“โรงไฟฟ้าชลภาวัฒนา-เขายายเที่ยง” จุดเสพวิวใหม่ที่น่าค้นหา

alivesonline.com : สำหรับผู้สัญจรไป-มาบนถนนมิตรภาพ บริเวณทางหลวงหมายเลข 1 ตัดทางหลวงหมายเลข 2 ช่วง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลายคนคงจะสังเกตเห็นและแอบมองความงามของกลุ่มกังหันลมขนาดใหญ่กว่า 10 ต้นที่ตั้งเด่นชัดบนเทือกเขาสูงที่เรียกกันว่า “เขายายเที่ยง” เป็นจุดท่องเที่ยวอีกแห่งที่กำลังมาแรงขณะนี้ และควรไปสัมผัสอย่างยิ่ง 

พื้นที่แห่งนั้นคือ “โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา” อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ ทำงานโดยการสูบน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองของกรมชลประทานไปเก็บไว้ที่อ่างพักน้ำบน “เขายายเที่ยง” ในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อยหรือช่วงกลางคืนถึงเช้า และเมื่อมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงในช่วงกลางวันถึงค่ำจะปล่อยน้ำเพื่อผลิตไฟฟ้า และปล่อยลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนลำตะคองเหมือนเดิม ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมทันสมัยจากประเทศญี่ปุ่น

อ่างพักน้ำบนเขายายเที่ยงสร้างแบบหินถมดาดด้วยยางมะตอย เพื่อป้องกันน้ำซึม เก็บกักน้ำได้ 10.3 ล้านลูกบาศก์เมตร ตัวอาคารโรงไฟฟ้าถูกสร้างใต้ระดับผิวดินลึกกว่า 350 เมตร เพื่อเพิ่มระยะทางจากอ่างเก็บน้ำบนเขาถึงอาคารโรงไฟฟ้าให้น้ำที่ไหลลงมามีกำลังแรงขึ้น ทำให้ “โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา” เป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย

“โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา” ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขนาด 250 เมกะวัตต์ จำนวน 2 เครื่อง รวมกำลังผลิตติดตั้ง 500 เมกะวัตต์ ต่อมาได้ติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 เครื่อง รวมเป็น 4 เครื่อง ทำให้มีกำลังผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 1 พันเมกะวัตต์ นอกจากนั้นยังมีการติดตั้งกังหันลมรวม 14 ต้น งบประมาณต้นละ 225 ล้านบาท มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 2.65 หมื่นกิโลวัตต์

“โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา” ก่อสร้างเมื่อปี 2537 แล้วเสร็จปี 2547 ถือเป็นโรงไฟฟ้าสุดท้ายในรัชสมัยรัชกาลที่ ๙ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม มีความหมายว่า “โรงไฟฟ้าลำตะคองเป็นที่พัฒนาแสงไฟด้วยน้ำ”

นั่นเป็นข้อมูลทางเทคนิคที่น่าสนใจของ “โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา”

แต่สิ่งที่น่าอะเมซิ่งของบริเวณโดยรอบของโรงไฟฟ้าคือ สามารถชื่นชมกับทัศนียภาพแบบพาโนรามาอันสวยงามของเขื่อนลำตะคองและถนนมิตรภาพ พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นเหมาะกับการเดินเล่นอย่างชิลล์ ๆ ให้เดินถ่ายภาพแบบคูล ๆ คู่กับกังหันลมขนาดใหญ่

ในขณะที่ผู้มาเยือนจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะใช้บริการเช่ารถจักรยานปั่นรอบโรงไฟฟ้า ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร ราคาชั่วโมงละ 40 บาท แต่จุดแวะแชะภาพเยอะมาก อย่างวันที่เรามีโอกาสไปเยือนยังเป็นจังหวะที่มีว่าที่บ่าวสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้งด้วย

