เปิดไฟต้นคริสต์มาส “ยูดี ทาวน์ อุดรธานี”

นายวันชัย จันทร์พร (ที่ 2 จากซ้าย) รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ให้เกียรติร่วมงานเปิดไฟต้นคริสต์มาส “UD TOWN Christmas Tree Light Up 2018” โดยมี นายธนกร วีรชาติยานุกูล (ที่ 2 จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด พร้อมภริยา (ซ้ายสุด) และนางสาวอภิชา วีรชาติยานุกูล (ขวาสุด) ผู้จัดการฝ่ายดูแลภาพลักษณ์องค์กร บริษัท อุดรพลาซ่า จำกัด ให้การต้อนรับ ณ ศูนย์การค้า “ยูดี ทาวน์” อุดรธานี เมื่อเร็ว ๆ นี้

“เซ็นทารา หาดใหญ่” จัดงานลอยกระทง

นายมนูญ วุฒิ ผู้จัดการทั่วไปนำผู้บริหารและพนักงาน โรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่ จัดกิจกรรม การแสดงกลองยาวให้กับนักท่องเที่ยวได้ชมความงามของประเพณีไทย ในช่วงเทศกาลวันแห่งความสุข “วันลอยกระทง” ทำให้นักท่องเที่ยวประทับใจร่วมถ่ายภาพเพื่อเป็นที่ระลึกอย่างสนุกสนาน ณ .โรงแรมเซ็นทารา หาดใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

“ควิกแสบ” ร่วมกิจกรรม “Jumper Music Smallroom Campus 2018”

นางสาวอลิสษา ทองขาว (ที่ 3 จากขวา) ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “ควิกแสบ” เป็นตัวแทนขึ้นมอบของรางวัลให้แก่น้อง ๆ ที่ร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ จาก “ควิกแสบ” ในงาน “Jumper Music Smallroom Campus 2018” คอนเสิร์ตเอาใจขา Jump กับศิลปินสมอลล์รูมแบบยกค่าย ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เมื่อเร็ว ๆ นี้

เปิดตัว “โฟตอน เดมเลอร์” รุ่น “ออแมน อีเอสที 400”

นายกาว หมิง (กลาง) ประธานกรรมการ บริษัท โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว “โฟตอน เดมเลอร์” รุ่น “ออแมน อีเอสที 400” (FOTON AUMAN EST 400) รถหัวลากคุณภาพที่มาพร้อมสุดยอดเทคโนโลยีจากเยอรมนี สหรัฐอเมริกาและจีน ให้ประสิทธิภาพการขับขี่เป็นเยี่ยม ตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าชาวไทยและเป็นทางเลือกใหม่สำหรับตลาดโลจิสติกส์ พร้อมเปิดทดลองขับโชว์ศักยภาพรถคุณภาพมาตรฐานยุโรป ในงาน “FOTON EXPO DAY 2018” โดยมี นายไต้ หง ข่าย ประธานบริหาร โฟตอน เอเซีย แปซิฟิก นายฮาวเวิร์ด หวง  ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท โฟตอน ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมแสดงความยินดี ณ ปทุมธานี สปีดเวย์ เมื่อเร็ว ๆ นี้

[ชมคลิป] แนะนักการตลาดยึดหลัก 5R หัวใจสู่ความสำเร็จ

alivesonline.com : สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัดงานใหญ่ประจำปี Marketing Day 2018 ระดมกูรูด้านการตลาดเผยเคล็ดลับสู่ความสำเร็จ ด้าน นายกสมาคมการตลาดฯ เชื่อเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ระบุเทรนด์การตลาดใน 1-2 ปีข้างหน้าจะเป็นการเติบโตจากภายในสู่ภายนอก อัพเดตหัวใจการทำธุรกิจยุค Marketpreneurship ผสมผสานหัวใจนักการตลาดกับการเป็นนักวางยุทธศาสตร์ พร้อมมีความยืดหยุ่นฉับไวแบบผู้ประกอบการ เพื่อสร้างสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ แนะนักการตลาดยึดกลยุทธ์ “5R” สู่ความสำเร็จ

