กระทรวงการท่องเที่ยวฯ – ม.ศิลปากร ร่วมพัฒนาเครือข่ายวิชาการ

alivesonline.com : เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กับ มหาวิทยาลัยศิลปากร ในการสร้างเครือข่ายทางวิชาการ ประจำปีการศึกษา 2563-2567 โดยมี นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ชัยชาญ ถาวรเวช อธิการบดีมหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมลงนาม

ทั้งสองหน่วยงานได้ตระหนักถึงบทบาทและคุณูปการของการพัฒนาบุคลากรขององค์กรในการพัฒนาการศึกษาร่วมกัน จึงได้ร่วมมือกันในการระดมทรัพยากร ด้านบุคลากร ด้านความรู้ นวัตกรรม เครื่องมือและอุปกรณ์ ตลอดจนปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาการศึกษาด้านนันทนาการ การท่องเที่ยวและกีฬา ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูดสุด โดยขอบเขตทางวิชาการที่ทั้งสองหน่วยงานตกลงร่วมมือกัน ได้แก่ 1.การพัฒนาความรู้ทางวิชาการและวิชาชีพของบุคลากรทุกระดับ 2.ส่งเสริมให้มีการศึกษา การวิจัย และการบริการวิชาการ ตลอดจนพัฒนานวัตกรรมทางนันทนาการ การท่องเที่ยวและกีฬา ของบุคลากรร่วมกัน 3.การประชุมสัมมนาการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข้อมูล ความรู้ด้านงานวิชาการ การวิจัยนันทนาการ การท่องเที่ยวและกีฬา 4.ส่งเสริมกิจกรรมขององค์กร ซึ่งจะช่วยเพิ่มพูนและพัฒนาการฝึกประสบการณ์นักศึกษาทั้งในหลักสูตรและนอกหลักสูตร และ 5.ส่งเสริมให้มีการสร้างเครือข่ายในการให้ทั้งสองหน่วยงานร่วมพัฒนาบุคลากรทางการนันทนาการ ท่องเที่ยวและกีฬา

ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการพัฒนาความรู้ ความสามารถให้กับบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว ยังจะช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังจะเป็นการช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวของไทยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นภายหลังเกิดวิกฤติสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 และจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรการท่องเที่ยวทั้งที่เป็นทรัพยากรทางธรรมชาติ ทรัพยากรทางวัฒนธรรม ประเพณีต่าง ๆ ให้มากขึ้น

“โพรแพ็ค เอเชีย 2020” พัฒนาการจัดงานแบบไฮบริด

alivesonline.com : “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” ผู้จัดงานแสดงสินค้าเบอร์หนึ่งของโลก พัฒนาการจัดงานแสดงสินค้าแบบไฮบริด ผสมผสานเชื่อมต่อการจัดแสดงงานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กับงานแสดงสินค้าแบบเดิม ล่าสุดส่ง “บีเพลส” แพลตฟอร์มออนไลน์ใหม่ เสริมทัพงาน “โพรแพ็ค เอเชีย 2020” เปิดตัวครั้งแรกในไทยวันที่ 15-17 ก.ค.63 เพื่อสร้างการเรียนรู้ในเทคโนโลยีใหม่และเตรียมความพร้อมผู้ร่วมจัดแสดงงานและผู้เยี่ยมชมงานก่อนกำหนดจัดงานจริงในวันที่ 20-23 ต.ค.63

นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ-ภูมิภาคอาเซียน “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” ผู้นำธุรกิจด้านจัดงานแสดงสินค้าอันดับหนึ่งของโลก เปิดเผยว่า ธุรกิจงานแสดงสินค้าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากวิกฤติ COVID-19 ไม่น้อยกว่าธุรกิจท่องเที่ยวและสายการบิน แม้ขณะนี้การควบคุมการแพร่ระบาดในประเทศจะดีขึ้นและภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเป็นระยะ ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดงานแสดงสินค้าที่มีกลุ่มผู้จัดแสดงงานและผู้เข้าชมงานภายในประเทศ แต่สำหรับกลุ่มงานแสดงสินค้านานาชาติที่มีความเกี่ยวข้องกับต่างประเทศยังประสบกับอุปสรรคจากมาตรการควบคุมการเดินทางและการกักตัวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของแต่ละประเทศซึ่งยังต้องมีการเฝ้าระวังและมีความเข้มงวดอยู่ ทำให้ผู้ร่วมจัดแสดงงานและผู้เข้าเยี่ยมชมงานจากต่างประเทศไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมงานได้เช่นเดียวกับภาวะปรกติ

เนื่องจากการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจและการลงทุนจำเป็นต้องเดินหน้าและพัฒนาต่อไป ประกอบกับธุรกิจหลาย ๆ ด้าน อาทิ กลุ่มอาหาร อาหารพร้อมทาน และอาหารแช่แข็ง กลุ่มยาและเวชภัณฑ์ กลุ่มบรรจุภัณฑ์ ได้กลายเป็นธุรกิจดาวรุ่งจากสถานการณ์ COVID-19 การดำเนินชีวิดวิถีใหม่ (New Normal) การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทำให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนจำนวนมากสนใจที่จะเข้าร่วมชมและเจรจาธุรกิจในงาน “โพรแพ็ค เอเชีย 2020” ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมด้านกระบวนการผลิต การแปรรูป และการบรรจุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลักที่สำคัญ และมีบริษัทชั้นนำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากทั่วโลกเข้าร่วมจัดแสดงงาน

