าวว่า การระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกทำให้เกิดการหยุดชะงักในอุตสาหกรรมการบริการระดับโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และแน่นอนว่า “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” ก็ไม่รอดพ้นจากผลกระทบนี้ อย่างไรก็ตาม เรามีความมั่นใจว่า โครงสร้างของบริษัทฯ จุดแข็งที่สำคัญของเรา รวมถึงตำแหน่งสินค้าในระดับบน (Upper Upscale) และการเป็นแบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างจะช่วยให้เรากลับเข้าสู่ธุรกิจได้ง่ายขึ้น ด้วยโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่งของเราและอัตราหนี้สินที่ต่ำ นอกจากนั้น เรายังกำลังตั้งเป้าที่จะสร้างอนาคตที่แข็งแรงและยั่งยืนอีกด้วย

“พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท” ตั้งอยู่ในพื้นที่ 70 เอเคอร์ ท่ามกลางสวนสไตล์ทรอปิคอล ตอบโจทย์การท่องเที่ยวแบบเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ได้อย่างแท้จริง

การฟื้นตัวของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” ได้เริ่มขึ้นแล้ว โดยมีโรงแรมและรีสอร์ตหลายแห่งได้เปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมศกนี้ โดย ทุกแห่งในประเทศไทยจะเข้าร่วมแคมเปญ “เราเที่ยวด้วยกัน” (We Go Travel Together) ของรัฐบาล ซึ่งมอบส่วนลด 40% มูลค่าสูงถึง 3 พันบาท ต่อห้อง ต่อคืน จำนวนสูงสุด 5 คืน

นอกจากนั้น แต่ละโรงแรมยังได้เปิดตัวโปรโมชันสุดพิเศษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกด้วย ได้แก่ พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท (Phi Phi Island Village Beach Resort) เปิดให้บริการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาผ่อนคลายบนเกาะสวรรค์ กับโปรโมชัน “ซื้อ 1 แถม 1 ฟรี” สำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น พร้อมบริการพิเศษสุดคุ้ม อาทิ อาหารเลิศรส สปา ทริปผจญภัยบนเกาะ และอื่น ๆ อีกมากมาย

สันติบุรี เกาะสมุย (Santiburi Koh Samui) เปิดตัวอีกครั้งในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 พร้อมโปรโมชัน “ซื้อ 1 แถม 1 ฟรี” สำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทยโดยเฉพาะ พร้อมแพ็คเกจรถรับ-ส่งส่วนตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากกรุงเทพฯ เพลิดเพลินกับกิจกรรมที่หลากหลายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Lèn (เล่น) ที่เป็นเอกลักษณ์ของ “สันติบุรี” รวมถึง ทริปเที่ยวเกาะแตนแบบไปเช้าเย็นกลับ คอร์สเรียนทำอาหารทะเลสูตรต้นตำรับท้องถิ่น สำรวจพืชและสัตว์พื้นเมืองของเกาะสมุย การทำสปากาแฟ ฯลฯ

รีสอร์ตแบรนด์ “เอาท์ริกเกอร์” (Outrigger) สองแห่งของ “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” ในประเทศไทย ได้ให้บริการอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม 2563 พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษสำหรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ราคาเริ่มต้นเพียง 1,799 บาท ที่ เอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท (Outrigger Laguna Phuket Beach Resort) และเพียง 1,999 บาท ที่ เอาท์ริกเกอร์ เกาะสมุย บีช รีสอร์ท (Outrigger Koh Samui Beach Resort)

สำหรับผู้เข้าพักที่กำลังมองหาสถานที่หลบหนีความวุ่นวายบนเกาะมัลดีฟส์ ทราย ลากูน มัลดีฟส์ (SAii Lagoon Maldives) และ ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) 2 รีสอร์ตที่น่าทึ่งภายในโครงการ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ (CROSSROADS Maldives) ปลายทางการพักผ่อนแบบบูรณาการ พร้อมให้เข้าพักอีกครั้งในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป พร้อมโปรโมชันพิเศษ “พัก 3 คืนจ่ายแค่ 2 คืน” (Stay 3, Pay 2) โดยสามารถเยี่ยมชมบรรยากาศของรีสอร์ตแบบเสมือนจริงได้ก่อนจอง ผ่านทาง 360-Degree Virtual Tours) ทราย ลากูน มัลดีฟส์ คลิกที่นี่ และ ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ คลิกที่นี่

รีสอร์ตในประเทศฟิจิ เอาท์ริกเกอร์ ฟิจิ บีช รีสอร์ท (Outrigger Fiji Beach Resort) รีสอร์ตระดับห้าดาวบนแนวชายฝั่งคอรัลโคสต์ (Coral Coast) เกาะวีตีเลวู (Viti Levu) ได้เปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม 2563 ส่วน แคสต์ อเวย์ ไอส์แลนด์ ฟิจิ (Castaway Island, Fiji) และ เอาท์ริกเกอร์ มอริเชียส บีช รีสอร์ท (Outrigger Mauritius Beach Resort) คาดว่าจะเริ่มต้อนรับแขกในวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 และ 1 กันยายน 2563 ตามลำดับ ตามมาด้วย เอาท์ริกเกอร์ โคนอตตา มัลดีฟส์ รีสอร์ท (Outrigger Konotta Maldives Resort) จะเปิดให้บริการในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 โดยโรงแรมและรีสอร์ตทั้งหมดจะยังคงประเมินการผ่อนปรนและข้อจำกัดการเดินทางข้ามประเทศอย่างใกล้ชิดโดยหน่วยงานท้องถิ่น ในขณะที่โรงแรม 9 แห่งในสหราชอาณาจักรภายในเครือ เมอร์เคียว (Mercure) และ ฮอลิเดย์อินน์ (Holiday Inn) จากจำนวน 29 แห่งของ “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” ได้เปิดให้บริการแล้ว และจะเปิดให้บริการอีก 11 แห่งภายในเดือนกรกฎาคม 2563 ส่วนโรงแรมที่เหลืออีก 9 แห่งคาดว่าจะเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนสิงหาคม 2563

