“ไทยเบฟ” ส่งมอบแอลกอฮอล์ 1.9 แสนลิตรให้ สภากาชาดไทย

นายปวิณ ชำนิประศาสน์ (ที่ 2 จากขวา) รองปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายขรรค์ ประจวบเหมาะ (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้ สภากาชาดไทย รับมอบแอลกอฮอล์ จำนวน 1.9 แสนลิตร จาก นายประวิช สุขุม (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร ผู้แทน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เพื่อเตรียมเร่งกระจายออกไปยังกระจายไปยังชุดปฏิบัติการ และหน่วยบริการสาธารณสุขครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ

รพ.พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ร่วมใจสู้ภัย COVID-19

นายแพทย์วรัญญ์ เทียนส่ง (ที่ 3 จากขวา) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ และ ดร. อัจฉรา รัตนพันธ์ศรี (ที่ 2 จากขวา) ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและแพทย์ ร่วมใจสู้ภัยโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยมอบแอลกอฮอล์เจล อาหารและน้ำดื่ม ให้แก่เจ้าหน้าที่ ณ จุดบริการตรวจคัดกรองประชาชน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทุกท่าน โดยมีผู้แทนจากสถานีตำรวจบางนา และสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ให้เกียรติรับมอบ ณ จุดบริการตรวจคัดกรองประชาชน เขตบางนา เมื่อเร็ว ๆ นี้

“อาคเนย์” มอบหน้ากากผ้า เพื่อเจ้าหน้าที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ

นายเขมพล อุ้ยตยะกุล (ซ้าย) เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รับมอบ หน้ากากอนามัยแบบผ้าจำนวน 2,000 ชิ้น จาก นายมนตรี วงศ์ท่าเรือ (ขวา) รองกรรมการผู้จัดการ สายงานลูกค้าสถาบัน บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เพื่อนำไปแจกจ่ายให้เจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงาน แต่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่สุ่มเสี่ยง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

กรมการท่องเที่ยว เตือนมัคคุเทศก์ “อย่าให้ข้อมูลเท็จ”

alivesonline.com : ตามมาตรการของภาครัฐในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ซึ่งเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ เป็นลูกจ้างชั่วคราว และอยู่นอกระบบประกันสังคม โดยพิจารณาให้ได้รับเงินชดเชยรายได้ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน (เมษายน – มิถุนายน) รวมเป็นเงิน 15,000 บาท เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชยรายได้ตามหลักเกณฑ์ของมาตรการรับเงินเยียวยา 5,000 บาท จากภาครัฐ โดยอาชีพมัคคุเทศก์อยู่ในกลุ่มฐานข้อมูลกลุ่มแรกที่มีสิทธิได้รับเงินเยียวยา นั้น

กรมการท่องเที่ยว จึงขอแจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์ทุกท่าน ก่อนที่จะดำเนินการลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิตามมาตรการดังกล่าว ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของตนก่อนว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ หากไม่เป็นไปตามเงื่อนไขและลงทะเบียนผ่านระบบแล้ว กระทรวงการคลัง จะสั่งระงับสิทธิในการได้รับเงินชดเชยตามมาตรการฯ โดยมัคคุเทศก์รายดังกล่าวจะต้องรับผิดชอบจ่ายเงินชดเชยที่ได้รับไปแล้วคืนให้แก่ภาครัฐภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ที่ได้รับแจ้งการระงับสิทธิดังกล่าว และภาครัฐอาจใช้สิทธิในการดำเนินคดีทางแพ่งหรือทางอาญากับมัคคุเทศก์รายดังกล่าวได้อีกด้วย เพราะขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิเป็นจำนวนมาก ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าส่วนใหญ่มีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ ทำให้ภาครัฐต้องใช้เวลาในการคัดกรองผู้ลงทะเบียนที่ผิดเงื่อนไขออกไปก่อน จึงจะดำเนินการตามมาตรการต่อไปได้ ทั้งนี้ ในภาวะวิกฤตของประเทศที่เราทุกคน ทุกอาชีพ ช่วยเหลือกันได้ดีที่สุด คือ ความเห็นอกเห็นใจกัน ลดการเอารัดเอาเปรียบ มองเห็นประโยชน์สุขของส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และมีน้ำใจช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆ ก่อน เพื่อให้ประเทศของเราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้

อัปเดท 5 เทรนด์จิลเวลรี่ยอดนิยมในอเมริกาฝ่า COVID-19

alivesonline.com : ช่วงเวลาที่ทุกอย่างรอบตัวดูแย่และไม่เป็นไปอย่างที่คิด อย่าเสียเวลาไปกับการตีโพยตีพายที่อะไรก็ไม่ได้ดังใจ แต่ควรใช้ช่วงเวลานี้อัปสกิลพัฒนาตัวเอง เผื่อจะพบโอกาสใหม่หลังจากผ่านพ้นวิกฤติการณ์ COVID-19 ไป

