3 หน่วยงานรัฐ ร่วมตรวจสุขภาพ “ผู้ขับแท็กซี่” ปลอดเชื้อโคโรนา

alivesonline.com : รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ย้ำ รัฐบาลไทย “เอาอยู่” หลังจัดประชุมชี้แจงแนวทางการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันโรคปอดอักเสบจาก “ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่” พร้อมเปิดโครงการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กรมควบคุมโรค กรมการขนส่งทางบก และกรมการท่องเที่ยว “ตรวจสุขภาพผู้ขับขี่แท็กซี่” มุ่งสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารแท็กซี่ “ปลอดเชื้อโคโรนา”

เมื่อวันที่ 27 ม.ค.63 ณ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต จังหวัดสมุทรปราการ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมชี้แจงแนวทางการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อตรวจสุขภาพผู้ขับขี่แท็กซี่ระหว่าง นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และ นายทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว

พิธีลงนามดังกล่าวเป็นไปภายใต้แนวคิด “ตรวจสุขภาพแท็กซี่ ท่องเที่ยวมั่นใจ ปลอดภัย ปลอดโรค” ในการตรวจสุขภาพผู้ขับขี่รถแท็กซี่ เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันโรค และภัยสุขภาพ รวมถึงอุบัติเหตุบนท้องถนน เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการสาธารณสุข สร้างความปลอดภัย ความมั่นใจให้ผู้ขับขี่ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพบริการขนส่งสาธารณะ เพื่อให้ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ได้ทราบสถานะสุขภาพของตนเองและมีความรู้ในการดูแลสุขภาพ ทั้งโรคความดันโลหิตสูง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เพื่อใช้ป้องกันตนเองจากโรคติดต่อสำคัญ รวมถึงได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

 

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังพิธีดังกล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เชิญผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว โรงแรม ขนส่ง มัคคุเทศก์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยว มารับฟังถึงสถานการณ์และวิธีการป้องกัน ควบคุม และป้องกัน เพื่อให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลไทยสามารถควบคุม ป้องกัน และรับมือสถานการณ์ดังกล่าวได้อย่างแน่นอน โดย กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ร่วมกับ กรมควบคุมโรค และกรมการขนส่งทางบก เปิดโครงการบูรณาการความร่วมมือในการป้องกันควบคุมโรคกลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่ เพื่อเฝ้าระวัง ป้องกันโรคและภัยสุขภาพ และอุบัติเหตุบนท้องถนน สร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารแท็กซี่ พร้อมทั้งตรวจสุขภาพและฉีดยาให้ผู้ขับรถแท็กซี่ เพราะกลุ่มผู้ขับขี่รถแท็กซี่นับว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่และรับโรคติดต่อทางเดินหายใจได้ง่าย โดยขอความร่วมมือผู้ขับรถแท็กซี่ช่วยสังเกตอาการของผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีน หากพบว่านักท่องเที่ยวมีอาการให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือเจ้าหน้าที่ศูนย์ TAC หรือโทรแจ้งที่สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

“ขอเน้นย้ำให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนกต่อสถานการณ์ไวรัสโคโรนา เพราะมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถรับมือได้อย่างแน่นอน เพราะทุกหน่วยงานไม่เพียงแต่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม เท่านั้น แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ มีการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่” นายพิพัฒน์ กล่าวในตอนท้าย

 

ด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทยมีผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะมากกว่า 3.5 แสนราย โดยพบว่าร้อยละ 34 เป็นผู้ขับขี่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ขณะที่ผลการตรวจคัดกรองภาวะสุขภาพของกลุ่มผู้ขับรถโดยสารสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ในปี 2559 พบผู้ป่วยวัณโรค ร้อยละ 2 และเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ในปี 2563 กรมควบคุมโรค จึงจะให้บริการตรวจสุขภาพแก่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนกว่า 3 พันคน ประกอบด้วย การตรวจสุขภาพเบื้องต้น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เอ็กซเรย์ปอด และทดสอบการมองเห็นระยะไกล เป็นต้น หากพบผู้ขับขี่รถแท็กซี่รายใดเจ็บป่วยจะได้ส่งดูแลรักษาต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยมีความรู้ดูแลสุขภาพและทราบสถานะสุขภาพของตน