นางสาวรุ้งเพชร กล่าวอีกว่า จากปัญหาวิกฤติ COVID-19 และความต้องการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของทั้งบริษัทผู้ผลิต นักธุรกิจ ผู้ประกอบการและผู้สนใจในการเข้าร่วมงานจากทั่วโลกที่เกิดขึ้นทำให้ “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” มีการกำหนดนโยบายและทิศทางรการจัดงานแสดงสินค้าสำหรับปัจจุบันและอนาคตว่า ต้องมีการพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้ผสมผสานทั้งเทคโนโลยีออนไลน์ดิจิตอล (Online Digital Technologies) การจัดแสดงงานแบบเสมือนจริง (Virtual Exhibition) การเชื่อมต่อฐานข้อมูล (Big Data) และรูปแบบการจัดงานแบบเดิมซึ่งยังมีความสำคัญอยู่เพื่อพัฒนาเป็นงานแสดงสินค้าแบบไฮบริด (Hybrid Exhibition Tread Show) เพื่อก้าวข้ามข้อจำกัดที่เกิดขึ้น

ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการนำ “บีเพลส” (Business Exhibition Place : BEPlace) งานแสดงสินค้าเสมือนจริงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ผลงานของทีมออกแบบและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีของ “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถแสดงข้อมูล ภาพ วิดีโอของการทำงานของเครื่องจักร การผลิตผลิตภัณฑ์และบริการ ทั้งยังสามารถจัดกิจกรรมการประชุม สัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการ การเจจาธุรกิจและจับคู่ธุรกิจแบบเรียลไทม์ สามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลผู้ประกอบการและผู้ร่วมจัดแสดงงานจากทั่วโลกได้ โดยผู้ประกอบการ ผู้สนใจ และผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน “โพรแพ็ค เอเชีย 2020” สามารถใช้งาน “บีเพลส” เพื่อค้นหาข้อมูลบริษัทผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์และบริการ พร้อมเจรจาธุรกิจกับคู่ค้าได้จากทุกสถานที่ตลอดช่วงระยะเวลาของการจัดงาน

เทคโนโลยี “บีเพลส” จะเริ่มเปิดให้ทดลองใช้ครั้งแรกในระหว่างวันที่ 15-17 กรกฎาคม 2563 เพื่อเป็นการสร้างการเรียนรู้และความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีใหม่และเตรียมความพร้อมให้แก่ทั้งผู้ร่วมจัดแสดงงานและผู้เยี่ยมชมงานก่อนถึงกำหนดการจัดงาน “โพรแพ็ค เอเชีย 2020” ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 20-23 ตุลาคม 2563 นี้ สำหรับผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าชมงานและใช้งานได้ที่ https://beplace.thevista.co.th/visitpage/PPA20/preregister

เปิดโครงการ “สัตหีบเมืองต้นแบบ ท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal”

alivesonline.com : กองทัพเรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และจังหวัดชลบุรี เปิดโครงการ “สัตหีบเมืองต้นแบบ ท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal” ชูสถานที่ท่องเที่ยวในอำเภอสัตหีบ เป็นต้นแบบของแหล่งท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นการให้บริการในแนวทางของวิถีปกติใหม่ (New Normal) ตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety and Health Administration หรือ SHA) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเชิญชวนให้ประชาชนกลับมาเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์ COVID-19 อยู่ในระดับที่ปลอดภัยแล้ว

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 พลเรือโท ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือและผู้อำนวยการศูนย์การท่องเที่ยวกองทัพเรือ นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ร่วมกันแถลงข่าว โครงการ “สัตหีบเมืองต้นแบบ ท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal” ณ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยมีนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์  รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มอบตรามาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety and Health Administration หรือ SHA) ในประเภทนันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว จำนวน 4 แหล่ง ได้แก่ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ภายใต้การดูแลของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เกาะและทะเลไทย (เกาะแสมสาร) ภายใต้การดูแลของกองเรือยุทธการ (กร.) ศูนย์บริการหาดทรายแก้ว ภายใต้การดูแลของโรงเรียนชุมพล หาดนางรำ-หาดนางรอง ภายใต้การดูแลของฐานทัพเรือสัตหีบ (ฐท.สส.)

