ไม่จริง! กฟน. จัดโครงการไฟฟ้า “ล้างแอร์ช่วยชาติ”

alivesonline.com : ตามที่มีข้อมูลแนะนำเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) จัดโครงการไฟฟ้า “ล้างแอร์ช่วยชาติ” นั้น

การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) กระทรวงมหาดไทย ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า โครงการดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับ โครงการ “ล้างแอร์ลดโลกร้อนราคาถูก” ของ กฟน. ประจำปี 2563 ที่ดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งขณะนี้โครงการของ กฟน. ปิดการรับสมัครไปแล้ว และยังไม่มีการเปิดรับสมัครประจำปี 2564 แต่อย่างใด

สำหรับโครงการล้างแอร์ลดโลกร้อนนั้น กฟน. จะเข้าไปดำเนินการเฉพาะลูกค้าที่ได้สมัครเข้าโครงการฯ ผ่าน MEA Smart Life Application เท่านั้น และมีการนัดหมายไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าดำเนินการทุกครั้ง ยืนยัน กฟน. ไม่มีบริการให้พนักงานรับชำระค่าไฟฟ้า เก็บเงินค่าเปลี่ยนเครื่องวัดฯ รวมถึงไปดำเนินการตรวจซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าเก็บค่าบริการนอกสถานที่แต่อย่างใด ยกเว้นกรณีที่จัดกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์กับชุมชน หรือโครงการต่าง ๆ ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทราบผ่านช่องทางสื่อสารทางการของ กฟน. หรือสื่อมวลชนทราบก่อนทุกครั้ง

จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังการแอบอ้างการให้บริการล้างแอร์ในนามโครงการของการไฟฟ้าฯ รวมถึงแอบอ้างว่าเป็นบริษัทที่ได้รับการว่าจ้างจากการไฟฟ้าต่าง ๆ หรือการแอบอ้างว่าเป็นพนักงานของ กฟน. การแสดงบัตรพนักงานปลอม ตลอดจนการหลอกลวงประชาชนในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ปลอมแปลงใบแจ้งค่าไฟฟ้า ใช้ใบเสร็จปลอม เพื่อหลอกลวงให้ประชาชนจ่ายค่าไฟฟ้ากับกลุ่มมิจฉาชีพโดยตรง หรือแจ้งเอกสารเตือนตัดไฟฟ้า แอบอ้างแจ้งเปลี่ยนเครื่องวัดหน่วยไฟฟ้า (มิเตอร์) แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้ไฟฟ้า ซึ่งอาจทำให้ประชาชนสูญเสียทรัพย์สินได้

ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจาก การไฟฟ้านครหลวง กระทรวงมหาดไทย สามารถติดตามได้ที่ เฟซบุ๊ก : การไฟฟ้านครหลวง MEA หรือ โทร.1130

“เมืองพัทยา” จับมือเครือข่ายการท่องเที่ยวจัดกิจกรรมมอบส่วนลด 50%

alivesonline.com : ททท.สำนักงานพัทยา ร่วมกับ ภาคีเครือข่ายทางการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมแหล่งท่องเที่ยวชลบุรี สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ชมรมสปาเมืองพัทยา และชมรมร้านอาหารเมืองพัทยา จัดกิจกรรมสุดพิเศษภายใต้ชื่อ “TAT Hot Deal @Pattaya Chonburi” ด้วยการมอบส่วนลด 50% ให้แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางมาพักผ่อนที่พัทยา และชลบุรีมากกว่า 8 พันสิทธิ์

นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า “เมืองพัทยา ได้เตรียมความพร้อมในการจัดระเบียบแหล่งท่องเที่ยวสาธารณะ อาทิ ชายหาดพัทยา ชายหาดจอมเทียน และชายหาดอื่น ๆ สำหรับรองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดีตามแนวทาง New Normal เพื่อสร้างมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อน นอกจากนี้ เมืองพัทยา ยังได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอย่างดีเกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวทางด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 นอกจากนี้ เมื่อสถานการณ์ COVID-19 ได้คลี่คลายจนเกือบเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เมืองพัทยาเตรียมการที่จะจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเดินทางมาท่องเที่ยวต่อไป