ในพิธีเปิดงานวันนักการตลาด Marketing Day 2018” ซึ่งจัดโดย สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT)  เมื่อวันที่ 23 พ.ย.61 ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ถ.สุขุมวิท 22 กรุงเทพฯ  นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวเปิดงานในหัวข้อ ก้าวสู่โลกการตลาดในน่านน้ำของปลาตัวจริง” ว่า ในปี 2561 ถือเป็นปีที่ธุรกิจไทยเริ่มเห็นโอกาสในการเติบโตจากสภาวะเศรษฐกิจไทยที่เริ่มฟื้นตัว ดังจะเห็นได้ว่าอัตราการเติบโตทางจีดีพีในช่วง 9 เดือนแรกมีการขยายตัวกว่า 4.3% จากการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น 5% ขณะที่มีอัตราการว่างงานลดน้อยลง และลดลงเหลือเพียง 1% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 2 ปี ส่วนการลงทุนมีการขยายตัว 3.9% เท่ากับเป็นตัวบ่งชี้เชิงบวกในระยะเริ่มต้น แม้จะมีความท้าทายจากการสภาวะผันผวนทางเศรษฐกิจโลกจากสถานการณ์การเพิ่มการกีดกันทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ทำให้การส่งออกชะลอตัวลงบ้าง แต่ภาพรวมของปี 2561 และปี 2562 ยังมองเห็นโอกาสในการพัฒนาภาคธุรกิจของประเทศไทย แต่นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักการตลาดจะต้องมีการปรับตัวเพื่อตอบรับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น

https://www.facebook.com/alivesonline/videos/1943057402662632/?modal=admin_todo_tour

 

https://www.facebook.com/alivesonline/videos/1959780497424075/?modal=admin_todo_tour

เทรนด์การตลาดใน 1-2 ปีข้างหน้าจะเริ่มเปลี่ยนจาก Globalization เป็น Localization มากขึ้น เป็นการเติบโตจากภายในสู่ภายนอก เพราะธุรกิจภายในประเทศนั้นโอกาสทางจะมีมากขึ้น ผู้ประกอบการภายในประเทศจะมีโอกาสเติบโตมากขึ้น แต่การจะคว้าโอกาสได้นั้นองค์กรต้องมีการปรับตัว เจ้าของกิจการและนักการตลาดจะพึ่งพายอดขายผ่านการสร้างแบรนด์ด้วยโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างเดียวนั้นไม่พออีกต่อไป ดังนั้นบุคลากรในองค์กรจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีคิดและวิธีปฎิบัติ ขณะที่ผู้ประกอบการรายย่อยที่ถนัดด้านการผลิตก็จะต้องมีหัวใจนักการตลาด พร้อมการเป็นนักวางยุทธศาสตร์มากขึ้น ส่วนองค์กรใหญ่ก็ต้องปรับตัวให้มีความฉับไวและยืดหยุ่นแบบผู้ประกอบการรายย่อย ธุรกิจยุค Marketpreneurship จึงต้องก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงในการทำธุรกิจ รวมถึงนำเทรนด์เทคโนโลยีที่มีประโยชน์มาให้เสริมประสิทธิภาพ

“เทคโนโลยีที่น่าจับตามองในปี 2562 คือ เรื่องของ Connected Cloud, Chatbots, Data Analytic และการนำ Data ไปใช้ รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น IoT, AI, Machine Learning และ Edge Computing สิ่งเหล่านี้จะมีบทบาทเป็นอย่างยิ่งในโลกยุคใหม่และธุรกิจที่เปิดรับและนำเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพทั้งการผลิตและการตลาด ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าองค์กรที่ไม่มีการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ผู้ชนะในน่านน้ำของการแข่งขันในยุคใหม่ จึงไม่ได้วัดกันที่การเป็น ปลาใหญ่ หรือปลาไว แต่ต้องเป็นปลาที่ใช่ หรือ The Right Fish”

นายอรรถพล กล่าวด้วยว่า หัวใจแห่งความสำเร็จประกอบด้วย “5 ใช่” คือ Right People – Right Product – Right Purpose – Right Approach และ Right Time โดย Right People คือ “คนที่ใช่” ในยุคที่ส่วนแบ่งของตลาดและกลุ่มผู้บริโภคมีการแบ่งย่อยเป็นอย่างมาก แบรนด์ต้องมีความชัดเจนว่าสินค้าและบริการนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใคร เพราะในโลกยุคปัจจุบัน Mass Marketing หรือ One Size Fit All นั้นเริ่มเลือนหายไป และถูกทดแทนด้วย Personalized Marketing ซึ่งเป็นการตลาดระดับบุคคล ดังนั้น การตั้งโจทย์ที่ถูกต้องต้องเริ่มตั้งแต่การตั้งกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อตอบความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้ได้อย่างตรงจุด

Right Product คือ “สินค้าที่ใช่” เพราะการพัฒนาสินค้าและบริการไม่ได้มาจากความเชี่ยวชาญขององค์กรเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมาจากความต้องการของลูกค้า ในสมัยนี้ไม่ใช่ว่าแค่ผลิตสินค้าดีมีคุณภาพแล้วคนจะหลั่งไหลมาซื้อ แต่นอกจากดีแล้วยังต้องโดนอีกด้วยคือ สินค้าที่ใช่นั้นต้องโดนใจและตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาในชีวิตของลูกค้า ดังนั้นแบรนด์จึงต้องใกล้ชิดกับผู้บริโภคให้มากขึ้นและทำความเข้าใจกับความต้องการของพวกเขาให้ได้อย่างถ่องแท้