เรียกได้ว่าบรรยากาศเป็นใจมากตามแต่ละสไตล์ของผู้มาสัมผัส เพราะมีครบทั้งบรรยากาศของถนนสวยรอบอ่างเก็บน้ำสวยและทิวทัศน์กว้างไกลสุดสายตาของภูเขาสลับซับซ้อน ที่สำคัญยังเป็นจุดพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยงามจนแทบอยากหยุดช่วงเวลาของความสุขไว้ ณ สถานที่แห่งนี้

ใครสนใจลองเข้าเว็บไซต์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพราะขณะกำลังออกแคมเปญ “เที่ยวปันสุข” เข้าไปเก็บข้อมูลไว้ก่อน พร้อมเมื่อไหร่ก็ไปกัน

ห่างจาก “โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา” ไม่ไกลนักยังมีจุดชมวิวที่ห้ามพลาดคือ “ผายายเที่ยง” ซึ่งสามารถมองเห็นภูมิประเทศ “เควสตาโคราช” ในบริเวณขอบที่ราบสูงโคราชทางตะวันตกเฉียงใต้ แสดงชื่อเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) ต่าง ๆ จากจุดชมวิวเขายายเที่ยง โดยเควสตาไกลสุดที่มองเห็นตั้งอยู่ห่างจากเราประมาณ 30 กิโลเมตรคือ “เขาผาแดง” ต.ดอนเมือง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา

ผู้ที่มา “ผายายเที่ยง” ยังจะมีโอกาสร่วมทำกิจกรรม CSR ปลูกป่าลอยฟ้าด้วยวิธียิงเมล็ดมะค่าโมงด้วยหนังสติ๊กในเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์ป่า พร้อมร่วมรับประทานอาหารมื้อกลางวันในสไตล์ท้องถิ่นได้ ณ บริเวณจุดชมวิว ผายายเที่ยง โดยสามารถติดต่อได้ที่ คุณกิฟ กลุ่มป่าชุมชนผายายเที่ยง โทร.09 3121 0208

สำหรับการเดินทางมายัง “โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา” และ “เขายายเที่ยง” หากมาจากกรุงเทพฯ จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ต่อเนื่องทางหลวงหมายเลข 2 มุ่งสู่ จ.นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร “โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา” อยู่ทางขวามือถัดจากสวนท้าวสุรนารี แต่ถ้าใช้เส้นทางเข้ากรุงเทพฯ จะอยู่บริเวณ กม.ที่225 ระหว่าง อ.ปากช่อง และ อ.สีคิ้ว ทางแยกเข้า “โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา” อยู่ทางด้านซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปผ่านเขตป่าสงวน “เขายายเที่ยง” ทางขึ้นเป็นที่ลาดเอียงไม่ชันมาก แล้วค่อย ๆ ไล่ระดับยาวขึ้นไปตามความสูง ประมาณ 7 กิโลเมตร โดยตลอดระยะทางจะมีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และที่พักโฮมเสตย์ ตั้งกระจายอยู่เป็นระยะ ๆ โดยหลายร้านมีการตบแต่งอย่างน่ารักกิ๊บเก๋ทันสมัย เชิญชวนให้มานั่งเช็กอิน ดื่มกิน พร้อมถ่ายภาพอย่างเพลิดเพลินใจ

เรียกได้ว่ามีเวลาแค่ 1-2 ชั่วโมงคุณก็จะสัมผัสอีกอรรถรสของการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ที่คุณต้องร้องว้าว! #อะเมซิ่งไทยเท่ จริง ๆ

#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย #ททท #เที่ยวปันสุข #เที่ยวในประเทศ #เสน่ห์เมืองไทย

 

ป.ป.ส.ประกาศผลการประกวดโครงการผลิตคลิปสั้น “Save Zone, No New Face”

alivesonline.com : สำนักงาน ป.ป.ส. ประกาศทีมผู้ชนะการประกวดคลิปวิดีโอสั้น “แก้ไขปัญหายาเสพติด” ภายใต้โครงการ “Save Zone, No New Face” (YouthTubers) รับเงินรางวัลรวม 1.5 แสนบาท พร้อมสานฝันเยาวชนไทยสู่เส้นทางการเป็นยูทูบเบอร์ วอนครอบครัว สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร่วมกันทำหน้าที่ในการเพิ่มพื้นที่ปลอดภัยในครอบครัว สังคม และชุมชนของหลีกเลี่ยงยาเสพติด

เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2563 นายวีรวัฒน์ เต็งอำนวย รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล การประกวดคลิปวีดิโอสั้น ภายใต้โครงการเยาวชนสร้างสรรค์ พื้นที่ปลอดภัย “Save Zone, No New Face” (YouthTubers) เพื่อเปิดเวทีการเรียนรู้บนแพลตฟอร์มออนไลน์และสร้างแหล่งการเรียนรู้ใหม่ให้แก่เด็กและเยาวชนเข้าร่วมกิจกรรม Booth Camp Online ได้พัฒนาฝีมือและความสามารถ โดยมีวิทยากรมืออาชีพชื่อดังมาให้ความรู้ อาทิ น้าเน็ก, บี้ เดอะสกา, เบ๊นซ์ อาปาเช่, เป็นต้น พร้อมส่งคลิปสั้นเชิงสร้างสรรค์ ความยาวไม่เกิน 3 นาที เข้าประกวดชิงเงินรางวัลมูลค่าถึง 1.5 แสนบาท ซึ่งเป็นกิจกรรมที่กระตุ้นและส่งเสริมความสามารถของเยาวชนไทยและการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยมีเยาวชนคนรุ่นใหม่เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 800 คน และส่งผลงานเข้าประกวด 234 ทีม

โครงการ Youth Tubers ถือเป็นหนึ่งโครงการที่มุ่งสร้างสภาพแวดล้อมบนโลกออนไลน์ให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินโครงการที่ผ่านมาพบว่า พลังของเยาวชนคนรุ่นใหม่มีความสามารถ กล้าคิด กล้าทำ และกล้าแสดงออก ถือเป็นการตอบรับนโยบายการแก้ไขปัญหายาเสพติดของรัฐบาลในการสร้างรั้วป้องกันเด็กและเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติจากปัญหายาเสพติดได้

สำหรับการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้พิจารณาตัดสินผู้ผ่านการคัดเลือกรอบแรก จาก 234 ทีม เหลือ 40 ทีม โดยทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำแต่ละทีมให้นำความรู้ไปพัฒนาผลงานเพิ่มเติม และส่งผลงานเข้าประกวดในรอบสุดท้าย โดยเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประกาศผลการประกวดรอบชิงชนะเลิศ ผ่านทางเว็บไซต์ www.savezonenonewface.com และได้จัดพิธีมอบรางวัลเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในวันที่ 9 กันยายน 2563 ดังนี้

1.ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า

– รางวัลชนะเลิศ คือ ทีม Dueng

– รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 คือ ทีม The Actor

– รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 คือ ทีม Cheeze Cake Music

– รางวัลชมเชย ได้แก่ ทีม LOW PRO duction, ทีม Save News Thailand และ ทีม Ka fiw

2.ระดับอาชีวศึกษา

– รางวัลชนะเลิศ คือ ทีม BOOM BOOM

– รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 คือ ทีม ICEBERG Ing.

– รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 คือ ทีม SAKKARIN FILM

– รางวัลชมเชย ได้แก่ ทีม KLASIN, ทีม ADVANCE GG และ ทีม Dmon

3.รางวัลขวัญใจคณะกรรมการ

– ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า ได้แก่ ทีม Saengjaa REFLECTIONS และ ทีม kogu studio

– ระดับอาชีวศึกษา ได้แก่ ทีมสมองนิ่ม และทีม NONAME (โนนาเมะ)

นายวีรวัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ชนะการประกวดทุกทีม ขอให้พัฒนาความรู้ความสามารถ ใช้เวลากับสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพและเป็นต้นแบบให้แก่เยาวชนรุ่นต่อไป ทั้งยังขอฝากไปยังเด็ก เยาวชน และประชาชนว่า ปัญหายาเสพติดยังคงเป็นภัยร้ายแรงต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านสมอง เพราะการใช้ยาเสพติดจะทำลายระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้อารมณ์แปรปรวนและก้าวร้าว ก่อให้เกิดการใช้ความรุนแรงในครอบครัวและความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม

“ขอให้ครอบครัว สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ทำหน้าที่ในการเพิ่มพื้นที่ปลอดภัยในครอบครัว สังคม และชุมชนของตนเอง หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันเพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ตลอดจนติดตามดูแลและสอดส่องไม่ให้เยาวชนกลุ่มเสี่ยงเข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด พร้อมทั้งสร้างความตระหนักถึงโทษและผลร้ายที่ตามมา โดยถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของทุกคนที่ต้องร่วมมือกันสอดส่องดูแลคนในครอบครัว”

ในส่วนของสมาชิกจากทีมผู้ชนะเลิศ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เปิดเผยว่า การเข้าร่วมโครงการในครั้งนี้ ทำให้ได้ค้นหาตนเอง นำความรู้ใหม่ ๆ มาพัฒนาการสร้างคอนเทนต์ ฝึกฝนทักษะในการทำงานร่วมกันเป็นทีมกับผู้อื่นและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยหลังจากจบโครงการครั้งนี้จะนำประสบการณ์ที่ได้ไปพัฒนาฝีมือในการสร้างผลงานให้มีคุณภาพต่อไป

ทั้งนี้ หากประชาชนในชุมชนพบเห็นความผิดปกติของคนในหมู่บ้าน หรือชุมชนเกี่ยวกับยาเสพติด สามารถแจ้งเบาะแสยาเสพติด ผ่านสายด่วน ป.ป.ส. โทร.1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

“นครราชสีมา” ตื่นตัว ประกาศศักยภาพความพร้อมขึ้นแท่น “ไมซ์ซิตี้”

alivesonline.com : “นครราชสีมา” จัดกิจกรรม Korat MICE City Fam Trip 2020 เมื่อวันที่ 29-30 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเชิญคณะสื่อมวลชนเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์ความพร้อมของจังหวัดนครราชสีมาในการเป็นไมซ์ซิตี้ (MICE City) แห่งใหม่ของประเทศไทย

จังหวัดนครราชสีมาได้ผ่านการประเมินจาก สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ “ทีเส็บ” ในการเป็นไมซ์ซิตี้แห่งใหม่ของไทย ตามหลักเกณฑ์ 8 ด้าน ประกอบด้วย ความสะดวกในการเข้าสู่เมืองและสถานที่จัดงาน การสนับสนุนการจัดงานไมซ์จากการจัดงานของเมือง กิจกรรมเพิ่มเติมนอกเหนือจากการประชุม ที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวก สถานที่จัดงานและสิ่งอำนวยความสะดวก ภาพลักษณ์และความมีชื่อเสียงของเมือง สภาพแวดล้อมของเมือง และความเสี่ยงในการยกเลิกงานและการรักษาความปลอดภัย ซึ่งจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในงาน “จัดงานทั่วไทย ภูมิใจช่วยชาติ” ที่จะจัดขึ้น ในวันที่ 2 กันยายน 2563 ณ รอยัล พารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพมหานคร

สำหรับกิจกรรม Korat MICE City Fam Trip 2020 ในครั้งนี้ คณะสื่อมวลชนได้มีโอกาสเข้าร่วมงาน Korat MICE Fest 2020 ณ ศูนย์การค้า Terminal 21 โคราช โดยนายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้เกียรติมาเปิดงาน พร้อมร่วมเสวนาในหัวข้อ “Korat MICE City”