ไม่ว่าจะเลือกจุดหมายปลายทางใดลูกค้าของ “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” ก็สามารถมั่นใจได้ว่า โรงแรมทั้งหมดได้ดำเนินการตามมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่เข้มงวด รีสอร์ตทุกแห่งในประเทศไทยได้รับใบรับรองความปลอดภัยและสุขภาพ (Safety & Health Administration : SHA) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่วน “ทราย ลากูน มัลดีฟส์” ได้ปฏิบัติตามโปรแกรม CleanStay ของ Hilton Worldwide และ “ฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์” ปฏิบัติตามโปรแกรม Safe + Sound และการตรวจสอบ 272 จุด และทุกรีสอร์ตภายใต้แบรนด์ “เอาท์ริกเกอร์” ได้ปฏิบัติตามโปรแกรม Outrigger’s Clean Commitment ซึ่งได้รับการพัฒนาร่วมกับ Ecolab

ด้วยคอลเลกชั่นรีสอร์ตที่เป็นแบรนด์ของตนเองและการบริการที่หลากหลาย ประกอบด้วย ห้องสวีทส่วนตัว และพูลวิลล่า ในหลายจุดหมายปลายทาง รีสอร์ตของ “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท”  ในเอเชียแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดียเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหลีกหนีจากฝูงชนและผ่อนคลายในความปลอดภัยและความเงียบสงบ พร้อมรับประกันการเว้นระยะห่างทางสังคม

โรงแรมและรีสอร์ตของ “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติระดับนานาชาติมากมาย อาทิ “เอาท์ริกเกอร์ ลากูน่า ภูเก็ต บีช รีสอร์ท” (Outrigger Laguna Phuket Beach Resort) ได้รับการขนานนามว่าเป็น “Favourite Family Resort – International” จากรางวัล Choice Awards 2020 ของ Condé Nast Middle East Readers 2020 และ “เอาท์ริกเกอร์ โคนอตตา มัลดีฟส์ รีสอร์ท” (Outrigger Konotta Maldives Resort) ได้รับรางวัลรองชนะเลิศในหมวด ” Favourite Beach Hotel – International”

ค้นหาช้อมูลเพิ่มเติมและโปรโมชันล่าสุดของ SHR ได้ที่เว็บไซต์ https://www.shotelsresorts.com/th/เดินทางไปด้วยกัน

หรือ www.shotelsresorts.com และติดตามข่าวสารต่าง ๆ ได้บน Facebook, Instagram และ LinkedIn

กระทรวงวัฒนธรรม ชวนส่งประกวดภาพถ่าย “เรารักแม่” ชิงเงินรางวัลกว่าหมื่นบาท

alivesonline.com : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรม “เรารักแม่” เชิญประชาชนผู้สนใจร่วมส่งภาพถ่ายคู่กับแม่ประกวดเพื่อสื่อถึงความรัก ความผูกพันระหว่างแม่-ลูก และครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดแสดง “นิทรรศการออนไลน์” (E-Exhibition) ในชื่อ “สืบสานความรัก ความเมตตา สมเด็จพระพันปีหลวง” เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติ ประจำปี 2563

สำหรับผู้สนใจสามารถส่งภาพถ่ายคู่แม่-ลูก พร้อมเขียนคำบรรยายความรู้สึกที่มีต่อแม่ไม่เกิน 100 คำ โดยจะต้องมีแฮชแท็กคำว่า “#เรารักแม่” อยู่ในคำบรรยายด้วย แต่ต้องเป็นภาพที่ไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น และไม่มีลายน้ำปรากฏอยู่บนภาพ นอกจากนั้นผู้ประกวดต้องโพสต์ภาพและคำบรรยายที่ส่งประกวดลงบนโซเชียลออนไลน์ เฟซบุ๊ก หรือ อินสตาแกรมของเจ้าของภาพ ตั้งค่าการเผยแพร่เป็นสาธารณะ สามารถส่งภาพได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2563

ภาพที่ส่งประกวดและทำถูกต้องตามเงื่อนไข กติกาครบทุกข้อ จะได้รับการเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลมีเดีย แฟนเพจ “ศิลปะ •ดนตรี • กวี • วัฒนธรรมไทย” โดยจะประกาศผลผู้ชนะอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563 ทางแฟนเพจ “ศิลปะ •ดนตรี • กวี • วัฒนธรรมไทย” ภาพถ่ายที่ได้รับการตัดสินให้ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล จำนวน 1 หมื่นบาท รางวัลที่ 2 จะได้รับเงินรางวัล จำนวน 5 พันบาท รางวัลที่ 3 จะได้รับเงินรางวัล จำนวน 3 พันบาท และรางวัลชมเชย 5 รางวัล จะได้รับเงินรางวัล จำนวนรางวัลละ 1 พันบาท

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบอกรักแม่ กับกิจกรรม “เรารักแม่” โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยการส่งภาพถ่ายคู่กับแม่ สื่อถึงความรัก ความผูกพันกับกิจกรรมดี ๆ เนื่องในวันแม่แห่งชาติประจำปี 2563 ได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 สิงหาคม 2563 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.09 2291 4245 หรือทางแฟนเพจ “ศิลปะ •ดนตรี • กวี — วัฒนธรรมไทย”

บัญญัติ 7 ประการ “โชค บูลกุล” ปั้น SMEs เกษตรกรไทย

alivesonline.com : ถอดแนวคิด “โชค บูลกุล” หนึ่งในซูเปอร์โค้ช โครงการ “จีเนียส เดอะ ครีเอชั่น” (Genius The Creation) ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่เปิดรับสมัครเกษตรกร-SMEs เกษตรกรไทยทั่วประเทศเข้าร่วมคัดเลือกเพื่อพัฒนาแนวคิด-บรรจุภัณฑ์ที่ทุกคนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเพื่อก้าวสู่การเป็นเกษตรอุตสาหกรรมวิถีใหม่  