Right Purpose คือ “วัตถุประสงค์ที่ใช่” เนื่องจากเราอยู่ในยุคที่เรื่องของ Shared Purpose เป็นเรื่องสำคัญ เพราะผู้บริโภคมีทางเลือกมากมาย ความชอบและการเลือกซื้อเป็นระดับบุคคลมากขึ้น ผู้บริโภคจึงมองหาแบรนด์ที่เป็นเหมือนเพื่อนของเขา คิดอะไรเหมือนกัน มีความเชื่อและมีจุดหมายในชีวิตที่เหมือนกัน ดังนั้นแบรนด์ที่มีวัตถุประสงค์ที่ยิ่งใหญ่มากกว่าแค่การขายสินค้าและบริการจึงมักเป็นแบรนด์ที่ถูกเลือก โดยแบรนด์เหล่านี้ต้องพิสูจน์ความตั้งใจดีด้วยการกระทำ ดังนั้นเรื่องของความรับผิดชอบทางสังคม หรือ CSR จึงไม่ใช่แค่กิจกรรมชั่วคราว แต่ถูกฝังลงไปในขั้นตอนและแนวคิดของสินค้าด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกซื้อและเลือกแนะนำของลูกค้าเป็นอย่างมาก

Right Approach & Right Time “ถูกวิธี ถูกที่” และ “ถูกเวลา” ในยุคที่ผู้บริโภคเป็นใหญ่ แบรนด์ต้องสร้างความเข้าใจใน Customer Journey และเข้าให้ถึงผู้บริโภคให้ ถูกวิธี ถูกที่ และถูกเวลา โดยไม่มีเส้นกั้นระหว่าง Online และ Offline อีกต่อไป ทั้งการสื่อสาร ช่องทางการขาย และการเชื่อมโยงข้อมูลของลูกค้า ทุกอย่างต้องถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน โดยเจ้าของกิจการและนักการตลาดต้องมองภาพใหญ่ให้ชัดเจนเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากช่องทางต่าง ๆ จะมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จ

“สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นเป็นหัวใจสำคัญที่เจ้าของกิจการและนักการตลาดจะต้องปรับตัว โดยนำแนวคิด 5 Rights ไปปรับใช้ พร้อมเปิดรับแนวทางของ Marketpreneurship โดยผสมผสานหัวใจนักการตลาดกับความเป็นผู้ประกอบการ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จไปด้วยกัน” นายอรรถพล กล่าวในตอนท้าย

 

 

“กรุงศรี คอนซูมเมอร์” จับมือ “ลาล่ามูฟ” เพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน

alivesonline.com : “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” ผู้นำธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล และ “กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร จับมือ “ลาล่ามูฟ ประเทศไทย” ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นขนส่งสินค้าแบบ On Demand ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจครั้งสำคัญ ให้บริการสินเชื่อแบบใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณา พร้อมให้ความรู้ทางการเงินแก่ผู้ขับขี่เพื่อส่งเสริมวินัยทางการเงินที่ดี เตรียมต่อยอดความร่วมมือ สร้างเครือข่ายพันธมิตรในโลกดิจิตอล ขยายฐานลูกค้าต่อเนื่อง

นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” มีนโยบายสร้างเครือข่ายพันธมิตรกับผู้นำในธุรกิจต่าง ๆ เพื่อขยายขอบข่ายและความสามารถในการให้บริการทางการเงินและบริการสินเชื่อของเรา ให้กว้างขวาง ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและปรับวิธีการให้บริการทางการเงินและบริการสินเชื่อของ “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบของการให้บริการทางการเงินในโลกยุคใหม่อย่างแท้จริง

ล่าสุด จึงร่วมมือกับ “ลาล่ามูฟ” ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นขนส่งสินค้าแบบ On Demand (On Demand Delivery) ในการให้บริการทางการเงินและบริการสินเชื่อ ด้วยการปรับวิธีการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจากการดูเอกสารทางการเงินประกอบเพียงอย่างเดียวมาใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณาสินเชื่อ (Information-Based Lending) เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินให้กับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในโลกดิจิตอลและนับเป็นมิติใหม่ของการให้บริการทางการเงินในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญขึ้นทุกขณะ