สำหรับการตรวจสุขภาพผู้ขับขี่ในครั้งนี้ มีทั้งบริการเชิงรับที่สถาบันของ กรมควบคุมโรค ได้แก่ สถาบันบำราศนราดูร, สถาบันราชประชาสมาสัย และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง นอกจากนี้ ยังมีบริการเชิงรุกตรวจสุขภาพเคลื่อนที่แก่ผู้ขับขี่รถแท็กซี่ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิและดอนเมือง, TOT Academy โดย บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด และสำนักงานขนส่งทางบก กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5 ซึ่งนอกจากผู้ขับขี่จะได้รับการประเมินสุขภาพและสร้างภูมิคุ้มกันให้มีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสารว่าจะไม่ได้รับเชื้อโรคจากการใช้บริการรถสาธารณะ ทำให้เกิดความมั่นใจทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของการใช้หน้ากากอนามัยที่พบว่าปัจจุบันสินค้าขาดตลาดและมีความต้องการเป็นจำนวนมากนั้น ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการนำเข้า เนื่องจากหน้ากากบางชนิดเป็นวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำลังดำเนินการและจะเอื้อต่อการนำเข้าให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ กองสาธารณสุขฉุกเฉิน ได้ลงพื้นที่สำรวจหน้ากากอนามัยชนิดต่าง ๆ ในสถานพยาบาลและโรงพยาบาล เพื่อให้มีความเพียงพอต่อการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ต้องขอวิงวอนประชาชนอย่าตื่นตกใจ หากประเมินความเสี่ยงตนเองไม่ได้สัมผัสกับโรคโดยตรง การใช้หน้ากากอนามัยธรรมดาก็ป้องกันได้ โดย กรมควบคุมโรค ได้ประชาสัมพันธ์ไว้ในช่องทางต่าง ๆ ซึ่งสามารถเข้าไปศึกษาวิธีการทำได้

ส่องงานดีไซน์แห่งอนาคต “เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563”

alivesonline.com : กลับมาอีกครั้งกับ “เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563” หรือ “Bangkok Design Week 2020” (BKKDW 2020) ในพื้นที่ 4 ย่านสร้างสรรค์ “เจริญกรุง-ตลาดน้อย / สามย่าน / อารีย์-ประดิพัทธ์ / ทองหล่อ-เอกมัย” ตอกย้ำที่กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ด้านการออกแบบของ “ยูเนสโก” ระหว่างวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์ 2563

“เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563” จัดโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับผู้ร่วมจัดงานทั้งภาครัฐและเอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศกว่า 60 หน่วยงาน นักออกแบบและธุรกิจสร้างสรรค์กว่า 2 พันราย ภายใต้แนวคิด “Resilience : New potential for living ปรับตัว > อยู่รอด > เติบโต” ระเบิดไอเดียสุดสร้างสรรค์สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบันและส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของสังคมที่มีความแตกต่าง สร้างความปลอดภัยและสร้างสภาพแวดล้อมที่นำไปสู่การร่วมมือกัน จนกลายเป็นเมืองที่มีความสามารถในการอยู่รอดและเติบโตได้ในทุกสถานการณ์ ผ่านนิทรรศการสุดสร้างสรรค์ทั้งงานศิลปะ งานเสวนา แนวความคิดในการพัฒนาพื้นที่เมือง รวมไปถึงงานตลาดนัดครีเอทีฟที่น่าสนใจ

 หลุมหลบภัยทางอากาศ : Bangkok #Safezone Shelter

ในสถานการณ์ที่ผู้คนต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อย่าง PM 2.5 ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตนั้น CEA ได้ร่วมกับ Shma และ UNESCO: Bangkok City of Design สร้างพื้นที่ทดลองให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยพิบัติทางอากาศที่ถูกออกแบบมาให้เป็นเซฟโซนสำหรับทุกคน โดยใช้ธรรมชาติเป็นหลักไม่ว่าจะเป็นพืชสีเขียว ลม และน้ำ ร่วมกับเทคโนโลยีการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อต้อนรับให้ทุกคนเข้ามานั่งพักสูดอากาศให้เต็มปอดก่อนออกไปสู้กับสงครามทาง(คุณภาพ) อากาศในเมืองด้านนอก โดยจัดแสดง ณ บริเวณลานจตุรัสไปรษณีย์ บางรัก

 Everlasting Forest by GC

ในบริเวณใกล้กันจะได้พบกับนิทรรศการที่แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ของการอยู่ร่วมกันระหว่างสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นและธรรมชาติที่อยู่รอบตัว นำเสนอโดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด ด้วยการออกแบบที่ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกวัสดุที่มีกระบวนการผลิตและติดตั้งที่ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด โดยใช้วัสดุที่นำมาใช้ซ้ำได้เพื่อลดปริมาณขยะ หรือวัสดุที่สามารถย่อยสลายได้เองในธรรมชาติ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากนักสร้างสรรค์ผู้ผลิตและผู้บริโภคเพื่อให้การอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และธรรมชาติอย่างสมดุลนั้นเกิดขึ้นได้อย่างแท้จริง

Made in Charoenkrung (เมด-อิน-เจริญกรุง)