เครื่องประดับถือเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่ “สายแฟ” ทั้งหลายให้ความสำคัญ แน่นอนว่าในแต่ละปีก็มีเทรนด์ใหม่ ๆ ออกมา ดีไซน์เนอร์เครื่องประดับหลายคนได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากวงการออกแบบแฟชั่น ทุกปีนักออกแบบเสื้อผ้าแทบทุกแบรนด์จะพยากรณ์แนวโน้มและทิศทางสินค้าแฟชั่นในอนาคตและนำเสนอแนวคิดผ่านการจัดงานแสดงแฟชั่นตามเมืองศูนย์กลางแฟชั่นโลก ดังเช่นการจัดงานแสดงแฟชั่น ณ กรุงนิวยอร์กเมื่อปลายเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา มีนักออกแบบแฟชั่นการนำเสนอแนวโน้มสินค้าเครื่องประดับที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคสหรัฐอเมริกาในปี 2563 ดังนี้

1.เครื่องประดับแบบตุ้ม (Ball) โดยเทรนด์เครื่องประดับดังเช่น แหวน สร้อยคอ ต่างหู ถูกออกแบบด้วยการผสมผสานลูกตุ้มมาเป็นส่วนประกอบ

2.สร้อยคอขนาดใหญ่หรือยาวกว่าปกติ (Big or Long Necklaces) กลับมาฮิตอีกครั้งกับสร้อยคอหรือ “โชกเกอร์” (Choker) ขนาดใหญ่ หรือยาวที่มีลักษณะโดดเด่นเปรียบเสมือนการสวมใส่ผลงานศิลปะ

3.ต่างหูขนาดใหญ่ หรือต่างหูไม่เหมือนกัน (Big Hoop or Asymmetrical Earrings) เทรนด์นี้คล้ายกับสร้อยคอที่เน้นขนาดเครื่องประดับให้โดดเด่น แสดงถึงความนำสมัย และฉีกรูปแบบต่างหูแบบเดิมๆ

4.เครื่องประดับไข่มุกและวัสดุธรรมชาติ (Pearl or Natural Materials) เทรนด์กระแสหันกลับไปสู่ธรรมชาติใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน

5.เครื่องประดับข้อเท้าหรือรองเท้า (Shoes or Ankle Bracelets) การสร้างจุดเด่นและความมีสไตล์ช่วยเพิ่มความหรูหราสำหรับข้อเท้าและรองเท้าให้ผู้สวมใส่

นักออกแบบเครื่องประดับไทยมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในวงการแฟชั่นและเครื่องประดับในระดับนานาชาติมานานและสินค้ามีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับของผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกา เพราะมีความละเอียดและประณีตในการผลิตสินค้า ใครมีฝีมืออย่าปล่อยให้กำลังใจถดถอยไปกับสภาวการณ์ครั้งนี้ แต่ต้องมองหาโอกาสและช่องทางใหม่ที่จะเติบโตและอยู่รอดได้ในอนาคต โดยเข้าร่วม “โครงการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” (SMEs Pro-active) ของ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการได้มีโอกาสขยายตลาดส่งออกสินค้า สามารถเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติได้ โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกานั้นมีงานแสดงสินค้าเครื่องประดับที่น่าสนใจหลายงานไม่ว่าจะเป็น ASD Market Week ที่ลาสเวกัส, GJX SHOW ที่ทูซอน และ JA New York Spring  จากกว่า 42 งานทั่วโลก

ศึกษาข้อมูลและหลักเกณฑ์โครงการเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์โครงการ https://smesproactive.ditp.go.th/ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.0 2507 7783 และ 0 2507 7786 ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 20 เมษายน 2563

 

นักอ่านไทยปรับตัว “ชอปออนไลน์” ครั้งแรก 6.6 แสนราย

alivesonline.com : สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือฯ พอใจผลการจัดงาน “สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 48” ในแพลตฟอร์มออนไลน์ครั้งแรก โชว์สถิติผู้เข้าร่วมชอปผ่านเว็บไซต์ www.thaibookfair.com ตลอด 12 วัน มีจำนวนกว่า 6.6 แสนราย เผยวรรณกรรมครองแชมป์หนังสือขายดี ตามด้วยการ์ตูน ไลท์โนเวล จิตวิทยาพัฒนาตนเอง การศึกษา และประวัติศาสตร์ ด้านสำนักพิมพ์ซึ่งประเดิมอีคอมเมิร์ซผ่านงานครั้งนี้พร้อมจับมือเดินหน้าใช้ Digital Transformation ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่อไป