“ในช่วงแรก กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะให้บริการสินเชื่อกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในเครือข่ายของ ลาล่ามูฟ กลุ่มที่มีผลงานดีเยี่ยมคือกลุ่ม Super Star และ Star โดยสินเชื่อที่ให้บริการประกอบด้วย สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต และสินเชื่อผ่อนชำระ เพื่อช่วยให้การประกอบอาชีพของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นไปด้วยความสะดวกยิ่งขึ้น เช่น เติมน้ำมัน หรือผ่อนยางรถจักรยานยนต์ เป็นต้น โดยผู้ขับรถของ ลาล่ามูฟ ที่สนใจและมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่ ลาล่ามูฟ กำหนด สามารถติดต่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครรับสินเชื่อได้ที่ฝ่ายบุคคลของ ลาล่ามูฟ หลังจากนั้น กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยเชื่อมต่อข้อมูลจากแอปพลิเคชั่นของ ลาล่ามูฟ เช่น ข้อมูลการรับงานของผู้ขับขี่ จำนวนรายได้ที่ผู้ขับขี่ได้รับจริงในแต่ละเดือน มาประกอบการพิจารณา โดย กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ยังเตรียมจะร่วมกับ ลาล่ามูฟ พัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันในการวิเคราะห์ข้อมูลในการอนุมัติสินเชื่อได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ นอกจากสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อผ่อนชำระและบัตรเครดิตแล้ว “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” ยังเตรียมเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่กลุ่มที่ได้รับเลือกจาก “ลาล่ามูฟ” เข้าถึงบริการทางการเงินอื่น ๆ ในอนาคต อีกทั้งยังเตรียมจะให้ความรู้เกี่ยวกับการบริหารการเงินส่วนบุคคลควบคู่กันไป โดยผู้ที่สนใจสามารถติดตามเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการบริหารการเงินได้จากเฟซบุ๊กโครงการ “ฉลาดคิด ฉลาดใช้” โดย “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” เพื่อเสริมสร้างวินัยทางการเงินที่ดีอีกด้วย

ด้าน นางกฤติยา ศรีสนิท กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “กรุงศรี ออโต้” ในฐานะผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เล็งเห็นถึงความสำคัญของความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจอยู่เสมอ ภายใต้ความร่วมมือกับ “ลาล่ามูฟ” ในครั้งนี้ “กรุงศรี ออโต้” จะประสานบริการด้านสินเชื่อแบบใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณา (Information-Based Lending) โดยผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ในเครือข่ายฯ สามารถใช้เอกสารเพียง 2 ฉบับ เพื่อขอสินเชื่อ “กรุงศรี มอเตอร์ไซค์” หรือ “กรุงศรี บิ๊ก ไบค์” ด้วยการกรอกใบสมัครและยื่นบัตรประชาชน โดยข้อเสนอดังกล่าวถือเป็นการขยายฐานลูกค้าของ “กรุงศรี ออโต้” ควบคู่ไปกับการมอบโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อยานยนต์ ผ่านการนำร่องบริการรูปแบบใหม่ซึ่งมีความสะดวก รวดเร็ว และเฉพาะเจาะจงยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้เป็นพนักงานประจำ ซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องเอกสาร นอกจากนี้ ยังเป็นการประสานการทำงานร่วมกันใน “กรุงศรี กรุ๊ป” เพื่อยกระดับการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอีกด้วย

นายชานนท์ กล้าหาญ กรรมการผู้จัดการ ลาล่ามูฟ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “ลาล่ามูฟ” ในฐานะบริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นขนส่งสินค้าแบบ On Demand (On Demand Delivery) ชั้นนำในทวีปเอเชียที่จัดส่งรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง มีนโยบายที่จะเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีในทุก ๆ ด้าน ให้แก่ผู้ขับขี่ซึ่งเป็นสมาชิกของ “ลาล่ามูฟ” การร่วมเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำอย่าง “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” และ “กรุงศรี ออโต้” นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ขับขี่ในเครือข่ายของเรา สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินคุณภาพ ได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือทางธุรกิจครั้งสำคัญที่น่าจะต่อยอดและขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมไปถึงผู้ประกอบการ ร้านค้าต่าง ๆ ที่อยู่ในเครือข่ายของ “ลาล่ามูฟ” ในอนาคตได้อีกด้วย

 

MBK จัดแคมเปญข้ามปี มัดใจลูกค้านักท่องเที่ยว-กลุ่มไมซ์

 

alivesonline.com : “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” ส่งแคมเปญ “NEW YEAR CELEBRATION 2019” มอบของขวัญสุดพิเศษตอบแทนลูกค้าทั้งชาวไทย-ต่างชาติ ยิงยาวข้ามปีกระตุ้นกำลังซื้อ สร้างบรรยากาศการจับจ่าย พร้อมผนึกกำลังร้านค้าภายในศูนย์การค้าฯ จับมือ ททท. เข้าร่วมมหกรรม “Amazing Thailand Grand Sale : Passport Privileges” มอบสิทธิประโยชน์ส่วนลดให้ลูกค้านักท่องเที่ยวสูงสุด 60 % พร้อมทำการตลาดเชิงรุกขยายฐานลูกค้านักท่องเที่ยวและนักเดินทางกลุ่มไมซ์

นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” กล่าวว่า ในช่วงปลายปีถือเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจค้าปลีก เนื่องจากเข้าสู่บรรยากาศการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ผู้บริโภคมีอารมณ์จับจ่ายใช้สอยและความต้องการซื้อสินค้ามากขึ้น รวมถึงการใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว โดย ศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” มีการตกแต่งภายในศูนย์ฯ และติดตั้งต้นคริสมาสต์ บริเวณลานสกาย วอล์ค ภายใต้แนวคิด “MBK CENTER NEW YEAR CELABRATION 2019 TUK TUK WONDERLAND” ซึ่งเป็นจุดแลนด์มาร์คที่นักท่องเที่ยวและลูกค้าคนไทยนิยมมาถ่ายรูป

ศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” ยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย “MBK CENTER : NEW YEAR CELEBRATION 2019” มอบประสบการณ์ชอปปิ้งสุดพิเศษเป็นของขวัญตอบแทนลูกค้าทั้งชาวไทยและต่างชาติซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและสร้างบรรยากาศการจับจ่าย สนับสนุนร้านค้าในการเพิ่มยอดขาย รวมถึงดึงดูดกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาจับจ่ายภายในศูนย์การค้าฯ มากขึ้น

“เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ มุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ลูกค้า พร้อมสร้างความตื่นเต้นและมอบประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจในทุกย่างก้าว รวมถึงเติมเต็มความต้องการและความคาดหวังในแต่ละกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกันให้ได้มากที่สุด” นายสมพล กล่าว

 

แคมเปญ MBK CENTER : NEW YEAR CELEBRATION 2019 มีระยะเวลาแคมเปญ 31 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2561 – 6 มกราคม 2562 โดยลูกค้าที่ใช้จ่ายครบตามที่กำหนดจะได้รับของสมนาคุณสุดพิเศษเป็นของขวัญตอบแทนลูกค้า อาทิ กระเป๋าคลัทช์, แฟลชไดร์ฟ, พาวเวอร์แบงค์ ดีไซน์สุดเก๋เป็นรูปมาสคอต “มาครับ” ซึ่งเป็นผลงานปฏิมากรรมโดย “โลเล-ทวีศักดิ์ ศรีทองดี” ศิลปิน-นักวาดภาพประกอบชื่อดังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากมิตรภาพของเพื่อนที่รู้ใจ ตั้งอยู่ทางเข้าศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” บริเวณทางเชื่อมลานสกาย วอล์ค จึงสื่อถึงมิตรภาพระหว่างศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” ที่อยู่เคียงข้างคนไทยมายาวนาน

ส่วนรายละเอียดแคมเปญมีดังนี้

-ชอปครบ 3,000 บาทขึ้นไป รับฟรี  MAKRUB Clutch Set มูลค่า 690 บาท พิเศษสำหรับลูกค้า “เอ็ม บี เค แอปพลิเคชั่น” (MBK APPLICATION) และสมาชิกบัตรเครดิตธนชาต สมาชิกบัตรเดบิตธนชาต ชอปเพียง 2,500 บาท ทั้งนี้ ร้านเพชรและร้านทองต้องมียอดใช้จ่าย 20,000 บาทขึ้นไป

-ชอปครบ 6,000 บาทขึ้นไป รับฟรี MAKRUB Flash Drive มูลค่า 990 บาท พิเศษสำหรับลูกค้า “เอ็ม บี เค แอปพลิเคชั่น” (MBK APPLICATION) และ สมาชิกบัตรเครดิตธนชาต สมาชิกบัตรเดบิตธนชาต ชอปเพียง 5,500 บาท ทั้งนี้ร้านเพชรและร้านทองต้องมียอดใช้จ่าย 40,000 บาทขึ้นไป

-ชอปครบ 9,000 บาทขึ้นไป รับฟรี MAKRUB Power Bank มูลค่า 1,290  บาท พิเศษสำหรับลูกค้า “เอ็ม บี เค แอปพลิเคชั่น” (MBK APPLICATION) สมาชิกบัตรเครดิตธนชาต สมาชิกบัตรเดบิตธนชาต ชอปเพียง 8,500 บาท ทั้งนี้ร้านเพชรและร้านทองต้องมียอดใช้จ่าย 80,000 บาทขึ้นไป

นอกจากนี้ เมื่อแสดงใบเสร็จฯ จากร้านอาหารมูลค่า 100 บาทขึ้นไป รับฟรี สตรอว์เบอร์รีอบแห้ง “ดอยคำ” 1 ซอง