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ วิถีความเป็นอยู่ และการดำเนินชีวิตของประชาชนในทุกระดับ โดยในระยะแรกของการแพร่ระบาด กองทัพเรือ ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดตั้ง State Quarantine ณ กิจการอาคารรับรองสัตหีบ เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวังและดูแลผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ได้แก่ เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐอิตาลี สหรัฐอเมริกาและกลุ่ม 17 ประเทศที่มีความเสี่ยง ก่อนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา ซึ่งกองทัพเรือและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำหน้าที่ดูแลผู้เดินทางเป็นอย่างดีประดุจญาติพี่น้องจนถือได้ว่าเป็น State Quarantine แห่งแรกของประเทศไทยที่เป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่นได้นำแนวทางการบริหารจัดการไปปฏิบัติตามอีกด้วย

ต่อมาในช่วงก่อนมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 ที่อนุญาตให้สถานที่ท่องเที่ยวกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรของกองทัพเรือ พร้อมด้วยศูนย์อำนวยการการท่องเที่ยวกองทัพเรือ ลงพื้นที่สำรวจและตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมเพื่อให้บริการรองรับและดูแลนักท่องเที่ยวตามวิถีปกติใหม่ New Normal ที่รัฐบาลกำหนด เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการฟื้นฟูและสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพเรือ อีกทั้งประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย (Amazing Thailand Safety and Health Administration หรือ SHA) ซึ่งเป็นโครงการที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กระทรวงสาธารณสุข บูรณาการสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อกระจายรายได้ อันจะช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้อย่างเป็นรูปธรรม

โครงการ “สัตหีบเมืองต้นแบบ ท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal” จึงเป็นการต่อยอดจากความร่วมมือระหว่างกองทัพเรือและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยได้ขับเคลื่อนโครงการร่วมกับจังหวัดชลบุรี เพื่อสร้างมาตรฐานด้านสุขอนามัยในพื้นที่อำเภอสัตหีบ ที่มีการกำหนดและตรวจสอบรูปแบบการให้บริการในแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้เป็นไปตามแนวทาง New Normal อย่างจริงจังและต่อเนื่อง

หลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว แขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนร่วมกิจกรรมปล่อยเต่าทะเลคืนสู่ธรรมชาติและทัศนศึกษาสัมผัสความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวอันหลากหลายในอำเภอสัตหีบ ที่กำลังดำเนินมาตรการด้านสุขอนามัยตามแนวทาง “สัตหีบเมืองต้นแบบ ท่องเที่ยววิถีใหม่ New Normal” พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยต่อไป

“ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” จัดงานใหญ่ 15-21 ก.ค.63 เอาใจสายกินยุคนิวนอร์มอล

alivesonline.com : กลับมาตามคำเรียกร้อง “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” ผุดโปรเจกต์ใหม่เอาใจสายกินยุคนิวนอร์มอล แท็กทีม “ช้อปปี้” (Shopee) เตรียมจัดมหกรรมอาหารสุดยิ่งใหญ่ครั้งแรกบนอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม ในวันที่ 15-21 กรกฎาคม 2563 รวบรวม 80 ร้านดังทั่วฟ้าเมืองไทยร่วมเสิร์ฟหลากเมนูเด็ด ทั้งอาหารคาว หวาน ทำกันสด ๆ รวมถึงวัตถุดิบเด็ด และสินค้าจากร้าน “ครัวคุณต๋อย Selected” มาไว้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต ชูไฮไลต์เด็ดสำหรับการสั่งอาหารง่าย ๆ ในแบบฉบับนิวนอร์มัลผ่านแอปพลิเคชัน “ช้อปปี้” พร้อมบริการเดลิเวอรีโปรโมชันสุดพิเศษจาก Grab Express รับส่วนลดค่าส่ง มูลค่า 60 บาท ส่งตรงความอร่อยแสนสะดวกสบายถึงหน้าประตูบ้าน

นับเป็นความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่าง “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” และ “ช้อปปี้” ทั้งยังเป็นครั้งแรกสำหรับวงการอาหารที่ผนึกความแข็งแกร่งของ 2 ผู้นำเข้าไว้ด้วยกัน ผ่านการขายอาหารแบบออฟไลน์และออฟไลน์ครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อส่งมอบประสบการณ์ความอร่อยได้เข้าถึงและครอบคลุมกว่าที่เคย รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอล รวมถึงช่วยเหลือร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์ COVID-19 ให้สามารถเพิ่มยอดขายและสร้างรายได้มากขึ้น

 อาต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอร์น โปรเจค จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” กล่าวว่า “เมื่อนิวนอร์มอลเกิดขึ้น ในแง่ชีวิตและธุรกิจหมายถึงต้องดำเนินการเพื่อรับกับความเปลี่ยนแปลงให้เร็วและยั่งยืนที่สุด การคิดแบบเดิม ๆ ไม่เพียงพออีกต่อไป ตลาดออนไลน์ยังเติบโตได้อีกมาก โดยทุก ๆ คน ทุก ๆ ร้านก็ต้องการจะทำออนไลน์ แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ “ครัวคุณต๋อย” มองคือ การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภค ไม่ว่าจะมางานของเราแบบออฟไลน์หรือ สั่งอาหารออนไลน์ผ่าน “ครัวคุณต๋อย” ก็ตาม หากไม่ได้ประสบกาณ์ที่ดีที่สุดก็ไม่มีทางยั่งยืน “นิวนอร์มอล” คือหลักฐานที่ชัดเจนว่า ร้านอาหารต้องปรับตัวเอง การสร้างแบรนด์ดิ้งคือสิ่งที่ร้านต้องเสริมให้แข็งแรง แต่สำคัญที่สุดคือต้องอร่อยด้วย เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่จะส่งมอบประสบการณ์ได้ดีที่สุดก็คือ รสชาติ แต่ถ้าอร่อยใกล้เคียงกัน สิ่งที่จะทำให้อยู่รอดคือแบรนด์และความรู้ ซึ่งนับแต่นี้ “ครัวคุณต๋อย” จะร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ต่าง ๆ องค์กร สถาบัน ในการให้ความรู้เกี่ยวกับร้านอาหาร ดังเช่นที่เป็นพาร์ตเนอร์กับกับ “ช้อปปี้” เป็นต้น