นายศักดิ์สิทธิ์ สกุลลิขเรศสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า จังหวัดนครราชสีมามีความพร้อมและศักยภาพสำหรับการเป็นไมซ์ซิตี้แห่งใหม่ของเมืองไทย ในด้านของที่ตั้งของจังหวัดนั้นเปรียบดังประตูสู่ภาคอีสานที่เป็นศูนย์กลางการคมนาคมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และมีการคมนาคมขนส่งที่สะดวกสบายทั้งทางรถยนต์และรถไฟ สำหรับสถานที่จัดงาน การแสดงสินค้า การประชุม ที่พัก ก็ถือว่ามีความพร้อมเช่นกัน โดยในจังหวัดนครราชสีมามีสถานที่จัดงานที่สามารถรองรับอุตสาหกรรมไมซ์อยู่หลายแห่งกระจายตัวกันอยู่ในหลายอำเภอ นอกจากนี้ทางจังหวัดก็มีมหาวิทยาลัยชั้นนำที่ผลิตบุคลากรคุณภาพที่สามารถให้บริการและรองรับการจัดกิจกรรมของกลุ่มไมซ์ได้ อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เป็นต้น และที่สำคัญคือ จังหวัดนครราชสีมามีอัตลักษณ์และวัฒนธรรมที่โดดเด่น มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและสวยงามหลากหลายประเภทที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ และชุมชนท่องเที่ยว ซึ่งความพร้อมในมิติต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นจุดแข็งในการดึงดูดกลุ่มไมซ์เข้ามายังจังหวัดนครราชสีมา

คณะสื่อมวลชนยังได้เข้าชม Terminal Hall ณ ศูนย์การค้า Terminal 21 โคราช ซึ่งเป็นสปอร์ตฮอลล์ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด พร้อมชมหอประชุมนานาชาติ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สามารถรองรับการจัดการประชุม สัมมนา หรือนิทรรศการขนาดใหญ่ในระดับชาติ ถือเป็นหนึ่งในศักยภาพความพร้อมของจังหวัดในการรองรับอุตสาหกรรมไมซ์

นอกจากการเยี่ยมชมสถานที่จัดงานแล้ว คณะสื่อมวลชนยังได้ร่วมสัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดนครราชสีมา โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ

  • กิจกรรม “สืบสานอย่างสร้างสรรค์ ที่บ้านเสมาลัย เสมาไทย” ซึ่งเป็นกิจกรรมปั้นดิน สร้างเมือง เล่าเรื่องเมืองโคราช ผ่านเรื่องเล่าจากดิน ณ บ้านเสมาลัย เสมาไทย
  • ชมพิพิธภัณฑ์เมืองนครราชสีมา แหล่งรวบรวมเรื่องราวและประวัติศาสตร์ของเมืองโคราช โดยมีการร้อยเรียงและเสนอเรื่องราวออกมาในรูปแบบที่สนุกและเข้าใจง่าย
  • กิจกรรมท่องเที่ยว “ชุมชนท่องเที่ยวเชิงนิเวศเขายายเที่ยง” โดยคณะสื่อมวลชนได้ร่วมปลูกป่าลอยฟ้า โดยยิงเมล็ดมะค่าโมงด้วยหนังสติ๊กในเส้นทางท่องเที่ยวเชิงนิเวศเพื่อเป็นการสร้างจิตสํานึกอนุรักษ์ป่า พร้อมชมความงามของทิวทัศน์ ณ จุดชมวิวเขายายเที่ยง บนอ่างพักนํ้าลําตะคองชลภาวัฒนา
  • กิจกรรมสุดพิเศษ “นั่งรถรางชมไร่องุ่น” ที่ พีบี วัลเลย์ เขาใหญ่ ไวนาลี่ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสําหรับกลุ่มไมซ์

 

กิจกรรม Korat MICE City Fam Trip 2020 ในครั้งนี้ ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจังหวัดนครราชสีมาที่มีความพร้อมในทุกมิติในการเป็นไมซ์ซิตี้แห่งใหม่ของเมืองไทย ซึ่งแน่นอนว่าจังหวัดนครราชสีมาจะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่สำคัญของกลุ่มไมซ์ทั้งชาวไทยและต่างชาติ อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจให้กับคนในพื้นที่ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมไมซ์ของจังหวัด รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์และสร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนครราชสีมาในฐานะไมซ์ซิตี้ได้ในอนาคต