จับมือ ททท. ผนึกกำลังร้านค้าในศูนย์ฯ จัด “เอ็กซ์คลูซีพ แคมเปญ” มัดใจทัวริสต์

นายสมพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดทั้งปี 2561 ศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” มีการทำการตลาดเชิงรุกในการขยายฐานลูกค้าต่างชาติ อาทิ การทำตลาดแบบไดเรกต์เข้าถึงกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง กลุ่มครอบครัว และกลุ่มไมซ์ (MICE) ซึ่งถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายและสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศในยุค 4.0 ด้วยการส่งเสริมการจัดงานประชุมสัมมนาและอีเวนต์ขนาดใหญ่ จึงเป็นโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ พร้อมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ปัจจุบัน 10 อันดับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” มาจากเยอรมนี อินเดีย ฝรั่งเศส อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น สวีเดน และสเปน มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 7.6 พันบาทต่อคนต่อบิล โดยการใช้จ่ายหลัก ๆ ได้แก่ ของฝากของที่ระลึก อาหารแปรรูป และการรับประทานอาหาร ซึ่งคาดว่าจากการทำการตลาดดังกล่าวจะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ อีกด้วย”

ล่าสุด ศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” ร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าร่วมโครงการ “อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลล์ : พาสปอร์ต พริวิเลจ” (Amazing Thailand Grand Sale : Passport Privileges) เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว โดยลูกค้าต่างชาติที่มียอดซื้อมากกว่า 800 บาทขึ้นไป สามารถแสดงหนังสือเดินทางเพื่อรับสิทธิประโยชน์และส่วนลดต่าง ๆ จากร้านค้าที่ร่วมรายการและร้านอาหารในเครือ “เอ็ม บี เค กรุ๊ป” อาทิ เลือกรับทันทีกระเป๋าใส่หนังสือเดินทางมูลค่า 499 บาท หรือกระเป๋าผ้าแคนวาสมูลค่า 590 บาท ร้านเขียวหวาน (KHEW WHAN) ร้านอาหารไทยต้นตำรับมอบส่วนลด 500 บาท เมื่อรับประทานอาหารครบ 1,000 บาท เป็นต้น โดยมีระยะเวลาแคมเปญตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 15 มกราคม 2562

นอกจากนี้ ลูกค้านักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้า “เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์” จะได้รับ “ทัวริสต์ พริวิเลจ การ์ด” สามารถนำไปใช้เป็นส่วนลดร้านค้าที่ร่วมรายการสูงสุดถึง 60 % พร้อมบริการที่มอบความสะดวกสบายและความประทับใจให้กับลูกค้า อาทิ Tourist Lounge พร้อมเครื่องดื่มและของว่าง รับรองลูกค้าต่างชาติที่มาใช้บริการภายในศูนย์การค้า Bag Deposit จุดบริการฝากและส่งสัมภาระของลูกค้านักท่องเที่ยวไปยังสนามบิน ห้องละหมาดขนาดใหญ่แยกชายหญิงอย่างเป็นสัดส่วน พร้อมบริการฟรี WI-FI

 

30 พ.ย.61 ฉลองเปิด HomePro S “เกตเวย์ แอท บางซื่อ” ลุ้นช้อปสินค้าราคาพิเศษ

ร่วมฉลองเปิดสโตร์แนวคิดใหม่ใจกลางเมือง “HomePro S เกตเวย์ แอท บางซื่อ” ศุกร์ที่ 30 พ.ย.61 รับสิทธิพิเศษเฉพาะ 300 ท่านแรก ลุ้นซื้อสินค้าราคาพิเศษจำนวนจำกัด อาทิ Smart TV Samsung 43 นิ้ว, ไมโครเวฟ Samsung, เตาบาร์บีคิว Smart Home, เครื่องดูดฝุ่นแบบกล่อง รวมไปถึง คูปองส่วนลดมูลค่า 100 บาทจาก “โฮมโปร” พร้อมรับโปรโมชั่นสุดคุ้ม สินค้าเรื่องบ้านลดสูงสุดถึง 60% สินค้า Super Shock และ สินค้าซื้อ 1 แถม 1 ให้ได้ช้อปกันอย่างจุใจ

HomePro S “เกตเวย์ แอท บางซื่อ” ตั้งอยู่บนชั้น 2 ในคอมมูนิตี้มอลล์ที่เป็นศูนย์กลางด้านการบริการอย่างครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์และชีวิตประจำวันของผู้ที่อยู่อาศัยย่านบางซื่อ ชูจุดเด่น 3S “SMART” สะดวก ช้อปง่าย สบาย ใกล้บ้าน “SELECT” คัดสรรสินค้าตรงใจคุณ ตอบโจทย์ทุกความต้องการเรื่องบ้าน “SERVICE” ครบครันทุกบริการเพื่อคนรักบ้าน เหมือนสโตร์ใหญ่ สร้างทุกทางเลือกให้เป็นไปได้พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ในการช้อปออนไลน์ด้วย Shop Online และ Click & Collect อีกทั้งยังเปิดให้บริการ “The Power Life” ศูนย์รวมภาพ เสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สมบูรณ์