นางสาวโชนรังสี เฉลิมชัยกิจ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยถึงการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 48 ภายใต้แนวคิด “หนังสือดิ้นได้ไปออนไลน์” ระหว่างวันที่ 25 มีนาคม – 5 เมษายน ที่ผ่านมา ผ่านทาง www.ThaiBookFair.com ว่า มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมงานถึง 6.6 แสนราย โดยเป็นผู้ใช้งานรายใหม่ (New Visitor) จำนวน 68% และผู้เข้าใช้งานซ้ำ (Returning Visitor) จำนวน 32% แบ่งเป็นผู้ใช้งานจากพื้นที่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 60% ต่างจังหวัด 40% โดยโทรศัพท์มือถือเป็นช่องทางการเข้าร่วมงานและชอปปิงมากที่สุดถึง 66% รองลงมาคือ คอมพิวเตอร์ 29% และแท็บเล็ต 5% ตามลำดับ ขณะที่ช่วงเวลา 13.00–19.00 น. เป็นช่วงที่มีผู้เข้าร่วมงานมากที่สุด

ยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นจากในเวบไซต์หลัก www.ThaiBookFair.com  ทีมีอยู่ประมาณ 200 สำนักพิมพ์นั้น คือประมาณ 36 ล้านบาท ยังไม่รวมกับยอดจำหน่ายของสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ที่ได้ร่วมจัดกิจกรรมจำหน่ายหนังสือไปพร้อมกันในช่องทางหลักของตัวเอง ซึ่งต่างก็มีโปรโมชันดึงดูดนักอ่านมากมาย โดยหากจะคำนวณยอดจำหน่ายทั้งหมดก็อาจจะต้องนับรวมของทุกสำนักพิมพ์ ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยทั้งด้านเศรษฐกิจและโรคระบาดที่ส่งผลให้ยอดจำหน่ายอาจจะไม่เป็นไปตามเป้าที่คาดเอาไว้ และไม่สามารถเทียบกับยอดจำหน่ายที่เกิดขึ้นในปี 2562 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ ซึ่งมีทั้งหมด 494 ล้านบาท แต่โดยรวมถือว่าน่าพอใจสำหรับการเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานให้เป็นออนไลน์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ

นางสาวโชนรังสี กล่าวอีกว่า จากความสำเร็จและการตอบรับเป็นอย่างดีของนักอ่าน สมาคมฯ ได้หารือกันแล้วลงความเห็นว่าจะยังคงเปิดให้บริการเว็บไซต์ www.ThaiBookFair.com ในรูปแบบ Online Book Market ศูนย์รวมหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 24 ชั่วโมง เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสของการจัดจำหน่ายและยังเป็นการช่วยสนับสนุนสำนักพิมพ์ให้ได้มีช่องทางกระจายสินค้าได้ต่อไป โดยจากการจัดงานครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากสำนักพิมพ์ที่เข้าร่วมงาน ดังจะเห็นได้จากหนังสือที่เตรียมไว้ได้รับการตอบรับและจำหน่ายหมด ขณะที่จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ทำให้มีการประกาศปิดสถานที่ต่าง ๆ ส่งผลให้ร้านหนังสือต้องปิดบริการ แต่ก็มียอดจำหน่ายเกิดขึ้นจากเว็บไซต์นี้ ส่วนบางสำนักพิมพ์เพิ่งเคยจำหน่ายออนไลน์ครั้งแรกก็ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ และทำให้คุ้นเคยกับการใช้ระบบดิจิทัลมากขึ้น

“ด้านเสียงสะท้อนจากนักอ่านส่วนหนึ่งพบว่า ยังคงรู้สึกเสียดายที่ต้องเปลี่ยนมาจัดในรูปแบบออนไลน์ เนื่องจากผู้อ่านหลายคนยังคงชื่นชอบบรรยากาศภายในงานออนกราวนด์มากกว่า แต่ก็ทำให้กลุ่มที่อยู่ต่างจังหวัดสามารถซื้อหนังสือได้สะดวกขึ้น ไม่ต้องเดินทางไกล และมีความคุ้นชินกับการสั่งซื้อแบบออนไลน์อยู่แล้ว”