นางปิ่นนาถ เจริญผล ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา กล่าวว่า “กิจกรรม TAT Hot Deal @ Pattaya Chonburi จัดขึ้น เพื่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญแก่นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการภาคธุรกิจท่องเที่ยวของชลบุรี ให้ได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือของเครือข่ายพันธมิตรทางการตลาดของ ททท. ที่ได้ร่วมกันมอบส่วนลดสินค้าและบริการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสปา จากราคาพิเศษ 50% รวมถึงเป็นการบอกกล่าวไปยังนักท่องเที่ยวถึงความพร้อมของเมืองพัทยา สำหรับต้อนรับการกลับมาเยือนอีกครั้งของนักท่องเที่ยว ภายหลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้คลี่คลายลงไปจนปริมาณผู้ติดเชื้อจังหวัดชลบุรีกลายเป็นศูนย์ ทั้งนี้ แต่ละสถานประกอบการได้มีการเตรียมความพร้อมของสถานที่และการบริการ เพื่อสร้างความมั่นใจ และความปลอดภัยด้านสุขอนามัยให้นักท่องเที่ยวได้มีความอุ่นใจและได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการเดินทางท่องเที่ยวเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก และนายเอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวว่า ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวทั้ง โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสปา ได้ร่วมกับ ททท. เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นการท่องเที่ยวของพัทยา ชลบุรี ด้วยการมอบส่วนลดพิเศษ 50% ให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทย โดยมีโรงแรมทุกระดับราคา แหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่ม ร้านอาหารที่มีบรรยากาศสวยงาม อาหารทะเลอร่อย และสปาที่ได้มาตรฐาน เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเป็นทางเลือกให้นักท่องเที่ยวได้ตัดสินใจเลือกซื้อ และนำวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ “TAT Hot Deal @ Pattaya Chonburi” เป็นกิจกรรมการมอบส่วนลด Hot Deal 50% ซึ่งมีสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวเข้าร่วมทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่ โรงแรม แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร และสปา รวมกว่า 100 แห่ง  โดยนักท่องเที่ยวสามารถซื้อ Voucher ของสินค้าและบริการทั้ง 4 ประเภทผ่านทาง Online Platform ของ Shopee ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม -15 กันยายน 2563 และต้องทำการยืนยันสิทธิ์ไปยังโรงแรม แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือสปา ที่ได้ซื้อ Voucher ภายใน 7 วันหลังการซื้อ ทั้งนี้ การยืนยันสิทธิ์ไปยังสถานประกอบการที่ได้ซื้อ Voucher นักท่องเที่ยวสามารถเลือกวันเดินทางไปใช้บริการได้ ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม – 24 ธันวาคม 2563

“ททท.–บางจากฯ–พัทยา” ส่งมอบหมวกรณรงค์ลดขยะพลาสติก

alivesonline.com : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และเทศบาลเมืองพัทยา จัดทำโครงการ “ลดโลกเลอะ x รักษ์ปันสุข” ด้วยการรวมพลังและความร่วมมือในการลดใช้พลาสติก และหมุนเวียนใช้ให้เกิดประโยชน์โดย ททท. และบางจากฯ ได้เชิญชวนนักเดินทางร่วมบริจาคขวด PET ที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก พื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ  ปริมณฑล ชลบุรี ระยอง จันทบุรี จำนวน 262 จุด โดยได้นำขวดพลาสติก PET สร้างสรรค์งานประติมากรรมรูป “เต่ามะเฟืองแม่ลูก” สัตว์สงวนที่ได้รับผลกระทบจากขยะพลาสติก ขนาด 8×8 เมตร ณ บริเวณริมชายหาดจอมเทียน พัทยา จ.ชลบุรี เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 – มิถุนายน 2563 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ และนำขวดพลาสติกที่เหลือไป       รีไซเคิลผลิตเป็นหมวกกันแดด จำนวน 200 ใบ เพื่อส่งมอบให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครที่ดูแลรักษาความสะอาดในเมืองพัทยานำไปใช้ประโยชน์ต่อไป และเป็นสัญลักษณ์รณรงค์การท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

ททท. ในฐานะหน่วยงานที่มีบทบาทหลักในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยตระหนักถึงเรื่องนี้ โดยได้ทำปฏิญญา “ลดโลกเลอะ” และในโอกาสที่ ททท. ครบรอบ 60 ปี ในปี 2563 จึงมีแนวคิดและให้ความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) โดยได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่มุ่งเน้นการสร้างความตระหนักถึงความสำคัญในการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และได้ดำเนินการเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง รณรงค์ปลูกจิตสำนึกและกระตุ้นให้นักท่องเที่ยว ร่วมกันรับผิดชอบต่อทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ลดการสร้างภาระขยะในแหล่งท่องเที่ยว