1.เป็นเกษตรกรไทยเป็นแล้วต้องเท่

2ทุกคนเท่ได้ในแบบของตัวเอง ด้วยหลักการ “คิดแบบเด็ก ทำแบบผู้ใหญ่” แม้กระทั่งมีความคิดแบบง่ายๆ ก็เท่ได้เพียงแต่ใส่รายละเอียด ใส่ความสนุกให้มีสีสันลงไปในแบบของตัวเอง

3.ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์อยู่ในตัว แต่ความคิดสร้างสรรค์ที่ดีต้องมีพลังในการกระตุ้น เพื่อที่จะปะทุออกมาจากข้างใน นำไปสู่งานสร้างสรรค์ที่เยี่ยมยอดและโดนใจผู้คน

4.ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เกิดวิกฤติ ซึ่งก่อนหน้านี้ “ฟาร์มโชคชัย” ก็เคยผ่านวิกฤติหนัก ๆ มาเช่นกัน แต่เราก็ใช้แนวคิดที่จะแก้ปัญหาทีละขั้น ๆ แบบมีทิศทางที่ชัดเจนคือ แก้จากขั้นติดลบให้ขึ้นมาเป็นศูนย์ เพื่ออยู่รอดให้ได้ก่อน ต่อจากนั้นค่อยพัฒนาให้เติบโตไปทีละก้าวจนไปถึงอยู่ได้แบบยั่งยืน

5.สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความคิด ทัศนคติที่ส่งผลต่อพฤติกรรม หรือ Mind Set และเป้าหมายต้องชัดเจน เพราะ SMEs บ้านเราทุนน้อย ถ้าทำอะไรสะเปะสะปะ เป้าหมาย-ทิศทางไม่ชัดเจน ทุนจะหมดก่อน เพราะสู้ต่อในระยะยาวไม่ไหว

6.ความสุข ความทรงจำ ประสบการณ์ดี ๆ ที่ได้มาเที่ยวฟาร์มคือ ความสำเร็จที่คนเห็นเบื้องหน้า เป็นเสมือนแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งที่ทุกคนส่วนใหญ่มองเห็นกัน แต่ทุกอย่างจะมีเบื้องหลังคือความยากลำบาก ไม่สนุก ไม่สวยงามเหมือนเบื้องหน้า ทั้งในแง่ของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ การวางแผนงาน การกำหนดกลยุทธ์ การเตรียมการ การฝึกฝนซักซ้อมเพื่อความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ไปจนถึงการโชว์จริง ๆ ในฟาร์ม ซึ่งทุกอย่างต้องผ่านขั้นตอนกระบวนการคิด เราต้องเปลี่ยนความปกติธรรมดา หรือแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ ดังนั้น จงอย่าท้อถอย แต่เตรียมพร้อมและมองวิธีการรับมือเพื่อแก้ปัญหาให้ไปเป็นแนวคิดแบบสร้างสรรค์ได้อย่างไร

7.ความสำเร็จของ “ฟาร์มโชคชัย” มาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่าง แต่ทุกอย่างมาจากการที่เราคิดวางรากฐานบางอย่างขึ้นมา ถึงบางครั้งจะดูน่าเบื่อ มีปัญหาอุปสรรค แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อความสำเร็จทั้งระบบในระยะยาว ซึ่ง “ฟาร์มโชคชัย” ได้มองถึงปัญหาและพัฒนาเรื่องนี้ตลอดเวลา เพื่อการก้าวไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มเรื่องการท่องเที่ยวฟาร์มเกษตรที่สามารถเติบโตอย่างมีทิศทางหลังการเกิดวิกฤติ COVID-19 ได้ในอนาคต

“โชค บูลกุล” ยืนยันว่า พร้อมจะแชร์ประสบการณ์ดี ๆ ด้านธุรกิจการเกษตร สร้างวิสัยทัศน์และพลังแห่งการสร้างสรรค์ด้านเกษตรกรรม ในโครงการ “จีเนียส เดอะ ครีเอชัน” (Genius The Creation) หลักสูตรแรกของธุรกิจเกษตรไทยที่นำพลังความคิดสร้างสรรค์ผสมผสานเข้ากับวิสัยทัศน์ด้านการออกแบบมาเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจเกษตรกรรมแบบครบวงจร

เกษตรกรทั่วประเทศสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ทางออนไลน์ ได้ที่ https://forms.gle/6LUYgzAsHCpij5vGA , e-mail : ga.thecreation@gmail.com , Line : @ga.thecreation (มีเครื่องหมาย @ ด้วย), เฟซบุ๊ก : ga.thecreation รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถ โทร.ติดต่อได้ที่ 06 4721 8102 ตั้งแต่วันนี้-20 กรกฎาคม 2563

สำหรับผู้ที่ได้เป็น 10 สุดยอดไอดอลด้านเกษตรกรรมโครงการนี้จะได้รับสิทธิพิเศษจาก “โค้ชยอด-ฉัตรชัย ระเบียบธรรม” ปรมาจารย์ด้านการวางวิสัยทัศน์ระดับโลก “โค้ชแชมป์-สมชนะ กังวารจิตต์” ที่ได้รับรางวัลด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ระดับโลกการันตี 78 รางวัลทั่วโลก มาร่วมวางวิสัยทัศน์ในการออกแบบจนได้บรรจุภัณฑ์ให้ฟรี

นอกจากนี้ยังมีรางวัล Best of the Best อีก 4 รางวัล โดย “โชค บูลกุล” จะเลือกผู้ประกอบการที่ดีที่สุด 2 ราย เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเป็นการส่วนตัวหลังจากจบโครงการ และ “โค้ชแชมป์-สมชนะ กังวารจิตต์” สุดยอดนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ จะเลือกผู้ประกอบการที่ดีที่สุดอีก 2 ราย เพื่อดูแลด้านออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้ก้าวไปสู่การเป็นผลิตภัณฑ์เกษตรอุตสาหกรรมระดับโลกในอนาคต