นางสาวโชนรังสี กล่าวอีกว่า สำหรับประเภทหนังสือที่ได้รับความสนใจจากนักอ่านมากเป็นอันดับหนึ่ง ได้แก่ หนังสือวรรณกรรม ได้รับความสนใจจากผู้อ่านหลากหลายช่วงวัย ตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงวัยทำงาน สถานการณ์ช่วงนี้อาจส่งผลให้ผู้อ่านหันมาอ่านวรรณกรรมเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยให้จิตใจผ่อนคลายจากความกังวล อันดับที่สองคือหนังสือการ์ตูนและไลท์โนเวล (นิยายที่เจาะกลุ่มคนที่ชอบอ่านการ์ตูน ใช้ภาษาอ่านง่าย ไม่เน้นคำยาก ๆ อ่านแล้วสามารถจินตนาการได้ทันที) โดยผู้อ่านส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงวัยเรียน ซึ่งรูปแบบการจัดงานที่เป็นออนไลน์สามารถเจาะกลุ่มนักอ่านรุ่นใหม่ได้มากกว่า เพราะมีความถนัดในการใช้เทคโนโลยี อันดับที่สามคือหนังสือจิตวิทยาพัฒนาตนเอง โดยผู้อ่านยังให้ความสำคัญในการพัฒนาตัวเอง หรือพัฒนาธุรกิจ เพื่อนำมาใช้ต่อยอดสู่ความสำเร็จในอนาคต อันดับที่สี่คือหนังสือการศึกษา มีผู้อ่านเป็นวัยเรียนตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงระดับอุดมศึกษา แต่ผู้ซื้อส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ปกครองที่ต้องการนำไปพัฒนาศักยภาพทางการศึกษาของบุตรหลาน และสุดท้ายอันดับที่ห้าคือหนังสือประวัติศาสตร์ โดยผู้อ่านกลุ่มนี้จะชื่นชอบความเป็นมาในอดีต วิวัฒนาการ ที่จะเป็นบทเรียนต่อไป

“หลังจบงานสัปดาห์หนังสือ สมาคมฯ มีแผนรวบรวมปัญหาและข้อเรียกร้องของสำนักพิมพ์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสระบาด เรียกร้องไปยังภาครัฐเพื่อให้มีมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการในวงการหนังสือต่อไปเพราะมีหลายสำนักพิมพ์ที่ได้รับผลกระทบมากเช่นเดียวกับธุรกิจต่าง ๆ ของประเทศไทย”

นางสาวโชนรังสี กล่าวในตอนท้ายว่า ตามแผนเดิมการจัดงานครั้งต่อไปคืองาน “เชียงใหม่ บุ๊คแฟร์ ครั้งที่ 5” จะมีขึ้นในวันที่ 26 มิถุนายน – 7 กรกฎาคม 2563 ณ เชียงใหม่ฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และงาน “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 25” (Book Expo Thailand 2020) ในเดือนตุลาคม ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังไม่ดีขึ้น ก็น่าจะจัดออกมาในรูปแบบออนไลน์เช่นเดียวกัน โดยนำประสบการณ์ของอีเวนต์ในครั้งนี้มาพัฒนาและเสริมความน่าสนใจของกิจกรรมต่าง ๆ เข้าไปเพิ่มเติมต่อไป

ชวนโพสต์รูปคู่จิวเวลรี่สุดเลิฟ ร่วมบริจาคหน้ากากสภากาชาดไทย

alivesonline.com : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ผู้จัดงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair จัดแคมเปญ #StayhomeStayShine ชวนคนไทยโพสต์รูป หรือวิดีโอของตัวเองคู่กับเครื่องประดับชิ้นโปรด ผ่านเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรมส่วนตัว เพื่อร่วมบริจาคหน้ากากผ้าให้สภากาชาดไทยและรณรงค์ให้คนไทยอยู่บ้านอย่างมีความสุข ช่วยลดการแพร่เชื้อ COVID-19 ร่วมแบ่งปันพลังบวกแก่กันและกันในช่วงเวลาอันท้าทายเช่นนี้

นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เครื่องประดับเป็นสิ่งหนึ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ เครื่องประดับชิ้นโปรดของหลายคนอาจเป็นสิ่งแทนใจจากคนที่รักและห่วงใย หรืออาจเป็นของขวัญที่ซื้อให้กับตัวเองในโอกาสต่าง ๆ ก็ได้ การจัดแคมเปญนี้นอกจากเป็นการแบ่งปันความสุขทางใจให้คนอื่นแล้ว ผู้ร่วมแคมเปญครั้งนี้ยังมีส่วนร่วมแบ่งปันหน้ากากผ้าให้แก่ผู้อื่น เพื่อช่วยให้พวกเขาได้ปกป้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงและก้าวผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน

ผู้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้จะต้องโพสต์ภาพ หรือวิดีโอของตัวเองคู่กับเครื่องประดับที่ชื่นชอบ พร้อมติดแฮชแท็ก #Stayhomestayshine #BGJFstandswithyou บนเฟซบุ๊กส่วนตัว หรืออินสตาแกรม พร้อมแท็กเพื่อนอีก 5 คน เพื่อเชิญชวนมาร่วมแคมเปญนี้ด้วยกัน โดยทุก 1 โพสต์ เท่ากับการร่วมบริจาคหน้ากากผ้า 1 ชิ้นให้กับสภากาชาดไทย ซึ่งจะส่งต่อให้กับผู้ที่จำเป็นต้องใช้ประโยชน์ต่อไป