ในย่านที่เต็มไปด้วยธุรกิจเก่าแก่และช่างฝีมือดั้งเดิม บางรายมีอายุกว่า 100 ปี บางรายเหลือเพียงหนึ่งเดียวในกรุงเทพฯ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว หากปรับตัวไม่ทันธุรกิจเหล่านี้คงหายไปตามกาลเวลาอย่างน่าเสียดาย จึงเกิดเป็นโปรเจกต์ที่ต่อยอดสินทรัพย์อันมีคุณค่าของย่านเจริญกรุง เพิ่มศักยภาพทางธุรกิจของ 11 ธุรกิจดั้งเดิมในย่านที่ได้ 10 นักออกแบบและนักสร้างสรรค์ ใช้ไอเดียในการต่อยอดและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตและปรับให้เข้ากับบริบทของโลกยุคใหม่ อาทิ “เฮงเส็ง” บ้านเย็บหมอนไหว้เจ้าอายุ 80 ปี เจ้าสุดท้ายในชุมชนตลาดน้อย, “บ้านทำตราตั้งองค์ครุฑ” รายแรกเจ้าเดียวในย่านเจริญกรุง, “เอี๊ยะแซ” ร้านยาดมสมุนไพรจีนอายุกว่า 100 ปี และ “นิวเฮงกี่” ร้านอาหารจีนโบราณเก่าแก่ 60 ปี เป็นต้น

Portrait of Charoenkrung

หลายปีที่ผ่านมา “เจริญกรุง” เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ตึกเก่าและธุรกิจเก่าแก่เริ่มหายไป จนวันนี้หลายคนบอกว่า เจริญกรุงที่เคยรู้จักจากไปแบบไม่มีวันหวนกลับ กลับกลายเป็นย่านฮิปที่ใคร ๆ อยากมาถ่ายภาพ แต่จะทำอย่างไรให้ภาพที่ถ่ายไปนั้นทำหน้าที่ได้มากกว่าภาพที่ดูสวยและสามารถเล่าเรื่องราวของเจริญกรุงได้ ทั้งยังมีคุณค่าสำหรับคนทั่วไปและที่สำคัญมีความหมายสำหรับคนในย่านเอง

โปรเจกต์ “Portrait of Charoenkrung” โดย Sungkrohsang, CEA & Neighbors จึงเกิดขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์จากศาสตร์และวงการถ่ายภาพเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับย่านและชุมชน โดยจะบันทึกเรื่องราวของเจริญกรุงในปี 2563 ผ่านประสบการณ์ของ นาย/นาง/นางสาว/เด็กหญิง/เด็กชาย “เจริญกรุง” เพื่อสะท้อนเอกลักษณ์และคุณค่าของ “เจริญกรุง” ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นตำนาน ประวัติศาสตร์ สังคม ครอบครัว วิถีชีวิต อาชีพ ธุรกิจ และวัฒนธรรมในแง่มุมที่มีคุณค่าแต่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนและถ่ายทอดออกมาเป็นชิ้นงานศิลปะ โดยมีเป้าหมายเพื่ออนุรักษ์และเก็บรักษาปัจจุบัน ไปพร้อมกับการทำนายทิศทางการเปลี่ยนแปลงในอนาคต รวมไปถึงทำให้คนในย่านได้ปรับตัวและเรียนรู้ที่จะอยู่รอดในย่านนี้ร่วมกันและเติบโตไปด้วยกันในโลกยุคใหม่ได้อย่างยั่งยืน

Creative District Tour

ชวนเดินสำรวจเรื่องราว บรรยากาศ วิถีชีวิตของผู้คนบนถนนเจริญกรุงอย่างลึกซึ้งกับกิจกรรมสร้างสรรค์ที่โดนใจไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ถึง 4 ทัวร์ อาทิ “ทัวร์เจริญใจ จะทำอะไรก็เจริญ เจริญ” ที่จะพาไปร่วมเจริญหู เจริญตา เจริญพุง และเจริญใจไปในย่านเจริญกรุง ทัวร์เดียวที่จะพาไปสัมผัสเอกลักษณ์และเรียนรู้การเติบโตของย่านเจริญกรุงอย่างครบรส, “กรุง-เทศ” ชวนไปสำรวจเรื่องราว ‘นานาชาติ’ ผ่านเรื่องเล่าของ ‘คนเทศ’ ที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของ ‘คนกรุง’ และช่วยเติมเต็มให้ ‘เจริญกรุง’ กลายเป็นย่านที่จัดจ้านและกลมกล่อม,PORT CITY : เมืองไทย เมืองท่า” นําเสนอย่านเจริญกรุงอีกมุมมองหนึ่งในฐานะภาพสะท้อนความเป็นพหุวัฒนธรรมของสังคมไทยที่มีพลวัตเสมอมานับแต่อาณาจักรอยุธยาจนถึงภายหลังการสถาปนากรุงเทพมหานคร และ Moments in Charoenkrung” เปิดประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยว ด้วยการบันทึกภาพประทับใจผ่านการวาดภาพลายเส้นและสีน้ำกับ Louis Sketcher นักวาดภาพประกอบและศิลปินบันทึกเมือง

Haus Of Everything

อีกหนึ่งเทศกาลที่แสดงถึงการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่จัดแสดง ณ โกดังบ้านเลขที่ 1 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Print is not Dead” ที่จะตะโกนบอกทุกคนว่าสื่อสิ่งพิมพ์ยังไม่ตาย ด้วยฝีมือของ หมู-นนทวัฒน์ เจริญชาศรี ดีไซเนอร์ที่มีไอเดียจัดจ้าน ทำงานมาหลากหลายประเภท ทั้งงานกราฟิกดีไซน์ สถาปัตยกรรม งานตกแต่งภายใน จนถึงงานนิตยสาร ทั้งยังได้ดีไซเนอร์ที่มีความรักในสิ่งพิมพ์เหมือนกันกว่า 50 คนมาออกแบบสิ่งพิมพ์ ไม่จํากัดสไตล์และรูปแบบ เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งพิมพ์ยังมีคุณค่าและมีความสําคัญ เมื่อถูกนําเสนอและประยุกต์ใช้ให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งข้อมูลข่าวสาร