พร้อมกันนี้ยังได้กำหนดเป้าหมายลดการใช้พลาสติกในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ลดลงร้อยละ 50 ภายในปี 2563 ลดขยะพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use plastics) อาทิ หลอด ฝาครอบแก้ว ถุง กล่องอาหาร พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้วัสดุสำหรับทดแทนพลาสติกและภาชนะที่สามารถใช้ซ้ำได้ เช่น การใช้ถุงผ้า กระบอกน้ำ กล่องข้าวพกพา หลอดดูดน้ำจากวัสดุธรรมชาติ การใช้ผ้าเช็ดหน้า เพื่อไม่สร้างภาระในการกำจัดให้กับแหล่งท่องเที่ยวและชุมชน  อีกทั้ง ยังช่วยรักษาความสวยงามให้คงอยู่ตลอดไป

 

เรื่องจริง! ยกเลิกบัตร ATM ขอคืนค่าธรรมเนียมได้

alivesonline.com : ตามที่มีข้อความปรากฏในสื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ยกเลิกบัตร ATM ขอคืนค่าธรรมเนียมได้นั้น

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า หากผู้ใช้บริการทางการเงินที่ใช้บริการบัตร ATM หรือบัตรเดบิต ซึ่งมีการคิดค่าธรรมเนียมการใช้บริการรายปี แต่ต้องการยกเลิกการใช้บริการบัตรดังกล่าวก่อนที่จะครบกำหนดการให้บริการตลอดทั้งปี สามารถขอเรียกคืนค่าธรรมเนียมส่วนที่เหลืออยู่คืนได้ตามสัดส่วนระยะเวลาคงเหลือของบัตรได้ โดยตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ให้ธุรกิจบัตรเครดิตเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2556 ที่ออกโดย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีการระบุไว้ว่า

“ผู้บริโภคมีสิทธิบอกเลิกสัญญาใช้บัตรเครดิตเมื่อใดก็ได้ และมีสิทธิได้รับคืนค่าธรรมเนียมการใช้บริการตามส่วนของระยะเวลาที่ยังไม่ได้ใช้บริการ”

สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2556/E/056/61.PDF

โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเองได้มีเอกสารที่ระบุว่า

“กรณีผู้ใช้บริการยกเลิกการใช้บัตร ให้คืนค่าธรรมเนียมรายปีตามสัดส่วนระยะเวลาคงเหลือของบัตรแก่ผู้ใช้บริการ โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้บริการร้องขอ” ซึ่งมีรายละเอียดตามตามนี้ https://www.bot.or.th/Thai/FIPCS/Documents/FPG/2563/ThaiPDF/25630006.pdf

เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจาก ธนาคารเห่งประเทศไทย สามารถติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.bot.or.th หรือ โทร.0 2283 5353

“เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท” พบพันธุ์สัตว์หายากริมชายฝั่งโรงแรมในไทยและมัลดีฟส์

alivesonline.com : ย้อนเวลากลับไปเมื่อต้นปี 2563 พื้นที่ชายหาดที่งดงามของ “มัลดีฟส์” ถูกจับจองโดยนักเดินทางที่หลั่งไหลเข้ามาในช่วงฤดูแห่งการท่องเที่ยว คู่ฮันนีมูนใช้เวลาพักผ่อนด้วยกันอย่างโรแมนติกใต้เงาคาบานา กลุ่มครอบครัวสนุกกับการแล่นเรือและทริปดำน้ำตื้น ในขณะที่เด็ก ๆ วิ่งเล่นริมทะเลสีฟ้าครามอย่างครื้นเครง

หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้ทั่วโลกประกาศล็อกดาวน์ ผู้คนต่างกักตัวอยู่ในบ้านตามมาตรการป้องกัน เช่นเดียวกับชายฝั่งหลายแห่งที่ปราศจากผู้มาเยือนและเงียบสงบลงทันที จากนั้นไม่นานภาพธรรมชาติที่มหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคม โดยสมาชิกในทีมของ โรงแรม “ทราย ลากูน มัลดีฟส์” (SAii Lagoon Maldives) ได้เห็นรอยเท้าที่ไม่คุ้นเคยตามชายหาดหลักของรีสอร์ต หลังจากการค้นหาข้อมูลก็พบว่า มี “เต่าหญ้า” (Olive Ridley Sea Turtle) ที่ทำรังและวางไข่อยู่บนชายฝั่ง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ได้มีการพบเห็นเต่าสายพันธุ์นี้วางไข่ในมัลดีฟส์

 

อาลาดีน ปากบารา (Aladin Pakbara) ผู้นำโครงการพัฒนาความยั่งยืน กล่าวว่า

“พวกเราประหลาดใจมากที่พบสัตว์หายากเหล่านี้บนชายหาดของรีสอร์ต สะท้อนให้เห็นการปรับตัวและเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตทางทะเลในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม”

จากปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ทีมพัฒนาความยั่งยืนของ โรงแรม “ทราย ลากูน มัลดีฟส์” ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อมท้องถิ่นในศึกษาการอนุรักษ์ “เต่าหญ้า” ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนในอนาคต รวมถึงแนวปฏิบัติเมื่อพบเห็นพันธุ์สัตว์หายากเหล่านี้ โดยทีมงานของรีสอร์ตจะได้รับการฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญทางทะเล ณ ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล (Marine Discovery Centre) เพื่อวิจัยเกี่ยวกับเต่าทะเล และสิ่งมีชีวิตที่หายากอื่น ๆ

การลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวยังนำไปสู่การฟื้นฟูธรรมชาติและพบเห็นสัตว์ทะเลพื้นเมืองอื่น ๆ อีกด้วย อาทิ เต่าทะเล (Sea Turtle) ปลากระเบนนก (Eagle Ray) และปลากระเบนธง (Stingray) ภายในพื้นที่โครงการ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” (CROSSROADS Maldives) จุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนและไลฟ์สไตล์แห่งแรกของมัลดีฟส์ ภายใต้เครือเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR พร้อมตัวเลือกการพักผ่อนที่หลากหลาย ประกอบด้วยโรงแรม ทราย ลากูน มัลดีฟส์ (SAii Lagoon Maldives) และโรงแรมฮาร์ดร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) และ เดอะ มารีน่า แอท ครอสโร้ดส์ (The Marina @ CROSSROADS) ศูนย์กลางความบันเทิงและสิ่งอำนวยความสะดวกทแบบบครบวงจร

เรื่องราวเกี่ยวกับระบบนิเวศทางทะเลที่คืนสู่ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์หลังล็อกดาวน์เกิดขึ้นทั่วโลก เช่นเดียวกับที่ “เกาะพีพี” เกาะที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย ได้มีการเผยแพร่วิดีโอที่บันทึกไว้โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแสดงภาพของ “ฝูงปลาฉลามครีบดำ” (Blacktip Shark) แหวกว่ายอยู่ในเขตน่านน้ำตื้นของ “อ่าวมาหยา” อ่าวที่โด่งดังมาจากภาพยนตร์เรื่อง “เดอะบีช” (The Beach)

โรงแรมพีพี ไอส์ แลนด์ บีช วิลเลจ รีสอร์ท (Phi Phi Island Village Beach Resort) เป็นที่ตั้งของศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล (Marine Discovery Centre) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความยั่งยืนระดับโลกของ SHR ทีมงานของรีสอร์ตมีความมุ่งมั่นทำงานร่วมกับอุทยานแห่งชาติในโครงการอนุรักษ์อย่างแข็งแกร่ง รวมถึงการขยายพันธุ์ปะการัง การปลูกป่าชายเลน และการช่วยเหลือฉลามกบ (Bamboo Shark) โดยมีหัวเรือใหญ่อย่าง กุลวิทย์ ลิ่มจุฬารัตน์ ผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศทผู้ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ SHR

เดิร์ก เดอ คุยเบอร์ (Dirk De Cuyper) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า

“ความมุ่งมั่นของ SHR ต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั้นถูกถักทอเป็นโครงสร้างที่แข็งแกร่งของเรา เพื่อให้สอดคล้องกับหลักจริยธรรมของกลุ่มบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เราเชื่อว่า เราเป็นผู้พิทักษ์สถานที่ท่องเที่ยวและมีหน้าที่ปกป้องรักษาไว้ให้คนรุ่นต่อไปในอนาคต นอกจากนั้น การดำเนินงานรีสอร์ตทั้งหมดยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่กำหนดโดยองค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals by UN: SDGs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวทางของ SDG14 ที่เน้นคุณค่าชีวิตใต้น้ำ (Life Under Water) เรามุ่งมั่นที่จะอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งของเราตลอดไป ซึ่งการปรากฏตัวของเต่าหญ้าที่โรงแรม ทราย ลากูน มัลดีฟส์ เป็นหนึ่งในความสำเร็จจากการที่เราดูแลธรรมชาติให้เจริญเติบโตเสมอมา”

ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลของ SHR เปิดให้เข้าชมฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการแบบอินเทอร์แอคทีฟ (Interactive Exhibits) มีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ การศึกษาวงจรชีวิตและนิสัยของสัตว์ทะเลที่มีถิ่นกำเนิดที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลแห่งแรกตั้งอยู่ภายในโรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 จากนั้นได้เปิดศูนย์ฯ ลำดับที่สองขึ้นในปี 2562 ณ โครงการครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ โดยมีการวางแผนที่จะก่อตั้งศูนย์การเรียนรู้ทางทะเลแห่งที่สามขึ้นภายใน “สันติบุรี เกาะสมุย” (Santiburi Koh Samui) ซึ่งเป็นรีสอร์ตที่ได้รับรางวัลสถานประกอบการที่ปล่อยคาร์บอนในปริมาณต่ำบนเกาะสมุย