ด้าน “สุชญา ปาลีวงศ์” ผู้จัดการฝ่ายการตลาด “ช้อปปี้” ประเทศไทย กล่าวว่า “สินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่มคือหนึ่งในหมวดหมู่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากผู้ใช้งาน “ช้อปปี้” ในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา ซึ่งเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ประกาศความร่วมมืออย่างเป็นทางการในการจัดงาน “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” ครั้งแรกบนอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม ความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยตอบสนองความต้องการให้กับนักชอปให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น แต่ยังเป็นการช่วยสนับสนุนให้กับผู้ประกอบการรายย่อยปรับตัวให้สามารถรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคนิวนอร์มอลได้อีกด้วย และด้วยความพร้อมของเครื่องมือทางการตลาด ทรัพยากร ตลอดจนพันธมิตรทางธุรกิจที่เรามี “ช้อปปี้” เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยผลักดันให้งานในครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้อย่างแน่นอน และเราขอเชิญชวนแฟน ๆ ทุกคนมาร่วมเปิดประสบการณ์ความอร่อยในแบบฉบับนิวนิอร์มอลในครั้งนี้ไปด้วยกัน

“ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 21 กรกฎาคม 2563 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต โดยจะยกขบวนร้านดังกว่า 80 ร้าน อาหารอร่อยกว่า 300 เมนู และ สินค้าจากร้าน “ครัวคุณต๋อย Selected” มาให้นักชิมได้ช้อปกันแบบเต็มอิ่ม และพิเศษสุดสำหรับชาวกรุงเทพฯ อิ่มอร่อยในงาน “ครัวคุณต๋อย ยกทัพ” ง่าย ๆ จากที่บ้าน ได้ที่ Campaign URL สามารถสั่งความอร่อยไปส่งถึงหน้าบ้าน ผ่านแอปพลิเคชัน “Shopee” หรือเว็บไซต์ www.shopee.co.th/ พร้อมโปรโมชั่น Grab Express ให้ส่วนลดค่าส่งมูลค่า 60 บาท พบกับไฮไลต์สุดพิเศษมากมายไม่ว่าจะเป็น

  • เมนูเด็ดจาก 80 ร้านดัง อาทิ ขนมฟู (ชิฟฟ่อนลูกตาลน้ำตาลโตนด) เด็กบ้าน ๆ กระท้อนทรงเครื่อง (กระท้อนทรงเครื่อง) วัรดะห์ข้าวขาวัว อร่อยสุดในดุนยา (ข้าวขาวัว) หมูย่างเจ๊แมว(หมูย่างแดงกรอบในชิ้นดียวกัน) เซียนซอสหมี่ (หมีผัดฮ่องกง) วรินทร์ทิพย์ ไข่ปลาทอดสมุนไพร (ไข่ปลาทอดสมุนไพร) ราชาขนมโตเกียว (ขนมโตเกียว) ขนมจีนต้นก้ามปู นวลจันทร์ (ขนมจีนน้ำยาปู)
  • บริการเดลิเวอรีสุดพิเศษจาก Grab Express ส่งอาหารและสินค้าทุกอย่างที่อยู่ในงาน พร้อมให้ส่วนลดค่าส่งมูลค่า 60 บาท เสิร์ฟความอร่อยแสนสะดวกสบายส่งตรงถึงหน้าประตูบ้าน (เฉพาะชาวกรุงเทพฯ เท่านั้น) และสะดวกสบายสุด ๆ กับบริการเดลิเวอรีผ่านผู้ให้บริการจัดส่งชั้นนำที่พร้อมจัดส่งความอร่อยทั่วประเทศ (เฉพาะเมนูที่ร่วมรายการ)
  • ร่วมชมไลฟ์สตรีมมิ่งแบบสด ๆ พร้อมกับสั่งอาหารส่งถึงบ้านได้ทันทีผ่าน Shopee Live

ติดตามรายละเอียดได้ที่ FACEBOOK : ครัวคุณต๋อย/ www.kruakhuntoi.com / แอปพลิเคชันครัวคุณต๋อย และแอปพลิเคชันช้อปปี้