Streetscape 2

ผลงานทดลองเพื่อแก้ไขประสบการณ์เดินเท้าในย่านเจริญกรุง โดย P.LIBRARY DESIGN STUDIO ซึ่งต่อยอดจากปีที่ผ่านมา เพื่อผลักดันให้เกิดการนำไปใช้จริงแบบถาวร สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้กับทั้งคนในย่านและคนนอกย่าน ส่วนปีนี้จะกลับมาพร้อมกับ Camera 2020 ที่นำเสนอ “การออกแบบระบบการนําทางรูปแบบใหม่” (Wayfinding) ที่ประกอบไปด้วย ภาพวิดีโอของสถานที่ในซอยเจริญกรุง และระบบการดึงข้อมูลการแสดงผลค่า PM 2.5 สภาพอากาศบริเวณรอบพื้นที่เจริญกรุง รวมไปถึงแสดงข้อมูลงานเทศกาลออกแบบกรุงเทพฯ 2563 พร้อมเพิ่มไอเดียสนุกด้วยการทดลองทำป้ายบอกทางที่พื้นที่จะทำให้ตลอดการเดินในย่านไม่หลงทางอย่างแน่นอน

7 Wonders of Business Resilience ประสบการณ์ : ปรับตัว>อยู่รอด>เติบโต

นอกจากนิทรรศการและอินสตอลเลชั่นที่น่าสนใจ ยังมีกิจกรรมเสวนาจุดประกายความคิดโดยนักคิดนักสร้างสรรค์ที่มาแบ่งปันประสบการณ์การทำธุรกิจอย่างยั่งยืนและยืนหนึ่ง ในหัวข้อ “ปรับตัว” “อยู่รอด” และ “เติบโต” ของ 7 ธุรกิจ จากแบรนด์ต่าง ๆ ที่คุ้นเคยแต่ไม่เคยรู้เรื่องราวเบื้องหลังมาก่อน อาทิ a piece(s) of paper, Super Lock และ Micron Ware, Ta.Tha.Ta, บริษัทสถาปนิก 49 จำกัด, Naraya, บริษัท บ้านส้มตำกรุ๊ป จำกัด และ น้ำอบปรุงเจ้าคุณ เป็นต้น ในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 14.00-17.00 น. ณ ห้องฟังก์ชั่น ชั้น 4 TCDC กรุงเทพฯ

Bangkok Design Week 2020 Powered by PechaKucha

การนำเสนอแนวคิดไอเดียสนุกๆ ผลงานผ่านรูปภาพ 20 ภาพ x 20 วินาที ในธีม Sharing unique experience to create the new potential for living” โดยผู้ร่วมโชว์ไอเดียต่างเป็นนักสร้างสรรค์ที่น่าจับตามองและเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ นทธัญ แสงไชย Podcast station director จาก Salmon Podcast พ็อดคาสท์ชาแนลใหม่ในเครือ Salmon ที่รับประกันว่าคอนเทนต์นั้นจะมีความมัน สด อร่อย, กตัญญู สว่างศรี Stand-up Comedian, พงศ์เทพ อนุรัตน์ จาก Dropkick Design Co. ดาราตลกผู้มากความสามารถแต่มีอาชีพหลักคือดีไซน์ ไดเร็กเตอร์ ผู้คลุกคลีอยู่ในแวดวงการออกแบบให้นิตยสารในเครือ day poets, เปรม พฤกษ์ทยานนท์ จากเพจ “ลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป” และผู้ชนะการแข่งขันจากกิจกรรม Clean Energy in Daily Life Powered by PechaKucha เป็นต้น ในวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 15.00-18.00 น. ณ ห้องฟังก์ชั่น ชั้น 4 อาคารส่วนหน้า TCDC กรุงเทพฯ   

Creative Market

ตลาดนัดสร้างสรรค์เพื่อสร้างโอกาสในการขายสินค้าและการขยายเครือข่ายธุรกิจของผู้ประกอบการเก่าและใหม่ ทั้งชาวไทยและต่างชาติ และพบกับ Pinkoi Market in Bangkok 2020 ที่รวบรวมงานดีไซน์กว่า 50 สตูดิโอ จาก ไทย ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมชมโชว์รูมแสดงงานดีไซน์เพื่อการใช้ชีวิตแบบ Eco-Living และ Smart Life Living ร่วมเวิรคชอปศิลปะที่จะช่วยเสริมแรงบันดาลใจจากดีไซน์เนอร์ไทยและต่างชาติ ตลอดเส้นทางของลานจตุรัสไปรษณีย์ และ Warehouse 30 (โกดัง 7-8)