ค้นหาข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.shotelsresorts.com

Marine Life at CROSSROADS Maldives : https://www.youtube.com/watch?v=LQwi5hEu7cA&feature=youtu.be

ป.ป.ส.จัดโครงการ YouthTubers ชวนคนรุ่นใหม่ส่งคลิปผลงานสร้างสรรรค์

alivesonlinecom : ป.ป.ส.เปิดตัว YouthTubers สร้างพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีคนหน้าใหม่ใช้ยาเสพติด “Save Zone, No New Face” เสริมสร้างศักยภาพแสดงความสามารถเชิงสร้างสรรค์ ชวนเยาวชนไทยอายุ 15-24 ปี รวมกลุ่ม 2-5 คน ส่งคลิปเข้าประกวด ชิงโอกาสพัฒนาทักษะสร้างสรรค์ผลงานกับวิทยากรชื่อดัง “น้าเน็ก – เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา” “บี้ เดอะสกา” “เบ๊นซ์ อาปาเช่” ฯลฯ พร้อมฃิงรางวัลเงินสดรอบสุดท้ายรวม  1.5 แสนบาท

นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ในโลกปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีบทบาทอย่างมากในการเป็นช่องทางเข้าถึงข้อมูลในเรื่องต่าง ๆ ของคนทุกช่วงวัย ทั้งที่เป็นเรื่องทั่วไปหรือเรื่องที่มีความเฉพาะเจาะจง สำนักงาน ป.ป.ส. ได้วิเคราะห์แล้วเห็นว่าประชากรที่อยู่ในช่วงอายุ 15-24 ปี หรือเยาวชนเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจและใช้สื่อสังคมออนไลน์มาก ดังนั้น จึงเห็นถึงความสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดและการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมเชิงบวกให้เกิดพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเยาวชน โดยการสร้างพื้นที่ให้เยาวไทยได้มีโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองในการทำเนื้อหาในเรื่องที่ตนเองรัก หรือชอบเผยแพร่ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ และจะเปิดโอกาสให้เยาวชนได้แสดงฝีมือและพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างเนื้อหาของตนเองส่งประกวดภายใต้ โครงการ “Save Zone, No New Face” (YouthTubers)

ภายใต้โครงการนี้เยาวชนไทยจะได้เรียนรู้และฝึกทักษะในการสร้างสรรค์ผลงานโดยผ่านวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เช่น “น้าเน็ก” (เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา) “บี้ เดอะสกา” (กฤษณ์ บุญญะรัง) และ “เบ๊นซ์ อาปาเช่” (อัครเดช โยธาจันทร์) เป็นต้น ร่วมถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และเทคนิคในการสร้างเนื้อหาในเชิงสร้างสรรค์ พร้อมทั้งเทคนิคการใช้โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป และการถ่ายวิดีโออย่างมืออาชีพ เพื่อนำความรู้ที่ได้รับไปคิดสร้างสรรค์จัดทำวีดิทัศน์สั้น (Short Clip) เพื่อส่งเข้าประกวด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพื้นที่ปลอดภัยในสังคมออนไลน์ด้วยการส่งเสริมเยาวชนไทยให้มีส่วนร่วมในการแสดงออกและแสดงความสามารถในเชิงสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ลดโอกาสการเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด

โครงการ YouthTubers สนับสนุนเยาวชนไทยได้แสดงถึงศักยภาพและความสามารถที่มีอยู่ในตัวเอง รวมถึงผลักดันให้เหล่าเยาวชนได้กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เปิดโอกาสให้เยาวชนที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปีที่มีความสนใจในการสร้างเนื้อหาบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ด้วยการส่งคลิปเข้าประกวดประเภททีม ทีมละไม่เกิน 2-5 คนที่กำลังศึกษาในระดับมัธยมปลาย หรือเทียบเท่า และระดับอาชีวศึกษา ได้พัฒนาความสามารถ และทักษะอย่างต่อเนื่องผ่านคอร์สเรียนออนไลน์บนเว็บไซต์โครงการ เพื่อต่อยอดแนวความคิด ขับเคลื่อนแรงบันดาลใจและนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาผลงานของตนเองให้ดียิ่ง