แพ็คเกจทัวร์สุดคุ้ม “โปรปลดล็อก มาเที่ยวสมุยกันต่ะ”

alivesonline.com : เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 นายนิธี สีแพร ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวรสิทธิ์ ผ่องคำพันธุ์ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย นางสาวเพลินพิศ โกศลยุทธสาร ผู้อำนวยการกิจกรรมองค์กรและการส่งเสริมตลาดด้านการท่องเที่ยว บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และ ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ร่วมพิธีเปิดงาน ส่งเสริมการขาย“โปรปลดล็อก มาเที่ยวสมุยกันต่ะ” ซึ่งจัดระหว่างวันที่ 3 -5 กรกฏาคม 2563 ณ ลานอีเด็น ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ

ททท.เกาะสมุย สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย สมาคมโรงแรมภาคใต้ฝั่งตะวันออก สมาคมสปาสมุย และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส พร้อมด้วยพันธมิตร ร่วมกันยกทัพมาชวนคนไทย “เที่ยวสมุยให้หายคิดถึง ตามรอยเต่า 18 รัง” นำผู้ประกอบการที่พัก เรือ สปา สายการบิน 22 สถานประกอบการ นำ “โปรปลดล็อก มาเที่ยวสมุยกันต่ะ”มาเสนอขายให้คนไทยจัดโปรโมชันแพ็คเกจราคาพิเศษเอาใจคนไทยหลังปลดล็อก โรงแรม รีสอร์ต ลดสูงสุดถึง 70% ตั๋วเครื่องบินไป/กลับ สมุย เริ่มต้นที่ 4.4 พันบาท ตั๋วเรือในราคาโดนใจ แพ็คเกจท่องเที่ยว พาหนะ พร้อมที่พัก ราคาว้าว ๆ ลดราคาสุดคุ้ม รับ Voucher จาก Central Department Store สาขา Central Festival Samui มูลค่า 100 บาท จำนวน 2 ใบ (รวม 200 บาท/รางวัล/1 บัตรโดยสาร) สามารถใช้ลดเมื่อซื้อสินค้าทุก 1 พันบาท ลดได้ 100 บาท ที่ Central Festival Samui จนถึง 30 พฤศจิกายน 2563 สำหรับลูกค้า AIS ซื้อที่พักในงานส่งเสริมการขาย ลดราคาเพิ่มอีก 5%

จากช่วงสถานการณ์ COVID-19 แพร่ระบาด ทำให้สภาพธรรมชาติฟื้นตัวมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น “เกาะสมุย” มีความเงียบสงบ ทะเลสวยงาม ทำให้เต่าทะเลกลับมาวางไข่ในปีนี้จนถึงเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 มีจำนวนมากที่สุดถึง 18 รังโดยเฉพาะในพื้นที่ ตำบลมะเร็ต ตำบลตลิ่งงาม ตั้งแต่หาดแหลมสอ จนถึงอ่าวท้องตะเคียน แหล่งท่องเที่ยวสำคัญในบริเวณนั้น อาทิ เจดีย์แหลมสอ วัดสำเร็จ และหินตา-หินยายซึ่งไม่ไกลจากหาดละไมที่มีชื่อเสียงของเกาะสมุย

ท่านยังสามารถล่องเรือชมทัศนียภาพรอบเกาะสมุยโดยเรือยอชต์ เที่ยวเกาะแตนชมฝูงค้างคาวนับพันเห็นเป็นแนวสายสีดำพาดผ่านจากเกาะแตนมายังเกาะสมุยในยามเย็น ชมนกเงือกเกาะพะลวยนับร้อยตัว สนุกสนานกับการถ่ายรูปหมูติดเกาะชื่อดังของเกาะมัดสุม ตื่นเต้นกับฝูงปลาโลมาที่เวียนว่ายระหว่างเส้นทางเดินเรือ สมุย-พะงัน-เต่า และสามารถเข้าชมธรรมชาติท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2563 เป็นต้นไป

สำหรับท่านที่พลาดงานส่งเสนิมการขายระหว่างวันที่ 3 -5 กรกฏาคม 2563 สามารถดูรายละเอียดได้ที่ และจอง “โปรปลดล็อก มาเที่ยวสมุยกันต่ะ” ระหว่างเดือนกรกฏาคม – ตุลาคม 2563 ได้ที่สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย  samuitaks.org รายละเอียดการเดินทางท่องเที่ยว ติดต่อ ททท.เกาะสมุย โทรศัพท์ 0 7742 0720, 07742 0504 FB : TAT KOH SAMUI

3 หน่วยงานรัฐขับเคลื่อนมาตรการ “เที่ยวปันสุข”ฟื้นฟูภาคท่องเที่ยว

alivesonline.com : ททท. – สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง – ธ.กรุงไทย เดินหน้ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว “เที่ยวปันสุข” ภายใต้กรอบวงเงิน 2.24 หมื่นล้านบาท จัดแพ็คเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” สนับสนุนค่าใช้จ่ายโรงแรมที่พักให้ร้อยละ 40 รวม e-Voucher อีกคืนละ 600 บาท เปิดลงทะเบียนผ่าน  www.เราเที่ยวด้วยกัน.com วันที่ 15 ก.ค.63 พร้อมทั้งมอบแพ็คเกจ “กำลังใจ” ขอบคุณ อสม. อสส. และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล สนับสนุนค่าใช้จ่ายให้เที่ยวในประเทศ 2 วัน 1 คืน คนละไม่เกิน 2 พันบาท เริ่มเดินทางวันที่ 30 ก.ค.63