“โครงการซื่อสัตย์เพื่อชาติ” มอบเจลแอลกอฮอล์ให้คณะรัฐมนตรี

alivesonline.com : นายวิษณุ เครืองาม (กลาง) รองนายกรัฐมนตรี รับมอบเจลแอลกอฮอล์ “ซื่อสัตย์เพื่อชาติ” จำนวน 1,000 ชิ้น จาก นางแก้วเก้า เผอิญโชค (ที่ 2 จากซ้าย) พร้อมด้วย นางประดิษฐา จงวัฒนา (ขวา) นางชัยลดา ตันติเวชกุล (ที่ 2 จากขวา) และ ดร.กมลาศ ภูวชนาธิพงศ์ (ซ้าย) ตัวแทนจากโครงการซื่อสัตย์เพื่อชาติ เพื่อนำไปมอบให้กับคณะรัฐมนตรีภายในทำเนียบรัฐบาล ได้นำไปใช้ในการดูแลสุขอนามัยและป้องกันโรค COVID-19  ณ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเร็ว ๆ นี้

“ไวไว” ร่วมโครงการ “พาณิชย์ลดราคา”


alivesonline.com
:
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์(ซ้าย) รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานแถลงข่าวโครงการ “พาณิชย์ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot 6” ประจำปี 2563 ภายใต้แนวคิด “ซื้อง่าย ถูกใจ ใกล้บ้าน” จัดโดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย และธุรกิจค้าส่งค้าปลีกท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนคนไทยทุกคน ในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ระยะเวลาตั้งแต่วันนี้ถึง 30 กันยายน 2563 โดยมี นางสาวบุษยากร ศรีสุทำ ผู้ช่วยผู้จัดการส่งเสริมการตลาด บริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า “ไวไว” ร่วมงาน ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สํานักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

“ธัญญาพาร์ค” ปรับพื้นที่รับวิถีใหม่การทำงานยุคนิวนอร์มอล

alivesonline.com : “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์” เปิดพื้นที่ออฟฟิศสเปซ รับดีมานด์การเช่าออฟฟิศชานเมืองเพิ่มขึ้น หลังวิกฤติ COVID-19 สร้างฐานวิถีใหม่เปลี่ยนรูปแบบสำนักงาน ชู 3 ศักยภาพด้านขนาดพื้นที่ ทำเล และสิ่งแวดล้อม ตอบทุกโจทย์ความต้องการของมนุษย์ออฟฟิศในยุคนิวนอร์มอล พื้นที่โปร่ง สร้างระยะห่าง สิ่งแวดล้อมแบบธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน พร้อมด้วยร้านค้ารีเทลที่ยังเดินหน้าดึงแมกเนตเติมเต็มความต้องการขอผู้บริโภคย่านศรีนครินทร์

นายวันชัย จันทร์วัฒรังกูล กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์” เปิดเผยว่า จากการดำเนินการปรับพื้นที่ศูนย์การค้าฯ บางส่วนให้เป็นพื้นที่สำนักงานให้เช่า (Office Space For Rent) ในช่วงเฟสแรกที่ผ่านมา ประมาณ 1 หมื่นตร.ม. มีการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มผู้ประกอบการบริษัทเอกชน เพราะพื้นที่ย่านศรีนครินทร์ถือเป็นอีกหนึ่งจุดศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District) แห่งใหม่ ฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่กำลังเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็ว บริษัทฯ จึงมีแผนในการเปิดพื้นที่ออฟฟิศสเปซให้มากขึ้นอีกประมาณ 1 หมื่นตร.ม. เพราะหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ได้เล็งเห็นศักยภาพของพื้นที่ ศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์” ที่เอื้อต่อการจัดทำสำนักงาน ทั้งหมด 3 ด้าน ได้แก่