พบกับโปรโมชั่นสุดคุ้ม ในวันศุกร์ที่ 30 พ.ย.61 วันเดียวเท่านั้นที่ HomePro S “เกตเวย์ แอท บางซื่อ” ชั้น 2 รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.homepro.co.th หรือ FB : homeprothailand

“สากล เอนเนอยี” ปรับกลยุทธ์ ขายก๊าซ CBG ให้ ปตท. 100%

alivesonline.com : บริษัท สากล เอนเนอยี (จำกัด) มหาชน หนึ่งในผู้นำธุรกิจด้านการให้บริการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ เตรียมขายสินค้าใหม่ก๊าซ CBG ให้กลุ่ม ปตท. คาดเซ็นสัญญาเร็ว ๆ นี้ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อขยายตลาดสถานีบริการ NGV ย่านอีสานใต้ เป็น 3,285 ตันต่อปี มั่นใจเปิดใช้บริการ ธ.ค.61 เพิ่มรายได้โตกว่า 15%

นายชัชชัย สุเมธโชติเมธา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมผลิตก๊าซ CBG ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ โดยเตรียมทำสัญญาซื้อขายระยะยาวกับ กลุ่มปตท. ทั้ง 100% ของกำลังการผลิตคือ 9 พันกิโลกรัมต่อวัน (9 ตันต่อวัน) หรือหากคิดเป็นปีจะสามารถผลิตก๊าซ NGV ได้ประมาณ 3.285 ล้านกิโลกรัมต่อปี (3,285 ตันต่อปี) เพื่อสร้างความมั่นคงของธุรกิจ โดยการขายก๊าซ CBG ให้ กลุ่มปตท. เป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์จากเดิมที่จะเน้นการขายปลีกให้ลูกค้ารายย่อย เป็นการขายส่งให้กลุ่มปตท เนื่องจาก กลุ่มปตท เป็นทั้งพันธมิตรธุรกิจที่สำคัญและเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายพลังงานอันดับหนึ่งของประเทศที่มีความมั่นคงทางธุรกิจสูงสุด ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสที่จะเพิ่มรายได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน การซื้อก๊าซ CBG จาก SKE จะทำให้ กลุ่ม ปตท. สามารถลดต้นทุนในการขนส่งและเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรในธุรกิจ NGV

ในอนาคตอันใกล้ บริษัทฯ ยังเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซ CBG เพื่อเจาะกลุ่มสถานีบริการก๊าซ NGV ในเขตภาคอีสานใต้ อาทิ บุรีรัมย์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด เป็นต้น โดยเหตุผลที่บริษัทฯ เปิดให้บริการ CBG ล่าช้า เนื่องจากระบบก๊าซ CBG ที่ทางบริษัทฯ ทำออกมาได้มีคุณภาพที่ดีอยู่ที่ 92-94% ซึ่งดีกว่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ประมาณ 85% ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับปรุงก๊าซและตรวจสอบให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด โดยมั่นใจว่าจะสามารถเปิดใช้บริการภายในเดือน ธ.ค.61 และจะสามารถเริ่มทำการขายก๊าซ CBG เต็มรูปแบบเดือน ม.ค.62

“การลงทุนในครั้งนี้ยังได้รับการอนุมัติเงินทุนสนับสนุนจากโครงการส่งเสริมการผลิตไบโอมีเทนอัดในสถานประกอบการที่มีระบบก๊าซชีวภาพจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นเงินจำนวน 12 ล้านบาทอีกด้วย โดยภายในต้นปี 2562 จะยังได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากร”

นายชัชชัย กล่าวด้วยว่า ในส่วนของผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ปี 2561 สิ้นสุด 30 กันยายน 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวม 255.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 มีรายได้ 247.3 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการอัดก๊าซที่เพิ่มขึ้น และในงวดนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 45.16 ล้านบาท ลดลงจากกำไรสุทธิ 55 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังสามารถรักษาโครงสร้างการเงินที่ดี โดยมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ดีคือ 0.15 เท่า และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ประมาณ 40% และอัตรากำไรสุทธิที่ประมาณ 18%

“บริษัทฯ คาดว่าในปี 2562 จะมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากธุรกิจหลักในการบริการอัดก๊าซ NGV ซึ่งขยายตัวตามภาคขนส่งและอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามโครงการ EEC และการลงทุนภาคอุตสาหกรรม และเนื่องจากการขายก๊าซ CBG ให้กับปตท. 100% เพื่อสร้างศักยภาพที่ดีให้แก่บริษัทฯ และการเติบโตที่ยั่งยืนในธุรกิจพลังงาน แม้ปัจจุบันจะได้รับผลกระทบบ้างจากการเปิดใช้ท่อก๊าซเส้นใหม่ของกลุ่มปตท. ขณะที่ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงทำให้ก๊าซ NGV ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักของภาคขนส่งขนาดใหญ่ บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าจะมีแนวโน้มการขยายตัวที่ดีในปีหน้า”