ยิ่งไปกว่านั้น ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่ได้ผนึกกำลังกับย่านสร้างสรรค์ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของบรรดานักออกแบบสร้างสรรค์คือ สามย่าน, อารีย์-ประดิพัทธ์ และทองหล่อ-เอกมัย ที่ร่วมกันเปลี่ยนย่านเหล่านี้ให้เป็นงานเทศกาลสุดสร้างสรรค์ อาทิ ThongEk Creative Neighborhood โดย Eakamai & Friends ภายใต้แนวคิด “เพื่อนบ้านสร้างสรรค์” โดยเน้นให้ผู้คนทุกกลุ่มภายในย่านร่วมมือกันทำกิจกรรม ตอบโจทย์อัตลักษณ์อันผสมผสานระหว่างความเก่าแก่ ประวัติศาสตร์ และธุรกิจคลื่นลูกใหม่ และ The making of Tinkering Pot : Ari-Pradipat Creative District โดย TINKERING POT นิทรรศการที่แสดงข้อมูลที่มา วัตถุประสงค์ โครงการของย่านสร้างสรรค์อารีย์-ประดิพัทธ์ และการเปิดสตูดิโอสร้างสรรค์ (Open Studio) กว่า 40 สตูดิโอ เป็นต้น

“เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ 2563” (BKKDW 2020) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-9  กุมภาพันธ์ 2563 ณ เจริญกรุง-ตลาดน้อย, สามย่าน, อารีย์-ประดิพัทธ์ และทองหล่อ-เอกมัย ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมดี ๆ ภายในงานได้ทาง Website : www.bangkokdesignweek.com / Facebook : BangkokDesignWeek / Instagram : bangkokdesignweek #BKKDW2020 และ #bangkokdesignweek

McDonald’s – WeChat Pay – Ksher ขยายช่องทางดิจิทัลแพลทฟอร์มการชำระเงิน

นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท (กลาง) กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้นำธุรกิจอาหารบริการด่วนภายใต้แบรนด์ “แมคโดนัลด์” ในประเทศไทย พร้อมด้วยนายเดฟ แฟน (คนซ้าย) ผู้อำนวยการอาวุโส วีแชท เพย์ (WeChat Pay) ภายใต้กลุ่มบริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด ผู้ให้บริการระบบชำระเงินที่เชื่อมต่อกับ e-Wallet ภายในแอปพลิเคชัน WeChat และนายโดนัลล์ แทง (คนขวา) ผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เคเชอร์ เพย์เมนท์ จำกัด (Ksher) ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคชั้นนำด้านการให้บริการธุรกรรมการเงินสำหรับธุรกิจในประเทศไทยกับนักท่องเที่ยวจีน ร่วมเปิดตัว WeChat Pay เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถใช้ WeChat Pay ชำระค่าสินค้าและบริการได้ที่ร้าน “แมคโดนัลด์” ในประเทศไทย

โรดทริป “Northern Trip McLaren Club Thailand”

‘ทนง ลี้อิสสระนุกูล’ ประธานแมคลาเรนคลับ ร่วมกับ ‘วิทวัส ชินบารมีกรรมการผู้จัดการ บริษัท นิช คาร์ กรุ๊ป จำกัด จัดกิจกรรมโรดทริป “Northern Trip McLaren Club Thailand” สร้างปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกในไทยกับการรวมตัวของเหล่าซูเปอร์คาร์แบรนด์ดังระดับโลก “แมคลาเรน” หลากหลายรุ่นถึง 32 คัน ทั้งแมคลาเรน 570เอส, แมคลาเรน 650เอส, แมคลาเรน 720เอส, แมคลาเรน 600แอลที และแมคลาเรน 675แอลที พร้อมสมาชิกคลับกว่า 59 คนที่มาร่วมสร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจตลอดการเดินทางจาก จ.เชียงใหม่ สู่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน รวมระยะทางทั้งสิ้นกว่า 300 กิโลเมตร เพื่อชมความงามของธรรมชาติ พร้อมเดินทางไปร่วมแบ่งปันความสุขให้สังคม โดยมอบทุนการศึกษาแก่โรงเรียนต่าง ๆ อาทิ โรงเรียนบ้านห้วยปูลิง, โรงเรียนบ้านสมป่อง, โรงเรียนในเขตพื้นที่ อบต. แม่เงา, โรงเรียนในเขตพื้นที่ อบต. แม่ยวมน้อย, โรงเรียนในเขตพื้นที่ อบต. ลาน้อย, และโรงเรียนบ้านโป่งสา เพื่อส่งเสริมการศึกษาให้เด็กในโรงเรียน เมื่อเร็ว ๆ นี้