ททท.จัดโครงการ TAT GYM 2020 ยกระดับการท่องเที่ยว

alivesonline.com : ททท. ผนึกพันธมิตร เปิดตัวโครงการยกระดับขีดความสามารถของการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน (TAT GYM 2020) พลิกโฉมวงการท่องเที่ยวไทยหลังวิกฤติ COVID-19 มุ่งพัฒนาศักยภาพคนรุ่นใหม่สู่การเป็นผู้ประกอบการการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รับสมัครคนรุ่นใหม่ร่วมโครงการ รับเงินสนับสนับสนุนทีมละ 1 หมื่นบาท เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นจริง ก่อนต่อยอดรับ 3 นวัตกรรมดีเด่น คว้ารางวัลมากกว่า 1.5 แสนบาท

นายบุญส่ง คุ้มบุญ ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อาทิ ธุรกิจสายการบิน โรงแรม ร้านค้า ชุมชน เป็นต้น ทำให้ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก  ททท. ในฐานะหน่วยงานผู้นำในการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม (Preferred Destination) อย่างยั่งยืน เล็งเห็นถึงผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงดำเนินโครงการยกระดับขีดความสามารถของการท่องเที่ยวไทยอย่างยั่งยืน (TAT GYM 2020) เพื่อยกระดับการท่องเที่ยว โดยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการ เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมในการรับมือกับรูปแบบการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ควบคู่กับขับเคลื่อนมาตรฐานด้านความปลอดภัย ด้านสุขอนามัย และการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติและวัฒนธรรม ด้วยการต่อยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยี บนพื้นฐานของการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) และการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism)

โครงการ TAT GYM 2020 มุ่งเน้นผลักดันผู้ประกอบการการท่องเที่ยวรุ่นใหม่จากทั่วประเทศสู่ความสำเร็จทางธุรกิจในโลกแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งได้พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเชิญวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่าง ๆ ร่วมบรรยายในหัวข้อสำคัญ อาทิ ทัศนคติของนักจัดการการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน การท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวหลังภาวะวิกฤติ กลยุทธ์การสร้างแบรนด์และการสื่อสาร การตลาดการท่องเที่ยวยุคดิจิทัลรวมถึงมีที่ปรึกษาทางธุรกิจดูแลตลอดระยะเวลาโครงการให้สร้างสรรค์นวัตกรรมต่อยอดไอเดียได้หลากหลายยิ่งขึ้น โดยเปิดรับสมัครบุคคลรุ่นใหม่ คัดเลือกเข้าร่วมโครงการจำนวน 10 ทีม ทีมละ 2 คน ซึ่งจะได้รับเงินทุนสนับสนุนทีมละ 1 หมื่นบาท เพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นจริง นอกจากนี้ ทางโครงการฯ และพันธมิตร จะร่วมสนับสนุนรางวัลให้ 3 นวัตกรรมดีเด่นได้ต่อยอดต่อไป รวมมูลค่าของรางวัลมากกว่า 1.5 แสนบาท

นางสาวทอปัด สุบรรณรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด กล่าวว่า ในฐานะที่ “แอร์เอเชีย” เป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ในวิกฤตนี้ “แอร์เอเชีย” พบว่าเราให้ความสำคัญกับกลยุทธ์การวางแผนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในกรอบของ ESG คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และการมีธรรมมาภิบาล ทำให้บริษัทสามารถจัดการความความเสี่ยง ปรับตัวและบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หน่วยงานในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงควรได้รับการติดอาวุธ โดย “แอร์เอเชีย” จะเป็นส่วนหนึ่งร่วมวางแผนพัฒนาศักยภาพของคนรุ่นใหม่ เพื่อร่วมกันสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อไป

ผศ.ดร. ณัฏฐินี ทองดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา กล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็วและรุนแรงจากวิกฤติที่กำลังเผชิญ แต่ก็เป็นอุตสาหกรรมที่ปรับตัวเร็วอีกเช่นกัน คนในอุตสาหกรรมนี้จึงต้องพัฒนาศักยภาพอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด และขณะนี้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างเต็มรูปแบบในการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ การเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะช่วยยกระดับในการให้บริการด้านการท่องเที่ยวจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยเป็นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเข้มแข็ง

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการจะต้องมีอายุระหว่าง 18-35 ปี มีจำนวนสมาชิกทีมละ 2 คน และมีประสบการณ์การทำงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 1 ปี อาทิ ผู้ประกอบการที่พัก สมาร์ทฟาร์ม ผู้ประกอบการ สมาชิกกลุ่มชุมชนท่องเที่ยว ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก เป็นต้น สมัครได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่-20 กรกฎาคม 2563 ทางเว็บไซต์ www.tatgym.com ทั้งสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการและรายละเอียดการรับสมัครเพิ่มเติมได้ทาง www.tatgym.com และ Facebook page: TAT GYM

“ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” เสิร์ฟความอร่อยในรูปแบบ New Normal ที่ “เซ็นทรัล เวสต์เกต”

alivesonline.com : กลับมาบริการความอร่อยให้กับเหล่ามิตรรักนักชิม คนชอบรับประทานของอร่อยให้ร้องว้าว! กันอีกครั้ง กับมหกรรมอาหารสุดเลื่องชื่อ “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” ซึ่งยังคงไม่หยุดคัดสรรของดี เฟ้นหาสุดยอดร้านอาหารคาว-หวาน-ว่างจากทั่วประเทศมาร่วมออกร้านอย่างคับคั่ง เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ณ บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ในแบบฉบับนิวนอร์มอล เพื่อความปลอดภัยของเหล่านักชิม