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2563 ประกอบกับมีมติเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เห็นชอบในหลักการมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยว “เที่ยวปันสุข” ประกอบด้วย 2 แพ็คเกจ ได้แก่ แพ็คเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” กรอบวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท และแพ็คเกจ “กำลังใจ” กรอบวงเงิน 2.4 พันล้านบาท รวมทั้งสิ้น 2.24 หมื่นล้านบาท นั้น มาตรการดังกล่าวจะเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – ตุลาคม 2563 ดำเนินการโดย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

แพ็คเกจ “เราเที่ยวด้วยกัน” เป็นการฟื้นฟูภาคธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยการสนับสนุนค่าที่พักและค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าที่พักในลักษณะร่วมจ่าย (Co-pay) ในอัตราร้อยละ 40 ของค่าที่พัก แต่ไม่เกิน 3 พันบาทต่อห้องต่อคืน ในการเข้าพักในโรงแรมที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรมและโฮมสเตย์ที่ได้ขึ้นทะเบียนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจะได้รับ e-Voucher คืนละ 600 บาท ใช้จ่ายเป็นค่าอาหารและค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในลักษณะร่วมจ่ายเช่นกัน ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนการใช้จ่ายในอัตราร้อยละ 40

ในส่วนของสายการบิน รัฐบาลจะสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบินบางส่วนในลักษณะการจ่ายคืน (Redeem) สำหรับผู้จองที่พักที่เดินทางโดยสายการบิน โดยผู้จองที่พักจะต้องดำเนินการจองและชำระค่าบัตรโดยสารเครื่องบินเต็มจำนวนผ่านทางเว็บไซต์ของสายการบิน และรัฐบาลจะจ่ายเงินคืนในอัตราร้อยละ 40 ของค่าบัตรโดยสาร แต่ไม่เกิน 1 พันบาทต่อที่นั่ง เข้าสู่แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ของผู้จองที่พัก ภายหลังการเช็กเอาต์ สามารถนำไปใช้จ่ายหรือถอนเงินสดได้โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลา

สำหรับแพ็คเกจ “กำลังใจ” เป็นการขอบคุณอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งเป็นผู้ที่เสียสละในการทำงานอย่างหนักและเป็นผู้ที่มีส่วนช่วยให้ประเทศไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดยสนับสนุนค่าใช้จ่ายเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไม่เกินคนละ 2 พันบาท สำหรับการเดินทาง 2 วัน 1 คืน โดยทั้งสองแพ็คเกจสามารถใช้สิทธิ์ผ่านเว็บไซต์ www.เที่ยวปันสุข.ไทย และ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com 

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า www.เราเที่ยวด้วยกัน.com ผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่บัดนี้ สำหรับประชาชนทั่วไปจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 ส่วนแพ็คเกจ “กำลังใจ” จะเปิดให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวลงทะเบียนผ่าน www.เที่ยวปันสุข.ไทย ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ส่วน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) อาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร (อสส.) และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) สามารถเข้าไปลงทะเบียนในวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 และเดินทางท่องเที่ยวได้ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2563 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคให้เติบโตและทำให้เกิดการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้แก่ ธุรกิจนำเที่ยว ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อไป

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า กระทรวงการคลัง โดย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้กำหนดคุณสมบัติของประชาชนที่จะลงทะเบียนรับสิทธิ โดยต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ลงทะเบียน มีบัตรประชาชน และโทรศัพท์มือถือ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิท่องเที่ยว ที่พัก และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ โดยขอย้ำว่าต้องใช้สิทธิในจังหวัดที่ไม่ใช่ทะเบียนบ้านของตนเอง ซึ่งการลงทะเบียนขอแนะนำให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” มาเตรียมไว้ โดยเชื่อมั่นว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ จะช่วยเร่งการฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศให้กลับมาเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารพร้อมสนับสนุนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของรัฐบาล เพื่อช่วยเหลือเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนลงไปในระดับฐานราก โดยที่ผ่านมาธนาคารร่วมดำเนินโครงการและกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศมาโดยตลอดเช่นกัน โดยในครั้งนี้ธนาคารได้พัฒนาแพลตฟอร์มการลงทะเบียนและการชำระเงินแบบดิจิทัลผ่าน www.เราเที่ยวด้วยกัน.com เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างประชาชนกับผู้ประกอบการเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน

ชวนผู้ประกอบการไทยเปิดโลกการค้าออนไลน์กับทูตพาณิชย์ (Export Clinic)

alivesonline.com : สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัด โครงการเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ (Export Clinic) ออนไลน์ ครั้งที่ 2/2563 ชวนผู้ประกอบการไทยเปิดโลกทางการค้า ปรึกษาข้อมูลการบุกตลาดระหว่างประเทศกับทูตพาณิชย์ในประเทศเป้าหมายแบบตัวต่อตัวในเดือน ส.ค.63 กับภูมิภาคยุโรป รัสเซีย (รวมCIS) อาเซียน และเอเชียตะวันออก ผู้สนใจลงทะเบียนฟรีถึงวันที่ 17 ก.ค. 63 ที่ https://exportcliniconlineaug2020.as.me

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มอบหมายให้ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ (NEA) จัด โครงการเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ (Export Clinic) ออนไลน์ เพื่อให้คำปรึกษาด้านการค้าระหว่างประเทศกับผู้ประกอบการในการทำตลาดส่งออก โดย สถาบันฯ มีภารกิจหลักในการจัดฝึกอบรม สัมมนา ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการค้าระหว่าประเทศให้ผู้ประกอบการไทย เล็งเห็นถึงความสำคัญในการปรับตัวและพัฒนาองค์ความรู้แนวใหม่ให้กับผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ต้องการเข้าสู่ตลาดการค้าระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โครงการเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ (Export Clinic) ออนไลน์ ในปี 2563 จะจัดในรูปแบบออน์ไลน์รับกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยมีกำหนดจัดทั้งหมด 2 ครั้ง ในเดือนมิถุนายน และสิงหาคม 2563 กระจายไปทุกภูมิภาคทั่วโลก โดย โครงการเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ (Export Clinic) ออนไลน์ จัดครั้งแรกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ให้คำปรึกษาผู้ประกอบการผู้ต้องการเจาะกลุ่มตลาดตะวันออกกลาง จีน และเอเชียใต้ ซึ่งผลของการจัดงาน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการมากกว่า 500 ลำดับนัดหมาย

ทั้งนี้ สถาบันฯ ได้กำหนดจัดงาน โครงการเปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ (Export Clinic) ออนไลน์ อีกครั้ง ในเดือนสิงหาคม 2563 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เปิดโลกทางการค้า ปรึกษาข้อมูลการบุกตลาดระหว่างประเทศกับฑูตพาณิชย์ในประเทศเป้าหมายแบบตัวต่อตัว โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • วันที่ 4-5 สิงหาคม 2563 ภูมิภาคยุโรป รัสเซีย (รวมCIS) ได้แก่ กรุงลอนดอน กรุงมอสโก กรุงปารีส นครแฟรก์เฟิร์ต กรุงเบอร์ลิน เมืองมิลาน กรุงโคเปนเฮเกน กรุงบูดาเปสต์ กรุงปราก กรุงวอร์ซอ กรุงเวียนนา กรุงเฮก และกรุงมาดริด
  • วันที่ 13-14 สิงหาคม 2563 ภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ กรุงพนมเปญ สำนักงานตัวแทนส่งเสริมการค้า ณ จังหวัดเสียมราฐ กรุงจาการ์ตา กรุงย่างกุ้ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ กรุงสิงคโปร์ กรุงฮานอย นครโฮจิมินห์ กรุงมะนิลา และกรุงเวียงจันทน์
  • วันที่ 18-19 สิงหาคม 2563 ภูมิภาคเอเชียตะวันออก ได้แก่ กรุงโตเกียว นครโอซาก้า นครฮิโรชิมา กรุงโซล และนครซิดนีย์

ผู้ประกอบการที่สนใจ สามารถลงทะเบียนฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 2563 ที่ https://exportcliniconlineaug2020.as.me สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.08 4346 2006 และ e-Mail : pr.nea.seminar2019@gmail.com

 

“MY OWN MAMA CUP” ชวนสร้าง “มาม่าคัพ” ถ้วยเดียวในโลก

alivesonline.com : “มาม่า” บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอันดับหนึ่งของเมืองไทย เปิดตัวแคมเปญ MY OWN MAMA CUP” เพื่อมอบประสบการณ์ความประทับใจให้ผู้บริโภคได้สร้าง “มาม่าคัพ” ในแบบฉบับของตัวเอง โดยนำ นวัตกรรมการผลิต “มาม่าคัพ” แบบ Customize ที่สามารถผลิต “มาม่าคัพ” ตามสไตล์คุณได้ถ้วยเดียวในโลกได้ โดยภาพถ่ายสุดประทับใจของทุกคนจะได้มาอยู่บนถ้วย “มาม่าคัพ” เพียงถ้วยเดียวเท่านั้นซึ่งนอกจากจะเก็บไว้เป็นความประทับใจแล้ว ยังสามารถส่งมอบความรู้สึกดี ๆ ให้ผู้อื่นได้ด้วย