“พริ้นซิเพิล แคปิตอล” จับมือ “บำรุงราษฎร์” เปิดศูนย์กระดูกสันหลังและข้อ Spine & Joint

alivesonline.com : “พริ้นซิเพิล แคปิตอล” จับมือ พันธมิตรชั้นนำ “บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก” เปิด “ศูนย์ให้บริการทางการแพทย์ด้านกระดูกสันหลังและข้อ Spine & Joint” โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ชูความเป็นเลิศในมาตรฐานการรักษาโดยทีมแพทย์ รพ.บำรุงราษฎร์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนไข้ในราคาที่เข้าถึงได้ เผยอนาคตเล็งขยายความร่วมมือถ่ายทอดองค์ความรู้ เทคโนโลยีและความชำนาญทางการแพทย์ ไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ ในเครือข่าย ด้วยระบบที่พัฒนาร่วมกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษา

ดร.สาธิต วิทยากร ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC ผู้ดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจเพื่อสุขภาพ กล่าวถึงความก้าวหน้าในการเปิด “ศูนย์ให้บริการทางการแพทย์ด้านกระดูกสันหลังและข้อ Spine & Joint” โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ซึ่งได้ดำเนินการร่วมกับ บริษัท บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก จำกัด ว่า ขณะนี้พร้อมที่จะนำเสนอการบริการที่เป็นเลิศทางการแพทย์ในราคาที่จับต้องได้ให้กับกลุ่มคนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ภายใต้มาตรฐานการรักษาโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

รูปแบบการรักษาของศูนย์ฯ Spine & Joint มีหลากหลายวิธีตามระดับอาการของผู้ป่วย โดยมีการใช้เทคโนโลยีทันสมัยในการรักษา พร้อมด้วยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านกระดูกสันหลังและข้อ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดซีเมนต์เพื่อเสริมโครงกระดูกสันหลังที่ลดระยะเวลาการได้ยาระงับความรู้สึกลง เมื่อเทียบกับการผ่าตัดใหญ่ อีกทั้งยังมีการใช้ภาพทางรังสีทั้งก่อนและระหว่างการทำการฉีดซีเมนต์ เพื่อให้ฉีดได้ตรงตำแหน่งและลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยใช้ระยะเวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลหลังการฉีดเพียง 1 คืน

นอกจากนี้ ยังมีการฉีดยาเข้าที่โพรงกระดูกสันหลัง ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องผ่าตัดและให้ประสิทธิผลดีที่สุดเมื่อทำร่วมกับกายภาพบำบัด รวมถึงการผ่าตัดโรคกระดูกสันหลังผ่านกล้องเอ็นโดสโคป ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นความผิดปกติได้อย่างชัดเจนและทำการรักษาได้อย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องตัดเลาะกล้ามเนื้อส่วนที่ดีออกโดยแผลผ่าตัดจะมีขนาดเพียง 7.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ผู้ป่วยจึงฟื้นตัวได้เร็วและสามารถกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการผ่าตัดข้อเข่าเทียมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้วางตำแหน่งของข้อเข่าเทียมได้ดีและแม่นยำกว่าการใช้เครื่องมือช่วยในการผ่าตัดตามมาตรฐานทั่วไป ทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้งานข้อเข่าเทียมหลังผ่าตัดได้ใกล้เคียงกับข้อเข่าจริง

“ศูนย์ฯ Spine & Joint ยังอยู่ในเฟสแรกภายใต้โมเดลธุรกิจใหม่ร่วมกันระหว่าง พริ้นซิเพิล แคปิตอล และ บำรุงราษฎร์ เฮลท์ เน็ตเวิร์ก ซึ่งเป็นพันธมิตรชั้นนำ โดยในอนาคตมีแผนขยายความร่วมมือไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ ในเครือข่ายเพิ่มอีกด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพและมีมาตรฐาน ถือเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่ง และสร้างการเจริญเติบโตทางธุรกิจร่วมกันของพริ้นซิเพิล แคปิตอล และบำรุงราษฎร์” ดร.สาธิต กล่าวในที่สุด

“ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง” ขยายฐานลูกค้า มุ่งรักษาส่วนแบ่งตลาด

alivesonline.com : “ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง” ตั้งเป้ารายได้ปี 63 เติบโต 10% แตะ 1,275 ล้านบาท รักษาอัตรากำไรสุทธิ 12% ครองแชมป์มาร์เก็ตแชร์อับดับหนึ่ง ปรับกลยุทธ์เชิงรุกขยายฐานลูกค้าเจาะกลุ่มหน่วยงานราชการ โรงงานทั่วประเทศ เพิ่มทีมขาย ไลน์สินค้า สร้างโอกาสการแข่งขัน เผย Backlog 470 ล้านบาท มั่นใจกวาดงานประมูลต่อเนื่อง

นายทักษิณ ตันติไพจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ FTE ผู้นำธุรกิจนำเข้าและจำหน่าย บริการออกแบบ รับเหมาติดตั้ง ซ่อมแซม ตรวจสอบอุปกรณ์-ระบบดับเพลิงครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมในปี 2563 ประมาณ 1,275 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิประมาณ 12% พร้อมรักษาความเป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่ง โดยมีสัดส่วนรายได้แบ่งเป็นงานจำหน่ายอุปกรณ์ดับเพลิงประมาณ 70% งานรับเหมาติดตั้งระบบดับเพลิง 30%