มาร่วมแบ่งปันความสุขด้วยกันผ่านแคมเปญ #Stayhomestayshine ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน 2563

5 ท่าออกกำลังกายชวนฟิต ช่วงเว้นระยะห่างทางสังคม

alivesonline.com : ตามที่รัฐบาลได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่บ้านเพื่อป้องกันไม่ให้การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ COVID-19 ที่ขยายวงกว้างออกไป ฟิตเนสและสถานที่ออกกำลังกายทั่วประเทศจึงถูกสั่งปิดชั่วคราว เพราะสถานที่เหล่านี้อาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อชั้นดีเนื่องจากคนจำนวนมากนิยมมาใช้บริการ นั้น

งานวิจัยล่าสุดพบว่า COVID-19 สามารถเกาะบนพื้นผิวของอุปกรณ์ออกกำลังกาย เช่น เครื่องยกน้ำหนักแบบฟรีเวท (Free Weights) อุปกรณ์เคเบิล (Cable Machine) ลู่วิ่งสายพาน และเสื่อปูพื้น ได้นานถึง 3 วัน หากเป็นแบบนี้ผ้าซับเหงื่อของคุณก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้นัก

ในขณะที่หลาย ๆ ต่างพากันหาซื้อเจลล้างมือและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อเตรียมไว้ ท่ามกลางความตื่นตระหนกกลัวจะติดเชื้อ ยิ่งไปกว่านั้น ข่าวสารอัปเดตและข้อมูลความรู้ผิด ๆ ที่ปรากฎบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียก็ยิ่งทำให้ผู้คนตื่นตกใจ เครียด รวมถึงหดหู่และวิตกกังวล แต่ยังโชคดีที่มีอีกหลายคนทำตามคำขอความร่วมมือจากรัฐบาลในการรักษาระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด และแม้ว่าเราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและรู้สึกเครียดในช่วงสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนนี้ จึงอยากขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวเองจากการแพร่เชื้อดังกล่าว และลองใช้เวลาที่อยู่บ้านให้เป็นประโยชน์ด้วยการหันมาใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้น และ “เริ่มออกกำลังกาย” เพื่อสุขภาพที่ดีไปด้วยกัน

ออกกำลังกายดีมีประโยชน์

ร่างกายคนเราจะหลั่งสารแห่งความสุข หรือ “สารเอ็นโดรฟิน” ออกมาตามธรรมชาติเวลาได้ขยับตัวออกกำลังกาย และเมื่อฮอร์โมนความสุขหลั่งออกมามาก เราก็จะอารมณ์ดี มีความมั่นใจ แถมช่วยลดความเครียดและความกังวลได้ด้วย

เช่นเดียวกับอาหารที่เรากิน สถานที่ที่เราอยู่ จำนวนชั่วโมงที่เรานอนหลับพักผ่อน และคนที่เราอยู่ด้วย “การออกกำลังกาย” ยังกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ส่งผลต่อสุขภาพของเราเช่นกัน โดยการออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น กระดูกแข็งแรงขึ้น ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างความจำและอารมณ์ กระตุ้นระบบเผาผลาญ เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และทำให้ร่างกายมีความฟิตและมีกำลัง อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาตึงเครียดแบบนี้ ประโยชน์ที่ดีที่สุดของการออกกำลังกายเป็นประจำคือ ช่วยให้คุณทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น

ทำทุกอย่างให้สมดุลคือคำตอบ

“ภาวะความตึงเครียดของร่างกายเมื่อออกกำลังกาย” หากเราควบคุมดี ๆ ก็จะกลายเป็นความเครียดที่ดีที่ช่วยให้ร่างกายเรารู้จักปรับตัว แข็งแรงขึ้น และทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป บางงานวิจัยพบว่า การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายยังคงแข็งแรงและต่อสู้กับโรคภัยทั่ว ๆ ไปได้ดี อีกหลายงานวิจัยยังพบด้วยว่าในช่วงฤดูกาลที่ไข้หวัดระบาด เมื่อร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นก็จะช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย และประโยชน์ของการออกกำลังกายที่ช่วยลดความเครียดก็จะช่วยให้เรามีอารมณ์แจ่มใสอยู่เสมอ