งาน “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” ที่สุดแห่งมหกรรมอาหาร ศูนย์รวมความอร่อยจากทั่วประเทศแบบ One Stop Service อร่อยครบจบในพื้นที่เดียว “อาต๋อย – ไตรภพ ลิมปพัทธ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอร์น  โปรเจค จำกัด และประธานกรรมการ บริษัท บอร์น แอนด์ แอสโซซิเอทด์ จำกัด ผู้ผลิตและดำเนินรายการโทรทัศน์ “ครัวคุณต๋อย” ในฐานะผู้จัดงานได้ต่อยอดความอร่อย เพิ่มความหลากหลาย ปรับเปลี่ยนสไตล์รูปแบบการจัดงานตามคำเรียกร้องของเหล่านักชิมด้วยการเพิ่มสีสันและลูกเล่นในการจัดงาน ที่ทุกคนสามารถเดินเลือกสรรความอร่อยทุกรูปแบบได้อย่างทั่วถึง โดยมีร้านอาหารที่ได้รับการคัดเลือกความเป็นที่สุดมากว่า 80 ร้านดัง อาทิ ขนมฟู, เด็กบ้าน ๆ กระท้อนทรงเครื่อง, วัรดะห์ข้าวขาวัว อร่อยสุดในดุนยา, หมูย่างเจ๊แมว, เซียนซอสหมี่, วรินทร์ทิพย์ไข่ปลาทอดสมุนไพร, ราชาขนมโตเกียว, ขนมจีนต้นก้ามปู นวลจันทร์ ฯลฯ พร้อมชูจุดเด่น “ของดี จับต้องได้” ให้ผู้ร่วมงานได้ซึมซับกับรูปรสกลิ่นเสียง รูปแบบการตกแต่งในตามแบบฉบับ “ครัวคุณต๋อย”

“อาต๋อย – ไตรภพ ลิมปพัทธ์” หัวเรือใหญ่การจัดงานกล่าวว่า

“งานนี้เราต้องการให้เหล่านักชิมผู้ชื่นชอบอาหารทั้งหลายได้สัมผัสกับสุดยอดอาหารหลากหลายรูปแบบที่มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน อาหารว่าง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของครัวคุณต๋อยได้อย่างทั่วถึงทุกร้าน เราจึงคัดสรรร้านที่เป็นที่สุดของที่สุดมาแล้วจริง ๆ เพราะวัตถุประสงค์สำคัญของครัวคุณต๋อย ยกทัพ คือ การกระจายการจัดงานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคและผู้ชื่นชอบการรับประทานให้มากขึ้นในรูปแบบงานที่เล็กลงแต่เพิ่มสีสันใหม่ ขณะเดียวกันยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่มีความพร้อมในการร่วมออกบูทได้มีโอกาสเพิ่มช่องทางทางการตลาดในการสร้างยอดขายเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่มีข้อจำกัดในเรื่องของสถานการณ์ไวรัส COVID-19”

สุดยอดมหกรรมอาหาร  “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” ยังคงการันตีความสนุกให้แก่ผู้ที่มาร่วมงานด้วย 4 พิธีกรประจำ นำทีมโดย ไตรภพ ลิมปพัทธ์ พร้อมด้วย ณวัฒน์ อิสรไกรศีล, กีรติ เทพธัญญ์ และโก๊ะตี๋ อารามบอย เช่นเคย โดยเน้นสีสันและลูกเล่นสร้างบรรยากาศให้กับงานที่ยังคงเต็มไปด้วยเรื่องราวความอร่อยของอาหารจานเด็ดจากสุดยอดร้านอาหารหลากหลายประเภท กับบริการเสิร์ฟความอร่อยสุดทันสมัย โดยสามารถสั่งซื้ออาหาร และ สินค้า ทุกอย่างในงานผ่านแอปพลิเคชันช้อปปี้ (Shopee) เสิร์ฟความอร่อยแสนสะดวกสบายตรงถึงบ้าน (เฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร) โดยมีส่วนลดคาส่งสุดพิเศษมอบให้ลูกค้าครัวคุณต๋อยมูลค่า 60 บาท (Code ส่วนลดจาก Grab Express) นอกจากนั้นยังมีบริการชอปปิงออนไลน์เมนูสุดอร่อยภายในงาน ผ่านเพจ Facebook “ครัวคุณต๋อย” พร้อมจัดส่งความอร่อยมอบให้ถึงบ้านทุกท่านทั่วประเทศอีกด้วย

พบกับสุดยอดแห่งมหกรรมอาหาร “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” การันตีความอร่อยจากจานเด็ด  ของสุดยอดร้านอาหารจากทุกทิศทั่วไทยที่ “ไม่ไปถือว่าผิด” ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 21 กรกฎาคม 2563 ณ บริเวณชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ติดตามรายละเอียดได้ที่ FACEBOOK ครัวคุณต๋อย และ LINE @kktshop

ครึ่งปีหลัง 63 “ทีเส็บ” เดินหน้าต่อจัดงานไมซ์ออนไลน์

alivesonline.com : “ทีเส็บ” เผยเอกชนตอบรับรูปแบบการจัดงานไมซ์ออนไลน์รับ New Normal ยื่นขอรับการสนับสนุนแล้ว 40 งาน ประเดิม 5 งานแรกมียอดผู้เข้าชมกว่า 8 หมื่นราย ชู MICE Intelligence Center ให้ข้อมูลอุตสาหกรรมไมซ์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทุกระยะของการแพร่ระบาดทุกสัปดาห์ ย้ำครึ่งปีหลังเดินหน้าต่อโครงการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าออนไลน์ให้เป็นเครื่องมือทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการไมซ์อย่างต่อเนื่อง

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บเปิดเผยว่า หลังจากที่ “ทีเส็บ” ดำเนินการแผนฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์และสนับสนุนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 โดยมุ่งให้ความรู้และนำเทคโนโลยีทางด้านดิจิทัลมาปรับใช้ในการทำธุรกิจไมซ์ให้สอดรับกับกระแสโลกยุค New Normal ผ่าน 2 โครงการหลัก คือ 1.โครงการ Virtual Meeting Space (VMS) การส่งเสริมการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าออนไลน์ รวมถึงคอร์สฝึกอบรมออนไลน์ (E-learning) และ 2.โครงการพัฒนาศูนย์ข้อมูลและนวัตกรรมไมซ์ (MICE Intelligence Center) ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