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2563 มุ่งเน้นกลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้น ประกอบด้วยการขยายฐานลูกค้างานรับเหมาออกแบบติดตั้งระบบฯ เน้นกลุ่มหน่วยงานราชการและโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ เพื่อกระจายความเสี่ยง ไม่พึ่งพาฐานลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง รวมทั้งเตรียมแผนรับงานโครงการขนาดใหญ่ อาทิ งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงสถานีไฟฟ้าแรงสูงของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) งานปรับปรุงระบบดับเพลิงสนามบินทั่วประเทศ การเพิ่มประสิทธิภาพด้านงานขาย โดยเพิ่มทีมขายที่มีความเชี่ยวชาญ อีกทั้งการเพิ่มผลิตภัณฑ์รูปแบบต่าง ๆ ครอบคลุมความต้องการใช้งานของกลุ่มลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการแข่งขัน

“ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง เพราะมีความเสี่ยงเรื่องความล่าช้าของโครงการภาครัฐและการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแนวโน้มตลาดอุปกรณ์ดับเพลิงคาดว่าจะขยายตัวได้ดีตามความต้องการใช้งานต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ขอรับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI รวมถึงการสร้างอาคารใหม่และการปรับปรุงระบบดับเพลิงของหน่วยงานราชการซึ่งถือเป็นโอกาสการรับงานของบริษัทฯ อีกทั้งการบังคับใช้กฎหมายให้มีความปลอดภัยที่เข้มงวด ประกอบกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโต อัตราการทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และรักษาส่วนแบ่งการตลาดได้”

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า สำหรับมูลค่างานในมือ (Backlog) ปัจจุบันมีประมาณ 470 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจัดจำหน่าย 170 ล้านบาท งานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิง 300 ล้านบาท และมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอผลพิจารณางานออกแบบติดตั้งระบบดับเพลิงเพิ่มเติมอีก 50 โครงการ มูลค่าประมาณ 250 ล้านบาท คาดว่าบริษัทฯ จะได้รับงานอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท  พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานของทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง

APCO ปักหมุดปี 63 เน้นขยายธุรกิจในต่างแดน

alivesonline.com : APCO เผยทิศทางธุรกิจสุขภาพและความงาม คาดปี 63 เติบโตมากขึ้นจากปีก่อน มุ่งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 80% เร่งปรับกลยุทธ์ จับมือพันธมิตรเปิดศูนย์ CTL ImmunePlus Center และ APCO Wellness Center ขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ พร้อมเพิ่มช่องทางจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APCO เจ้าของธุรกิจนวัตกรรมธรรมชาติเพื่อสุขภาพและความงามด้วยการวิจัย พัฒนา ผลิตและจำหน่ายครบวงจร เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2563 คาดว่าจะกลับมาสร้างการเติบโตได้มากขึ้นจากปีก่อน ด้วยการปรับกลยุทธ์ร่วมมือกับพันธมิตร ขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย โดยตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 80%

สำหรับการขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ บริษัทฯ ร่วมมือกับพันธมิตรชาวสิงคโปร์เตรียมเปิดศูนย์ CTL ImmunePlus Center ดูแลผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS ให้อยู่ในสู่ภาวะ HIV สงบ หรือ Functional Cure ในกรุงเทพฯ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ศกนี้ อีกทั้งยังเตรียมเปิด APCO Wellness Center ศูนย์ภูมิคุ้มกันบำบัด โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของ APCO ร่วมกับนวัตกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลโรคภูมิแพ้ตัวเองและโรคมะเร็ง โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งทั้ง 2 ศูนย์นี้เน้นให้บริการลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก ด้วยการประสานงานจาก นายลิม โฮ คี ซึ่งเตรียมจะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ ในเร็ว ๆ นี้

“บริษัทฯ ยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับบริษัทตัวแทนจำหน่ายเพื่อส่งผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ติดเชื้อ HIV/AIDS และ มะเร็ง เข้าไปในประเทศไนจีเรีย เอธิโอเปีย และ ประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งสองชนิดนี้ นอกจากนี้ยังจะมีการทดสอบผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยเบาหวานในประเทศจีน โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในโรงพยาบาล หากมีผลตอบรับที่ดีก็จะสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับเบาหวานในประเทศจีนได้ทันที”

ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ เน้นทำการตลาดผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น ทั้งการขายผ่านศูนย์ BIM Health Center และตัวแทนจำหน่าย อีกทั้งยังมีแผนจัดตั้งบริษัทย่อยร่วมกับตัวแทนจำหน่ายซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความพึงพอใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ โดยใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียในการขยายตลาดเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง รวมทั้งร่วมมือกับแพทย์ที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของ APCO นำผลิตภัณฑ์เข้าไปใช้แก้ไขปัญหาสุขภาพในคลินิกซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ในประเทศเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

“ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้คาดว่ายังคงชะลอตัวต่อเนื่อง กำลังซื้อของผู้บริโภคค่อนข้างทรงตัว บริษัทฯ จึงต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างการเติบโต ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรนำนวัตกรรมภูมิคุ้มกันบำบัดที่มีประสิทธิภาพของ APCO สร้างการรับรู้และขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น โดยเชื่อว่าจะส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับสูงและสามารถให้ผลตอบแทนสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้นได้เช่นเดิม” ศ.ดร.พิเชษฐ์ กล่าวในที่สุด

มหกรรมแฟรนไชส์สร้างอาชีพ ครั้งที่ 34 แจกแฟรนไชส์ ฟรี !

alivesonline.com : ยิ่งใหญ่สมการรอคอยกับบิ๊กอีเวนต์ประเดิมต้นปี 2020 สำหรับ “งานมหกรรมแฟรนไชส์สร้างอาชีพ” (THAILAND FRANCHISE EXPO) ครั้งที่ 34 โดย บริษัท จี เซเว่น จำกัด ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 30 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2563 ณ บริเวณชั้น 5 BBC Hall เซ็นทรัลลาดพร้าว
ภายในงานนี้จะได้พบกับอาชีพและธุรกิจแฟรนไชส์ที่จัดเต็มมาเอาใจผู้ที่กำลังมองหาธุรกิจกันอย่างคับคั่ง อาทิ แฟรนไชส์อาหารเครื่องดื่ม – ธุรกิจเครื่องหยอดเหรียญ – โรงงานรับผลิตสร้างแบรนด์ OEM – สินค้ารับตัวแทนจำหน่าย – บรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม – ผู้นำเข้าวัตถุดิบ อุปกรณ์ ร้านชา กาแฟ เบเกอรี่
การจัดงานครั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน ในวันที่ 30มกราคม 2563 ตั้งแต่เวลา 11.30–13.00 ณ บริเวณชั้น 5 BBC Hall เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว


นายวีระเดช ชูแสงกิจ ผู้บริหาร บริษัท จี เซเว่น จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน เผยถึงความพิเศษของงานครั้งนี้ว่า ภายในงานยังมีกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์มาครบทุกกลุ่มและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งพิธีมอบรางวัล “สุดยอดแฟรนไชส์สร้างอาชีพแห่งปี 2019 : THAILAND PEOPLE CHIOCE” ให้แก่ 50 แบรนด์แฟรนไชส์ที่คนไทยสนใจและชื่นชอบ โดยวัดจากการลงทะเบียนของผู้เข้าร่วมงานจากงานที่ผ่านมา ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะแจกรางวัลแฟรนไชส์ฟรี อาทิ ชานมไข่มุก, หมูย่าง ฯลฯ ให้แก่ผู้ที่มาร่วมงานให้ได้ลุ้นกันด้วย โดยเแต่ละวันจะแจ้งว่าจะแจกแฟรนไชส์จากแบรนด์ใดบ้าง เพื่อมอบโอกาสดี ๆ ให้แก่ผู้ที่อยากตั้งตัวและอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง
เตรียมพบกับบิ๊กอีเวนต์แฟรนไชส์เพื่ออาชีพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี พร้อมร่วมลุ้นรางวัลธุรกิจแฟรนไชส์แบบฟรี ๆ ในงาน “มหกรรมแฟรนไชส์สร้างอาชีพ” (THAILAND FRANCHISE EXPO) ครั้งที่ 34 ในวันที่ 30 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2563 ตั้งแต่เวลา 10.30 – 20.00 น. ณ บริเวณชั้น 5 BBC Hall เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว
งานนี้บอกได้คำเดียวว่าฟินเวอร์!

อบรมหลักสูตร ซีอีโอ

 

นายชวิศ ยงเห็นเจริญ (ขวาสุด) กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยางรถยนต์รายใหญ่ของไทย ร่วมอบรม โครงการอบรมหลักสูตร “ซีอีโอ เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ รุ่นที่ 1” (CEO Learning Through Experiences #1) เพื่อพัฒนาผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผ่านการถอดบทเรียนจากหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสถานที่ปฏิบัติงานจริงในประเทศอิสราเอล โดยมี
พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์, นายโชตินรินทร์ เกิดสม, นางสาวประภาพรรณ เวลเวอร์, นางสาวศิลษา หาญพานิช เข้าร่วมอบรมด้วย ณ ห้องประชุม ชั้น 5 อาคารลาดพร้าวฮิลล์

บอสหญิง “ซีพีเอ็น” รับรางวัล “บุคคลตัวอย่างแห่งปี 2563”

พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุก องคมนตรี และเลขาธิการมูลนิธิพระดาบส มอบรางวัล “บุคคลตัวอย่างแห่งปี 2563 สาขาบริหารและพัฒนาธุรกิจ” ให้แก่ นางวัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ “ซีพีเอ็น” ในฐานะเป็นบุคคลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จในการบริหารงาน สร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ เป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมและสาธารณชน จัดโดยมูลนิธิเพื่อสังคมไทย ภายใต้โครงการ “หนึ่งล้านกล้าความดีตอบแทนคุณแผ่นดิน” ณ หอประชุมกองทัพอากาศ ถ.พหลโยธิน กรุงเทพฯ เมื่อเร็ว ๆ นี้