หากคุณอยากออกกำลังกายแม้ในยามป่วย ระบบภูมิคุ้มกันของคุณจะต้องดูแลทุกส่วนของร่างกาย ดังนั้นคุณต้องกำหนดระยะเวลา ระดับความหนักเบา และปริมาณตารางการออกกำลังกายแต่ละวันของคุณให้ดี การจัดโปรแกรมออกกำลังกายให้เหมาะสม รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นหนึ่งในวิธีการดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายของการมีร่างกายที่แข็งแรงและอารมณ์ที่ดี และไม่ควรหักโหมออกกำลังจนเกินไป

อยู่บ้านก็ออกกำลังกายได้

แม้จะต้องอยู่บ้าน แต่ข่าวดีก็คือเราไม่จำเป็นต้องหยุดออกกำลังกายไปด้วย อันที่จริงถ้าเราออกกำลังกายตามปกติก็จะทำให้รู้สึกว่าชีวิตไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก และช่วยให้เรารู้สึกมีกำลังใจแม้จะต้องอยู่แต่ในบ้าน การออกกำลังกายยังช่วยให้เรามีสมาธิและใช้ความคิดเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น เราสามารถออกกำลังกายที่ไหนก็ได้ไม่ว่าพื้นที่จะมีขนาดเท่าไหร่ อาศัยเพียงร่างกายและท่าออกกำลังกายที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์มากก็เพียงพอ

‘ซาแมนธา เคลย์ตัน’ รองประธานฝ่ายสมรรถภาพการกีฬาและฟิตเนสระดับโลกของ “เฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น” ให้คำแนะนำเรื่องการออกกำลังกายอย่างน่าสนใจว่า เราสามารถออกกำลังกายเน้นทุกส่วนแบบสั้น ๆ เวลาไหนก็ได้ เพื่อยืดกล้ามเนื้อและสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย โดยขอแนะนำ 5 ท่าออกกำลังกายต่อไปนี้ที่คุณสามารถทำได้ที่บ้าน และหากอยากได้ท่าออกกำลังกายที่บ้านเพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปที่ฟรีเว็บไซต์ https://herbalifenutritionfitness.com เพื่อค้นหากิจกรรมออกกำลังกายที่สนใจได้เลย

คำแนะนำ : ออกกำลังกายแต่ละท่า 10-20 ครั้ง และทำวนทุกท่าไปจนครบ 4 รอบ จึงจบสำหรับ 1 โปรแกรม

ระยะเวลาในการออกกำลังกาย : ประมาณ 20 นาที

1.ท่า Triceps dip with reach : ท่านี้เน้นบริเวณหลังแขนและไหล่

– นั่งบนพื้นพร้อมงอเข่าสองข้างเล็กน้อย

– วางมือไว้ด้านหลังโดยให้นิ้วมือชี้มาที่ลำตัว

– ยกก้นขึ้นโดยใช้แขนและขาพยุงตัว

– ค่อย ๆ งอแขนจนถึงระดับข้อศอกจนก้นแตะพื้น และดันตัวเองขึ้นไปที่ท่าเดิม

– หากต้องการให้ท่ายากมากขึ้น ให้ยกขาซ้ายและแขนขวาขึ้นสูงพร้อมกันตอนที่ดันตัวเองขึ้นจากพื้น

2.ท่า Push ups : ท่านี้เน้นทุกส่วนของร่างกาย เพราะต้องใช้กล้ามเนื้อหลายส่วน

– นอนคว่ำและวางมือลงบนพื้นให้ขนานกับหัวไหล่

– กางขาเล็กน้อย และให้เนินปลายเท้าแตะพื้น

– ใช้แขนดันตัวขึ้นมาจากพื้น

– ยกลำตัวจากหัวถึงส้นเท้าให้ขนานเป็นเส้นตรง เกร็งท้องเพื่อให้สะโพกตั้งตรง จากนั้นงอข้อศอกให้หน้าอกเกือบแตะพื้น และดันตัวขึ้นมาใหม่ นับเป็น 1 ครั้ง จากนั้นทำซ้ำแบบเดิม

3.ท่า Hands and knees balance with crunch : ท่านี้ฝึกความสมดุลของร่างกายและฝึกกล้ามเนื้อส่วนท้อง

– นั่งท่าคลานเข่าบนพื้น หลังตั้งตรง จากนั้นชูแขนขวาไปด้านหน้า ขาซ้ายเหยียดยื่นไปด้านหลัง

– จากนั้นหดเข่าซ้ายกลับเข้ามาหาหน้าอก พร้อมกับหดข้อศอกขวามาแตะที่เข่าซ้าย ทำแบบนี้ 10 ครั้ง แล้วค่อยสลับข้าง