สำหรับการพิจารณาผลงานที่ส่งเข้าประกวด จะมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในการคัดเลือกรอบแรกในประเภทละ 20 ทีม (รวม 40 ทีม ระดับมัธยมปลายหรือเทียบเท่าและอาชีวศึกษา) เข้าสู่การเรียนตัวต่อตัว พร้อมเรียนรู้ในการเป็น YouthTubers อย่างเข้มข้นกับเหล่าวิทยากรอย่างใกล้ชิด ผ่านโปรแกรม Zoom และพัฒนาผลงานเพื่อเข้าประกวดชิงเงินรางวัลในการประกวดรอบสุดท้าย ส่วนเกณฑ์การประกวดคลิปสั้นภายใต้โครงการ มีรางวัลจำนวน 3 รางวัล รวมมูลค่ามากถึง 1.5 แสนบาท แบ่งเป็น 2 ประเภท ดังนี้ ประเภทมัธยมปลาย หรือเทียบเท่า/อาชีวศึกษา รางวัลชนะเลิศ 3 หมื่นบาท รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง 1.5 หมื่นบาท รองชนะเลิศอันดับสอง 1 หมื่นบาท พร้อมโล่เกียรติยศและรางวัลชมเชยจำนวน 3 รางวัล รางวัลละ 5 พันบาท

ทั้งนี้ ผู้สมัครทุกท่านจะได้รับใบประกาศนียบัตรในการเข้าร่วมโครงการนี้ โดยเยาวชนที่อยู่ในเกณฑ์และสนใจเข้าร่วมโครงการ สามารถส่งผลงานเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม ประกาศผลคัดเลือกรอบแรก 40 ทีมในวันที่ 6 สิงหาคม 2563 และประกาศผลการตัดสินในวันที่ 4 กันยายน 2563 ผ่านทางเว็บไซต์ www.savezonenonewface.com

มั่วได้อีก! น้ำยาบ้วนปากผสมน้ำส้มสายชูทำให้ตัวขาวขึ้น

 

 

alivesonline.com : ตามที่มีข้อมูลแนะนำเกี่ยวกับประเด็นเรื่อง น้ำยาบ้วนปากผสมน้ำส้มสายชู ทำให้ตัวขาวขึ้น นั้น

สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าวว่า เป็นการใช้ชื่อหัวเรื่องที่เกินจริง รวมถึงชื่อหัวเรื่องไม่ตรงกับเนื้อหาในบทความ โดยเนื้อหาในบทความเป็นการบอกวิธีแก้ปัญหาส้นเท้าแตก ด้วยการแช่เท้าในน้ำอุ่นผสมน้ำยาบ้วนปากและน้ำส้มสายชู ซึ่งตามคำแนะนำนั้นเป็นการใช้ที่ผิดวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์ จึงไม่อาจช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด ทั้งนี้ มีข้อควรระมัดระวังการใช้ในปริมาณที่เข้มข้นสูง หรือสัมผัสบริเวณที่มีบาดแผล หรือที่มีการอักเสบของผิวหนังซึ่งอาจเกิดการระคายเคือง หรืออาการแพ้ต่อผิวหนังได้

ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่ www.nutrition.anamai.moph.go.th หรือ โทร.0 29687 7619

“สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ตฯ” จัดโปรช่วงเปิดตัว 19-21 มิ.ย.63

alivesonline.com : “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ” ชูจุดเด่นมิติใหม่แห่งการชอปปิงระดับโลก ดึง 200 แบรนด์ทั่วโลกร่วมเปิดชอปบนพื้นที่ 5 หมื่นตารางเมตร เผยร้านค้าร่วมเปิดตัว 65% พร้อมจัดโปรช่วงวันที่ 19-21 มิ.ย.63 มอบส่วนลดเพิ่มอีก 10-15% จากลดสูงสุดกว่า 70% คาดดึงคนไทยแห่ชอป 80% จากเดิมที่ตั้งเป้าเพียง 60-70% เหตุนักนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเดินทางเข้าไทยไม่ได้ แต่ยังมั่นใจมีผู้มาใช้บริการวันละประมาณ 1 หมื่นคน พร้อมอัตราการซื้อสินค้า 90-95% ในราคาขั้นต่ำ 1.5-2 พันบาทต่อคน