“ทีเส็บ” เล็งเห็นว่าที่ผ่านมาจากการเปิดตัวโครงการให้ความรู้และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในการจัดงานไมซ์ ประกอบกับแนวโน้มของโลกหลังสถานการณ์ COVID-19 ตลอดจนสถานการณ์ภายในประเทศที่เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้โลกกำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การสนับสนุนผู้ประกอบการไมซ์ นำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้พัฒนาธุรกิจเป็นไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ และนับเป็นก้าวสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ไทยให้ยืนหยัดต่อเนื่องอยู่ได้ในอนาคต

นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2563 หลังจากเปิดตัวโครงการ Virtual Meeting Space (VMS) “ทีเส็บ” ให้การสนับสนุนใน 3 รูปแบบคือ การประชุมสัมมนาเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ (Webinar) การจัดแสดงสินค้าผ่านระบบออนไลน์ (Offline to Online – O2O) โดยสนับสนุนการจัดหาและบริหารจัดการแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับผู้จัดงานแสดงสินค้า และการสนับสนุนคอร์สฝึกอบรมออนไลน์ (E-learning) สำหรับผู้ประกอบการไมซ์

ปัจจุบัน มีงานประชุมและงานแสดงสินค้าออนไลน์ที่ขอรับการสนับสนุน 40 งาน โดยดำเนินการแล้ว 5 งาน ได้แก่ Thailand Toy Expo เมื่อวันที่ 28-31 พฤษภาคม 2563 งาน Maximizing MICE : Winning the Thai & International MICE Business in a Post COVID-19 World เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 งานสัมมนาออนไลน์ Post COVID-19 ชีวิตวิถีใหม่กับการจัดระเบียบและขับเคลื่อนสร้างความพร้อมกรุงเทพเเละเมืองหลักเพื่อการจัดงาน เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2563, งานสัมมนาออนไลน์ MICE Clinic หัวข้อ การจัดประชุมแบบ Virtual Meeting อย่างมีประสิทธิภาพและการประชุมปลอดภัยไร้ COVID-19 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2563 และงาน ASEANTA Webinar 2020 “New Normal in Tourism & Creating travel bubble” เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 โดยมียอดผู้เข้าชมกว่า 8 หมื่นราย

นายจิรุตถ์ กล่าวอีกว่า การสนับสนุนคอร์สฝึกอบรมออนไลน์ (E-learning) สำหรับผู้ประกอบการไมซ์ในการพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เพื่อต่อยอดในการทำงานผ่านแพลตฟอร์ม YourNextU จากสถาบัน Southeast Asia Center หรือ SEAC ที่มุ่งเน้นการบริหารโครงการ การเพิ่มทักษะระหว่างบุคคล การเพิ่มทักษะความเป็นผู้ประกอบการ การจัดการ การสื่อสาร และการใช้ดิจิทัล มีผู้ประกอบการไมซ์ได้รับการสนับสนุนและขอใช้สิทธิ์การเข้าอบรมออนไลน์ครบตามจำนวนแล้วถึง 250 ราย โดยสนับสนุนการอบรมเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง 8 เดือน ตั้งแต่พฤษภาคม – ธันวาคม 2563

ด้านเว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลและนวัตกรรมไมซ์ (MICE Intelligence Center) ให้ข้อมูลและนำเสนอเนื้อหาบทความอุตสาหกรรมไมซ์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในทุกระยะของการแพร่ระบาดกับผู้ประกอบการไมซ์ทุกสัปดาห์ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อีกทั้งมีการรวบรวมความเคลื่อนไหวด้านนโยบาย การสนับสนุน และแผนงานที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมไมซ์ของต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน จีน มาเก๊า และกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงสมาคมที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไมซ์ อาทิ ICCA, UFI, SITE, Destination International, PCMA, GBTA, PATA, UNWTO เพื่อให้ผู้ประกอบการไมซ์มีแนวทางปรับเปลี่ยนและรับมือกับสถานการณ์ได้ โดยนำเสนอเป็นรายไตรมาส อีกทั้งจัดทำ MICE Outlook นำเสนอบทความสั้นรายสัปดาห์เพื่ออัปเดตความเคลื่อนไหวของเทรนด์ไมซ์ทั่วโลก รวมถึงการจัดทำเนื้อหารูปแบบ Intelligence Talks ซึ่งเป็นคลิปวีดีโอให้ความรู้และถอดบทเรียนการทำงานของผู้นำในแวดวงอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อให้ผู้ประกอบการไมซ์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดสามารถเข้าถึงข้อมูลความรู้ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานได้อย่างมืออาชีพ ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนผู้เข้าศึกษาข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ทั้งกว่า 1 แสนราย

นายจิรุตถ์ กล่าวอีกว่า ทิศทางการดำเนินงานด้านการพัฒนาศูนย์ข้อมูลและนวัตกรรมไมซ์ในครึ่งปีหลังเมื่อมีการผ่อนปรนการจัดงานเต็มรูปแบบจะยังคงสานต่อโครงการจัดประชุมและงานแสดงสินค้าออนไลน์ให้เป็นเครื่องมือทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการไมซ์อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันจะมุ่งเดินหน้าส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ผสมผสานในการจัดงานจริง โดยเริ่มจากการจัดงานไมซ์ในประเทศ อาทิ การใช้เทคโนโลยีตรวจวัดความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงานในพื้นที่ต่าง ๆ ในงานประชุม หรืองานแสดงสินค้า หรือการส่งเสริมการใช้แอปพลิเคชันในการจัดงาน ตั้งแต่ก่อนการจัดงาน ระหว่างงานและหลังงาน เช่น การใช้แอปพลิเคชัน “ไทยชนะ” หรือการลงทะเบียนและการนัดหมายเจรจาธุรกิจล่วงหน้า เพื่อใช้เวลาในการเข้าร่วมงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระชับและรวดเร็วขึ้น พร้อมกันนี้ยังคงสานต่อโครงการ Thai MICE Connect หรือเว็บไซต์เครือข่ายพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการไมซ์ โดยเว็บไซต์ดังกล่าวเปิดให้ผู้ประกอบการโรงแรม สถานที่จัดงาน และผู้จัดงาน สมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกและให้ข้อมูลเพื่อประชาสัมพันธ์ธุรกิจและบริการบนเว็บไซต์ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ปัจจุบันมีสถานประกอบการสมัครเป็นสมาชิกทั่วประเทศแล้วกว่า 7.6 พันราย