ประการแรกศักยภาพด้านขนาดพื้นที่ เพราะมีขนาดพื้นที่ให้เช่าที่หลากหลาย ตั้งแต่พื้นที่ขนาดเล็ก 50 ตร.ม. ไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่ 1.5 พันตร.ม. ขึ้นไป อีกทั้งรูปแบบตัวอาคารที่ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะการจัดวางแบบกระจายตัว สามารถช่วยลดความแออัดของจำนวนคนที่อยู่ภายในอาคารและลดการใช้จุดสัมผัสร่วม อย่างเช่น ห้องน้ำ ลิฟต์ ราวบันได เป็นต้น จึงตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้ประกอบการ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่ต้องการพื้นที่ขนาดเล็ก เพื่อรองรับเฉพาะตำแหน่งงานที่มีความจำเป็นต้องเข้าสำนักงาน และกลุ่มที่ต้องการพื้นที่ขนาดใหญ่ เพราะคำนึงถึงสุขภาพของพนักงานเป็นสำคัญ จึงต้องดีไซน์พื้นที่สำนักงานให้มีการเว้นระยะห่างมากยิ่งขึ้น

ประการต่อมาคือศักยภาพด้านทำเล เพราะตั้งอยู่ใจกลางศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District) แห่งใหม่ ฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันออก ตรงกับความต้องการขององค์กรในยุคนิวนอร์มอล ที่มองว่าออฟฟิศในตัวเมืองที่มีขนาดใหญ่ไม่จำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากในช่วงที่พนักงานหลายคนต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home) ทำให้บริษัทฯ ได้เรียนรู้ว่าประสิทธิภาพของการทำงานไม่ได้ลดน้อยลง ดังนั้นการมีสำนักงานอยู่ในย่านธุรกิจอื่นๆ ที่พนักงานสามารถเดินทางมาทำงานได้สะดวกสบาย และมีเวิร์คไลฟ์ บาลานซ์ (Work-Life Balance) จึงตอบโจทย์มากกว่า

ประการสุดท้ายคือ ด้านสิ่งแวดล้อม ศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์” ได้วางคอนเซ็ปต์การออกแบบตั้งแต่แรกเริ่ม ให้เป็น กรีนโอเพ่นแอร์ มอลล์ (Green Open-Air Mall) ที่มีพื้นที่ส่วนกลางสีเขียวขนาดใหญ่รับลมธรรมชาติ ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคทางอากาศ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญของออฟฟิศในยุคนิวนอร์มอล

นายวันชัย กล่าวอีกว่า อีกหนึ่งจุดเด่นของออฟฟิศสเปซ ศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์” คือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ฟู้ดคอร์ทบริการอาหารจานด่วนซึ่งเหมาะกับพนักงานออฟฟิศ ไปจนถึงร้านอาหารและเครื่องดื่มชื่อดัง อาทิ นิตยาไก่ย่าง, นีโอสุกี้, เชสเตอร์, ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น โตไก, ครัวกลางกรุง, สตาร์บัคส์คอฟฟี่, มาม้องคาเฟ่ เป็นต้น รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับการใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์หลังเลิกงาน อาทิ ลู่วิ่งลอยฟ้า ฟิตเนส เลนปั่นจักรยาน รวมไปถึงร้าน ท็อปส์ มาร์เก็ต ด้านการเดินทาง มีพื้นที่จอดรถรองรับมากถึง 1 พันคัน และมีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย ทั้ง รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีกลันตัน ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการภายในปี 2564 รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีหัวหมาก และรถโดยสารประจำทาง เป็นต้น

ปัจจุบันมีหน่วยงานทั้งราชการและเอกชนที่ใช้พื้นที่ของศูนย์การค้า “ธัญญาพาร์ค ศรีนรินทร์” อาทิ สำนักงานหนังสือเดินทาง (Passport) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 5 (DBD) สำนักงานตำรวจท่องเที่ยวและบริษัทเอกชน รวมกว่า 10 บริษัท ส่งผลให้มีจำนวนทราฟฟิกภายในศูนย์การค้าเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมปรับพื้นที่โซนรีเทล ดึงร้านค้าแมกเนตขนาดใหญ่ เพื่อมาเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคย่านศรีนครินทร์ ให้ได้รับการบริการที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”