นายไมเคิล ถัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามพิวรรธน์ ไซม่อน จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และ บริษัท ไซม่อน พร็อพเพอร์ตี้ กรุ๊ป จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อดำเนินธุรกิจ พรีเมียมเอาท์เล็ตของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ” (SIAM PREMIUM OUTLET BANGKOK) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้เวลาประมาณ 1 ปีในการดำเนินงานโครงการฯ นี้จนก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 จึงทำให้ต้องรอความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ประกาศมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 4 โดยโครงการฯ มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัยซึ่งสอดรับกับมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ของรัฐบาล โดยจัดให้มีมาตรการการเช็กอินและเช็กเอาท์ผ่านแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” ตรวจวัดอุณหภูมิ รวมถึงจุดให้บริการเจลล้างมือแอลกอฮอลล์ รวมถึงพนักงานผู้ให้บริการจะสวมมาส์กและรักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด ตลอดจนกำหนดจำนวนผู้มาใช้บริการให้เป็นไปตามมาตรการเว้นระยะห่างของภาครัฐอย่างเข้มงวด

โครงการ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ” ใช้เงินลงทุน 4 พันล้านบาท บนที่ดินประมาณ 150 ไร่ เบื้องต้นเปิดบริการเฟสแรก พื้นที่ 50 ไร่ มีขนาดพื้นที่ใช้สอยประมาณ 5 หมื่นตารางเมตร พร้อมที่จอดรถประมาณ 1.5 พันคัน จากนั้นจะพัฒนาเฟสที่ 2 เป็นส่วนต่อขยายเอาท์เล็ต และเฟสที่ 3 เป็นบริการอื่น ๆ เช่น โรงแรม เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00–21.00 น. ใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยใช้เส้นทางทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี กม.23 ทางออก 5 ลาดกระบัง โดยโครงการฯ ยังมีให้บริการรถชัตเติลบัสรับ-ส่งฟรีจากสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีมักกะสัน อีกด้วย

นายไมเคิล กล่าวอีกว่า สำหรับสัดส่วนร้านค้าภายในโครงการฯ แบ่งเป็นแบรนด์ลักซ์ชัวรี 10% อาหาร 10% และแบรนด์ต่างประเทศ 80% รวมแล้วมากกว่า 200 แบรนด์ ปัจจุบันมีร้านค้าที่เปิดให้บริการแล้วประมาณ 65% คาดว่าภายในสิ้นเดือนมิถุนายน ศกนี้ จะเพิ่มเป็น 70% และเพิ่มเป็น 80% ภายในสิ้นปี 2563 โดยเบื้องต้นบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าจะมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นคนไทย 60-70% และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 30-40% เน้นนักท่องเที่ยวจีน 50-60% แต่เมื่อเกิดสถานการณ์ COVID-19 และยังอยู่ในช่วงการควบคุมการเดินทางทางเข้า-ออกประเทศ ทำให้ต้องปรับแผนใหม่เป็นเน้นคนไทยมากขึ้นถึง 80% โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการ โดยในช่วงเปิดบริการอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน 2563 ร้านค้าต่าง ๆ จะมีการจัดโปรโมชันพิเศษมอบส่วนลดเพิ่มอีก 10-15% จากลดสูงสุดกว่า 70% ซึ่งคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการวันละประมาณ 1 หมื่นคน มีอัตราการซื้อสินค้าประมาณ 90-95% ในราคาขั้นต่ำ 1.5-2 พันบาทต่อคน

 

นายไมเคิล กล่าวในตอนท้ายว่า ปัจจุบัน “ไซม่อน พรี่เมี่ยม เอาท์เล็ต” มีทั้งหมด 86 สาขา โดยในเอเชียมีที่ประเทศญี่ปุ่น 10 สาขา เกาหลีใต้ 5 สาขา มาเลเซีย และประเทศไทยซึ่งตามแผนมีกำหนดจะเปิด 3 สาขา แต่ในสถานการณ์ COVID-19 ทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องเน้นกลยุทธ์การบริหารธุรกิจด้วยการควบคุมต้นทุนเป็นหลัก จึงอาจต้องพิจารณาแผนการลงทุนและชะลอโครงการออกไปอีกสักระยะ โดยในส่วนของ “สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ” ก่อให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 1 พันอัตรา โดยมีแบรนด์แบรนด์ลักซ์ชัวรีระดับเวิลด์คลาสที่เผยโฉมในคอนเซ็ปต์เอาท์เล็ตเป็นครั้งแรกในเมืองไทย อาทิ Burberry, Balenciaga, Bally, Breitling, CK, Furla, Hugo Boss และ Montblanc

นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์ลักซ์ชัวรีอีกมากมาย อาทิ Salvatore Ferragamo, DKNY, 3.1 Phillip Lim, Alexander Wang, Black Barrett by Neil Barrett, Diesel, Marni, P.S. Paul Smith, Proenza Schouler, Stella McCartney, DKNY, See by Chloé, Joseph and Porsche Design รวมถึงเอาท์เล็ต Coach, kate spade NEW YORK และ Skechers ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยนำเสนอสินค้าครบครัน และแบรนด์อินเตอร์เนชั่นแนลชั้นนำและแบรนด์ไทยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ American Eagle, Cotton On, Mango, New Era, U.S. Polo Assn., Camper, Dr. Martens, REPLAY, Sperry และ Lamy