“แม้ว่ารัฐบาลจะผ่อนปรนการจัดงานและกิจกรรมไมซ์ในประเทศ ทั้งการประชุมสัมมนา งานแสดงสินค้า การจัดงานคอนเสิร์ตและกิจกรรมต่าง ๆ ให้ดำเนินการจัดงานในรูปแบบปกติได้แล้ว แต่ทุกภาคส่วนยังคงต้องร่วมกันดำเนินการภายใต้มาตรการการจัดงานอย่างปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ทั้งสถานประกอบการ ผู้จัดงาน และผู้เข้าร่วมงาน ซึ่งรูปแบบการจัดงานจะมีแนวโน้มการพัฒนาไปในลักษณะการจัดงานแบบไฮบริดมากขึ้น นั่นคือ การผสมผสานระหว่างการจัดงานในรูปแบบปรกติ และเพิ่มช่องทางออนไลน์ให้ผู้สนใจร่วมชมงานได้ เพื่อลดความหนาแน่นของผู้เข้าร่วมงาน” นายจิรุตถ์ กล่าวในที่สุด

 

อย่าแชร์! ผลิตภัณฑ์ KCM WATER EYES รักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา

alivesonline.com : ตามที่มีการแชร์ข้อความเกี่ยวกับเรื่อง ผลิตภัณฑ์ KCM WATER EYES ใช้หยอดตา รักษาโรคเกี่ยวกับดวงตา นั้น

สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า เป็นการโฆษณาผิดวัตถุประสงค์ของประเภทผลิตภัณฑ์ โดยจากการตรวจสอบข้อมูลการอนุญาตผลิตภัณฑ์ดังกล่าวพบว่า จดแจ้งเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ชื่อ “เคซีเอ็ม เคลียร์ สกินแคร์ เคซีเอ็ม วอเตอร์ อาย (KCM CLEAR SKINCARE KCM WATER EYES)” เลขที่ใบรับจดแจ้ง 10-1-6100009057 โดยจดแจ้งวัตถุประสงค์การใช้งานผลิตภัณฑ์คือ บำรุงผิวรอบดวงตา ซึ่งโฆษณาดังกล่าวเป็นการโฆษณาแสดงสรรพคุณในการรักษาโรค และจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับเครื่องสำอาง

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางตามกฎหมายนั้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่มุ่งหมายสำหรับใช้กับส่วนภายนอกร่างกายมนุษย์ เพื่อความสะอาดและสวยงามเท่านั้น ไม่สามารถรักษาโรคได้ การนำผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางมาใช้หยอดตานั้น เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอาจไม่ได้ผ่านขั้นตอนการทำให้ปราศจากเชื้อ และหากมีการปนเปื้อนเชื้อก่อโรคที่โรครุนแรง อาจทำให้ตาบอดหรือติดเชื้อในกระแสเลือดจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่า งๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.fda.moph.go.th หรือ โทร.1556

เริ่ม 20 ก.ค.63 กปน.เปิดลงทะเบียนขอคืนเงินประกันการใช้น้ำ ประเภทธุรกิจ และอุตสาหกรรม

alivesonline.com : ตามที่มีข่าวปรากฏในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง การประปานครหลวง (กปน.) เปิดลงทะเบียนขอคืนเงินประกันการใช้น้ำ ประเภทธุรกิจ และอุตสาหกรรม โดยจะเริ่มคืนตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2563 นั้น

การประปานครหลวง (กปน.) กระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่าเป็นความจริง โดยจะเปิดลงทะเบียนขอคืนเงินประกันการใช้น้ำประเภท ธุรกิจ ราชการ รัฐวิสาหกิจ อุตสาหกรรมและอื่น ๆ (R2) เกือบ 6 แสนราย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ใช้น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตามนโยบายของรัฐบาล โดยผู้ใช้น้ำที่ขอเงินประกันคืนจะต้องมีชื่อตรงกับผู้วางเงินประกันการใช้น้ำ โดยเริ่มเปิดให้ตรวจสอบสิทธิ์และลงทะเบียนในช่องทางหลักของกปน. ได้ตั้งแต่บัดนี้โดยไม่จำกัดระยะเวลา พร้อมเริ่มคืนเงินตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ผู้ใช้น้ำจะต้องเตรียมข้อมูลเพื่อใช้ในการลงทะเบียน ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ผู้วางเงินประกันการใช้น้ำ/ หมายเลขบัตรประชาชน (13 หลัก) ผู้วางเงินประกันการใช้น้ำ / สำหรับนิติบุคคลที่ยังดำเนินการอยู่ จะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม ดังนี้

1.หนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลจากกรมพัฒนาธุรกิจ (ไม่เกิน 1 เดือน)

2.สำเนาบัตรประชาชนกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม

3.หน้าสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของนิติบุคคล

4.หนังสือจดทะเบียนนิติบุคคลจากกรมที่ดิน (ไม่เกิน 1 เดือน) กรณีนิติบุคคลอาคารชุด / หมู่บ้านจัดสรร และสำเนาบัตรประชาชนผู้จัดการนิติบุคคล

5.รายงานการประชุมใหญ่ฯ กรณีนิติบุคคลอาคารชุด / หมู่บ้านจัดสรร (ถ้ามี)

เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องเกี่ยวกับ การประปานครหลวง กระทรวงมหาดไทย สามารถติดตามได้ที่ www.mwa.co.th หรือ โทร.1125

รับสมัครนักธุรกิจการเกษตรรุ่นใหม่สู่เวทีโลก

alivesonline.com : ครั้งแรกของวงการเกษตรกรรมไทย! กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ประกาศเปิดตัวโครงการ “จีเนียส เดอะ ครีเอชั่น” (Genius The Creation) พัฒนายกระดับธุรกิจเกษตรวิถีใหม่ ทั่วประเทศ ให้พร้อมก้าวสู่ระดับโลก เปิดรับสมัครเกษตรกรเอสเอ็มอีทั่วประเทศฟรี! ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 20 ก.ค.63