กิจกรรม MY OWN MAMA CUP จะเริ่มขึ้น ในวันที่ 2-5 กรกฎาคม 2563 เฉพาะในงาน SAHAGROUP Fair Online เท่านั้น ผู้สนใจที่อยากมี “มาม่าคัพ” ไม่เหมือนใคร สามารถกดสั่งซื้อ “มาม่าคัพ” รุ่น MY OWN MAMA CUP ได้จากทาง www.sahagroupfair.com ในราคา 99 บาท ฟรีค่าจัดส่งเฉพาะงานนี้เท่านั้น โดยสามารถอัปโหลดรูป พร้อมตกแต่งภาพและพิมพ์ข้อความได้ ในแบบของตัวเอง จากนั้นกดยืนยัน สั่งซื้อสินค้า เพียงเท่านี้ก็จะได้ “มาม่าคัพ” สุดพิเศษถ้วยเดียวในโลกที่เป็นของคุณเท่านั้น

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Line Official Account มาม่าอร่อย และ Facebook : Mamalover

ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทยฯ เปิดนวัตกรรมใหม่ “กล่องล็อคกลิ่นทุเรียน100%”

alivesonline.com : “ทุเรียน” ได้รับการยอมรับให้เป็นราชาแห่งผลไม้ ทำให้ผู้ได้ลิ้มลองต้องติดอกติดใจมาแล้วทั่วโลก ในแต่ละปีทุเรียนสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ผู้ค้า และผู้ประกอบการส่งออกผลไม้อย่างเป็นกอบเป็นกำ โดยในปี 2562 มีการส่งออกทุเรียนสดไปยังต่างประเทศถึง 655,346 ตัน คิดเป็นมูลค่าถึง 4.5 หมื่นล้านบาท แต่หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของการทำธุรกิจทุเรียนคือ “กลิ่น” ซึ่งเป็นข้อจำกัดในด้านการเดินทางและการขนส่งบางประเภท ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหากลิ่นของทุเรียน

ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) จึงได้วิจัยและพัฒนาจนพร้อมเปิดตัวนวัตกรรมเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ใหม่สำหรับบรรจุทุเรียนขึ้นในชื่อ “กล่องล็อคกลิ่นทุเรียน 100%” ซึ่งสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นแก่ผู้ซื้อทุเรียนในการขนส่งและการเดินทางอีกด้วย

ดังนั้น เพื่อเป็นการเผยแพร่บรรจุภัณฑ์  “กล่องล็อคกลิ่นทุเรียน 100%” ให้เป็นที่รู้จักและแพร่หลายแก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจ ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทยฯ จึงได้ร่วมมือกับ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ (ประเทศไทย) จัดสัมมนาออนไลน์ขึ้นในหัวข้อ “กว่าจะมีวันนี้ กล่องล็อคกลิ่นทุเรียน100%” โดยเป็นการสัมมนาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ในวันศุกร์ที่ 10 กรกฏาคม 2563 เวลา 10.00-11.00 น. โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ศิริวรรณ ตั้งแสงประทีป นักวิจัยอาวุโส ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) มาร่วมให้ความรู้ พร้อมเปิดรายละเอียดการวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ กล่องล็อคกลิ่นทุเรียน100%

ผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนาฯ สามารถลงทะเบียนได้ที่ คุณพุทธพร อีเมลล์ : Putthaporn.p@informa.com ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 9 มิถุนายน 2563

ข่าวบิดเบือน! ธ.ก.ส. ปล่อยสินเชื่อฉุกเฉิน ปี 63 ให้วงเงินรายละ 5 หมื่นบาท

alivesonline.com : จากกรณีข่าวเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 ที่ระบุว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือประชาชาชน โดยสามารถขอยื่นกู้ฉุกเฉิน ได้ไม่เกินรายละ 5 หมื่นบาท คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่เพียง 0.85% ต่อเดือน นั้น

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลบิดเบือน เนื่องจากธนาคารเคยให้สินเชื่อดังกล่าวจริง แต่ขณะนี้จบโครงการไปแล้ว ซึ่งสิ้นสุดการจ่ายเงินกู้ตั้งแต่ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561

ส่วนสินเชื่อฉุกเฉินปัจจุบันนั้นเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2563 ที่ได้เห็นชอบมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) โดยจัดทำโครงการสินเชื่อฉุกเฉินเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ที่มีวัตถุประสงค์การให้กู้เงิน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนที่จำเป็นและฉุกเฉิน ซึ่งผู้กู้ต้องเป็นเกษตรกรลูกค้า ลูกค้าบุคคลทั่วไป หรือบุคคลในครอบครัวของเกษตรกรที่ยังไม่เป็นลูกค้าเงินกู้ของ ธ.ก.ส. โดยวงเงินกู้ต่อราย ไม่เกิน 1 หมื่นบาท ระยะเวลาการจ่ายเงินกู้ ไม่เกินวันที่ 30 ธันวาคม 2563 และมีอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 0.1 ต่อเดือน (Flat Rate) กำหนดระยะเวลาชำระหนี้เป็นรายเดือน หรือราย 3 เดือน หรือราย 6 เดือน ตามความสามารถในการชำระหนี้และที่มาแห่งรายได้ โดยให้ชำระหนี้คืนเสร็จไม่เกิน 2 ปี 6 เดือน ทั้งนี้ ให้ปลอดชำระต้นเงินและปลอดชำระดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 6 เดือนแรก นับแต่วันกู้

ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.baac.or.th หรือ โทร..0 2555 0555