4.ท่า Squat : ท่านี้ใช้กล้ามเนื้อกลุ่มที่มีมากที่สุดในร่างกาย ได้แก่ ก้นและขา

– ยืนกางขากว้างกว่าช่วงไหล่เล็กน้อย ย่อตัวลงให้สะโพกอยู่เหนือระดับเข่าเล็กน้อย พร้อมยื่นแขนตั้งตรงออกไปข้างหน้าให้ขนานกับพื้น มือคว่ำ ทำท่าเหมือนกำลังนั่งบนเก้าอี้

– ยื่นก้นไปด้านหลัง แต่ให้หน้าอก ไหล่ หลัง และศีรษะตั้งตรง ตามองตรง

– ท่า Squat ที่ดีที่สุดคือย่อตัวลงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะเมื่อสะโพกคุณอยู่ในระดับต่ำกว่าหัวเข่า

– เน้นน้ำหนักลงที่ส้นเท้าเพื่อออกแรงยกตัวให้กลับสู่ท่ายืน

5.ท่า Reverse Lunge with knee lift : ท่านี้เน้นบริเวณหน้าขาและหลังขา

– ยืนตัวตรง เกร็งหน้าท้อง จากนั้นก้าวขาซ้ายไปข้างหลัง แล้วย่อตัวลงจนหัวเข่าซ้ายแตะพื้น ลำตัวตั้งตรง ตามองตรง

– จากนั้นยืนขึ้น แล้วยกเข่าซ้ายงอขึ้นแนบหน้าอก

– กลับมาที่ท่ายืนตรง แล้วสลับเป็นข้างขวา ทำซ้ำไปเรื่อย ๆ

ลองใช้เวลาช่วงวิกฤตินี้ หันมาใส่ใจดูแลตัวเองและสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และอย่าพลาดคุณประโยชน์ดี ๆ ที่การออกกำลังกายจะมอบให้แก่สุขภาพของคุณ แต่จำไว้ด้วยว่าหากคุณป่วยและอยากออกกำลังกาย ให้ฟังเสียงร่างกายตัวเองและอย่าหักโหมออกกำลังกายมากเกินไป ไม่อย่างนั้นคุณอาจเสี่ยงภูมิคุ้มกันต่ำชั่วคราวได้ง่าย ๆ.

 

 

“B.O.W.Digital PR” ช่วยธุรกิจ รับทำ PR ฟรี!

alivesonline.com : “บีโอดับเบิลยู” (B O W) บริษัทดิจิทัลพีอาร์เอเยนซี ทำโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการราย ย่อยในในธุรกิจอาหารและการให้บริการเดลิเวอรี่ที่ประสบวิกฤติ COVID-19 ช่วยประชาสัมพันธ์ โดย ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ตลอดเดือนเมษายน 63

นางสาวพัณณิตา จันทร์รัตนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีโอดับเบิลยู จำกัด บริษัทดิจิทัลพีอาร์เอเยนซี ที่ปรึกษาและบริการด้านงานประชาสัมพันธ์ดิจิทัล เปิดเผยว่า ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของCOVID-19 ทำเกิดผลกระทบกับธุรกิจหลากหลายประเภท ที่เห็นได้ชัดคือธุรกิจร้านอาหารและการบริการต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการปิดบริการภายในร้าน เปิดให้บริการเพียงสั่งกลับ บ้านหรือเดลิเวอรี่ ส่งผลกระทบให้ผู้ประกอบการรายย่อยหลายรายที่ปรับตัวไม่ทันขาดรายได้ และไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ หรือไม่มีช่องทางที่จะติดต่อกับลูกค้า ในฐานะที่ “บีโอดับเบิลยู” มีทีมงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและมีความรู้ความสามารถในงานประชาสัมพันธ์ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ จึงเห็นร่วมกันว่า อยากจะเป็นส่วนเล็ก ๆ ในสังคมที่จะช่วยเหลือผู้ประกอบการในธุรกิจ อาหารและบริการเดลิเวอรี่ต่าง ๆ ด้วยการช่วยทำประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ

สำหรับรูปแบบการให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้ “บีโอดับเบิลยู” จะช่วยการทำประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ได้แก่ ธุรกิจร้านอาหาร บริการทำผม/ตัดผม/ นวดสปา เป็นต้น โดยส่งภาพเพื่อการประชาสัมพันธ์และรายละเอียดเกี่ยวกับร้านค้า จุดเด่นของร้าน/ บริการ ช่องทางการติดต่อของร้านค้า โดยบริษัทฯ จะรวบรวมข้อมูลรายละเอียดและจัดทำข่าวประชา สัมพันธ์เพื่อเผยแพร่ไปยังกลุ่มเป้าหมายตามธุรกิจแต่ละประเภทในทางช่องทางต่าง ๆ โดยไม่คิดค่า ใช้จ่าย ภายในเดือนเมษายน 2563

ผู้ประกอบการรายย่อยที่สนใจ สามารถติดต่อเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง Line : @BOWCOMPANY หรือ FB : The Optimized Brand