ทั้งนี้ SKE มุ่งเน้นดำเนินธุรกิจด้านพลังงานอย่างครบวงจร โดยมีธุรกิจหลักคือ ประกอบธุรกิจบริการอัดก๊าซ NGV ให้รถขนส่งก๊าซธรรมชาติของ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมีสถานีก๊าซธรรมชาติของบริษัท 2 สถานี คือ สถานีก๊าซธรรมชาติหลักปทุมธานี และสถานีก๊าซธรรมชาติหลักสระบุรี ซึ่งมีกำลังการอัดก๊าซสูงถึง 750 ตันต่อวัน โดยบริษัทฯ มีผลประกอบการที่เติบโตอย่างมั่นคงและมีรายได้สม่ำเสมอมาโดยตลอดและรักษาปริมาณการอัดก๊าซธรรมชาติมากกว่าปริมาณขั้นต่ำตามสัญญาธุรกิจสถานีบริการก๊าซธรรมชาติหลักเอกชนที่ทำกับกลุ่มปตท.ซึ่งมีระยะเวลาสัญญานานถึง 20 ปี จะทำให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ขยายตัวอย่างมีนัยยะ และบริษัทฯ มีพื้นฐานดีและการบริหารต้นทุนที่ดี เชื่อว่าตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไปจะมีรายได้และกำไรที่ดีขึ้น ส่งผลให้มีผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นที่เติบโตอย่างมั่นคง

 

“ถิรไทย” มั่นใจผลประกอบการปี 61 เฉียด 2.8 พันล้านบาท

alivesonline : “ถิรไทย” ผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมด้านพลังงานรายใหญ่ของประเทศ โชว์รายได้ไตรมาส 3/61 ยอดขายพุ่งกว่า 1,362.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 267.09 ล้านบาท หรือ 24.38 % หลังบริษัทฯ เริ่มส่งมอบหม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และบริษัทในเครือมีรายได้เพิ่มขึ้น เตรียมเดินหน้าประมูลงานกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท หวังโกยงานได้กว่า 20-25% คาดปีนี้ปิดยอดขายเฉียด 2.8 พันล้านบาท เพราะตุน Backlog แล้วกว่า 1,775 ล้านบาท

นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT ผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้าและอุตสาหกรรมด้านเกี่ยวกับพลังงานรายใหญ่ของประเทศ เพื่อผลิตสินค้าตามคําสั่งซื้อของลูกค้า (Made to Order) เพื่อจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2561 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีผลกำไรขาดทุนสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 35.61 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 121.58 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดบัญชีเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่จำนวน 157.19 ล้านบาท

บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขาย 1,362.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 267.09 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.38 เนื่องจากมีการส่งมอบหม้อแปลงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นและบริษัทในเครือมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อย ยังมีรายได้จากการบริการ 304.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย 2.46 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.82 เนื่องจาก รายได้บริการหม้อแปลงของบริษัทในเครือเพิ่มขึ้น

บริษัทฯ และ บริษัทย่อย ยังมีรายได้ตามสัญญาก่อสร้างจากการดำเนินการของบริษัทย่อย จำนวน 73.66 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 164.11 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 69.02 เนื่องจากบริษัทย่อยมีงานสัญญาก่อสร้างน้อยลง ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีกำไรขั้นต้นจากการขาย ร้อยละ 14.55 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 7.78 เนื่องจากในไตรมาสนี้มีการส่งมอบสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง

นายสัมพันธ์ กล่าวในตอนท้ายว่า ปัจจุบันกลุ่มบริษัท ถิรไทย มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ. 30/9/61 จำนวน 1,775 ล้านบาท แบ่งเป็น Transformer 72% และ Non-Transformer 28% โดยจะส่งมอบภายในปี 2561 จำนวน 1,115 ล้านบาท และปี 2562 จำนวน 660 ล้านบาท รวมถึงยังมีงานรอประมูลและอยู่ระหว่างการเสนอราคา จำนวนทั้งสิ้น 12,050 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐรวมมูลค่า 3,580 ล้านบาท งานในประเทศ 1,750 ล้านบาท และส่งออก 1,525 ล้านบาท รวมทั้งกลุ่ม Non-Transformer อีกประมาณ 2,855 ล้านบาท โดยคาดว่ากลุ่มบริษัท ถิรไทย จะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 20-25% ทำให้ในปี 2561 กลุ่มบริษัท ถิรไทย จะมียอดขายทั้งสิ้นประมาณ 2.8 พันล้านบาท