นอกจากนี้ยังมี Nike พรีเมี่ยม รีเทล สโตร์ ขนาดใหญ่กว่า 1.3 พันตารางเมตร ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษสำหรับดิจิทัลเมมเบอร์โดยเฉพาะ และสไตล์การตกแต่งร้านที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากศิลปะไทย อีกทั้ง adidas เอาท์เล็ต ที่ครบครันด้วยคอลเลกชันทั้งสปอร์ตและแฟชั่นกว่า 2 พันรายการ อีกทั้งแบรนด์สปอร์ตแวร์เอ็กซ์คลูซีฟมากมาย อาทิ Asics, Vans, North Face, Sports Selected และ Grand Motorsports

พร้อมด้วยแบรนด์สินค้าของตกแต่งบ้าน เทคโนโลยี และสินค้าสำหรับเด็ก อาทิ Tefal, Ralph Lauren Home, Calvin Klein, Sanderson, Yves Delorme, Garmin, Fitbit, irobot, DJI Phantom, Nintendo, Lego และอีกมากมาย รวมทั้งแบรนด์ไทยระดับแนวหน้าอย่าง EVEANDBOY ไลฟ์สไตล์บิวตี้สโตร์อันดับหนึ่งของเมืองไทยที่จะเผยโฉมในคอนเซ็ปต์ใหม่ นอกจากนี้ยังจะมีลักซ์ชัวรีแบรนด์เข้ามาเสริมทัพเพิ่มเติมอีกในระยะเวลาอันใกล้นี้อย่างต่อเนื่อง

 

“ทีเส็บ – กรมอนามัย” เยี่ยมชมความพร้อมสถานที่จัดงานไมซ์ “ไบเทค”

นางศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” ร่วมกับ แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เยี่ยมชมการเตรียมความพร้อมของศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ในการอนุญาตจัดงานตามแบบประเมินปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 สำหรับการจัดแสดงสินค้าของทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยมี ดร.ประสาน ภิรัช บุรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ภิรัชบุรี และ นางสาวปนิษฐา บุรี กรรมการผู้จัดการ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ให้การต้อนรับ เมื่อเร็ว ๆ นี้

ททท. มอบสัญลักษณ์ “SHA” แก่พระบรมมหาราชวัง

alivesonline.com : เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2563 นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มอบตราสัญลักษณ์ SHA ให้แก่พระบรมมหาราชวัง โดยพลอากาศตรี สุพิชัย สุนทรบุระ รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นผู้รับมอบ โดยมี แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. ร่วมพิธีฯ ณ พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร

กระทรวงสาธารณสุข และ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้ร่วมกันดำเนินโครงการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย หรือ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว หรือผู้มาใช้บริการหลังจากสถานการณ์ COVID-19 อยู่ในระดับที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทาง ด้วยการกระตุ้นให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ดำเนินการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งด้านการบริการและด้านสุขอนามัยให้เป็นไปตามมาตรการทางสาธารณสุข สอดคล้องกับวิถีปกติใหม่ (New Normal) ซึ่งไม่เพียงแค่การนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีเหมือนอย่างที่เคยปฏิบัติกันมา ยังมีความจำเป็นต้องลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของโรคติดต่อไวรัส COVID-19 เพื่อให้เดินทางท่องเที่ยวอย่างมีความสุข และได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดเวลาที่มาเยือนประเทศไทยอีกด้วย

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2563 หลังจากรัฐบาลผ่อนปรนกิจกรรมและกิจการต่าง ๆ เป็นระยะ พระบรมมหาราชวัง ได้ดำเนินการตามมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยเป็นอย่างดี โดยผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน เวลา 08.30–15.30 น. ชาวไทยเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส่วนชาวต่างชาติเสียค่าเข้าชมคนละ 500 บาท

สำหรับสถานประกอบการที่สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใด โดยศึกษาแนวทางปฏิบัติตามมาตรฐาน SHA ซึ่งดาวน์โหลดเป็น e-Book ได้ที่ https://thailandsha.tourismthailand.org/ebook และสมัครขอรับการตรวจและรับตราสัญลักษณ์ SHA ได้ที่ www.tourismthailand.org/thailandsha หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ทาง thailandsha@gmail.com หรือ Line Official : @thailandsha  และ 1672 เพื่อนร่วมทาง