“เจดีเซ็นทรัล” ยอดพุ่ง 200% หลังปิดแคมเปญ March Madness

alivesonline.com : “เจดีเซ็นทรัล” (JD CENTRAL) ผู้นำเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย เผยแคมเปญ March Madness Super Sale ยกขบวนช้อป โปรปัง” แคมเปญใหญ่ประจำไตรมาสแรกของปี 2563 ทำยอดพุ่งกว่า 200% ชี้มาตรการรักษาระยะห่าง ดันยอดผู้ใช้งาน “เจดีเซ็นทรัล” เพิ่มสูงกว่า 175% ส่งยอดออเดอร์พุ่งสูงกว่า 300% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว

นางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด “เจดีเซ็นทรัล” เปิดเผยว่า ช่วงเวลาจัดแคมเปญ March Madness นับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายมาก เพราะเข้าสู่ช่วงมาตรการรักษาระยะห่าง แต่ได้เห็นถึงพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป มีพฤติกรรมชอปปิงออนไลน์สูงขึ้น โดยแบรนด์ที่ได้รับยอดคำสั่งซื้อสูงสุดได้แก่ Foremost, Protex และ Dettol ในขณะที่แบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดได้แก่ Xiaomi, Huawei และ Samsung โดยนักชอปออนไลน์ใช้เวลาบนแพลตฟอร์ม “เจดีเซ็นทรัล” สูงสุด 30 นาที ทั้งยังมี Top Spender ที่จับจ่ายไปกว่า 180 ออเดอร์ และมี Top Spender ที่จับจ่ายสินค้ามูลค่าสูงถึง 3 แสนบาทต่อการสั่งซื้อ

สำหรับประเภทสินค้าที่ได้รับความนิยมในแคมเปญนี้จัดอันดับตามยอดคำสั่งซื้อสูงสุด ได้แก่ สินค้าประเภทแม่และเด็ก ตามมาด้วยสินค้าสุขภาพและความงาม และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยสิ่งหนึ่งที่สังเกตได้คือ สินค้าประเภททำความสะอาด-ฆ่าเชื้อเป็นที่ต้องการสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่อยู่ในหมวดหมู่แม่และเด็ก หรือสุขภาพและความงามก็ตาม สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของตลาดว่า กลุ่มลูกค้าให้ความสำคัญและใส่ใจในเรื่องของความอนามัยและสุขภาพในระดับสูง ส่วนกลุ่มสินค้าที่มียอดมูลค่าการสั่งซื้อสูงสุดเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น กลุ่มอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ และแท็บเล็ต เครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มคอมพิวเตอร์-เครื่องใช้ในออฟฟิศ ขึ้นแท่นสินค้ายอดนิยม ซึ่งคาดการณ์ได้ว่าคนวางแผนที่จะ Work from Home เพื่อตอบรับกับมาตรการรักษาระยะห่างในขณะนี้

นางสาวรวิศรา กล่าวด้วยว่า จากสถิติที่เกิดขึ้นทำให้เห็นว่าในช่วงการรักษาระยะห่าง ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ ผู้ค้า และ พันธมิตรทุกรายของ “เจดีเซ็นทรัล” ต่างมีการปรับตัวเพื่อเข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดย “เจดีเซ็นทรัล” ยังพร้อมอยู่เคียงข้างทุกฝ่ายในการสนับสนุนพันธมิตรทุกราย เพื่อให้สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยจากระบบออฟไลน์ที่จำหน่ายสินค้าดี มีคุณภาพ ได้มีช่องทางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มของ “เจดีเซ็นทรัล”

“เจดีเซ็นทรัล” มีความตั้งมั่นในการคัดกรองสินค้าดี มีคุณภาพ ของเท้ 100% มาจำหน่ายให้ลูกค้ามาโดยตลอด รวมถึงมีการควบคุมราคาสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานแม้ว่าบางสินค้าจะเป็นสินค้าหายากในช่วงนี้ก็ตาม เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ ไม่เอาเปรียบผู้บริโภค โดยยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งมอบประสบการณ์การชอปปิงที่สะดวก สบายให้ลูกค้าโดยตลอด “คุณสั่ง เราส่ง” คือหัวใจการบริการของพนักงาน “เจดีเซ็นทรัล” ภายใต้ภาวะนี้ เราพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาระยะห่างของสังคม อีกทั้งมาตรการ การรักษาความสะอาด ปลอดเชื้อ เพื่อปัองกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โดยเฉพาะทีมส่งของหรือ JD Delivery Man ที่ยังคงปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความกังวล และความปลอดภัยของลูกค้าทุกคน