     

 

พิธีเปิดการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 28

alivesonline.com : สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.คุณหญิงมธุรส รุจิรวัฒน์ รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายวิจัยและวิชาการ เป็นผู้แทนพระองค์ในการเปิดการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 28 ประจำปี พ.ศ. 2563 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีให้นักวิชาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ตลอดจนผู้ประกอบการด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้มีโอกาสนำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านความก้าวหน้าทางวิทยาการและเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อนำไปสร้างสรรค์งานวิชาการให้มีความก้าวหน้าและเป็นประโยชน์ต่อไป ในการนี้ นางสาวจินตนา พงษ์ภักดี ผู้อำนวยการ สำนักงานฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด และคณะ ร่วมต้อนรับและมอบมาลัยข้อพระกร ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม อิมแพ็ค เมืองทองธานี

“เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์” ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี


alivesonline.com
:
ฯพณฯ “พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ให้เกียรติเข้าพักโรงแรมในเครือ “เคป แอนด์ แคนทารี โฮเทลส์ จังหวัดระยอง” ขณะเดินทางมาประชุม ครม. สัญจร จ.ระยอง โดยมี ‘อัษณา จันเทพา’ (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส โรงแรมคลาสสิค คามิโอ ระยอง พร้อมด้วย ‘กิตติเดช คุ้มม่วง’ (ที่ 3 จากขวา) ผู้จัดการ โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง และ ‘พลับพลึง ยิ้มเมือง’ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้จัดการ โรงแรมคามิโอ แกรนด์ ระยอง ให้การต้อนรับ ณ โรงแรมแคนทารี เบย์ ระยอง

เปิดตัวแคมเปญ “Synnex Double Protection”

alivesonline.com : นายอิศรศักดิ์ เทศรัตนวงศ์ (ที่ 3 จากขวา) ประธานกลุ่มบริษัทเอไอจี ประเทศไทย ร่วมกับ นางสาวสุธิดา มงคลสุธี (ที่ 3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดตัวแคมเปญ “Synnex Double Protection” มอบประกันอุบัติเหตุคุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท เป็นระยะเวลา 30 วัน และรับประกันสินค้าเพิ่มอีก 1 เดือน ระยะเวลาคุ้มครองนาน 13 เดือน โดยสิทธิพิเศษนี้เฉพาะลูกค้าที่ซื้อสินค้าไอที สมาร์ทโฟน และเทคโนโลยี ที่มีสัญลักษณ์ Trusted by SYNNEX ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2563 – 31 มกราคม 2564

“อินโดรามา เวนเจอร์ส” ร่วมช่วยเหลือโรงพยาบาลและชุมชน จ.ระยอง

alivesonline.com : กลุ่มบริษัทอินโดรามา เวนเจอร์ส หรือ “ไอวีแอล” ในจังหวัดระยอง ได้แก่ บริษัท อินโดรามา โพลีเอสเตอร์ อินดัสตรี้ส์ จำกัด (มหาชน) จังหวัดระยอง บริษัท ทีพีที ปิโตรเคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) บริษัท อินโดรามา ปิโตรเคม จำกัด (พีทีเอ) และบริษัท อินโดรามา ปิโตรเคม จำกัด (พีอีที) มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ มูลค่ากว่า 1.8 ล้านบาท ให้โรงพยาบาลในจังหวัดระยองและจังหวัดชลบุรี จำนวน 19 เครื่อง อาทิ เครื่องช่วยหายใจชนิดควบคุมปริมาตรและความดัน เครื่องให้ออกซิเจนแบบอัตราการไหลสูง เครื่องควบคุมการให้สารละลายทางหลอดเลือดอัตโนมัติ เพื่อสนับสนุนให้ทางโรงพยาบาลนำไปใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้มอบถุงยังชีพประกอบไปด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง และของใช้จำเป็น จำนวน 1,000 ถุง แก่ชุมชนในเขตเทศบาลตำบลมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ประสบภาวะว่างงาน และได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19