โครงการการเพิ่มศักยภาพและยกระดับเทคโนโลยี อุตสาหกรรม (เกษตรแปรรูป) หรือ โครงการ “จีเนียส เดอะ ครีเอชั่น” (Genius The Creation) จัดโดย กองพัฒนาเกษตรอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นหลักสูตรแรกของธุรกิจการเกษตรไทยที่นำพลังของความคิดสร้างสรรค์ผสมผสานเข้ากับวิสัยทัศน์ด้านการออกแบบ เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจเกษตรกรรมแบบครบวงจร ผ่านทาง 3 กิจกรรมหลักคือ การให้ความรู้ การสัมมนาเชิงปฏิบัติการ และการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาผู้เข้าร่วมโครงการให้มีความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การแข่งขันด้านต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมเกษตรวิถีใหม่ และสร้างโอกาสในการเติบโตสู่ตลาดการแข่งขันระดับโลกได้ในอนาคต

กิจกรรมนี้ได้รับความร่วมมือจากวิทยากรชื่อดังระดับโลกคือ “โค้ชยอด ฉัตรชัย ระเบียบธรรม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยอด คอร์ปอเรชั่น จำกัด นักวางวิสัยทัศน์ระดับโลกผ่านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ และ “โค้ชแชมป์ สมชนะ กังวารจิตต์” ผู้ก่อตั้ง บริษัท พร้อมท์ ดีไซน์ จำกัด สุดยอดนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับด้วยรางวัลระดับโลก การันตีถึง 78 รางวัล รวมถึงซูเปอร์โค้ชชั้นนำด้านฟาร์มเกษตรของประเทศ “โชค บูลกุล” กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย ผู้ได้รับรางวัลบุคคลสำคัญแห่งปีด้านธุรกิจเกษตรกรรมและฟาร์มเกษตรเพื่อการท่องเที่ยว จากนิตยสาร “ไทม์เอเชีย” มาร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ที่จะสร้างวิสัยทัศน์และพลังแห่งการสร้างสรรค์ด้านเกษตรกรรม ตั้งแต่วันเปิดโครงการและการนำผู้ผ่านการคัดเลือกไปเยี่ยมชมการทำงานของ “ฟาร์มโชคชัย” และการให้คำปรึกษาแนะนำกับผู้ประกอบการในรอบต่าง ๆ อย่างเต็มที่

โครงการนี้รับสมัครจากเกษตรกรทั่วประเทศที่ต้องการใช้พลังแห่งความคิดสร้างสรรค์มาร่วมในกิจกรรมซึ่งจะแบ่งการคัดเลือกเป็น 3 รอบคือ การคัดเลือก 100 ราย ในรอบแรกจากผู้สมัครทั่วประเทศ และในรอบที่สอง คัดเหลือ 40 ราย ก่อนที่จะคัดเหลือ 10 สุดยอดไอดอลเกษตรกรไทยของหลักสูตรในปี 2563 โดยมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเกษตรอุตสาหกรรม การตลาดออนไลน์ การสร้างแบรนด์ การสื่อสารประชาสัมพันธ์ในยุคดิจิทัล มาร่วมให้สาระความรู้กันอีกด้วย

ผู้ได้รับเลือกให้เป็น 10 สุดยอดไอดอลด้านเกษตรกรรมจากทั่วประเทศใน โครงการ “จีเนียส  เดอะ ครีเอชั่น” จะมีโอกาสร่วมกับ “โค้ชยอด” และ “โค้ชแชมป์” ในการวางวิสัยทัศน์ออกแบบผลิตภัณฑ์จนได้บรรจุภัณฑ์ให้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนั้นยังมีรางวัล “เบสต์ ออฟ เดอะเบสต์” อีก 4 รางวัล แบ่งเป็นผู้ประกอบการที่ดีที่สุด 2 รายที่ถูกเลือกโดย “โชค บูลกุล” จะได้รับการให้คำปรึกษาแนะนำเป็นการส่วนตัวหลังจากจบโครงการ และผู้ประกอบการที่ดีที่สุดอีก2 รายที่ถูกเลือกโดย “โค้ชแชมป์ สมชนะ กังวารจิตต์” จะได้รับการดูแลด้านออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่จะก้าวไปสู่การเป็นผลิตภัณฑ์เกษตรอุตสาหกรรมระดับโลกในอนาคต

โครงการนี้เริ่มเปิดรับสมัครเกษตรกรทั่วประเทศทางออนไลน์ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ได้วางเป้าหมายว่ากิจกรรมนี้จะเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายและวิสัยทัศน์ของกรมฯ ในด้านการพัฒนาผู้ประกอบการเกษตรอุตสาหกรรมไทยได้สร้างความสำเร็จพร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้อนาคตอันใกล้

ผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการนี้ต้องมีคุณสมบัติเป็นนิติบุคคลที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องและมีเลขทะเบียน 13 หลัก โดยเป็น ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรรมและเกษตรกรแนวคิดใหม่ เช่น เกษตรกรที่มีแปลงปลูก หรือแปรรูป, เกษตรกรภาคบริการ (ฟาร์มสเตย์, คาเฟ่, ท่องเที่ยว), เกษตรแนวคิดใหม่ เกษตรอุตสาหกรรม (สินค้าแปรรูปจากวัตถุดิบทางการเกษตร) และห่วงโซ่อุปทานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในรูปแบบบริษัท วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือ OTOP โดยสมัครได้ 1 กิจการต่อ 1 ท่าน โดยสมัครเข้าร่วมโครงการฟรีทางออนไลน์ที่  https://forms.gle/6LUYgzAsHCpij5vGA / e-Mail : ga.thecreation@gmail.com / Line: @ga.thecreation (มีเครื่องหมาย @ ด้วย)  เฟซบุ๊ก : ga.thecreation รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ โทร.06 4721 8102